Friday, 17 May 2024
บิ๊กตู่

'ดร.สมเกียรติ' ฟันธง 'โอกาส-อนาคต' ครั้งใหญ่ของไทย หาก 'ไทย-กัมพูชา' ร่วมเดินหน้าขุดเจาะแก๊ส-น้ำมัน

หลังจากที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รมว.กห. ได้ให้การต้อนรับการเยี่ยมคำนับของ พลโท ฮุน มาเนต รอง ผบ.ทสส.และ ผบ.ทบ.ราชอาณาจักรกัมพูชา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ณ ศาลาว่าการกลาโหม เมื่อ (20 ก.ย. 65) ที่ผ่านมา

ทางด้าน ดร.สมเกียรติ โอสถสภา อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้โพสต์ข้อความถึงโอกาสและอนาคตของไทย กับการขุดเจาะแก๊สและน้ำมันร่วม ระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า...

ผมดีใจที่นายกประยุทธ์ มีเวลาคิดทำเรื่องสำคัญ การมาของ 'ฮุนมาเนต' คือ เส้นทางที่ราบรื่นของโครงการนี้ ไทยและกัมพูชาจะโชติช่วงชัชวาลไปอีกนาน และจะเป็นพาร์ตเนอร์ที่สำคัญรวยไปด้วยกัน จะมีแก๊สให้ใช้ในสิบปีข้างหน้า

รู้เรื่องนี้ดี ตั้งแต่ทำหกเหลี่ยมเศรษฐกิจที่จุฬาฯ สมช. เมื่อสามสิบปีที่แล้ว 

ราคาแก๊ส น้ำมันระดับนี้คุ้มลงทุน ราคาน้ำมันต้องเกิน 50 เหรียญ 

พื้นที่ย่านนั้นลึกระหว่าง 50 ถึง 100 เมตร แต่ยุคนี้มีเทคโนโลยีใหม่ในการขุดเจาะที่ทำให้ต้นทุนลด แม่นยำ ย่านนั้นหลุมใหญ่ไม่ใช่หลุมเล็กกระจายแบบแก๊สอ่าวไทย 

จะสำเร็จได้ต้องฝ่ายความมั่นคงคุยกัน สมัยลาว, เวียดนาม, พม่า, จีน ก็แบบนี้แหละ ไว้จะงัดข้อมูลมาสนับสนุนโครงการนี้ อย่าลืมอ่านบทความอุตสาหกรรมตัวพ่อ ปิโตรเคมี

ขอบคุณลุงตู่นะครับ ว่องไวปานกามนิตหนุ่ม งานนี้ขอช่วยด้วย

ความสัมพันธ์ไทย กัมพูชาดีมาก ๆ จำเรื่อง สม รังสี ได้ไหม ตอนนั้นอเมริกาบุกแหลก ตอนนี้กัมพูชาถูกอียูแซงชั่น อเมริกาด้วย ตอนนี้เศรษฐกิจจีนก็เหนื่อย

ตอนนี้ท่านฮุนเซน สั่งไล่จับบ่อน กาสิโนหนักหน่วง หวังว่าแก๊ง Call Center ของจีนจะหายไป ต้องคุยกับจีนด้วย ย่านนี้เทคโน น้ำแข็ง ไฟจะมา

ให้กำลังใจคุณสุพัฒน์พงษ์นะครับ ห้ามตาย ทำให้เสร็จ

มหาวิทยาลัยเตรียมคนด้าน ปิโตร/ธรณีเคมี ให้พอนะครับ มหาวิทยาลัยหาที่ให้วิศวะสร้างตึกบ้าง หรือไปใช้ตึกอักษรก็ได้ นิสิตจะได้เป็นแฟนกัน โรงเรียนชายล้วนวางแผนละเอียด55

ขอบคุณลุงตู่นะครับ ลุงดูฟิตมาก งานแบบนี้ต้องฝ่ายความมั่นคงทำจึงสำเร็จ ท่านฮุนเซนไม่คุยกับนักการเมืองดอก

งานนี้ดีมาก กัมพูชาจะรวย ไทยจะมีแก๊สมาแทนแก๊สอ่าวไทยที่จะหมดไปในสิบปีข้างหน้า

ถูกกว่านำเข้าเยอะ

อาเซียนจะรุ่งเรือง

ศาลรธน. เคาะ ‘ประยุทธ์’ นั่งนายกฯยังไม่ถึง 8 ปี ชี้ วาระนายกฯให้เริ่มนับตั้งแต่ 6 เม.ย. 60

ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่สิ้นสุดลง โดยเจตนารมณ์ของ รธน.มาตรา 158 วรรคสี่ ที่กำหนดระยะเวลาการเป็นนายกฯ รวมกันไม่เกิน 8 ปีนั้น ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ รธน.2560 ใช้บังคับ คือวันที่ 6 เม.ย.2560

วันนี้ (30 ก.ย. 65) เมื่อเวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยตามคำร้องที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องของ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 2 ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ให้ พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 65 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยโดยมติเสียงข้างมากว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่สิ้นสุดลง เนื่องจากเจตนารมณ์ของมาตรา 158 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรวมกันไม่เกิน 8 ปีนั้น ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับ นั่นคือวันที่ 6 เมษายน 2560 ดังนั้น ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธจึงยังไม่ครบ 8 ปี และยังสามารถดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อไปได้อีก

'บิ๊กตู่' ฟิตจัด!! กร้าวเดินตามกลยุทธ์ 3 แกนโดยเร็วที่สุด หลังมติคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ไปต่อ!!

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวหลังคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยโดยมติเสียงข้างมากว่า ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่สิ้นสุดลง เนื่องจากเจตนารมณ์ของมาตรา 158 วรรคสี่ ของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรวมกันไม่เกิน 8 ปีนั้น ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญ 2560 ใช้บังคับ นั่นคือวันที่ 6 เมษายน 2560 ดังนั้น ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธจึงยังไม่ครบ 8 ปี และยังสามารถดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อไปได้อีก ว่า...

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ

ผมขอแสดงความเคารพอย่างสูง ต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคน สำหรับกำลังใจและความปรารถนาดี ที่มอบให้ผมมาโดยตลอด

ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสให้ผมได้พิจารณาและตระหนักมากขึ้นว่า ผมจะต้องใช้เวลาอันมีค่าที่มีอยู่อย่างจำกัดของรัฐบาล ในการติดตามและผลักดันโครงการสำคัญต่างๆ มากมาย ที่ผมได้ริเริ่มเอาไว้ ให้เดินหน้าและเสร็จสมบูรณ์ สร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับบ้านเมือง และสร้างอนาคตให้กับลูกหลานของเรา

โดยผมจะใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด และใช้ศักยภาพของผมอย่างเต็มที่ มุ่งมั่นในภารกิจการพลิกโฉมประเทศ ตามกลยุทธ์ 3 แกน ที่ผมได้เคยกล่าวไว้ ให้สำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

สำหรับเรื่องการเมือง และประเด็นต่างๆ รายวันนั้น ผมจะมอบให้เป็นหน้าที่ของท่านอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ชี้แจงทำความเข้าใจต่อไป

เรื่องสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง ตามกลยุทธ์ 3 แกน ก็คือ การขับเคลื่อนเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญๆ ของประเทศให้เสร็จสมบูรณ์ – ทั้งถนน ทางรถไฟ สนามบิน ท่าเรือ ตลอดจนโครงการอื่น ๆ ที่เป็นพื้นฐานสำคัญ ในการสร้างอนาคตของประเทศ อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ที่จะช่วยสร้างโอกาสให้กับประชาชนทั่วประเทศในด้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำมาค้าขาย การเรียนรู้ และอื่น ๆ ด้วยการเข้าถึงระบบออนไลน์ได้อย่างทั่วถึง

โครงการต่างๆ เหล่านั้น เป็นโครงการที่ไม่เคยมีรัฐบาลไหนริเริ่มและดำเนินการได้ ในสเกลที่ใหญ่และบูรณาการขนาดนี้ โดยผมได้เริ่มต้นโครงการต่างๆ ด้วยความรอบคอบ เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อไป จนบรรลุผลสำเร็จ และเปิดให้บริการพี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด ดังนั้นแม้ว่าบางโครงการจะไปเสร็จสมบูรณ์ในช่วงเวลาของรัฐบาลอื่น ก็จะต้องสามารถเดินหน้าไปได้ด้วยความเรียบร้อย ไม่ติดขัด หรือมีอุปสรรคอันใด

เพราะโครงการต่างๆ เหล่านั้น มีความสำคัญอย่างที่สุด เป็นเครื่องรับประกันที่จะทำให้เรามั่นใจได้ว่าประเทศไทยจะสามารถเดินหน้าไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง และเปิดโอกาสให้คนนับล้านๆ คน สามารถสร้างความรุ่งเรืองให้กับตัวเองได้

โค้งสุดท้ายของรัฐนาวา เปิด 4 ภารกิจยากที่ 'ประยุทธ์' ต้องตัดสินใจ จะเดินหน้า หรือพอแค่นี้ในวัยย่าง 68 ปี

หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังอยู่ในตำแหน่งไม่ครบ 8 ปี โดยเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันพล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อถึงปี 68 เดินทางกลับเข้าทำเนียบทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไปได้

ภารกิจเริ่มต้นในวันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม 2565 เข้าทำเนียบให้บรรดาเอกอัครราชทูต, ทูตที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ใหม่เข้าพบ วันอังคารก็จะทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีตามปกติ และวันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม ก็จะเดินทางไปตรวจสถานการณ์น้ำท่วมจากฤทธิ์ของพายุโนรู ที่จังหวัดอุบลราชธานี

แต่หลังจากนี้ยังมีภารกิจที่ต้องตัดสินใจทันทีอีก 4 เรื่องที่รออยู่...

>> ภารกิจแรก คือ การตัดสินใจว่าจะปรับคณะรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่หรือไม่ 4 ตำแหน่ง คือ 

1.) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แทนนิพนธ์ บุญญามณี จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลาออกไปสู้คดีในชั้นศาลกับ ป.ป.ช.ที่ถูก ป.ป.ช.กล่าวหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ไม่เบิกจ่ายงบให้บริษัทเอกชนผู้ชนะการประมูลรถอเนกประสงค์ซ่อมบำรุงทางของ อบจ.สงขลา สมัยเป็นนายกฯอบจ.สงขลา ด้วยเหตุผลว่า พบมีการฮั้วประมูล

2.) แทนตำแหน่งของกนกวรรณ วิลาวัลย์ พรรคภูมิใจไทย ที่ศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษา หลังศาลประทับรับฟ้องคดีบุกรุกป่าเขาใหญ่ ถือเป็นการละเมิดจริยธรรมร้ายแรงด้วย มีคดีตัวอย่างที่ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐโดนมาแล้ว ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต

3.) ปรับแทนตำแหน่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง จากปฏิบัติการล้มประยุทธ์กลางสภา แต่แผนรั่วเสียก่อน จึงถูกเตะออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี

4.) ปรับแทน ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จากพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกปลดพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อม ร.อ.ธรรมนัส จากปฏิบัติการล้มประยุทธ์เช่นกัน

โดยในกรณี ร.อ.ธรรมนัส และ ดร.นฤมล ถือเป็นเด็กในคาถาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และหลังจากถูกปลดก็ยังไม่มีการแต่งตั้งใครมาแทน แต่ในสถานการณ์ใกล้เลือกตั้ง เพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้ง จึงน่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี ในเร็ววัน เพราะคณะรัฐมนตรีชุดนี้ก็จะหมดวาระลงพร้อมวาระของสภาในวันที่ 23 มีนาคม 2566 

>> ภารกิจที่สอง คือ การเตรียมความพร้อมในการจัดประชุมเอเปกในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่สำคัญคือจะแก้หน้าอย่างไรกับการที่ผู้นำโลกอย่าง 'โจ ไบเดน' ไม่มาร่วมประชุมด้วย แค่ขออยู่ร่วมงานแต่งงานของหลาน ที่สำคัญคือในฐานะเจ้าภาพต้องจัดงานให้เป็นที่ประทับใจ เกิดประโยชน์กับชาติประเทศ และประเทศไทยให้มากที่สุดด้วย

‘บิ๊กตู่’ ฟิตจัด จันทร์นี้ประชุมร่วมผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ก่อนที่อังคารนี้จะบินลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจชาวอุบลฯ เลื่อนประชุม ครม.เป็นวันพุธ

เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ทำหนังสือเวียนถึงคณะรัฐมนตรี(ครม.) และหน่วยวานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งเลื่อนการประขุม ครม. โดยการประชุม ครม. ครั้งต่อไปเลื่อนเป็นวันพุธที่ 5 ต.ค. 2565 ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากในวันอังคารที่ 4 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มีภารกิจลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อตรวจสถานการณ์น้ำ และเยี่ยมให้กำลังใจ ประชาชนที่ประสบอุทุกภัย

'บิ๊กตู่' ขอบคุณบุคลากร ศบค. ทุกคน ที่อุทิศตนต่อสู้กับโควิด-19 ให้ผ่านพ้นไปได้

(3 ต.ค. 65) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก 'ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha' ว่า...

