Friday, 17 May 2024
บิ๊กตู่

‘บิ๊กตู่’ ลุยปราศรัยใหญ่ที่ภูเก็ต ชาวบ้านส่งเสียงเชียร์กระหึ่ม ตอกย้ำความนิยม ‘รทสช.’ โค้งสุดท้าย ชี้!! กระแสดีไม่มีตก

ชาวภูเก็ตแห่ฟัง ‘ลุงตู่’ ปราศรัยกว่า 4 หมื่นคน ส่งเสียงเชียร์กระหึ่ม ตอกย้ำกระแสความนิยมโค้งสุดท้าย ขณะที่เจ้าตัวชี้ มีคนไล่ให้ไปเลี้ยงหลานเพราะแก่แล้ว แต่ยืนยันยังไม่แก่และไม่มีหลาน ก็เลยต้องอยู่ทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อ ย้ำ!! มีหัวใจสีม่วงของคนใกล้ตายที่จะไม่โกหก แตกต่างกับบางคนที่ใกล้ตายแต่กลับโกหก กลับไปกลับมาไม่น่าเชื่อถือ อ้อน คนภูเก็ตเลือก ‘รทสช.’ จะได้นโยบายสนับสนุนคนทุกช่วงวัยอย่างแน่นอน

(7 พ.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เดินทางพร้อมด้วยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค, ดร.ธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค, นายอนุชา บูรพชัยศรี รองหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ จังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วย

เขต 1 นายปิยะ สีดอกบวบ เบอร์ 8
เขต 2 นางนวลจันทร์ สามารถ เบอร์ 3
เขต 3 ว่าที่ร้อยตรีชาญณรงค์ ประทีป ณ ถลาง เบอร์ 7

ร่วมเดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร บริเวณวงเวียนสี่แยกท่าเรือ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมพบปะประชาชนที่เดินทางมารอต้อนรับก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังลานเวทีกลางสะพานหิน จ.ภูเก็ต เพื่อขึ้นปราศรัยท่ามกลางผู้สนับสนุน และประชาชนชาวภูเก็ตที่มารอฟังการปราศรัยและส่งเสียงเชียร์นับหมื่นคน พร้อมมอบดอกไม้ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ รวมถึงตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทั้ง 3 คน

พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้นเวทีปราศรัย โดยกล่าวทักทายประชาชนระบุว่า ตนเดินทางมาภูเก็ตหลายครั้งแล้ว หวังว่าทุกคนคงจำหน้าตนได้ ก่อนที่จะแนะนำตัวผู้สมัครของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้ง 3 คนได้แก่ เขต 1 นายปิยะ สีดอกบวบ เบอร์ 8, เขต 2 นางนวลจันทร์ สามารถ เบอร์ 3, เขต 3 ว่าที่ร้อยตรีชาญณรงค์ ประทีป ณ ถลาง เบอร์ 7 รวมทั้งเบอร์ 22 เบอร์พรรคลุงตู่

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่าในช่วงสถานการณ์โควิด 19 จ.ภูเก็ต เคยเงียบเหงา แต่ตนตัดสินใจที่จะเปิด จ.ภูเก็ต เป็นที่แรกเพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ทุกคนลืมหน้าอ้าปากได้ และหลังจากนี้จะยังมีการจัดงานเอ็กซ์โปด้วย จึงอยากให้ทุกคนให้โอกาสเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติให้มาทำงานต่อ เพราะที่ผ่านมาเป็นผลงานที่เชื่อว่าทุกคนจำได้ดีและพรรคเองก็ยังมีนโยบายที่จะทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงในทุกเรื่องด้วย 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญนอกจากธรรมชาติที่สวยงามของภูเก็ตแล้ว ยังเป็นรอยยิ้มของคนภูเก็ต ตนเป็นทหารมาก่อน รังเกียจตนหรือไม่ และทหารที่ดูแลบ้านเมืองก็เป็นลูกหลานของทุกคนทั้งสิ้น อย่าให้ใครมาบอกว่าข้าราชการคือช้างป่วย ถ้าทหารและข้าราชการเป็นช้างป่วย ประเทศจะมั่นคงอย่างนี้หรือไม่ ดังนั้น จึงควรยุติเรื่องความแตกแยกภายในประเทศ เพราะเป็นสิ่งที่อันตรายมาก พร้อมยกบทกลอน

“อันศึกนอกศึกในนั้นไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง”

ขออย่าให้ใครมาทำให้เกิดความแตกแยก โดยเฉพาะการแตกแยกในครอบครัว พ่อทะเลาะกับลูก แม่ทะเลาะกับลูก อย่างนี้ทำไม่ได้ ดังนั้น อย่าให้ใครมาปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกนี้ 

‘ลุงตู่’ บุกชุมพร อ้อนชาวบ้าน บอก “รักจังฮู้ มาเพราะแรงคิดถึง” ปลุกพลังเงียบเลือก ‘รทสช.’ ลั่น!! หากได้เป็น รบ.ทุกอย่างจะดีขึ้น

