Monday, 29 April 2024
ประยุทธ์_จันทร์โอชา

นายกฯ ตรวจราชการจังหวัดสกลนคร ติดตามงานนโยบายรัฐบาล15 มิ.ย.นี้

นายกฯ ตรวจราชการ ‘สกลนคร’ (15 มิ.ย.) นี้ ตามติดโครงการพระราชดำริ เยี่ยมชมเกษตรมูลค่าสูง สมุนไพรปลอดสารเคมี พบกลุ่มผู้เลี้ยงโคขุนโพนยางคำ พร้อมกราบนมัสการหลวงปู่อว้าน สักการะองค์พระธาตุเชิงชุมวรวิหาร และหลวงพ่อพระองค์แสน

ในวันที่ 15 มิถุนายน 2565 พลเอก ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะฯ มีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดสกลนคร โดยเวลา 07.00 น. นายกฯ พร้อมด้วยพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะฯ จะเดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯไปยังสนามบินกองทัพบกค่ายกฤษณ์สีวะรา ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร โดยเครื่องบิน Superjet ของกองทัพอากาศ และลงสนามบินกองทัพบกค่ายกฤษณ์สีวะรา เวลาประมาณ 08.00 น.

จากนั้นจะเดินทางด้วยขบวนรถยนต์ ไปยังโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ต.พรรณา อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร เพื่อตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าการเป็นศูนย์กลางสมุนไพร โดยนางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ให้การต้อนรับ ก่อนรับฟังรายงานผลการดำเนินงานด้านเกษตรมูลค่าสูง สมุนไพรอินทรีย์ปลอดสารเคมี (มหานครแห่งพฤษเวช) โดยโรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร แผนแม่บทว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย (ปี 2560 – 2564) โดยสำนักงานสาธารณสุข จังหวัดสกลนคร

เวลาประมาณ 10.00 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะจะเดินทางไปยังศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.ห้วยยาง อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการพระราชดำริ ของจังหวัดสกลนคร ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.เมืองสกลนคร โดยจะชมวีดิทัศน์ผลการดำเนินงานตามโครงการพระราชดำริ ของจังหวัดสกลนคร พร้อมเยี่ยมชมโครงการพระราชดำริด้านปศุสัตว์ อาทิ หมูดำ, ไก่ดำ, โคดำ, กระต่ายดำ, แพะ ฯลฯ
 

เก็บตกบรรยากาศ 'นายกฯ-คณะฯ' เฮือนถิ่นสกลนคร ชาวบ้านเฮ!! 'เทใจ - เชื่อมั่น' เชียร์ตู่อยู่ต่อยาว ๆ

ควันหลง เมื่อวานนี้ (15 มิ.ย.65) หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้ออกตรวจราชการ พร้อมตามติดโครงการพระราชดำริ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดสกลนครเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้เดินทางมายังวัดป่านาคนิมิตต์ ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร พร้อมเข้ากราบนมัสการหลวงปู่อว้าน เขมโก ศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์สายพระป่า 

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้เดินทางไปวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อ.เมือง จ.สกลนคร เพื่อรับชมการแสดงต้อนรับชุด 'ชนเผ่าสกลนคร จากชนเผ่าคนรักพระธาตุ 6 ชนเผ่า ได้แก่ ไทญ้อ, ภูไท, ไทโย้ย, ไทกะโส้, ไทกะเลิง, ไทลาว จำนวน 300 คน

โดยเมื่อนายกรัฐมนตรี​ เดินทางมาถึงได้ทักทายประชาชน​ที่รับบริเวณด้านหน้า​ โดยประชาชนได้ตะโกนพร้อมถือป้ายกระดาษเขียนมือ 'ลุงตู่สู้ ๆ ลุงตู่อยู่ยาว​' ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ส่งสัญลักษณ์​ไอเลิฟยู​ และยกนิ้วโป้ง​ และถ่ายรูปร่วมกับประชาชน​ พร้อมกับตอบกลับประชาชนว่า​ "ก็อยู่ที่เขาเลือกละนะ​" และว่าเราไม่อยากกลับไปอยู่ที่เดิม​ หลังจากนั้นประชาชนได้ตะโกนอีกว่า "เราจะให้ลุงตู่เป็นนายกฯตลอดไป​"

