Monday, 29 April 2024
ประยุทธ์_จันทร์โอชา

'อนุชา' ย้ำ 'นายกฯ' มุ่งมั่นช่วยคลี่คลายน้ำท่วมขอนแก่น ลั่น!! รัฐพร้อมจัดสรรงบฯ จัดการน้ำในพื้นที่ภาคอีสาน

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (4 ตุลาคม 2565) เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมหงส์ยนตร์ อาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ ท่าอากาศยานนานาชาติขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำและปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น หลังจากจังหวัดขอนแก่นเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องจากอิทธิพลของพายุโนรู ส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดอุทกภัย น้ำไหลหลาก น้ำท่วมขัง จนประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น หัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังการรับฟังบรรยายสรุป ว่า ได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด โดยได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งแก้ปัญหาการระบายน้ำ นายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลจะดูแลจัดสรรโครงการต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจัดงบประมาณ/แผนงาน โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ลุ่มน้ำชี 

1.) งบบูรณาการตาม พรบ.ปี 65 ลุ่มน้ำชี มีแผนงาน/โครงการ ภายใต้แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จำนวน 193 โครงการ 
2.) งบบูรณาการตาม พรบ. ปี 66 ในพื้นที่ลุ่มน้ำชี มีจำนวนโครงการทั้งสิ้น 578 โครงการ 
3.) โครงการสำคัญ ปี 66-67 จำนวน 78 โครงการ เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการร่วมกัน โดยได้กำหนดแผนงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องเร่งสำรวจดูแลความเดือดร้อน เพื่อลดและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้เหลือน้อยที่สุด รวมทั้งเร่งระบายน้ำให้เร็วขึ้น เพื่อลดความเสียหายให้กับประชาชน และมีระบบการแจ้งเตือนให้ประชาชนเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ในส่วนของบริเวณจุดที่มีความเสียหายที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก จะต้องแก้ไขปัญหาระบายน้ำทันที หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นจะต้องมีการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนรับรู้สถานการณ์อยู่ตลอดเวลา เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์และเตรียมตัวอพยพ 

รวมทั้งจะต้องมีการจัดหาสถานที่พักชั่วคราวให้ประชาชนอย่างเหมาะสมและปลอดภัย อีกทั้งขอให้เน้นการเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำทางธรรมชาติ โดยเฉพาะเส้นทางระบายน้ำเดิมที่มีสิ่งกีดขวางทำให้การระบายน้ำได้ไม่เต็มที่ต้องดำเนินการแก้ไข พร้อมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจตรวจสอบประตูระบายน้ำไม่ให้เกิดการชำรุดเสียหาย และให้ซ่อมบำรุงให้มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ รวมไปถึงการสร้างแหล่งเก็บกักน้ำเพิ่มขึ้น อาทิ โครงการแก้มลิง แผนรองรับปริมาณน้ำฝนในช่วงฤดูฝน โดยขอให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อม ทั้งแผนหลัก แผนสำรอง เพื่อรองรับและแก้ปัญหาในอนาคตด้วย โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาการระบายน้ำให้สมบูรณ์ และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือให้ทุกคนเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะไม่มีใครต้องการให้เกิด ยืนยันว่ารัฐบาลมีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการแก้ปัญหาเพื่อลดความเสียหาย และลดความเดือดร้อนให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุด นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเป็นกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกคน พร้อมขอความร่วมมือไปยังภาคธุรกิจ เอกชน และประชาชนทุกภาคส่วนในการร่วมกันทำงานกับภาครัฐ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ โดยแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เตรียมแผนบริหารจัดการโดยเฉพาะในพื้นที่เศรษฐกิจ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมสร้างความเสียหายต่อพื้นที่เศรษฐกิจด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กำชับให้กองทัพ หน่วยทหาร บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนช่วยเหลือประชาชน ให้ปลอดภัย และคลี่คลายสถานการณ์ตามแผนการช่วยเหลือ และจัดกำลังทหารสนับสนุนส่วนราชการท้องถิ่นดูแลประชาชนที่ศูนย์อพยพชั่วคราว เพื่อดูแลประชาชนให้ปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีน้ำท่วม ช่วยขนย้ายคนและสิ่งของจำเป็นไปยังพื้นที่ปลอดภัย ช่วยรับส่งประชาชน ก่อกระสอบทรายทำแนวกั้นน้ำ รวมทั้งร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ มอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัย และปรุงอาหารสดแจกจ่ายประชาชน ตลอดจนซ่อมแซมและเชื่อมต่อเส้นทางการสัญจรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการจัดสรรงบประมาณสำหรับดำแผนงานโครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ลุ่มน้ำชี ดังนี้ 

