บิ๊กตู่จัดให้!! มติ ครม. 18 ก.ค. 2565

>> ครม.เห็นชอบ ร่างความตกลงด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์ไทย-สหรัฐฯ 
ครม.เห็นชอบการจัดทำความตกลงระหว่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติแห่งประเทศไทย กับ คณะกรรมาธิการกำกับดูแลนิวเคลียร์แห่งสหรัฐอเมริกา (USNRC) เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการและความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางนิวเคลียร์  ซึ่งฉบับเดิมสิ้นสุดไปเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา 

สำหรับร่างความตกลงฉบับใหม่ยังคงหลักการเดิม โดยเป็นเอกสารสัญญาที่กำหนดขอบข่ายและแนวทางการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงเทคนิค เกี่ยวกับกฎ ระเบียบ มาตรฐานที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแลความปลอดภัย ความมั่นคง การพิทักษ์ ความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ มีระยะเวลา 5 ปี ที่จะขับเคลื่อนภายใต้ขอบเขตข้อตกลง คือ 
1. การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการที่ไม่เป็นความลับที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลความปลอดภัยและความมั่นคงปลอดภัยของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์และวัสดุกัมมันตรังสี 
2. ความร่วมมือในการวิจัยความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ 
และ 3. การฝึกอบรมและการมอบหมายหน้าที่ โดยจะขับเคลื่อนผ่านการ

ทั้งนี้ไทยจะได้รับประโยชน์จากร่างความตกลงดังกล่าว ทั้งได้รับการสนับสนุนในด้านการใช้งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อสนับสนุนและฝึกอบรมในหัวข้อที่ไทยขาดความเชี่ยวชาญ โครงการฝึกอบรมด้านการประเมินความปลอดภัยของสถานประกอบการทางนิวเคลียร์แบบเครื่องปฏิกรณ์วิจัยและแบบเครื่องปฏิกรณ์กำลังเพื่อการอนุญาตและตรวจสอบ การก่อสร้าง สำหรับใช้ในการประเมินและตรวจสอบแบบก่อสร้างของโครงการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการวิจัยรังสีรักษาจากโบรอนจับยึดนิวตรอนและโครงการจัดตั้งสถานประกอบการอื่นๆ ในอนาคต เป็นต้น

>> ครม.เห็นชอบ ร่างถ้อยแถลง รมต.อาเซียนด้านสตรี หนุน ความเท่าเทียมระหว่างเพศ หนุน ดิจิทัลเสริมศักยภาพสตรีสู่ธุรกิจ
ครม.เห็นชอบ ร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสตรี ครั้งที่ 4 ตามที่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เสนอ มีสาระสำคัญ
1. เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ การเสริมพลังสตรีและเด็กหญิงในภูมิภาคอาเซียน ตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ปี 2568 โดยตระหนักถึงผลกระทบด้านเพศภาวะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อสตรีและเด็กหญิง 
2. สถานะของสตรีที่มีแนวโน้มอยู่ด้อยกว่าบุรุษ และกลุ่มสตรีที่อาศัยในชนบทที่ยากจน กลุ่มสตรีชาติพันธุ์ สตรีพิการ สตรีย้ายถิ่นฐาน ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกละทิ้งไว้ข้างหลัง และมุ่งให้ความสำคัญในการสร้างโอกาสการเข้าถึงของสตรีผ่านการปฏิวัติทางดิจิทัล เช่น  การส่งเสริมผู้ประกอบการสตรีดิจิทัลและการสร้างความเข้มแข็งในการแข่งขันทางดิจิทัล เพื่อให้สตรีของอาเซียนปรับตัว พัฒนา และประสบความสำเร็จภายหลังจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในภูมิภาคอาเซียน 

สำหรับสาระสำคัญของร่างถ้อยแถลงร่วม ยืนยันถึงการส่งเสริมสตรีใน 2 ด้าน คือ 
1. ส่งเสริมสตรีในเศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านการปรับปรุงการเข้าถึงการสนับสนุนและข้อมูลด้านการเงิน การฝึกอบอรม เสริมสร้างศักยภาพ โอกาสด้านการตลาดและความเชื่อมโยงนโยบายอื่น 
2. การมีส่วนร่วมของสตรีในกระบวนการตัดสินใจและการกำหนดนโยบาย โดยรับฟังเสียงและความต้องการของสตรี เพื่อประกันว่าการดำเนินนโยบายและแผนงานมีมุมมองมิติเพศภาวะ ทั้งนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะแจ้งผลการรับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียนต่อไป