ถึง เพื่อนข้าราชการทั่วประเทศ ผู้ปฏิบัติงานใน ศบค.ทุกระดับ ตลอดจนบุคลากรและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่าน

เมื่อวันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 เป็นวันสุดท้ายของการทำงานของ ศบค. ซึ่งได้ทำงานด้วยกันมา นับตั้งแต่ประเทศไทยเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เมื่อเดือนมีนาคม 2563 จนถึงวันนี้ นับเป็นเวลากว่า 2 ปีครึ่ง หรือ 900 กว่าวัน ผมขอขอบคุณทุกท่าน และทุกหน่วยงาน ที่ได้ทำงานด้วยความเสียสละ ทุ่มเท เคียงบ่าเคียงไหล่กับผม รัฐบาล และทุกภาคส่วนของประเทศ โดยไม่ย่อท้อต่อความเหนื่อยยาก ใช้ความพยายามอย่างสูงสุด และทุกวิถีทาง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของเรา คือ "ประเทศชาติต้องปลอดเชื้อ ประชาชนต้องปลอดภัย" 

‘บิ๊กตู่’ เตรียมลงพื้นที่ขอนแก่น -อุบลฯ กำชับ ‘ไม่ต้องทำป้าย – ขนคนมาต้อนรับ’

‘บิ๊กตู่’ สั่งผู้ว่าฯ ขอนแกน-อุบลฯ ไม่ต้องเอาคนมาถือป้ายต้อนรับ บอกไม่อยากเป็นภาระกับใคร ตนยังแข็งแรง ขอให้ไปดูแลประชาชนก่อน บอกทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกัน ไม่มีขัดแย้ง 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ติดตามการรับมือสถานการณ์น้ำท่วม ช่วยเหลือประชาชน

โดยระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ รายงานสถานการณ์ เมื่อถึงคิวผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “พรุ่งนี้ผมไปเยี่ยมนะ ไปให้กำลังใจนะ ไม่มีอะไรหรอก ไม่มีป้ายต้อนรับผมทั้งสิ้นเข้าใจหรือเปล่า ไม่เอาป้าย เอาคนมาถือป้ายไม่เอา ไปทำงาน ไม่สร้างภาระให้กับใครทั้งสิ้น”

ขณะที่ผู้ว่าราชการการจังหวัดอุบลราชธานี รายงานสถานการณ์ว่าจังหวัดอุบลราชธานีมีน้ำท่วม 8 อำเภอ แบ่งเป็นชุมชน 109 แห่ง ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว 69 จุด 

ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “พรุ่งนี้ผมไปนะ ขอนแก่นกับอุบลฯ  ไม่ต้องเรื่องมากกับผม ผมไปของผม ผมแข็งแรง  ไม่ต้องดูแลผม ดูแลประชาชนไปก่อน ผมไม่ต้องการเป็นภาระกับใครทั้งสิ้น”

ในส่วนของกรุงเทพมหานคร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นห่วงและติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง มีปัญหาเรื่องน้ำที่สะสมอยู่ในการระบายน้ำโซนกรุงเทพตะวันออก ขอให้กำลังใจ หากมีปัญหาขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานกันให้ดี ในส่วนของกระสอบทรายกระทรวงกลาโหม ปภ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมช่วยเหลือ คอยหารือกัน ให้การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เราขัดแย้งกันไม่ได้ในวันนี้ ต้องรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด จะดีก็ดีด้วยกัน ไม่ดีก็ไม่ดีด้วยกัน ทุกหน่วยงาน ทุกจังหวัด 

วันนี้มาให้กำลังใจ มอบความห่วงใยไปยังข้าราชการทุกคนที่เสียสละหน้างาน สิ่งที่พูดวันนี้คือแผนงานล่วงหน้า ปัญหาวันนี้คือจะทำอย่างไร การคาดการณ์ ล่วงหน้า ต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ไม่ให้ตื่นตระหนก ถ้าไม่จำเป็นเราไม่ทำให้ใครเดือดร้อนอยู่แล้ว เราเคยมีบทเรียนในลุ่มเจ้าพระยาสิ่งสำคัญคือการระบายน้ำไปฝั่งตะวันตกและตะวันออกให้เกิดความสมดุล บอนนี่ก็ดนตรีกับปกครองซึ่งตนเคยบอกว่าในอนาคตอาจต้องมีเพิ่มเติม หากน้ำมาในปริมาณเกินก็กันไม่ได้ต้องลดความเดือดร้อนให้มากที่สุด