‘ลุงตู่’ ขนแกนนำหาเสียงชุมพรคึกคัก ปลุกพลังเงียบออกมาใช้สิทธิ์ กา ‘รทสช.’ ทั้ง 2 ใบ ให้เข้ามาบริหารประเทศ สัญญาได้เป็นรัฐบาลทุกอย่างดีขึ้นแน่นอน

(10 พ.ค. 66) ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลาราชการทำเนียบรัฐบาล สวมเสื้อพรรค รทสช.และรองเท้าสีครีมสดใส ลงพื้นที่หาเสียงจังหวัดชุมพร ต่อเนื่องในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ที่เหลือเวลาอีกเพียง 4 วัน โดยออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค, นายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค, นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรค

โดยเมื่อมาถึงท่าอากาศยานจังหวัดชุมพร อำเภอปะทิว มีประชาชนชาวประทิวสวมเสื้อสีเหลืองมาต้อนรับ พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ และขอถ่ายภาพ จากนั้นจุดแรกเวลา 09.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางพบปะประชาชนในพื้นที่ตลาดประทิว เพื่อหาเสียงช่วย นายสันต์ แซ่ตั้ง ผู้สมัครส.ส. เขตเลือกตั้งที่ 2 ชุมพร โดย พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นยืนปราศรัยบนรถแห่ กล่าวสวัสดีชาวชุมพร พร้อมกล่าวช่วงหนึ่งว่า การเรียนหนังสือสำคัญที่สุด เรียนแล้วต้องรู้จักคิดไม่อย่างนั้นจะถูกคนเข้ามาโกหก กล่อมเกลา ซึ่งอันตรายสำหรับบ้านเรา

ทั้งนี้ วันที่ 14 พ.ค. อย่าลืมแต่งตัวสวยๆ ออกไปกาบัตรเลือกตั้ง อย่ากาผิด 2 บัตรสองใบ สีม่วงเบอร์ 12 สีเขียวเบอร์ 22 ต้องไปทั้งคู่ ให้ได้คะแนนเสียงซึ่งตนจะได้เข้ามาบริหารได้ ถ้าบริหารไม่ได้มันก็ลำบากในสภา วันนี้เราเป็นประชาธิปไตยเต็มใบแล้ว เดินหน้าประเทศพร้อมกันไปกับตน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาบอกรักน้อย ๆ แต่รักนาน ๆ ตนไม่เอา ตนเอารักมาก ๆ แต่รักนาน ๆ ด้วย 
รักคนใต้ วันนี้ที่มา มาเพราะแรงคิดถึง รักอย่างแรง รักแล้ว รักต่อ ก่อนจะแซวชาวบ้านว่าจะร้องเรียนอะไรหรอ เป็นรัฐบาลแล้วค่อยว่ากัน แต่คิดว่าหมดแล้ว 8 ปีที่อยู่มาเราต้องหาเงินเข้ากระเป๋าให้ได้ก่อน ต้องทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนให้ได้มากที่สุด

ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะถามประชาชนว่า “เห็นในทีวีทุกวันยังไม่เบื่อหรอ รูปในกล้องก็ใช้ไม่ได้ ทีวีเสีย ผมไม่หล่อ วันนี้มีเรื่องจะพูดเยอะแต่มันตื้นตัน รักจังฮู้ ที่มาเพราะแรงคิดถึง รักแรง ทั้งนี้ ทำมา 8 ปี ตนรู้ปัญหา คือต้องหาเงินเข้ากระเป๋าไม่อย่างนั้นทำไม่ได้ ซึ่งไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนมากที่สุด เงินกระเป๋าซ้ายก็ตุงขึ้นมาและจ่ายกระเป๋าขวาให้พวกเรา ดูแลสวัสดิการ ถ้าไม่มีสตางค์มันทำอะไรไม่ได้ มันดีแต่โม้กันทั้งนั้น”

พล.อประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้รักรวมไทยสร้างชาติ เราเป็นพรรคที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ แต่รวบรวมคนเก่าและคนใหม่เข้ามา ทั้งหมดจะได้ขึ้นมาเป็นรัฐบาลอยู่ที่พวกเราทุกคน และช่วยกันไปเลือกตั้ง 14 พ.ค. ลากกันไปเลือกตั้ง เคาะข้างบ้านด้วย ใครไม่ไปชวนกันไป อนาคตประเทศไทยอยู่ที่มือของพวกเราทุกคน บ้านเมืองต้องมั่นคง สถาบันหลักของประเทศต้องมั่นคง ตนมีแต่ความจริงใจให้ท่าน ตนเป็นทหารเก่ามาทุ่มเททั้งชีวิตไปแล้วในการรักษาแผ่นดินผืนนี้ให้กับท่าน เราต้องช่วยกันรักษาต่อไปในสิ่งที่ดีงาม ถ้าอยากให้ตนเป็นนายกฯต้องเลือกกี่ใบ จำไว้ 2 เลข อย่าไปเดินชนอะไรแล้วลืมเบอร์ ช่วยกันส่งพลังเงียบออกมาได้หรือไม่ได้ ข้าราชการเกษียณว่าอย่างไร เราเป็นช้างป่วยหรือเปล่า เราเป็นช้างศึกไม่ใช่ช้างป่วย ทำหน้าที่รับใช้แผ่นดินมาแล้วเท่าไหร่ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการดี ๆ มีเยอะแยะไป ขอให้ช่วยกันทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง

จังหวะนี้ประชาชนตะโกนถามพล.อ.ประยุทธ์ ว่างวดนี้ออกอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เดี๋ยวถามกองสลากก่อน เขาเป็นคนหมุนเครื่องปั่น ผมไม่ได้ไปล้วงกับเขา ก็สุดแล้วแต่พวกเรา อย่าทุ่มเทมากนะ ตอนนี้รถมีหลายคันซื้อเบอร์กันทุกคัน เสียกันเยอะ” ขณะที่ประชาชนตะโกนว่า “ลุงตู่สู้ๆ” พล.อ.ประยุทธ์ จึงชูกำปั้น พร้อมกล่าวว่า “สู้ตายๆ ไม่ใช่สิ สู้ไม่ตาย” พร้อมถามประชาชน “สู้ไม่สู้ๆๆ” ประชาชนกล่าวว่า “สู้ๆ”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทุกคนคืออนาคตของประเทศไทย ร่วมกันก้าวเดินไปพร้อมกับลุงตู่ ตน ยืนยันถ้าได้เป็นรัฐบาลทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่นอน

‘บิ๊กตู่’ ชวนคนไทยออกไปใช้สิทธิ 14 พ.ค. เลือกกา ‘รทสช.’ สานต่อ แก้ปัญหา คลายทุกข์ให้ ปชช.

(11 พ.ค. 66) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้ออกมาเชิญชวนพี่น้องชาวไทยออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง 14 พ.ค. นี้ โดยระบุว่า…

“สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ ผมขอเชิญชวนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 2566 นี้ อย่างพร้อมเพรียงกัน และอย่าลืมบัตรสีม่วง เลือกผู้สมัครส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้ง 400 เขต และบัตรสีเขียวเลือก ‘ลุงตู่’ หมายเลข 22 เพื่อให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้าไปทำงานต่อ เพราะเรายังมีงานที่ต้องสานต่อ ทำต่อ อยู่ต่อ อีกมาก ตามที่ตั้งใจไว้ว่าเราจะทำไว้ ทำอยู่ ผมมั่นใจในนโยบายของพรรคจะสามารถแก้ปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน อย่าลืมนะครับ วันที่ 14 เลือก 2 ใบนะครับ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

‘ศิลัมพา’ ยก ‘บิ๊กตู่’ ตัวจริงวางรากฐานประเทศ แนะ ‘คนรุ่นใหม่’ ศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ

(11 พ.ค.66) นางสาวศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กรุงเทพมหานคร เขต 24 เบอร์ 7 กล่าวถึงกรณีที่พรรคการเมืองบางพรรค หาเสียงด้วยการเน้นโปรโมตนโยบายที่จะทำเพื่อคนรุ่นใหม่ โดยระบุว่า...

พรรคการเมืองที่หาเสียงด้วยการเคลมว่า เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ และพร้อมจะดำเนินนโยบายเพื่อคนรุ่นใหม่นั้น ถือเป็นการขายสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น และเมื่อมองย้อนกลับไปดูผลงานของรัฐบาล ที่นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเห็นว่า โครงการต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการมานั้น ล้วนทำเพื่อคนไทยทุกกลุ่ม และยังได้วางรากฐานไว้เพื่อเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่ด้วย

ยกตัวอย่างโครงการที่ดำเนินการไปแล้ว ที่จะเกิดประโยชน์กับคนรุ่นใหม่ เช่น โครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ ‘อีอีซี’ ที่จะสร้างตำแหน่งงานนับแสนตำแหน่ง, การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล และการสนับสนุนอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่จะเป็น New S Curve ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยในอนาคต

ขณะเดียวกัน รัฐบาลที่ผ่านมายังได้วางโรดแมปในการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย โดยเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาป มุ่งสู่อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ EV ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้ประเทศไทยตกขบวน และสูญเสียตลาดไปให้กับประเทศคู่แข่ง

รวมไปถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายต่างในกรุงเทพมหานคร ซึ่งในปีนี้จะเริ่มเปิดทดลอง 2 สาย คือสายสีเหลืองและสายสีชมพู และในอนาคตอันใกล้ จะเชื่อมโยงสายสีต่างให้สามารถเดินทางได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ที่ผ่านมา ภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ ได้ผลักดันโครงการต่าง ๆ สำเร็จไปแล้วจำนวนมาก แต่ก็ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังต้องผลักดันต่อ อาทิ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย ตั้งระเบียงเศรษฐกิจใหม่ 4 ภาค รวมถึงสร้างโอกาสให้คนตัวเล็กด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และยังมีอีกหลายนโยบายที่จะต้องทำต่อ เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศไทยดีขึ้น

“ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง เราเริ่มเห็นพรรคการเมืองบางพรรคการ ชูนโยบายมุ่งเจาะฐานเสียงคนรุ่นใหม่ด้วยวาทกรรมต่าง ๆ รวมถึงการขายฝันโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่อยากจะฝากถึงเยาวชนคนรุ่นใหม่พิจารณาข้อมูลให้ถี่ถ้วนว่า โครงการที่นำมาหาเสียงนั้นจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ในขณะที่พลเอกประยุทธ์ ได้ลงมือทำให้เห็นเป็นรูปธรรมจับต้องได้อย่างชัดเจนมาแล้ว ไม่ใช่แค่การสรรหาวาทกรรมที่สวยหรูมาหาเสียงเท่านั้น และสุดท้ายปลายทางสิ่งที่พลเอกประยุทธ์ได้ทำมานั้น ล้วนเกิดประโยชน์กับคนไทยทุกคน” น.ส.ศิลัมพา กล่าว

‘ลุงตู่’ ปิดจ๊อบปราศรัยใหญ่เวทีเมืองคอน ‘สุดยิ่งใหญ่’ ขณะที่ ‘พิธา’ ติดหล่มปมถือหุ้นไอทีวี จนก้าว…ไม่ไกล

สุดสัปดาห์นี้ ท่านผู้อ่านก็จะได้เข้าคูหากากบาท ชี้ชะตาประเทศไทยกันในวันที่ 14 พ.ค. ได้เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ใช่

แม้เพจพรรครวมไทยสร้างชาติจะเขียนข่าวเวอร์ไปหน่อยว่าคนเมืองคอนแห่ไปฟังลุงตู่ปราศรัยที่สนามหน้าเมือง เมื่อค่ำวันที่ 11 พ.ค. ร่วม 5 หมื่นคน แต่ก็ต้องบันทึกว่าเป็นการปราศรัยใหญ่นัดที่คนฟังมากที่สุดในภาคใต้ ประมาณเกือบ 2.5 หมื่นคน เหนือกว่าที่สุราษฎร์ธานีเล็กน้อย เป็นการปราศรัยปิดแมทช์ต่างจังหวัดที่สวยงามของลุงตู่..วันเดียว  5 จุด...จุดสุดท้ายที่สนามหน้าเมือง “ลุงตู่” ปราศรัยได้กลมกล่อม ไม่เล่นมาก แต่ไม่เครียด สอดแทรกเนื้อหาดีทั้งผลงานที่ทำแล้ว ปณิธาณ นโยบายที่จะทำต่อ  การสร้างสมดุลในภูมิภาคที่กำลังถูกท้าทาย และความสามัคคี ความสำคัญของทุกคนในฐานะพลังของแผ่นดิน

อย่างไรก็ตาม 10 ที่นั่ง ส.ส. นครศรีธรรมราช รอบนี้ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ประเมินแล้วประชาธิปัตย์น่าจะกวาดไปอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ที่เหลือเป็นของพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยอาจจะมีพลังประชารัฐสอดแทรกมาสัก 1 เก้าอี้

สำหรับแนวโน้มภาพรวมผลการเลือกตั้งนั้น พูดกันให้แซ่ดถึงบทวิเคราะห์ของสำนักต่าง ๆ ทั้งที่เอ่ยอ้างว่าเป็นของหน่วยงานในกระทรวงใหญ่บางแห่ง และสถาบันการศึกษาสำคัญ รายงานข้อมูลชุดสุดท้ายไปในทิศทางเดียวกันว่า ขั้วฝ่ายค้านเดิมมีคะแนนสูงกว่าขั้วลุง ในระดับตัวเลข 270 ต่อ 230 ประมาณนั้น

ยกเว้นสัปดาห์สุดท้ายการตื่นตัวของพลังเงียบ พลังช้างป่วยกลายเป็นพลังช้างศึกที่ถูกปลุกขึ้นมาในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะแห่กันออกมาปกบ้านป้องเมืองรักษาวิถีไทยแบบมืดฟ้ามัวดิน คะแนนสองข้างก็คงสูสีกัน ซึ่งถ้าคะแนนสูสีดูดี๋กัน ขั้วรัฐบาลเดิมก็จะจัดตั้งรัฐบาลได้ในที่สุด ท่ามกลางร้อยแปดความวุ่นวาย 

และด้วยฉากทัศน์การเมืองดังวิเคราะห์มานี่เองที่ทำให้พรรคเพื่อไทย โดยณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ประกาศรัว ๆ ทุกเวทีว่า ถ้าเป็นการชกมวย การชนะคะแนนแปลว่าแพ้ ต้องน็อกสถานเดียว อันนี้ก็ว่ากันไป ฝันกันไป 

พูดถึงพรรคส้ม ก้าวไกลสักนิด กรณีพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นไอทีวี คงไม่ส่งผลต่อการลงคะแนนในวัที่ 14 พ.ค. แต่หลังเลือกตั้งต้องลุ้นระทึกว่าอนาคตพิธาจะจบอย่างไร ดีสุดคือเป็น ส.ส.ต่อไป แย่สุดคือพ้นสภาพ ส.ส. 