>> ครม.ไฟเขียวคุมรถป้ายแดง กำหนดอายุใบอนุญาต 5 ปี   
ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอและการออกใบอนุญาตขับรถยนต์หรือให้ผู้อื่นขับรถยนต์ที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม และกำหนดแบบใบอนุญาตสมุดคู่มือประจำรถ และลักษณะเครื่องหมายพิเศษ พ.ศ.... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 

โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอและการออกใบอนุญาตขับรถยนต์หรือให้ผู้อื่นขับรถยนต์ที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม โดยกำหนดอายุของใบอนุญาตและเงื่อนไขให้ผู้ได้รับใบอนุญาตต้องรายงานการใช้เครื่องหมายพิเศษ(ป้ายแดง) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งปรับปรุงแบบใบอนุญาตคู่มือประจำรถและลักษณะเครื่องหมายพิเศษเพื่อให้ทางราชการสามารถควบคุม กำกับ ดูแลการใช้เครื่องหมายพิเศษ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถลดปัญหาการหลีกเลี่ยงการใช้รถโดยไม่จดทะเบียน   

สำหรับรายละเอียดการปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงฉบับนี้ มีสาระสำคัญ เช่น กำหนดอายุของใบอนุญาต สมุดคู่มือประจำรถและเครื่องหมายพิเศษให้ชัดเจน(จากเดิมไม่ได้กำหนดไว้) โดยกำหนดให้ใบอนุญาต (ใบอนุญาตขับรถยนต์หรือให้ผู้อื่นขับรถยนต์ที่มีไว้เพื่อขายหรือเพื่อซ่อม) คู่มือประจำรถ(ที่นายทะเบียนออกให้แก่ผู้ได้รับอนุญาต) และเครื่องหมายพิเศษ (ป้ายแดงที่นายทะเบียนออกแก่ผู้ได้รับใบอนุญาต) มีอายุ 5 ปี นับแต่วันออกใบอนุญาต  

รวมทั้งมีบทเฉพาะการกำหนดให้บรรดาใบอนุญาต สมุดคู่มือประจำรถและเครื่องหมายที่จัดทำไว้แล้วก่อนวันที่กฎกระทรวงมีผลบังคับ ซึ่งนายทะเบียนจะออกให้หรือได้ออกให้แล้วแก่ผู้ได้รับใบอนุญาตให้ใช้ได้ต่อไปไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ 

>> ครม.ไฟเขียวกนอ.ร่วมทุนพัฒนาท่าเทียบเรือสาธารณะมาบตาพุดรองรับสินค้าตู้คอนเทนเนอร์
ครม. เห็นชอบให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ดำเนินโครงการบริหารจัดการท่าเทียบเรือสาธารณะเพื่อขนถ่ายสินค้าทั่วไป ตามพ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โดยท่าเทียบเรือที่มาบตาพุด ประกอบด้วยผู้ได้รับสัมปทานหลายบริษัท แต่ที่หมดสัญญาสัมปทาน คือ บริษัท ไทย คอนเน็คทิวิตี เทอมินอล จำกัด ซึ่ง ครม. เห็นชอบให้กนอ. เดินหน้าทำสัญญาใหม่ มีระยะเวลาอีก 30 ปี โดยจะเป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างกนอ. และบริษัท ไทย คอนเน็คทิวิตี เทอมินอล จำกัด โดยมีมูลค่ารวม 3,221 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง

การลงทุนใหม่ที่จะเกิดขึ้นนั้น ได้มีการพิจารณาหลายทางเลือก ซึ่งแนวทางเลือกที่กนอ. เสนอให้ครม. เห็นชอบ เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะว่าทางกนอ. ไม่มีความเสี่ยง และไม่ต้องลงทุนเพิ่ม สำหรับสาระที่ได้ไปพิจารณามา คือ จะมีการเก็บค่าเช่าพื้นที่ ค่าตอบแทนคงที่ 15 ล้านบาทในปีแรก และปรับเพิ่มขึ้น 5% ทุก 5 ปี รายได้มาจากค่าภาระเรือเข้าท่าทั้งหมด ส่วนแบ่งรายได้จากการดำเนินกิจการ 5%

