'บิ๊กตู่' เดอะแบก!! ไม่ปรับ ครม. เกรงใจพี่เห็นใจน้อง หวั่น!! รอยร้าวสะเทือน 'สุข-ทุกข์' ประชาชนยามนี้

มีอะไรซ่อนอยู่? หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันแล้วว่า “ยังไม่มีการปรับ ครม.” ในวันแรกของการประชุม ครม.ที่ พล.อ.ประยุทธ์ กลับมานั่งหัวโต๊ะเหมือนเดิม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีลาป่วยกะทันหัน

ขณะที่ นายกฯ ชาย 'เดชอิศม์ ขาวทอง' รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปีที่ผ่านมา และนำพาพรรคประชาธิปัตย์คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อมเขต 6 สงขลา แทน 'ถาวร เสนเนียม' ซึ่งเป็นชัยชนะที่นายกฯ ชายสามารถคว้ามาให้ 'สุภาพร กำเนิดผล' หรือ คุณน้ำหอม ผู้เป็นภรรยานั้น ก็ได้กล่าวยืนยันในวงสัมมนาใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่า “ถ้ามีการปรับ ครม.ก็จะไม่รับตำแหน่งบริหาร เพราะตั้งแต่รับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้ ยังไม่ได้พิสูจน์ฝีมืออะไร” 

การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งสัญญาณว่ายังไม่ปรับ ครม.ไม่ได้หมายความว่า ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ 6 เดือนจะไม่มีการปรับ ครม.เพียงแต่บอกว่าเวลานี้ สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นปรับ ครม.เท่านั้นเอง เพราะเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน อาจจะมีการปรับ ครม.เกิดขึ้นก็ได้

สถานการณ์เปลี่ยนที่ว่า ก็เช่น พรรคประชาธิปัตย์, พรรคภูมิใจไทย กดดันให้ปรับ ครม. หรือแม้แต่ในพรรคพลังประชารัฐเอง ก็อาจจะกดดันให้แต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่สองตำแหน่ง หรือกดดันให้ปรับรัฐมนตรีที่ไม่เวิร์กออกไป เอาคนใหม่เข้ามาแทน 

แม้กระทั่งความขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคภูมิใจไทย ก็เป็นแปรที่จะเดินไปถึงจุดที่กระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล ส่งผลให้การปรับ ครม.อาจจะเกิดขึ้นได้แม้จะมีช่วงเวลาในการบริหารราชการแผ่นดินเพียงสั้น ๆ ก็ตาม 

ทว่า เรื่องของงานบริหาร การตัดสินใจ ไม่ควรจะขาดช่วงขาดตอน เพราะนั่นคือ 'สุข-ทุกข์' ของประชาชน

มองไปที่พรรคประชาธิปัตย์ หากมีการปรับ ครม.เมื่อนายกฯ ชายประกาศชัดว่าไม่รับตำแหน่ง ถ้าโควต้าของ 'นิพนธ์ บุญญามณี' เป็นโควต้าของภาคใต้ โอกาสก็จะเป็นของ 'นริศ ขำนุรักษ์' ส.ส.หลายสมัยของประชาธิปัตย์พัทลุง และในการเลือกครั้งปี 2562 เขาเพียงหนึ่งเดียวที่รักษาหน้าประชาธิปัตย์ไว้ได้ เพราะ 'นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ' ที่ว่าแน่ยังสอบตกเลย

โอกาสเป็นของ 'นริศ' ถ้า 'ชินวรณ์ บุณยเกียรติ์' ผู้อาวุโสแห่งเมืองนครศรีธรรมราช ไม่ลดตัวไปนับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วย ที่เคยนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการมาก่อนแล้ว จึงไม่เสียหายอะไรถ้าจะเปิดทางให้คนใหม่ ๆ อย่าง 'นริศ' เข้ามาทำหน้าที่บริหาร แถมจะเป็นผลดีต่อการเลือกตั้งของจังหวัดพัทลุงด้วยเสียอีก