ขอนแก่น - 'บิ๊กตู่' ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วม

ขอนแก่น - 'บิ๊กตู่' ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำท่วม

นายกรัฐมนตรีลุยพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเมือง โดยบางข่วงบางตอนได้มีการพูดคุยกับประชาชนที่มารอให้กำลังใจ บอกว่าให้ประชาชนรัก สามัคคี และเชื่อมั่นในรัฐบาล
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 4 ตุลาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานขอนแก่น ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เพื่อตรวจติดตามแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัยที่ จ.ขอนแก่น และ  จ.อุบลราชธานี โดยนายกฯได้หยุดโบกมือทักทายประชาชนที่อยู่อาคารติดกับสนามบินด้วยอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งถือว่าเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง

จากนั้นเมื่อเวลา 09.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ได้รับฟังบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำ และสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวรายงานสถานการณ์ในพื้นที่การเกิดน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ว่า แบ่งเป็น 3 กรณีคือ น้ำเหนือ คือน้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ 2 สาย มาบรรจบกันที่ลำน้ำชีเขตรอยต่อขอนแก่น มหาสารคาม ลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ซึ่งปัจจุบันปริมาณน้ำเกินความจุของอ่างฯแล้ว น้ำนองคือน้ำค้างทุ่ง โดยเฉพาะฝนปีนี้มากกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี ประมาณ 39% ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมในเขตเศรษฐกิจเมืองขอนแก่นบริเวณบึงหนองโคตรและชุมชน

นายไกรสร กล่าวเพิ่มเติมว่าส่วนน้ำที่หนุน จากจังหวัดมหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ดยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ซึ่งมีผลทำให้ขอนแก่นระบายน้ำได้ช้าลง โดยจังหวัดขอนแก่น ได้นำโครงการระบบป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่ชุมชนจังหวัดขอนแก่น งบประมาณ 376 ล้านบาท เริ่มมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 สิ้นสุด โครงการเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งจะช่วยเสริมการระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดขอนแก่นว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ไม่ได้เป็นการมาตำหนิใคร แต่ต้องการมาช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด และขอให้ทุกฝ่ายพยายามเยียวยาอย่างทั่วถึง ทั้งนี้แนวทางการแก้ปัญหามีแผนงานโครงการของทุกจังหวัดอยู่แล้ว ซึ่งหลายโครงการมุ่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในปี 2565 และบางโครงการมุ่งให้สำเร็จในปี 2566

พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ กล่าวย้ำว่า การระบายน้ำในพื้นที่และการพร่องน้ำต่างๆจะต้องบูรณาการไม่ให้เกิดผลกระทบกับ ประชาชน ซึ่งภาพรวมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางพื้นที่น้ำมาก บางพื้นที่น้ำน้อย ดังนั้นจะต้องมาพิจารณาหาแนวทาง เพื่อให้ได้ประโยชน์ร่วมกันในเรื่องของการกักเก็บน้ำ

พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ กล่าวอีกว่าถ้าหากยังมีฝนตกในปริมาณมากกว่าที่จะระบายน้ำได้ทัน ก็ยังจะมีปัญหาอยู่เช่นนี้ และไม่ใช่การแก้ตัว แต่เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งจะต้องหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด หากอะไรที่สามารถป้องกันได้ก็ให้ดำเนินการไป เช่น การปกป้องโรงพยาบาล พื้นที่เศรษฐกิจ แต่หากเรื่องไหนทำไม่ได้ก็ต้องหาวิธีการแก้ไข เพื่อให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรักษาพยาบาล อาหาร น้ำสะอาดและพื้นที่พักพิงสำหรับการแก้ปัญหาต้องสรุปและแบ่งเป็นกลุ่มในการเยียวยาให้ทั่วถึง เช่นกลุ่มเกษตรกร ภาคธุรกิจ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

ในฐานะนายกฯ และรัฐบาลได้สั่งการให้เตรียมการไว้นานแล้ว เพราะคาดการณ์อยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้น จึงขอให้ทุกหน่วยงาน ทุกคน ทุกเหล่าทัพ ดำเนินการให้เร็วที่สุดในทุกพื้นที่ รวมถึงขอความร่วมมือภาคธุรกิจเอกชนเข้ามาช่วยในเรื่องของอาหาร อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ เพื่อเป็นการช่วยชาติช่วยประชาชน และนั่นคือสิ่งที่จะรวมพลังคนไทยทั้งหมด และจะสามารถแก้ได้ทุกปัญหา มากบ้างน้อยบ้าง เร็วบ้างช้าบ้าง นั่นคือประเทศไทยหากไม่ทำเช่นนี้ก็จะแก้ไขไม่ได้  ถือว่าไม่ใช่ผลงานของใครคนใดคนหนึ่ง