ก่อนที่ นายกฯ จะได้กราบสักการะหลวงพ่อพระองค์แสน และกราบนมัสการเจ้าคณะจังหวัดสกลนคร (พระสิริพัฒนาภรณ์) และพระครูกิตติธรรมนิวิฐ เจ้าคณะอำเภอโพนนาแก้ว ณ พระวิหาร และกราบสักการะองค์พระธาตุเชิงชุมวรวิหาร พร้อมเยี่ยมชมร้านค้าและพบปะผู้ผลิตผ้าย้อมครามสกล ที่ถนนผ้าคราม โดยนายกรัฐมนตรี กล่าว​ย้ำว่า​ "บ้านเมืองเราไม่มีเวลาขัดแย้งอีกแล้ว"

นายกฯ ยินดี EEC ขยายความร่วมมือต่างประเทศ ยกระดับเทคโนโลยี-นวัตกรรม มุ่งสู่อุตฯ อัจฉริยะ

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบและยินดีกับความร่วมมือของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) กับภาคเอกชนชั้นนำจากต่างประเทศ เพื่อร่วมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมา พื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ได้รับความสนใจจากภาคเอกชนชั้นนำต่างประเทศเป็นจำนวนมาก โดยล่าสุด ผู้นำเอกชนจากสวิตเซอร์แลนด์ และเกาหลีใต้ กระชับความร่วมมือเพื่อพัฒนาทักษะบุคลากรในพื้นที่ EEC ด้านการแพทย์ และการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสู่นิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ 

“โดยผู้นำเอกชนสวิตเซอร์แลนด์ บริษัท เอบีบี ออโตเมชั่น จํากัด (ประเทศไทย) บริษัท เอบีบี อิเล็คทริฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (ABB) บริษัท โรช ไทยแลนด์ (Roche) และคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลจากความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยผลักดันและส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี และเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล 5G ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันให้ประเทศไทยเดินหน้าไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 อย่างมีศักยภาพมากขึ้น” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

'บิ๊กตู่' ชื่นชม คนไทยส่วนใหญ่ยังสวมหน้ากาก ย้ำ!! ศบค. พิจารณาอย่างรอบคอบ-รัดกุม

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมที่คนไทยส่วนใหญ่ ยังให้ความสำคัญและเห็นประโยชน์การสวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย ด้วยความสมัครใจ เพื่อประโยชน์ด้านสุขอนามัยของตนเอง และผู้อื่น 

'ชนินทร์' จวก 'ประยุทธ์' ขยันสร้าง 'หนี้จน' หลังเล็งกู้เงินค้ำหนี้ กฟผ. หวั่นคนไทยจมกองหนี้

นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กู้เงินเพิ่ม 85,000 ล้านบาท โดยให้กระทรวงการคลัง ค้ำประกันเงินกู้ทั้งก้อน เพื่อตอบสนองนโยบายการบริหารภาระค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ของรัฐบาลว่า...

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มุ่งบริหารประเทศด้วยการกู้เงินมาใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเพียงเท่านั้นหรือ หากมีการอนุมัติการกู้เงินในครั้งนี้จริง จะนับเป็นการอนุมัติกรอบวงเงินกู้ของ กฟผ.ในปีนี้รวมสูงถึง 112,000 ล้านบาท เนื่องจากได้มีการอนุมัติไปก่อนหน้านี้แล้ว 25,000 ล้านบาทในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ในอดีตรัฐบาลต่างๆ ที่มีศักยภาพ จะใช้กลไกการกู้เงินนอกงบประมาณมาเพื่อการลงทุนขยายเศรษฐกิจ สร้างเงิน สร้างรายได้ให้กับประชาชนเท่านั้น เรียกว่า 'หนี้รวย' 