สำหรับพรรคภูมิใจไทย ถ้ามีการปรับ ครม.ก็มีการสะกิดให้ 'บุญลือ ประเสริฐโสภา' ส.ส.ราชบุรี ปัดแป้งแต่งหน้ารอไว้แล้ว เข้ามาแทน 'กนกวรรณ วิลาวัณย์' รัฐมนตรีช่วยศึกษาธิการ ที่เวลานี้ศาลสั่งพักงานอยู่ หลังโดนคดีบุกรุกป่าเขาใหญ่

โดยสรุปที่นายกรัฐมนตรียืนยันไม่ปรับครม.ในเวลานี้อาจจะเกิดจากความลังเลใจในส่วนของพรรคพลังประชารัฐมากกว่า ว่าจะเกิดแรงกระเพื่อมขึ้นหรือไม่ กับสองตำแหน่งที่ว่างอยู่ คือ รัฐมนตรีช่วยเกษตรและสหกรณ์ แทน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และรัฐมนตรีช่วยแรงงานฯ แทน ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ถูกปลดไปเมื่อครั้งแผนล้มประยุทธ์รั่ว 

ไม่เพียงแค่นั้น สำหรับพรรคพลังประชารัฐแล้ว ยังมีรัฐมนตรีบางคนเริ่มขาลอยกับการปฎิบัติหน้าที่ที่ไม่เข้าตากรรมการ ไม่เอาใจใส่ ส.ส.ในพรรค และรัฐมนตรีบางคนก็ไม่ยึดโยงกับพรรค เพราะเป็นโควต้ากลางของ พล.อ.ประยุทธ์ 

ไหนจะเรื่องการทวงถามจาก ส.ส.กลุ่มปากน้ำ ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคไปรับปากกับกลุ่มปากน้ำไว้ว่าจะยกตำแหน่งรัฐมนตรีให้ ถ้ามีการปรับ ครม. แต่สุดท้ายหายเงียบ จนเกิดปฏิกิริยา ไม่ยกมือสนับสนุน พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ไหนจะยังมี ส.ส.สายใต้ 14+1 ซึ่งก็มีสิทธิ์ที่จะทวงถามหาตำแหน่งรัฐมนตรีเช่นกัน ฉะนั้นระหว่าง 15 ที่นั่งของภาคใต้ กับ 7 ที่นั่งของปากน้ำ จะให้เก้าอี้รัฐมนตรีกับกลุ่มใด

ไหนยังจะมี ดร.นฤมล ที่เป็นมือไม้ หรือมันสมองให้ พล.อ.ประวิตร อยู่อีก และต้องชั่งใจกลุ่มบ้านใหญ่ทั้งหลายว่าเลือกตั้งครั้งหน้าใครจะอยู่ ใครจะไป อย่างเช่น กลุ่มสามมิตร, กลุ่มชลบุรี, กลุ่มกำแพงเพชร, กลุ่มนครสวรรค์, กลุ่มโคราช ยังจะร่วมหัวจมท้ายกันอยู่ไหม? เหล่านี้เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องคิดหนักในการตัดสินใจ

'เกรงใจพี่ เห็นใจน้อง' น่าจะเป็นภาวะกระอักกระอ่วนใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่อธิบายให้เห็นภาพได้มากที่สุด

เพราะนาทีนี้ หากลองมองสะท้อนผ่านข้อเสนอของ 'วีระกร คำประกอบ' ส.ส.9 สมัยของนครสวรรค์ จากกลุ่มสามมิตร ผู้ใกล้ชิด 'สมศักดิ์ เทพสุทิน' ให้ พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดต อันดับ 1 ของพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่อันดับ 2 มันก็พอจะแปลความได้ว่า ในกลุ่มต่างๆ ได้มีการหารือกันบ้างแล้ว เช่น ไม่เอาประยุทธ์สองปี แต่ดัน พล.อ.ประวิตรขึ้นแทน เสนอลึกลงไปในรายละเอียด ให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีกลาโหม หรือรัฐมนตรีมหาดไทย เป็นต้น

นี่จึงเป็นประเด็นหลักที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ คิดหนัก และตัดสินใจยังไม่ปรับ ครม.เวลานี้ เพราะยิ่งปรับอาจยิ่งร้าวหนักกว่าเดิม

อะไร ๆ ก็ตู่!!