แต่ที่ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ได้แต่ส่ายหน้าสงสารก็คือพ่อพิมไปพูดในรายการของ ‘จอมขวัญ’ ว่าเรื่องนี้เลวร้ายที่สุดคือโดนตัดสิทธิ์การเป็น ส.ส. เท่านั้น ยังเป็นรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เฮ่อ เชื่อแล้วว่าฝ่ายกฎหมายพรรคส้มไม่เป็นสับปะรดจริง ๆ ทำไมไม่บอกให้คุณทิมรู้ว่า ถ้าโดนตัดสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ก็หมดสิทธิ์จะเป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี เฮ่อออ!!!

โฉบไปที่พรรคภูมิใจไทย แม้จะถูกไล่ล่าจากชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เรื่องกัญชาและสารพัดการเตะสกัดจากคู่แข่งมากแค่ไหน แต่ ‘ครูใหญ่เนวิน’ สั่งทุกแนวรบให้มีสมาธิสู้รบในฉากสุดท้าย จำเพาะที่สนามกรุงเทพฯ ได้ปฏิบัติการเติมกระแสเติมกระสุนใน 4 เขตเป็นกรณีพิเศษ ด้วยความมั่นใจลึก ๆ ว่า จะตอกเสาเข็มให้พรรคได้อย่างน้อย 2 เขต

ปิดท้ายวันนี้ มองให้ไกลไปกว่าหีบเลือกตั้งสักนิดเราจะพบว่า การเลือกตั้งหนนี้มีมหาอำนาจตะวันตกโฟกัสที่หมายถึงการแทรกแซงเป็นพิเศษ พวกเขาบังอาจพูดดักคอดักทางว่ากองทัพและสถาบันเบื้องสูงต้องไม่เข้ามาเกี่ยวข้องทั้ง ๆ ที่สองสถาบันไม่ได้ยุ่งเกี่ยวใด ๆ และเมื่อต้นสัปดาห์มีข่าวว่า ทูตตะวันตกหลายประเทศรวมตัวกันเชิญตัวแทนพรรคเพื่อไทย ก้าวไกล ประชาชาติ และพลังประชารัฐ ชี้นำให้แก้ไขมาตรา 112 ดูเหมือนหลายพรรคจะเออออ..ยกเว้นพลังประชารัฐ!!

ทั้งหลายทั้งปวงเหตุที่มหาอำนาจตะวันตก นำโดยสหรัฐอเมริกาออกอาการจุ้นจ้านเป็นพิเศษ ใช่หรือไม่ว่าก็เพราะพวกเขาอยากได้รัฐบาลที่เลือกข้างสหรัฐ ไม่ใช่รัฐบาลที่รักษาสมดุลอย่างรัฐบาลลุงตู่...ดังนั้นฝากท่านวิญญูชน สาธุชนพึงใคร่ครวญในเรื่องนี้ด้วยเทอญ

เรื่อง: เล็ก เลียบด่วน

‘ลุงตู่’ ฝาก ‘ประชาชน-ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกในชีวิต’ ทบทวนให้ถี่ถ้วน ไทยมาไกลแค่ไหน ก่อนจรดปากกา

อีกไม่กี่อึดใจประชาชนคนไทยจะได้มีโอกาสเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้กันอย่างแน่นอน และเชื่อว่าการเลือกตั้งหนนี้ คนกลุ่มใหม่ที่บ้างก็เรียกว่า New Voter เอย หรือ First Voter เอย ก็จะได้มีโอกาสใช้สิทธิ์เลือกตั้งเป็นครั้งแรกในชีวิต โดยข้อมูลจาก rocketmedialab.co ระบุhttp://rocketmedialab.coว่า ผู้คนเลือดใหม่กลุ่มนี้ ที่กำลังจะเลือกตั้งครั้งนี้ อยู่ที่ 4,012,803 คน โดยจำนวน First Voter ในการเลือกตั้ง 2566 ครั้งนี้ คิดเป็น 7.67% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด

THE STATES TIMES ได้มีโอกาสสอบถาม ‘ลุงตู่’ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เกี่ยวกับการเลือกตั้งหนนี้ ที่จะมีเยาวชนคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งได้เลือกตั้งเป็นครั้งแรกในชีวิต โดย ลุงตู่ กล่าวว่า...