แต่ที่ผ่านมารัฐบาลพลเอกประยุทธ์พิสูจน์ให้เห็นว่า เป็นรัฐบาลที่ถนัดกู้มาแจก ขยันสร้างแต่ 'หนี้จน' เพื่อมาชดเชยความล้มเหลวในการบริหารงานของตนเองมากกว่า จึงขอตั้งคำถามไปยังรัฐบาลได้ตอบกับประชาชนว่า การอนุมัติการกู้ให้ กฟผ.ในครั้งนี้ มีความจำเป็นเร่งด่วนในตอนนี้จริงหรือไม่ และต้องกู้ไปเพื่อเหตุใดทั้งที่ยังไม่มีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ในตอนนี้ ใครจะได้ประโยชน์จากการกู้นี้ หรือเป็นเพียงพฤติการณ์ที่ทำตามความเคยชินไปแล้ว

นายกฯ ขับรถ EV รอบตึกไทยคู่ฟ้า ส่งทูตสวิตฯ ในโอกาสพ้นหน้าที่

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ (6 ก.ค. 65) ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา (H.E. Mrs. Helene Budliger Artierda) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย เข้าอำลา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เนื่องในโอกาสพ้นจากหน้าที่ 

ทั้งนี้ ภายหลังการหารือ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินลงมาส่ง นางเฮเลเนอ ที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า และเมื่อเห็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า อีวี ยี่ห้อ มินิคูเปอร์ เอส สีแดง ทะเบียน ท 76-1002 ที่คณะเอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย ใช้เป็นยานพาหนะมาที่ทำเนียบรัฐบาลด้วยกัน 4 คน เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน และยังเป็นรถที่นางเฮเลเนอ ใช้ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในเมืองไทย

บิ๊กตู่จัดให้!! มติ ครม. 18 ก.ค. 2565

>> ครม.เห็นชอบ ร่างความตกลงด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์ไทย-สหรัฐฯ 
ครม.เห็นชอบการจัดทำความตกลงระหว่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติแห่งประเทศไทย กับ คณะกรรมาธิการกำกับดูแลนิวเคลียร์แห่งสหรัฐอเมริกา (USNRC) เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการและความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางนิวเคลียร์  ซึ่งฉบับเดิมสิ้นสุดไปเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา 

สำหรับร่างความตกลงฉบับใหม่ยังคงหลักการเดิม โดยเป็นเอกสารสัญญาที่กำหนดขอบข่ายและแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงเทคนิค เกี่ยวกับกฎ ระเบียบ มาตรฐานที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลความปลอดภัย ความมั่นคง การพิทักษ์ ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ มีระยะเวลา 5 ปี ที่จะขับเคลื่อนภายใต้ขอบเขตข้อตกลง คือ 
1. การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการที่ไม่เป็นความลับที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงปลอดภัยของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และวัสดุกัมมันตรังสี 
2. ความร่วมมือในการวิจัยความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ 
และ 3. การฝึกอบรมและการมอบหมายหน้าที่ โดยจะขับเคลื่อนผ่านการ

ทั้งนี้ไทยจะได้รับประโยชน์จากร่างความตกลงดังกล่าว ทั้งได้รับการสนับสนุนในด้านการใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อสนับสนุนและฝึกอบรมในหัวข้อที่ไทยขาดความเชี่ยวชาญ โครงการฝึกอบรมด้านการประเมินความปลอดภัยของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์แบบเครื่องปฏิกรณ์วิจัยและแบบเครื่องปฏิกรณ์กำลังเพื่อการอนุญาตและตรวจสอบ การก่อสร้าง สำหรับใช้ในการประเมินและตรวจสอบแบบก่อสร้างของโครงการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการวิจัยรังสีรักษาจากโบรอนจับยึดนิวตรอนและโครงการจัดตั้งสถานประกอบการอื่นๆ ในอนาคต เป็นต้น