โดยการลงทุนในท่าเทียบเรือของบริษัท ไทย คอนเน็คทิวิตี เทอมินอล จำกัด เดิมเป็นท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ที่เป็นการขนถ่ายสินค้าทั่วไป สินค้าเทกอง แต่ในการทำสัญญาใหม่นั้น จะให้บริการเกี่ยวกับสินค้าตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้น ระยะเวลาตามสัญญา คือ 30 ปี

อย่างไรก็ตาม แม้จะบอกว่าเป็นการลงทุนของภาครัฐและเอกชนร่วมกัน แต่ในทางปฎิบัติภาครัฐไม่ต้องลงทุนเพิ่มในลักษณะตัวเงิน แต่ประเมินในลักษณะทรัพย์สินค่าที่ดินที่มีมูลค่า 963 ล้านบาท ส่วนภาคเอกชนต้องลงทุนอีก 2,257 ล้านบาท

>> ครม.ไฟเขียว ขสมก.กู้เงินเสริมสภาพคล่อง 7,516 ล้านบาท 
ครม. มีมติอนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ประจำปีงบประมาณ 2566 รวมจำนวน 7,516 ล้านบาท และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ กำหนดวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่างๆในการกู้เงิน โดยกระทรวงคมนาคมรายงานว่า ขสมก.ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากผลประกอบการที่ขาดทุนและไม่ได้รับเงินชดเชยผลการขาดทุนตามจำนวนที่เกิดขึ้นจริง
 

ทั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากการที่ ขสมก.เก็บค่าโดยสารตามอัตราที่ภาครัฐกำหนดซึ่งต่ำกว่าต้นทุนที่แท้จริง และไม่สามารถปรับอัตราค่าโดยสารเพิ่มขึ้นตามสภาวการณ์ปัจจุบันได้ จึงส่งผลให้มีผลขาดทุนจากการดำเนินงาน ภาระหนี้สินสะสม และดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัจจุบัน ขสมก.อยู่ระหว่างดำเนินการทบทวนร่างแผนฟื้นฟูกิจการขสมก. ฉบับปรับปรุงใหม่ ทำให้ ขสมก.ยังคงมีหนี้สินค้างชำระรวมทั้งสิ้น 132,565 ล้านบาท อย่างไรก็ตามขสมก.ได้จัดทำประมาณการเงินสดรับ-จ่าย ในปีงบประมาณ 2566 คาดว่าจะมีเงินสดคงเหลือปลายงวดขาดมือจำนวน 42,640 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอที่จะนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ดั้งนั้นเพื่อให้เกิดสภาพคล่องทางการเงินและสามารถทำให้องค์กรบริหารจัดการต่อไปได้ ขสมก.จึงมีความจำเป็นต้องกู้เงินจำนวน 42,640 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามโดยส่วนหนึ่งจะนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้เดิมที่ครบกำหนดชำระและไถ่ถอนพันธบัตรเงินกู้ จำนวน 35,123 ล้านบาท ซึ่งได้นำเสนอสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เพื่อบรรจุเข้าแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2566 แล้ว จึงคงเหลือเงินกู้เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน และเป็นเงินสดหมุนเวียนในการดำเนินงานของขสมก.ในปีงบประมาณ 2566 จำนวน 7,516 ล้านบาท เป็นการชำระค่าเชื้อเพลิงวงเงิน 2,250 ล้านบาท, ชำระค่าเหมาซ่อม 1,422 ล้านบาท และเสริมสภาพคล่องทางการเงิน 3,844 ล้านบาท