“ก่อนอื่นผมต้องขอแสดงความยินดีกับพวกเขา ที่มีโอกาสใช้สิทธิในครั้งแรกในปีนี้ ซึ่งผมเองก็ขอให้น้อง ๆ ทุกคน มีสติในการเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติในการที่จะเป็น นายกรัฐมนตรี และ ส.ส.ให้ดี”

ลุงตู่ กล่าวต่ออีกว่า “ผมอยากให้การเลือกตั้งหนนี้ เป็นการรวมพลังของคนไทยทุกคนในการร่วมมือกันช่วยกันร่วมมือพาบ้านเมืองเดินหน้าไปได้ด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่มีการแบ่งอายุ หรือวัย เพราะทั้งหมดคือคนไทยด้วยกัน เลือกเพื่อพาประเทศไทยให้เดินข้างหน้า เลือกเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในอนาคตอีก เพราะบ้านเมืองเราขัดแย้งกันไม่ได้อีกแล้ว

“...และส่วนตัวผม ก็อยากให้ประชาชนทุกท่านลองตั้งสติดี ๆ แล้วมองดูภาพประเทศไทยที่แท้จริงว่า วันนี้ประเทศของเราอยู่จุดไหนแล้ว เราเดินหน้ามาไกลหรือยัง แล้วจะเดินหน้าไปต่อไปพร้อมกันได้หรือไม่ หลายสิ่งที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ทันใจหรือถูกใจ เพราะต้องใช้เวลาพอสมควรในการดำเนินการ หลายอย่างเราทำมากว่าจะเสร็จ ก็ 4 ปี 5 ปี 8 ปี”

ลุงตู่ เล่าต่ออีกว่า “แน่นอนว่าบางอย่างมันต้องใช้เวลานานกว่าที่กล่าวไป เพราะโลกมันเปลี่ยนทุกวัน มันต้องมีการปรับแก้และพัฒนากันทุกวัน ทุกเดือน ทุกช่วงเวลา การประชุมในต่างประเทศทุกครั้งล้วนมีวาระที่เกี่ยวเนื่องกับการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น หน้าที่ของเราก็คือ ต้องกลับมาทบทวนโจทย์เหล่านี้ แล้วทำอย่างไรให้ประเทศเดินหน้าทันการเปลี่ยนแปลง ซึ่งวันนี้เรากำลังอยู่จุดนั้น”

“ผมไม่ติดขัดเรื่องการคิดเร็วนะ แต่หากคิดเร็วเกินไป แล้วเกิดปัญหาที่คาดการณ์ไม่ได้ แก้ไม่ได้ มันก็จะยิ่งเป็นปัญหาหนักขึ้นไปอีก เพราะวันนี้ประเทศไทยเราอยู่ในจุดที่ รู้เท่าทันนานาชาติ แล้วก็วางตัวเอง วางประเทศไว้ให้ในจุดที่สมดุลได้แล้ว นี่คือประเทศไทยของเรานะจ๊ะ...ขอบคุณทุกคนนะจ๊ะ” ลุงตู่ กล่าวทิ้งท้าย

ลุงตู่สู้ไม่ถอย!! ‘บิ๊กตู่’ ทิ้งทวน!! ปลุกพลังคนรักชาติ อย่าปล่อยให้ตนสู้คนเดียว กร้าว!! ‘รทสช.’ จะไม่ยอมถอยหลัง ขอพาประเทศเดินไปข้างหน้า

(12 พ.ค. 66) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จัดเวทีปราศรัยใหญในหัวข้อ ‘อย่าให้ลุงตู่สู้คนเดียว ออกมาช่วยกันรักษาบ้านเมือง รวมทุกหัวใจ รวมไทยสร้างชาติ’ ซึ่งเป็นเวทีปิดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคฯ ขึ้นปราศรัย โดยได้กล่าวว่า วันนี้ตนค่อนข้างจะมีอารมณ์นิดนึงแต่ไม่ได้โกรธเคืองใคร แต่มีอารมณ์ เพราะซาบซึ้ง ที่พูดวันนี้ซาบซึ้งกับพวกเราทุกคน ที่มานั่งรอ 2 ชั่วโมง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ผมถึงบอกว่า วันนี้ผมไม่เสียใจที่ได้เป็นทหารมา ได้ดูแลปกป้องแผ่นดินผืนนี้มาให้ไว้กับพวกเรา ผมต้องการให้แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินแห่งสันติสุข เป็นแผ่นดินที่ปลอดภัย มีคนไทยร่วมรักสามัคคีซึ่งกันและกัน เราไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกแผ่นดิน ท่านรับได้หรือไม่ อะไรจะเสียหายบ้าง รู้หรือไม่ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแบบพลิกแผ่นดินในครั้งเดียวได้ เพราะเราไม่รู้ว่าจะพลิกเอาอะไรขึ้นมา วันนี้เรามีของเราอยู่แล้ว อยู่ที่ตัวของเรา คนไทยทุกคน พ่อแม่ พี่น้อง ลูกหลาน ทุกคน ทุกช่วงวัย เพราะฉะนั้น ที่ผมบอกว่า หัวใจผมโตขึ้น เพราะหัวใจผมยิ่งใหญ่ขึ้น ผมต้องรักคนให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่บางครั้งผมก็รู้สึกเจ็บปวดที่หลายคนไม่เข้าใจ แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมาวันนี้ คือ คนให้กำลังใจผมมากกว่า ทำให้ผมมีกำลังใจในการที่จะพาประเทศไทยเดินต่อไปข้างหน้า ผมจะไม่ยอมก้าวถอยหลังอีกแล้ว เราต้องจับมือกัน จูงมือกัน ลากกันไป เพื่อเดินไปข้างหน้า อย่าให้อะไรมาชะงัก หรือดึงรั้งคนไทยทุกคนที่จะก้าวไปข้างหน้า เราจะต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ต้องพัฒนาประเทศให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มความรัก ความสามัคคีให้มากยิ่งขึ้น เพื่ออนาคตของลูกหลาน และของพวกเราทุกคน เราจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายรากเหง้าประเทศของคนไทยโดยเด็ดขาด สังคมครอบครัว การเคารพผู้ใหญ่ การนับถือศาสนา สังคมและชุมชนที่ม่ความรักความสามัคคี มีมิตรไมตรี มีรอยยิ้มให้แก่กัน เราจะต้องไม่ให้สิ่งเหล่านั้นสูญหายไปจากประเทศไทยโดยเด็ดขาด ผมเห็นรอยยิ้มของทุกคนในวันนี้แล้วผมชื่นใจ ทุกคนต้องไม่ปล่อยให้ผมสู้อยู่คนเดียว ใครจะสู้ไปกับผมบ้าง ขอบคุณทุกคน เราจะต้องรวมใจออกมาปกป้องคุณค่าของความเป็นคนไทยและประเทศไทยเราไม่อาจทำให้ประเทศล่มสลายได้”