1.) งบบูรณาการ ตาม พรบ. ปี 65 ลุ่มน้ำชี มีแผนงานโครงการ ภายใต้แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จำนวน 193 โครงการ งบประมาณ จำนวน 4,631.72 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 12 จังหวัด ผลสัมฤทธิ์พื้นที่ชลประทานรับประโยชน์ 65,997 ไร่ มีพื้นที่ได้รับการป้องกัน 25,690 ไร่ เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกัก 43.40 ล้านลบ.ม. ประชาชนได้รับประโยชน์ 41,642 ครัวเรือน มีตัวอย่างโครงการ เช่น 

(1) แก้มลิง 3 แห่ง จังหวัดขอนแก่น วงเงิน 156.1555 ล้านบาท ผลสัมฤทธิ์ พื้นที่ชลประทานรับประโยชน์ 900 ไร่ เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกัก 0.94 ล้าน ลบ.ม. ประชาชนรับประโยชน์ 390 ครัวเรือน 
(2) น้ำบาดาลเพื่อการเกษตรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ 4 แห่ง ที่จังหวัดขอนแก่น วงเงิน 12.7892 ล้านบาท ผลสัมฤทธิ์พื้นที่รับประโยชน์ 480 ไร่ เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกัก 0.19 ล้าน ลบ.ม. ประชาชนรับประโยชน์ 34 ครัวเรือน 
(3) ก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม 2 แห่ง ที่ชุมชนเมืองขอนแก่น ชุมชนบ้านไผ่ วงเงิน 132.6667 ล้านบาท ผลสัมฤทธิ์พื้นที่รับประโยชน์ 1,263 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 1,990 ครัวเรือน 
(4) อาคารบังคับน้ำ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี วงเงิน 15.0000 ล้านบาท ผลสัมฤทธิ์พื้นที่รับประโยชน์ 300 ไร่

2.) งบบูรณาการ ตาม พรบ. ปี 66 ในพื้นที่ลุ่มน้ำชี มีจำนวนโครงการทั้งสิ้น 578 โครงการ วงเงิน 4,919.9712 ล้านบาท เมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว สามารถเพิ่มความจุกักเก็บ 5.66 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่รับประโยชน์ 48,932 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 40,285 ครัวเรือนพื้นที่ได้รับการป้องกัน 40,152 ไร่ มีหน่วยงานดำเนินการ 9 หน่วยงาน ครอบคลุมพื้นที่ 12 จังหวัด โดยมีตัวอย่างโครงการ เช่น 
(1) สถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบส่งน้ำ บ้านหว้า ต.บ้านโคก อ.หนองนาคำ จ.ขอนแก่น วงเงิน 50.00 ล้านบาท พื้นที่รับประโยชน์ 1,300 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 200 ครัวเรือน 
(2) ฝายบ้านคำบอน ต.บัวเงิน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น วงเงิน 29.00 ล้านบาท ประชาชนได้รับประโยชน์ 300 ครัวเรือน 

'เพื่อไทย' ชี้ 'ตำรวจ-ทหาร' ก่อเหตุกราดยิงใน 'รบ.ประยุทธ์' บ่อยครั้ง สะท้อนปฏิรูปล้มเหลว จี้!! ต้องจัดการอย่างจริงจัง ก่อนรบ.สิ้นอายุขัย