จากนั้นเมื่อเวลา 10.26 น. พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ เดินทางออกจากท่าอากาศยานขอนแก่น ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ด้วยรถยนต์ทรานฟอร์เมอร์ ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สีส้ม ทะเบียน 1 นข 4001 กรุงเทพมหานคร ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เดินทางไปที่จุดสถานีสูบน้ำพลังงานไฟฟ้า บึงหนองโคตร เทศบาลตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมืองขอนแก่น โดยจุดนี้เกิดน้ำท่วมตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นพื้นที่รอยต่อพื้นที่เศรษฐกิจเมืองขอนแก่นและมีหมู่บ้านจัดสรร บ้านเรือนประประชาชน ได้รับผลกระทบจำนวนมาก จากฝนที่ตกหนักจนน้ำจากบึงหนองโคตรระบายไม่ทันเอ่อนล้นเข้าท่วมถนนและบ้านเรือนประชาชนหลายพันหลังคาเรือน

ขณะที่นายชัชวาล ธีรภานุ นายกเทศมนตรีตำบลบ้านเป็ด ได้กล่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ รวมถึงสภาพปัญหาและข้อจำกัดในการระบายน้ำจากบึงหนองโคตรว่าได้เสนอแผนเพื่อเพิ่มช่องทางการระบายน้ำให้มากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงช่องทางเดียวเพื่อป้องกันน้ำท่วมกรณีเกิดฝนตกหนัก ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเบื้องต้น ทางเทศบาลตำบลบ้านเป็ดได้ระดมเครื่องสูบน้ำจาก สำนักงานทรัพยากรน้ำที่ 4 อบจ.ขอนแก่น และเครื่องสูบน้ำระยะไกลของศูนย์ ปภ.เขต 6 เร่งพร่องน้ำออกจากบึงหนองโคตรให้ได้มากที่สุด เพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนที่ตกมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้น มีประชาชนใกล้เคียงออกมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี โดยพลเอกประยุทธ์ ได้พูดคุยกับประชาชนว่าให้ประชาชนรัก สามัคคีกันเชื่อฟังคำแนะนำและการปฏิบัติ ที่สำคัญเชื่อมั่นในรัฐบาลแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น จากนั้นนายกรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย ที่วัดเทพนิมิตวนาราม บ้านพรหมนิมิต หมู่ 4 ตำบลโคกสี อำเภอเมืองขอนแก่น ต่อไป

สำหรับบรรยากาศการรอต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ที่บริเวณโดยรอบบึงหนองโคตร จังหวัดขอนแก่น ได้มี จนท.ตำรวจนำกำลังจำนวนหลายร้อยนายทั้งในและนอกเครื่องแบบ ตามเส้นทางเข้าออกทุกเส้นทางป้องกันม็อบ ขณะที่ อสม.นำดอกไม้มารอต้อนรับ ส่วนคนเสื้อแดงนำรถติดตั้งเครื่องขยายเสียงพร้อมมวลชนจำนวนหลายคนมาโจมตีการทำงานของนายกฯ

บรรยากาศการเตรียมการรอต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ  จันทร์โอชา ที่จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำท่วมใน พท.ที่จังหวัดขอนแก่น โดยจุดแรกที่นายกรัฐมนตรีจะลงตรวจเยี่ยมก็คือ ที่บริเวณโดยรอบบึงหนองโคตร บ้านคำไฮ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง ซึ่งเป็นบึงขนาดใหญ่ และเป็นแก้มลิง รอรับน้ำจากแหล่งต่างๆ ของเขต อ.เมือง ที่จะไหลมารวมกัน ปีนี้ฝนตกหนักจึงทำให้น้ำล้นอ่างมาท่วมถนนสายรอบบึง และทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านที่อยู่โดยรอบของบึงหนองโคตรมานานหลายวันแล้ว

โดยการรักษาความปลอดภัย ของ จนท.ตำรวจนั้น ได้วางกำลังหลายร้อยนายไว้ตามจุดต่าง ๆ ของถนนเส้นทางเข้าออกบึงหนองโคตร โดยมีบรรดา อสม.ตำบลบ้านเป็ด ถือดอกไม้มารอต้อนรับและให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี พร้อมฝาก ผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรีด้วยว่า เงินที่บอกว่าจะเพิ่มให้ อสม.เดือนละ 3,000 บาทนั้น เมื่อไหร่จะได้ ขอให้เห็นใจ อสม.ด้วย เพราะ อสม.คือด่านหน้าที่ทำงานให้กับทางราชการ

'บิ๊กตู่' เดอะแบก!! ไม่ปรับ ครม. เกรงใจพี่เห็นใจน้อง หวั่น!! รอยร้าวสะเทือน 'สุข-ทุกข์' ประชาชนยามนี้