>> ครม. เห็นชอบ ร่างถ้อยแถลง รมต.อาเซียนด้านสตรี หนุน ความเท่าเทียมระหว่างเพศ หนุน ดิจิทัลเสริมศักยภาพสตรีสู่ธุรกิจ ครม. เห็นชอบ ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรี ครั้งที่ 4 ตามที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เสนอ มีสาระสำคัญ
1. เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ การเสริมพลังสตรีและเด็กหญิงในภูมิภาคอาเซียน ตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ปี 2568 โดยตระหนักถึงผลกระทบด้านเพศภาวะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อสตรีและเด็กหญิง 
2. สถานะของสตรีที่มีแนวโน้มอยู่ด้อยกว่าบุรุษ และกลุ่มสตรีที่อาศัยในชนบทที่ยากจน กลุ่มสตรีชาติพันธุ์ สตรีพิการ สตรีย้ายถิ่นฐาน ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกละทิ้งไว้ข้างหลัง และมุ่งให้ความสำคัญในการสร้างโอกาสการเข้าถึงของสตรีผ่านการปฏิวัติทางดิจิทัล เช่น  การส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีดิจิทัลและการสร้างความเข้มแข็งในการแข่งขันทางดิจิทัล เพื่อให้สตรีของอาเซียนปรับตัว พัฒนา และประสบความสำเร็จภายหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในภูมิภาคอาเซียน 

สำหรับสาระสำคัญของร่างถ้อยแถลงร่วม ยืนยันถึงการส่งเสริมสตรีใน 2 ด้าน คือ 
1. ส่งเสริมสตรีในเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านการปรับปรุงการเข้าถึงการสนับสนุนและข้อมูลด้านการเงิน การฝึกอบอรม เสริมสร้างศักยภาพ โอกาสด้านการตลาดและความเชื่อมโยงนโยบายอื่น
2. การมีส่วนร่วมของสตรีในกระบวนการตัดสินใจและการกำหนดนโยบาย โดยรับฟังเสียงและความต้องการของสตรี เพื่อประกันว่าการดำเนินนโยบายและแผนงานมีมุมมองมิติเพศภาวะ ทั้งนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะแจ้งผลการรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป

นายกฯ ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง เก่งทุกเรื่อง ไม่ได้ฉลาดที่สุด เหมือนบางคนที่ท่านบอกฉลาดที่สุด ตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

นายกฯ ไม่ได้รู้ทุกเรื่อง เก่งทุกเรื่อง ไม่ได้ฉลาดที่สุด เหมือนบางคนที่ท่านบอกฉลาดที่สุด ตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
กล่าวเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2565

'บิ๊กตู่' สวนแรง!! 'หมอชลน่าน' ฉลาดกว่า แต่โชคดีที่ไม่เคยรักษาด้วย เพราะเหมือนพิการทางสมอง

ท่านเป็นบุคลากรทางการแพทย์อยู่แล้ว (นพ.ชลน่าน) ฉลาดกว่าผมอยู่แล้ว โชคดีที่ผมไม่ได้ไปรักษาอะไรกับท่าน เพราะท่านว่าผมมีอาการพิการทางสมอง ผมก็โชคดีถ้าผมเป็น ผมก็รักษากับท่านไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
กล่าวโต้ตอบ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้าน

บิ๊กตู่จัดให้!! มติ ครม. 18 ก.ค. 2565

>> ครม.เห็นชอบ ร่างความตกลงด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์ไทย-สหรัฐฯ 
ครม.เห็นชอบการจัดทำความตกลงระหว่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติแห่งประเทศไทย กับ คณะกรรมาธิการกำกับดูแลนิวเคลียร์แห่งสหรัฐอเมริกา (USNRC) เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการและความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางนิวเคลียร์  ซึ่งฉบับเดิมสิ้นสุดไปเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา 

สำหรับร่างความตกลงฉบับใหม่ยังคงหลักการเดิม โดยเป็นเอกสารสัญญาที่กำหนดขอบข่ายและแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงเทคนิค เกี่ยวกับกฎ ระเบียบ มาตรฐานที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลความปลอดภัย ความมั่นคง การพิทักษ์ ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ มีระยะเวลา 5 ปี ที่จะขับเคลื่อนภายใต้ขอบเขตข้อตกลง คือ 
1. การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการที่ไม่เป็นความลับที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงปลอดภัยของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และวัสดุกัมมันตรังสี 
2. ความร่วมมือในการวิจัยความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ 
และ 3. การฝึกอบรมและการมอบหมายหน้าที่ โดยจะขับเคลื่อนผ่านการ