เมื่อวันที่ 8 ต.ค. น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุโศกนาฏกรรมที่ จ.หนองบัวลำภูเมื่อวันที่ 6 ต.ค.โดยเฉพาะผู้ปกครองของบุตรหลาน บิดา มารดาผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูบุตรหลานอันเป็นที่รักยิ่ง และขอประณามการก่อเหตุที่ใช้ความรุนแรง ไร้จิตสำนึก ไร้มนุษยธรรม และไม่สมควรอย่างยิ่งที่เหตุการณ์ความรุนแรงเช่นนี้จะเกิดขึ้นในสังคมไทย หลายเหตุการณ์ความรุนแรงในลักษณะเจ้าหน้าที่รัฐ หรืออดีตเจ้าหน้าที่รัฐใช้อาวุธปืนทำร้ายประชาชนเช่นนี้ เกิดขึ้นในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่เคยประกาศไว้หลังรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อปี 2557 ว่าจะปฏิรูปตำรวจ พล.อ.ประยุทธ์กำกับดูแลทั้งกระทรวงกลาโหมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่สามารถที่จะหนีความรับผิดชอบไปได้

นายกฯ สั่ง ผบ.ตร. เร่งระดมกวาดล้าง 'อาวุธปืน-ยาเสพติด' สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

(9 ต.ค. 65) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยระดมกวาดล้างความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน และยาเสพติดแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง เปิดให้ประชาชนแจ้งเบาะแส ที่สายด่วน 191,1599 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมักมีการใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุอาชญากรรมสะเทือนขวัญ และหลายครั้งที่ผู้ก่อเหตุมีอาการคุ้มคลั่งจากการเสพยาเสพติด สร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมีบัญชาให้ ตร. เร่งรัดปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ อาวุธปืน อย่างเร่งด่วนแบบครบวงจรและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ให้กับประชาชน ทั้งนี้ ตร.จะมีการระดมกวาดล้างเป็นช่วง ๆ แต่ในช่วงแรกจะระดมอย่างเร่งด่วนก่อน และจะทำต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ไม่เปิดเผยว่าช่วงใดบ้าง เพื่อเป็นการป้องปรามมิให้มีการกระทำความผิดกฎหมาย 

สำหรับมาตรการในการปราบปรามอาวุธปืน จะมุ่งเน้นไปที่บุคคลผู้ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน แต่มีความประพฤติไม่เรียบร้อย หรือมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อสังคม ต้องสืบสวนติดตามพฤติกรรมในเชิงลึก สามารถแจ้งให้นายทะเบียนเพิกถอนใบอนุญาตได้ 

นอกจากนั้นจะมีการตรวจค้นกลุ่มเสี่ยงเช่น กลุ่มวัยรุ่น เด็กแว้นที่มีพฤติกรรมชอบพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ และชอบยิงปืน นักเลงอันธพาล ที่มีพฤติกรรมก่อความวุ่นวาย ก่อความเดือดร้อน รําคาญ บุคคลที่พกพาอาวุธปืนติดตามผู้มีอิทธิพล ผู้กว้างขวาง ผู้ประมูลรับเหมางานรายใหญ่ 

บุคคลที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ผู้ติดตามทวงหนี้ บุคคลพ้นโทษ บุคคลที่ถูกปล่อยตัวชั่วคราว ในความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน หรือความผิดอื่นโดยใช้อาวุธปืนในการกระทําความผิด บุคคลที่มีพฤติกรรม หรือลักลอบผลิต จําหน่ายหรือขายอาวุธปืนทางอินเทอร์เน็ต (online) รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยเฉพาะผู้ผลิต ผู้จําหน่าย รายใหญ่ และผู้มีประวัติถูกจับกุมในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดซ้ำซาก