มีอะไรซ่อนอยู่? หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันแล้วว่า “ยังไม่มีการปรับ ครม.” ในวันแรกของการประชุม ครม.ที่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมานั่งหัวโต๊ะเหมือนเดิม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีลาป่วยกะทันหัน

ขณะที่ นายกฯ ชาย 'เดชอิศม์ ขาวทอง' รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปีที่ผ่านมา และนำพาพรรคประชาธิปัตย์คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อมเขต 6 สงขลา แทน 'ถาวร เสนเนียม' ซึ่งเป็นชัยชนะที่นายกฯ ชายสามารถคว้ามาให้ 'สุภาพร กำเนิดผล' หรือ คุณน้ำหอม ผู้เป็นภรรยานั้น ก็ได้กล่าวยืนยันในวงสัมมนาใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า “ถ้ามีการปรับ ครม.ก็จะไม่รับตำแหน่งบริหาร เพราะตั้งแต่รับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ ยังไม่ได้พิสูจน์ฝีมืออะไร” 

การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งสัญญาณว่ายังไม่ปรับ ครม.ไม่ได้หมายความว่า ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ 6 เดือนจะไม่มีการปรับ ครม.เพียงแต่บอกว่าเวลานี้ สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นปรับ ครม.เท่านั้นเอง เพราะเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน อาจจะมีการปรับ ครม.เกิดขึ้นก็ได้

สถานการณ์เปลี่ยนที่ว่า ก็เช่น พรรคประชาธิปัตย์, พรรคภูมิใจไทย กดดันให้ปรับ ครม. หรือแม้แต่ในพรรคพลังประชารัฐเอง ก็อาจจะกดดันให้แต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่สองตำแหน่ง หรือกดดันให้ปรับรัฐมนตรีที่ไม่เวิร์กออกไป เอาคนใหม่เข้ามาแทน 

แม้กระทั่งความขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย ก็เป็นแปรที่จะเดินไปถึงจุดที่กระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล ส่งผลให้การปรับ ครม.อาจจะเกิดขึ้นได้แม้จะมีช่วงเวลาในการบริหารราชการแผ่นดินเพียงสั้น ๆ ก็ตาม 

ทว่า เรื่องของงานบริหาร การตัดสินใจ ไม่ควรจะขาดช่วงขาดตอน เพราะนั่นคือ 'สุข-ทุกข์' ของประชาชน

มองไปที่พรรคประชาธิปัตย์ หากมีการปรับ ครม.เมื่อนายกฯ ชายประกาศชัดว่าไม่รับตำแหน่ง ถ้าโควต้าของ 'นิพนธ์ บุญญามณี' เป็นโควต้าของภาคใต้ โอกาสก็จะเป็นของ 'นริศ ขำนุรักษ์' ส.ส.หลายสมัยของประชาธิปัตย์พัทลุง และในการเลือกครั้งปี 2562 เขาเพียงหนึ่งเดียวที่รักษาหน้าประชาธิปัตย์ไว้ได้ เพราะ 'นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ' ที่ว่าแน่ยังสอบตกเลย

โอกาสเป็นของ 'นริศ' ถ้า 'ชินวรณ์ บุณยเกียรติ์' ผู้อาวุโสแห่งเมืองนครศรีธรรมราช ไม่ลดตัวไปนับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย ที่เคยนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการมาก่อนแล้ว จึงไม่เสียหายอะไรถ้าจะเปิดทางให้คนใหม่ ๆ อย่าง 'นริศ' เข้ามาทำหน้าที่บริหาร แถมจะเป็นผลดีต่อการเลือกตั้งของจังหวัดพัทลุงด้วยเสียอีก

สำหรับพรรคภูมิใจไทย ถ้ามีการปรับ ครม.ก็มีการสะกิดให้ 'บุญลือ ประเสริฐโสภา' ส.ส.ราชบุรี ปัดแป้งแต่งหน้ารอไว้แล้ว เข้ามาแทน 'กนกวรรณ วิลาวัณย์' รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ ที่เวลานี้ศาลสั่งพักงานอยู่ หลังโดนคดีบุกรุกป่าเขาใหญ่

โดยสรุปที่นายกรัฐมนตรียืนยันไม่ปรับครม.ในเวลานี้อาจจะเกิดจากความลังเลใจในส่วนของพรรคพลังประชารัฐมากกว่า ว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นหรือไม่ กับสองตำแหน่งที่ว่างอยู่ คือ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ แทน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และรัฐมนตรีช่วยแรงงานฯ แทน ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ถูกปลดไปเมื่อครั้งแผนล้มประยุทธ์รั่ว 