ทั้งนี้ไทยจะได้รับประโยชน์จากร่างความตกลงดังกล่าว ทั้งได้รับการสนับสนุนในด้านการใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อสนับสนุนและฝึกอบรมในหัวข้อที่ไทยขาดความเชี่ยวชาญ โครงการฝึกอบรมด้านการประเมินความปลอดภัยของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์แบบเครื่องปฏิกรณ์วิจัยและแบบเครื่องปฏิกรณ์กำลังเพื่อการอนุญาตและตรวจสอบ การก่อสร้าง สำหรับใช้ในการประเมินและตรวจสอบแบบก่อสร้างของโครงการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการวิจัยรังสีรักษาจากโบรอนจับยึดนิวตรอนและโครงการจัดตั้งสถานประกอบการอื่นๆ ในอนาคต เป็นต้น

>> ครม.เห็นชอบ ร่างถ้อยแถลง รมต.อาเซียนด้านสตรี หนุน ความเท่าเทียมระหว่างเพศ หนุน ดิจิทัลเสริมศักยภาพสตรีสู่ธุรกิจ
ครม.เห็นชอบ ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรี ครั้งที่ 4 ตามที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เสนอ มีสาระสำคัญ
1. เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ การเสริมพลังสตรีและเด็กหญิงในภูมิภาคอาเซียน ตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ปี 2568 โดยตระหนักถึงผลกระทบด้านเพศภาวะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อสตรีและเด็กหญิง 
2. สถานะของสตรีที่มีแนวโน้มอยู่ด้อยกว่าบุรุษ และกลุ่มสตรีที่อาศัยในชนบทที่ยากจน กลุ่มสตรีชาติพันธุ์ สตรีพิการ สตรีย้ายถิ่นฐาน ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกละทิ้งไว้ข้างหลัง และมุ่งให้ความสำคัญในการสร้างโอกาสการเข้าถึงของสตรีผ่านการปฏิวัติทางดิจิทัล เช่น  การส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีดิจิทัลและการสร้างความเข้มแข็งในการแข่งขันทางดิจิทัล เพื่อให้สตรีของอาเซียนปรับตัว พัฒนา และประสบความสำเร็จภายหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในภูมิภาคอาเซียน 

สำหรับสาระสำคัญของร่างถ้อยแถลงร่วม ยืนยันถึงการส่งเสริมสตรีใน 2 ด้าน คือ 
1. ส่งเสริมสตรีในเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านการปรับปรุงการเข้าถึงการสนับสนุนและข้อมูลด้านการเงิน การฝึกอบอรม เสริมสร้างศักยภาพ โอกาสด้านการตลาดและความเชื่อมโยงนโยบายอื่น 
2. การมีส่วนร่วมของสตรีในกระบวนการตัดสินใจและการกำหนดนโยบาย โดยรับฟังเสียงและความต้องการของสตรี เพื่อประกันว่าการดำเนินนโยบายและแผนงานมีมุมมองมิติเพศภาวะ ทั้งนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะแจ้งผลการรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป

>> ครม.ไฟเขียวคุมรถป้ายแดง กำหนดอายุใบอนุญาต 5 ปี   
ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอและการออกใบอนุญาตขับรถยนต์หรือให้ผู้อื่นขับรถยนต์ที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม และกำหนดแบบใบอนุญาตสมุดคู่มือประจำรถ และลักษณะเครื่องหมายพิเศษ พ.ศ.... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 

โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอและการออกใบอนุญาตขับรถยนต์หรือให้ผู้อื่นขับรถยนต์ที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม โดยกำหนดอายุของใบอนุญาตและเงื่อนไขให้ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องรายงานการใช้เครื่องหมายพิเศษ(ป้ายแดง) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งปรับปรุงแบบใบอนุญาตคู่มือประจำรถและลักษณะเครื่องหมายพิเศษเพื่อให้ทางราชการสามารถควบคุม กำกับ ดูแลการใช้เครื่องหมายพิเศษ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดปัญหาการหลีกเลี่ยงการใช้รถโดยไม่จดทะเบียน   

สำหรับรายละเอียดการปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงฉบับนี้ มีสาระสำคัญ เช่น กำหนดอายุของใบอนุญาต สมุดคู่มือประจำรถและเครื่องหมายพิเศษให้ชัดเจน(จากเดิมไม่ได้กำหนดไว้) โดยกำหนดให้ใบอนุญาต (ใบอนุญาตขับรถยนต์หรือให้ผู้อื่นขับรถยนต์ที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม) คู่มือประจำรถ(ที่นายทะเบียนออกให้แก่ผู้ได้รับอนุญาต) และเครื่องหมายพิเศษ (ป้ายแดงที่นายทะเบียนออกแก่ผู้ได้รับใบอนุญาต) มีอายุ 5 ปี นับแต่วันออกใบอนุญาต  

รวมทั้งมีบทเฉพาะการกำหนดให้บรรดาใบอนุญาต สมุดคู่มือประจำรถและเครื่องหมายที่จัดทำไว้แล้วก่อนวันที่กฎกระทรวงมีผลบังคับ ซึ่งนายทะเบียนจะออกให้หรือได้ออกให้แล้วแก่ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้ได้ต่อไปไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ 

>> ครม.ไฟเขียวกนอ.ร่วมทุนพัฒนาท่าเทียบเรือสาธารณะมาบตาพุดรองรับสินค้าตู้คอนเทนเนอร์
ครม. เห็นชอบให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ดำเนินโครงการบริหารจัดการท่าเทียบเรือสาธารณะเพื่อขนถ่ายสินค้าทั่วไป ตามพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โดยท่าเทียบเรือที่มาบตาพุด ประกอบด้วยผู้ได้รับสัมปทานหลายบริษัท แต่ที่หมดสัญญาสัมปทาน คือ บริษัท ไทย คอนเน็คทิวิตี เทอมินอล จำกัด ซึ่ง ครม. เห็นชอบให้กนอ. เดินหน้าทำสัญญาใหม่ มีระยะเวลาอีก 30 ปี โดยจะเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างกนอ. และบริษัท ไทย คอนเน็คทิวิตี เทอมินอล จำกัด โดยมีมูลค่ารวม 3,221 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง

การลงทุนใหม่ที่จะเกิดขึ้นนั้น ได้มีการพิจารณาหลายทางเลือก ซึ่งแนวทางเลือกที่กนอ. เสนอให้ครม. เห็นชอบ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะว่าทางกนอ. ไม่มีความเสี่ยง และไม่ต้องลงทุนเพิ่ม สำหรับสาระที่ได้ไปพิจารณามา คือ จะมีการเก็บค่าเช่าพื้นที่ ค่าตอบแทนคงที่ 15 ล้านบาทในปีแรก และปรับเพิ่มขึ้น 5% ทุก 5 ปี รายได้มาจากค่าภาระเรือเข้าท่าทั้งหมด ส่วนแบ่งรายได้จากการดำเนินกิจการ 5%

โดยการลงทุนในท่าเทียบเรือของบริษัท ไทย คอนเน็คทิวิตี เทอมินอล จำกัด เดิมเป็นท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ที่เป็นการขนถ่ายสินค้าทั่วไป สินค้าเทกอง แต่ในการทำสัญญาใหม่นั้น จะให้บริการเกี่ยวกับสินค้าตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้น ระยะเวลาตามสัญญา คือ 30 ปี

อย่างไรก็ตาม แม้จะบอกว่าเป็นการลงทุนของภาครัฐและเอกชนร่วมกัน แต่ในทางปฎิบัติภาครัฐไม่ต้องลงทุนเพิ่มในลักษณะตัวเงิน แต่ประเมินในลักษณะทรัพย์สินค่าที่ดินที่มีมูลค่า 963 ล้านบาท ส่วนภาคเอกชนต้องลงทุนอีก 2,257 ล้านบาท

>> ครม.ไฟเขียว ขสมก.กู้เงินเสริมสภาพคล่อง 7,516 ล้านบาท 
ครม. มีมติอนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ประจำปีงบประมาณ 2566 รวมจำนวน 7,516 ล้านบาท และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ กำหนดวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆในการกู้เงิน โดยกระทรวงคมนาคมรายงานว่า ขสมก.ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากผลประกอบการที่ขาดทุนและไม่ได้รับเงินชดเชยผลการขาดทุนตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริง
 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top