ในขณะเดียวกัน จะมีการตรวจค้นจับกุมแหล่งค้า ผลิต ซุกซ่อนอาวุธที่ผิดกฎหมาย แหล่งอบายมุข แหล่งมั่วสุม สถานบริการ กําหนดจุดตรวจ จุดสกัด และตั้งด่านตรวจค้นบุคคล ยานพาหนะ สกัดกั้นการลักลอบขนส่งอาวุธที่ผิดกฎหมาย ทั้งทางบกและทางน้ำ สุ่มตรวจ ค้นสัมภาระรถโดยสารสาธารณะ สกัดกั้นการลักลอบซื้อขาย นําเข้า และส่งออก อาวุธผิดกฎหมายตามแนวชายแดน การปราบปรามการค้าอาวุธข้ามชาติ 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการและควบคุมสั่งการ ในเรื่องนี้ ทั้งในระดับสถานี, กองบังคับการ และกองบัญชาการ เพื่อบริหารจัดการคดีไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน วางระบบการประสานงานและส่งต่อข้อมูลอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมถึงให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ กวดขันควบคุมการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด 

ส่วนในด้านการปราบปรามยาเสพติดเชิงรุก จะมีการบูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น สาธารณสุข เพิ่มความเข้มในการปราบปรามจับกุมผู้กระทําความผิดในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการขยายผลและใช้มาตรการทางทรัพย์สิน ทั้งยึด อายัดทรัพย์คดียาเสพติด การฟอกเงิน ต่อผู้กระทําผิดทุกกรณี 

'บิ๊กตู่' มอบ 'ตรีนุช' ดึงอาชีวะติดตั้ง 'ประตู-หน้าต่างนิรภัยศูนย์เด็กเล็ก' สังกัดสพฐ. และกระทรวงมหาดไทย ทั่วประเทศ

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เร่งดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วน ของ พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการหามาตรการป้องกันและเฝ้าระวังเหตุร้ายภายในพื้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียนสอนเด็กปฐมวัย ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และกระทรวงมหาดไทยทั่วประเทศ 

น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า กระทรวงศึกษาได้ให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ติดตั้งระบบประตูป้องกันภัยให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดและโรงเรียนสอนเด็กปฐมวัย ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และกระทรวงมหาดไทยทั่วประเทศ เพื่อคัดกรองบุคคลแปลกหน้าเข้า-ออกในพื้นที่ โดยให้ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคและอาชีวะ ในสังกัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ ประสานกับหน่วยการจัดการศึกษาปฐมวัยในจังหวัด สังกัด สพฐ. เทศบาล องค์กรบริหารส่วนจังหวัด องค์กรบริหารส่วนตำบล และเอกชน สำรวจความต้องการจัดตั้งระบบป้องกันภัย ตามบริบทของแต่ละพื้นที่ โดยให้สาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง อาทิ ช่างเชื่อม ช่างก่อสร้าง ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างเมคคาทรอนิกส์ และช่างไฟฟ้า จัดทำและติดตั้งระบบป้องกันภัย 

'บิ๊กตู่' สัญญาต่อยอดระบบขนส่งมลชนทางรางไทยเทียบเท่าโตเกียวและลอนดอน

“ระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมือง เคยใช้เวลาสร้างถึง 20 ปี แต่วันนี้ใช้เวลาเพียง 5 ปีทำได้มากกว่า และเรากำลังสร้างเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จะเปิดให้บริการในอีก 3 ปีข้างหน้า
..... ผมจะทำให้ระบบรางในเมือง อยู่ระดับเดียวกับโตเกียวและใกล้เคียงกับลอนดอนในเรื่องระยะทางและจำนวนสถานี”

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา 
นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน 
Accelerating Thailand (พลิกโฉมประเทศไทย)
27 ตุลาคม 65

‘บิ๊กตู่’ เด็ดขาด!! จับกุมเอาผิด ‘ยาเสพติด-ปืนเถื่อน’ ชี้!! ผลระดมกวาดล้างช่วงที่ผ่านมา เป็นที่น่าพอใจ

‘บิ๊กตู่’ สั่งการเด็ดขาด จับกุม ดำเนินคดี ลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง ให้ทุกหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ‘เผย’ ผลระดมกวาดล้างยาเสพติด-อาวุธปืน เป็นที่น่าพอใจ