ไม่เพียงแค่นั้น สำหรับพรรคพลังประชารัฐแล้ว ยังมีรัฐมนตรีบางคนเริ่มขาลอยกับการปฎิบัติหน้าที่ที่ไม่เข้าตากรรมการ ไม่เอาใจใส่ ส.ส.ในพรรค และรัฐมนตรีบางคนก็ไม่ยึดโยงกับพรรค เพราะเป็นโควต้ากลางของ พล.อ.ประยุทธ์ 

ไหนจะเรื่องการทวงถามจาก ส.ส.กลุ่มปากน้ำ ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคไปรับปากกับกลุ่มปากน้ำไว้ว่าจะยกตำแหน่งรัฐมนตรีให้ ถ้ามีการปรับ ครม. แต่สุดท้ายหายเงียบ จนเกิดปฏิกิริยา ไม่ยกมือสนับสนุน พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ไหนจะยังมี ส.ส.สายใต้ 14+1 ซึ่งก็มีสิทธิ์ที่จะทวงถามหาตำแหน่งรัฐมนตรีเช่นกัน ฉะนั้นระหว่าง 15 ที่นั่งของภาคใต้ กับ 7 ที่นั่งของปากน้ำ จะให้เก้าอี้รัฐมนตรีกับกลุ่มใด

'โชห่วยโคราช' เผย!! 'ทรานซิสเตอร์' รุ่นฮิตขายดี หลัง 'นายกฯ' แนะเตรียมพร้อมไว้รับเหตุฉุกเฉิน

'วิทยุทรานซิสเตอร์' ยี่ห้อดัง 'ธานินทร์' รุ่นยอดฮิตเริ่มขาดตลาด หลังโชว์ห่วยแห่ซื้อไปขายในชนบท ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า รับกระแสนายกฯแนะนำให้เตรียมไว้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

เมื่อ (5 ต.ค. 2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ กับผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อติดตามและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ เมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา และในตอนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในกรณีที่เกิดปัญหาฉุกเฉินระบบการสื่อสารล่ม หน่วยงานราชการต่าง ๆ แจ้งข้อมูลให้ประชาชนทราบได้ยากลำบาก อาจจะต้องใช้วิทยุทรานซิสเตอร์ในการออกอากาศแจ้งเตือนประชาชน เหมือนกรณีเหตุน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ที่เกิดไฟฟ้าดับหมด และใช้การสื่อสารแจ้งเตือนประชาชนผ่านวิทยุทรานซิสเตอร์ได้ผลมาแล้วนั้น ซึ่งทำให้เกิดกระแสแชร์ต่อเรื่องนี้ในโซเชียลกันอย่างกว้างขวาง จนกลายเป็นไวรัลอยู่ในขณะนี้นั้น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปที่ร้าน เตีย แซ ฮวด ริมถนนมิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นร้านขายปลีก และขายส่งวิทยุทรานซิสเตอร์เก่าแก่ของเมืองโคราช พบว่ามีลูกค้าซึ่งเป็นร้านโชว์ห่วยจากต่างอำเภอ เดินทางมาเลือกซื้อวิทยุทรานซิสเตอร์เพื่อนำไปขายต่อกันอย่างคึกคัก

โดยนายจิน เซ็ง อายุ 55 ปี เจ้าของร้าน เตีย แซ ฮวด เปิดเผยว่า เดิมทีนั้นร้านของตนเอง เป็นร้านขายปลีกและขายส่งวิทยุทรานซิสเตอร์ ยี่ห้อ 'ธานินทร์' มานานกว่า 30 ปีแล้ว ต่อมาก็เริ่มนำเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้ออื่น ๆ มาขายเพิ่ม แต่หากย้อนไปเมื่อ 20 - 30 ปีก่อน วิทยุทรานซิสเตอร์ จะได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะวิทยุทรานซิสเตอร์ยี่ห้อธานินทร์ รุ่นTF-268 ซึ่งเป็นรุ่นในตำนาน จะได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะสามารถรับฟังคลื่นวิทยุได้ 2 ระบบ คือระบบ FM และ AM ที่ชาวบ้านจะซื้อไปฟังเพลง ฟังข่าว ตามท้องไร่ ท้องนา ได้อย่างสะดวกสบาย เนื่องจากมีน้ำหนักเบา และคงทน โดยจะนิยมใช้คู่กับถ่านไฟฉายตรากบ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top