‘บิ๊กตู่’ เคารพในวิถีประชาธิปไตย และการเลือกตั้ง ย้ำ ‘ทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์’

"...ผมเองนั้น ผมพยายามทำเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดชีวิตของผม และอุดมการณ์ของพรรคก็เช่นเดียวกัน ขอให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย มีความเจริญก้าวหน้า ผมเคารพในวิถีประชาธิปไตย และการเลือกตั้ง ขอบคุณครับ..." 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
กล่าวเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566

‘บิ๊กตู่’ หนุนการค้าและการลงทุน ‘ไทย-จีน’ เต็มอัตรา หวังเชื่อมโยง ‘เซี่ยงไฮ้-EEC’ ยกระดับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

(18 พ.ค. 66 ) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สนับสนุนความร่วมมือด้านการลงทุนและการค้าระหว่างไทย-จีน ซึ่งมีแนวโน้มคึกคักต่อเนื่อง ด้านคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) พร้อมเชื่อมโยงพื้นที่ EEC กับเขตพิเศษหลินกังของนครเซี่ยงไฮ้ มุ่งสู่คลัสเตอร์อุตสาหกรรมแห่งอนาคต

โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา นายกเทศมนตรีนครเซี่ยงไฮ้ นำคณะผู้บริหารระดับสูงของนครเซี่ยงไฮ้ เดินทางมาเยือนประเทศไทยเพื่อร่วมงานลงทุนเซี่ยงไฮ้ ร่วมแบ่งปันอนาคตซึ่งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ดำเนินการร่วมกับนครเซี่ยงไฮ้และภาคเอกชนจัดขึ้น เพื่อขยายความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศ รวมถึงต่อยอดจากการเดินทางไปโรดโชว์ส่งเสริมการลงทุนที่ประเทศจีนของ BOI เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดย BOI เปิดเผยว่า ประเทศไทยยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนชาวจีน โดยมีทำเลที่ตั้งซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับภูมิภาค รวมถึงมีระบบขนส่งและโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน และนิคมอุตสาหกรรมที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งในอนาคตสามารถเชื่อมโยงกับเขตพิเศษหลินกังของนครเซี่ยงไฮ้ได้อีกด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้ นครเซี่ยงไฮ้ของจีนได้ให้ความสำคัญกับการดึงดูดการลงทุนด้านนวัตกรรม วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี โดยผลักดันเขตพิเศษหลินกัง (Shanghai Lin-gang Special Area) เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนในอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เช่น อุตสาหกรรมดิจิทัล สุขภาพและการแพทย์ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และยานยนต์ไฟฟ้า โดยเป็นอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญในการเชื่อมโยงการลงทุนระหว่างไทยและจีนให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น

“นายกรัฐมนตรียินดีที่การค้าและการลงุทนระหว่างไทยและจีนยังคงเดินหน้าเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งอุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์ ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และดิจิทัล สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย ทั้งนี้ รัฐบาล และ BOI ซึ่งมีสำนักงานในจีน 3 แห่ง ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง และกว่างโจว พร้อมขยายโอกาสเชื่อมโยงการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศให้เติบโตมากยิ่งขึ้น” นายอนุชากล่าว