ทั้งนี้ ขสมก. รายงานว่าการกู้เงินในครั้งนี้ จะทำให้สามารถประหยัดค่าดอกเบี้ยค้างชำระได้เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่กู้เงินที่ภาระดอกเบี้ยค่าเชื้อเพลิงอยู่ที่ 5.82% ต่อปี ค่าเหมาซ่อมอยู่ที่6.35% ต่อปี รวมเป็นดอกเบี้ยที่ต้องชำระ 221.27 ล้านบาทต่อปี แต่หากกู้เงินต้นทุนดอกเบี้ยจะปรับลดลงเหลือเฉลี่ย 1.098% ต่อปี รวมดอกเบี้ยที่ต้องชำระ 40.324 ล้านบาท หรือประหยัดดอกเบี้ยได้ 180.95 ล้านบาท

>> อนุมัติ 3,995 ล้านบาท จัดซื้อยา ‘ฟาวิพิราเวียร์-โมลนูพิราเวียร์’ รับมือโควิด
ครม. เห็นชอบโครงการจัดหายารักษาผู้ป่วยโควิด-19 กรอบวงเงิน 3,995.2708 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินงาน 3 เดือน (ก.ค. -ก.ย. 65) แบ่งเป็นสำหรับซื้อยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ (ของใหม่) ได้แก่ 

1. Favipiravia/Molnupiravia เฉลี่ย 27 ล้านเม็ด/เดือน (จำนวน 1,296.00 ล้านบาท) 
และ 2. Remdesivir จำนวน 57,000 vial/เดือน (จำนวน 21.96 ล้านบาท) วงเงินรวม 1,317.96 ล้านบาท 

รวมทั้งเป็นการแบ่งค้างชำระ สำหรับ Favipiravia/Molnupiravia 165 ล้านเม็ด (จำนวน 2,653.81 ล้านบาท) และค่าชุดตรวจ ATK จำนวน 1 ล้านชุด (จำนวน 23.50 ล้านบาท) ของเดือน มี.ค.- มิ.ย. 65 รวมวงเงิน 2,677.31 ล้านบาท 

ทั้งนี้ โครงการจัดหายารักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 และวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับ เตรียมความพร้อมในการรับมือและป้องกันโรคโควิด-19 และดูแลรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 สนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์ ในการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างปลอดภัยในหน่วยบริการสุขภาพทุกระดับ 

>> น้ำมันปาล์มขวด เตรียมลดราคาลงอีก 3-4 บาท สัปดาห์นี้
ก่อนเริ่มประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ภายในสัปดาห์นี้ ทางกรมการค้าภายในได้รับการยืนยันจากผู้ประกอบการว่า ราคาน้ำมันปาล์มขวดจะลดลงอีก 3-4 บาท อย่างแน่นอน ถือเป็นการปรับลดลงต่อเนื่องจากในสัปดาห์ที่แล้วราคาขายในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ได้ปรับลดลงมา 5-6 บาท 

ทั้งนี้ในการดำเนินการดังกล่าวอยุ่ภายใต้มาตราการเข้าดูแลค่าครองชีพประชาชน กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมขับเคลื่อนอย่างบูรณาการกับทุกภาคส่วน เริ่มตั้งแต่ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และการจัดจำหน่าย โดยที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ภายใต้สถานการณ์เงินเฟ้อทั่วโลก ที่ทำให้ต้นทุนการผลิตและการขนส่งปรับสูงขึ้นอย่างมาก แต่สินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันยังสามารถตรึงราคาไว้ได้ หรือแม้มีการปรับขึ้นก็อยู่ในวงจำกัด

นอกจากนี้ คาดว่า ราคาไก่สด จะปรับลดลง หลังจากที่ได้หารือกับโรงชำแหละรายใหญ่ ซึ่งพร้อมให้ความร่วมมือ โดยช่วงก่อนหน้าที่ราคาไก่สดปรับสูงขึ้นเนื่องจาก ส่วนประกอบของอาหารสัตว์เช่น ข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์ ที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศมีราคาสูงขึ้นอย่างมาก ขณะที่ราคาเนื้อหมู จะปรับลดลงเช่นเดียวกัน โดยสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้ยืนยันให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ที่จะรักษาระดับราคาหมูมีชีวิตหน้าฟาร์ม ไว้ที่ 100 บาทต่อกิโลกรัม แม้ต้นทุนการเลี้ยงยังคงสูง