(29 ต.ค. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืน และยาเสพติดที่เป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง โดยเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายบูรณาการร่วมกันแก้ปัญหา นำหน่วยงานในท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง เข้มข้น เพื่อให้การปฏิบัติเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยได้กำหนดให้มีการระดมกวาดล้างยาเสพติดและอาวุธปืนอย่างจริงจัง 

นายอนุชา กล่าวว่า ผลการระดมกวาดล้างยาเสพติดในช่วงวันที่ 10-19 ต.ค. 65 ภาพรวมการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีผลการดำเนินการจับกุมบุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 3,884 หมายจับ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 15,710 คดี (ผู้ต้องหา 15,866 คน) ของกลางยาบ้า 18,314,853 เม็ด ยาไอซ์ 297,690 กรัม เฮโรอีน 30,735 กรัม ยาอี 6,550 กรัม ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน ทั้งสิ้น 3,984 คดี ยึดของกลางอาวุธปืนสงคราม 27 กระบอก ปืนไม่มีทะเบียน 2,438 กระบอก มีทะเบียน 452 กระบอก วัตถุระเบิด 600 รายการ และเครื่องกระสุน 16,168 นัด โดยการจับกุมแบ่งเป็นการจับกุมความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายอาวุธปืนฯ โดยผิดกฎหมาย ทั้งทางตรงและทางออนไลน์ จำนวน 97 คดี ผู้ต้องหา 63 คน ยึดของกลางอาวุธปืนไม่มีทะเบียน 46 กระบอก มีทะเบียน 12 กระบอก วัตถุระเบิด 156 รายการ เครื่องกระสุน 1,296 นัด และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนฯ อื่นๆ จำนวน 3,887 คดี (จับกุมผู้ต้องหา 3,864 คน) พร้อมของกลาง อาวุธปืนสงคราม 27 กระบอก อาวุธปืน (ไม่มีทะเบียน) 2,392 กระบอก มีทะเบียน 440 กระบอก วัตถุระเบิด 444 รายการ เครื่องกระสุน 14,872 นัด

'บิ๊กตู่' คิวเอี๊ยด!! บินกัมพูชาประชุมผู้นำอาเซียน กลับมาประชุมเอเปคต่อ ไร้สัญญานยุบ

เปิดโปรแกรม 'บิ๊กตู่' 2 สัปดาห์ คิวแน่น! โฆษกฯ เผยพฤหัสฯบินกัมพูชาประชุมผู้นำอาเซียน กลับมาประชุมเอเปคต่อ เผย มีผู้นำ 15 เขตเศรษฐกิจตอบรับเข้าร่วมแล้ว รอรัสเซียคอนเฟิร์ม เตรียมเปิดทำเนียบรับ 3 ผู้นำทางการเต็มคณะ 'เวียดนาม-จีน-ซาอุดิอาระเบีย' ระบุ ความพร้อมเกิน 90% แล้ว 