‘บิ๊กตู่’  ปลื้ม!! อาหารไทย ติดอันดับ 4 อาหารต่างถิ่นยอดนิยม มั่นใจ!! เป็น soft power ชูเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทยสู่สากล

(27 พ.ค. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบและยินดีกับอาหารไทย ได้รับการชื่นชมว่าเป็นผู้นำด้านอาหารในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และติดอันดับ 4 ของอาหารต่างถิ่นยอดนิยมของชาวจีน รองจากอาหารตะวันตก อาหารญี่ปุ่น และอาหารเกาหลี จากรายงานการจัดอันดับร้านอาหารห้ามพลาดประจำปี 2565 ของเว็บไซต์ ‘เตี่ยนผิง’ (dianping) ซึ่งเป็นเว็บไซต์นำเสนอไลฟ์สไตล์คนเมืองในจีน สะท้อนความสำเร็จของเอกลักษณ์วัฒนธรรมอาหารไทย ที่ได้รับการยอมรับต่อเนื่อง สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสอดรับกับการขับเคลื่อนนโยบาย ‘ครัวไทยสู่ครัวโลก’

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากข้อมูลระบุว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จำนวนร้านอาหารไทยในปักกิ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า มีขนาดทั้งเล็กและใหญ่กระจายตัวอยู่ทั่วเมือง และเสิร์ฟอาหารไทยสารพัดเมนู ตั้งแต่ตำรับชาววังจนถึงสตรีทฟู้ด โดยเฉพาะเมนูต้มยำกุ้ง ซึ่งสำนักข่าวซินหัว (Xinhua) ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของคุณสุขุมาล ตู้ คนไทยที่ได้เปิดธุรกิจร้านอาหารไทยในเขตทงโจว กรุงปักกิ่ง ประเทศจีนมากว่า 20 ปี ทั้งร้านในชื่อ ‘ครัวคุณแม่’ และ ‘สองพี่น้อง’ รวมถึงล่าสุด ‘นกเอี้ยงและควาย’ (Bird & Buffalo) ซึ่งได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT จากกระทรวงพาณิชย์ เมื่อปลายปี 2022 เพื่อยืนยันว่า การประกอบอาหาร วัตถุดิบ และรสชาติของร้านนี้มีความ ‘ไทยแท้’ โดยคุณสุขุมาล กล่าวว่า มีลูกค้าแวะเวียนมาอย่างต่อเนื่อง โดยบางวันมีลูกค้าเข้ามาที่ร้านมากกว่า 50 โต๊ะ แม้ที่ตั้งร้านจะไกลจากใจกลางเมืองปักกิ่ง อีกทั้งยังเคยมีลูกค้าขับรถมาไกลกว่า 60 กิโลเมตร เนื่องจากอยากรับประทานต้มยำกุ้ง รวมทั้งยังซื้อน้ำซุปต้มยำกลับบ้านอีก 5 กิโลกรัมด้วย

นายอนุชา กล่าวว่า การค้าและการแลกเปลี่ยนระหว่างไทยและจีนยังมีพัฒนาการต่อเนื่อง ด้วยอานิสงส์จากแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative : BRI) โดยชาวจีนสนใจอาหารไทยเพิ่มขึ้น ไปจนถึงการแวะเช็กอินร้านอาหารไทยและซื้อวัตถุดิบกลับไปทำกับข้าวด้วยตนเองที่บ้าน เนื่องจากปัจจุบันสามารถหาวัตถุดิบอาหารไทยในจีนได้สะดวก ทำให้สามารถฝึกทำอาหารไทยที่บ้านได้ ประกอบกับความเชื่อมั่นจากการให้ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT จากหน่วยงานไทย ซึ่งถือเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคตามคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ว่า ร้านอาหารดังกล่าว จะต้องใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ร้านมีความสะอาด ถูกสุขอนามัย บรรยากาศภายในร้านสะท้อนความเป็นไทย รวมถึงเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการร้านอาหารไทยเพื่อยกระดับคุณภาพร้านอาหารให้มีมาตรฐาน สร้างโอกาสทางการตลาดให้เป็นที่รับรู้ในหมู่ผู้บริโภคอีกด้วย

“นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าอาหารไทยจะเป็นอีก Soft power สำคัญในการเผยแพร่ความนิยมของเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยผ่านมิติด้านอาหาร โดยเฉพาะในประเทศจีน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ที่สำคัญโดยไทยมีความได้เปรียบจากการเป็นผู้ผลิตและส่งออกวัตถุดิบต่าง ๆ สอดรับกับนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกของไทยซึ่งรัฐบาลผลักดันมาโดยตลอด เป็นการขยายโอกาสทางการตลาดให้แก่ผู้ประกอบการไทย ทั้งการสนับสนุนธุรกิจร้านอาหารไทยในต่างประเทศ ตลอดจนการผลิตและส่งออกวัตถุดิบของไทยให้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงผู้บริโภคในแต่ละประเทศมากขึ้น” นายอนุชา กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top