(7 พ.ย. 65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มีภารกิจสำคัญในรอบ 2 สัปดาห์นี้ 3 ส่วนหลัก โดยส่วนแรกนายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ระหว่างวันที่ 10 – 13 พ.ย.ที่ประเทศกัมพูชาที่ โดยจะออกเดินทางในวันที่ 10 พ.ย. และเดินทางกลับในวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ย. ซึ่งการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในครั้งนี้ โดยในช่วงเย็นวันที่ 10 พ.ย.นายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมผู้นำแผนพัฒนาเศรษฐกิจ 3 ฝ่าย ประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย หลังจากนั้น จะร่วมประชุมคู่เจรจา ประกอบด้วย จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหประชาชาติ และจะมีการประชุมสุดยอดอาเซียน +3 ประกอบด้วย จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น รวมถึงประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก โดย พล.อ.ประยุทธ์มีแผนกำหนดที่จะหารือกับภาคส่วนต่าง ๆ ของอาเซียน ทั้งผู้แทนของรัฐสภา เยาวชน และภาคธุรกิจ 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การประชุมความมือทางเศรษฐกิจ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค 2022 ระหว่างวันที่ 14-19 พ.ย. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นประธานเปิดนิทรรศการ โมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยจะนำเสนอเป็นหัวข้อหลัก นอกเหนือจากธีม Open Connect Balance หรือ การเปิดกว้างสร้างความสัมพันธ์ เชื่อมโยงกันสู่สมดุล ปัจจุบันท่ามกลางความท้าทายใหม่ ๆ ของโลกในปัจจุบัน ทั้งห่วงโซ่อุปทาน การหยุดชะงัก ปัญหาสภาพอากาศ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในส่วนของมหาอำนาจต่าง ๆ และความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงมีอยู่ ฉะนั้น การประชุมครั้งนี้ประเทศไทยมีโอกาสสำคัญที่จะแสดงบทบาทในการกำหนดทิศทางเบื้องต้น และขอความร่วมมือจากนานาประเทศในประเด็นต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาต่าง ๆ ให้คลี่คลายโดยเร็ว

นายอนุชา กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้นำที่ตอบรับเข้าร่วมประชุมเอเปคครั้งนี้ด้วยตนเองแล้ว 15 เขตเศรษฐกิจ ที่จะมาร่วมประชุมด้วยตัวเอง และอีก 5 เขตเศรษฐกิจจะส่งผู้แทนมาเข้าร่วมประชุม ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก และจีนไทยเป (ไต้หวัน) ส่วนรัสเซียยังรอการยืนยันการตอบรับอย่างเป็นทางการ ที่ยังไม่มีการตอบรับอย่างเป็นทางการ ซึ่งการประชุมครั้งนี้ นอกจากการนำเสนอในเรื่องของ BCG แล้ว ก็จะมีการ พบหน้ากันระหว่างผู้นำคือเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ที่มีการรวมตัวกันมากขนาดนี้

อีเวนต์แห่งมวลมนุษยชาติ ที่คนไม่อินอาจเฉยชา แต่แบรนด์ ‘นักล่า’ คือ ช่วงเวลาสุดหอมหวน

คนไทยต้องได้ดูบอลโลก!!

ผมไม่ได้พูดแค่เอาเท่นะครับ เพราะตั้งแต่เกิดมา การแข่งขันฟุตบอลโลก มันเป็นกิจกรรมที่ผูกพันกับชีวิตคนทั่วโลก ที่พร้อมใช้เวลาแช่อยู่กับหน้าจอทีวีได้แบบไม่ขยับกันตลอดช่วงเวลาร่วม 2 ชั่วโมงกันจริง ๆ

แล้วฟุตบอลโลกก็เป็นมหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติที่ 4 ปีจะมาสักรอบ ฉะนั้นคนที่เป็นคอบอล หรือแม้แต่พอดูบอลได้บ้าง รอคอยครับ!! นี่คือในแง่คนดู!!

อีกด้านหนึ่ง ฟุตบอลโลก ถือเป็นอีเวนต์ระดับพระกาฬ ที่ช่วยหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจแบบมโหฬาร บรรดาแบรนด์สินค้าและนักการตลาดจะใช้จังหวะเวลาเพิ่มยอดขายได้มากกว่าช่วงเวลาปกติ เพราะมันจะมีจังหวะให้แฟนฟุตบอลค้องใช้จ่ายระหว่างการชมการแข่งขันฟุตบอลเสมอ 

ถ้าคุณต้องเดินทางไปรับชมตาม ร้านอาหาร หรือ ลานกิจกรรมที่มีการจัดงาน การซื้อเครื่องดื่มมาบริโภค 

ถ้าคุณต้องรับชมกับเพื่อ ระหว่างการรับชม คุณอาจสร้างบรรยากาศให้สนุกขึ้น ด้วยการซื้อเสื้อทีมฟุตบอล ที่เป็นที่ชื่นชอบ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมเชียร์ฟุตบอลเป็นต้น 

นี่แค่ตัวอย่างผิว ๆ ซึ่งภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องจะใช้โอกาสนี้ สร้างโอกาสให้กับสินค้า รวมไปถึงกิจกรรมการตลาดที่หลากหลายได้อย่างเข้มข้น 

ลองมาดูตัวเลขจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยกันสักนิดครับ มีการคาดการณ์ไว้ว่า เม็ดเงินจะกระจายตัวในกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภคในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกหนนี้ จะมียอดเฉลี่ยมูลค่าถึง 6,685 ล้านบาท นี่สำหรับ 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งสามารถแบ่งแยกได้ ดังนี้...

>> 5,265 ล้านบาท เทไปกับกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นอีกกลุ่มที่มีการเติบโตเสมอในช่วงของฟุตบอลโลก โดยกลุ่มธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ ก็เช่น ร้านอาหารที่มีบริการจัดส่งอาหาร รวมไปร้านอาหารทั่วไปที่มีการเปิดฟุตบอลโลกให้ชม ขณะที่กลุ่มอาหารอื่น ๆ ที่ทำได้เองง่าย ๆ เช่น อาหารกึ่ง สำเร็จรูป อาหารปรุงสำเร็จ และอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง เป็นต้น 

ส่วนกลุ่มเครื่องดื่ม ก็เป็น 1 ในสินค้าที่ถูกบรรจุอยู่ในแผนการใช้จ่ายทั้งสำหรับผู้คนที่จะรับชมฟุตบอลโลกทั้งในบ้านและนอกบ้านได้อย่างสม่ำเสมอ และ ณ ห้วงเวลานี้ ผมก็คงต้องขออนุญาตแชร์ว่า เครื่องดื่มมึนเมา ก็มักได้รับอานิสงส์เต็มๆ จากช่วงนี้ด้วยมากที่สุด (ก็มันได้ Feel อ่ะนะ) อย่างในช่วงไตรมาสแรกปี 2561 (ฟุตบอลโลกหนก่อน: รัสเซีย) กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หดตัวร้อยละ 2.0 แต่พอเข้าสู่ช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกเท่านั้นแหละ มูลค่าการตลาดเครื่องดื่มรวม ก็ถูกดันเพิ่มขึ้นมาประมาณ 2,250 ล้านบาทจากช่วงเวลาปกติ 

นักลงทุนซาอุฯ เดินหน้ากางแผนร่วมลงทุนกับไทย เชื่อ!! 'ธุรกิจอาหาร-ท่องเที่ยว-สุขภาพ-อีอีซี' มีลุ้น!!

(9 ธ.ค. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ได้ทราบว่า ซาอุดีอาระเบีย มีแผนเตรียมจะลงทุนธุรกิจในไทยด้านอาหาร, ท่องเที่ยว, สุขภาพ และในพื้นที่อีอีซี เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจ เกิดเงินหมุนเวียนในไทยจำนวนมาก 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย เปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งการค้า การลงทุน และแรงงาน โดยในส่วนของความร่วมมือด้านการดำเนินธุรกิจระหว่างกันเห็นผลเป็นรูปธรรมจากการลงทุนของซาอุดีอาระเบียกับไทยจำนวนมาก อาทิ กลุ่มธุรกิจอาหารส่งออกและแปรรูป ที่องค์การอาหารและยา ซาอุดีอาระเบีย อนุญาตให้ 11 โรงงานของไทยที่ผ่านการตรวจสอบส่งออกไก่ได้ ถัดมาคือ กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ที่สายการบินแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย (Saudi Arabian Airlines) เปิดบินตรงจากกรุงริยาด ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย สู่ไทย จำนวน 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สร้างความตื่นตัวให้แก่ภาคการท่องเที่ยวอย่างมาก เนื่องจากเส้นทางบินสามารถเชื่อมต่อจากกรุงริยาด (Riyadh) ที่เป็นเมืองหลัก และเมืองเจดดาห์ (Jeddah) ที่เป็นเมืองรองได้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top