Tuesday, 7 May 2024
นครพนม

นครพนม - ชาวบ้านตื่น !! พบกรุพระพุทธรูปเก่า 200 ปี ซุกไหโบราณ แห่ส่องเลขเด็ด กว้านซื้อเกลี้ยงแผง

วันที่ 15 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน บ.วังกระแส หมู่ 10 ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม ว่ามีผู้ขุดพบกรุพระพุทธรูปสมัยโบราณ ซุกอยู่ในไหขุดพบในที่นาของชาวบ้าน ขอให้มาตรวจสอบด้วยว่าเป็นพระพุทธรูปชนิดใด หลังข่าวแพร่สะพัดในโลกออนไลน์ มีบรรดาเซียนหวย แห่ไปส่องดูตัวเลขในองค์พระกันเป็นจำนวนมาก

จึงเดินทางไปที่วัดศรีรัตนวราราม พบชาวบ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่ และคอหวยจำนวนหนึ่ง กำลังส่องดูพระพุทธรูปที่ขุดพบได้  ทางวัดได้นำใส่ในกล่องกระจกแก้วใสสี่เหลี่ยมกว้าง 40 ซ.ม. ยาว 40 ซ.ม. สูง 30 ซ.ม. ชาวบ้านที่ทยอยแห่มามุงดูส่วนใหญ่ ต่างบอกว่าอยากจะมาส่องดูตัวเลขในองค์พระหรือใต้ก้นพระ หวังไปลุ้นหวยซื้อลอตเตอรี่งวดวันที่ 16 มิ.ย. เผื่อจะได้โชคและลาภลอยตามความเชื่อ

นายธีระพงษ์  จันทร อายุ 53 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ.วังกระแส กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา เวลา 16.00 น. ขณะที่นายเศียร วารี วัย 53 ปี ได้ไปไถนาเนื้อที่ 5 ไร่ ห่างจากวัดราว 1 กิโลเมตร ขณะนำจอบไปขุดซ่อมแซมคูคันนา ได้ไปกระทบกับวัตถุสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นไหแตกร้าวกระจาย พบพระพุทธรูปขนาดต่าง ๆ อยู่ภายในไหที่แตกเป็นเสี่ยง 

ด้วยความตื่นกลัวว่าจะเป็นวัตถุโบราณล้ำค่าหรือไม่ นายเศียร เจ้าของที่นา จึงรีบมาแจ้งให้ตนไปตรวจสอบดูว่าเป็นพระพุทธรูปชนิดใดกันแน่ พบว่ามีพระพุทธรูปขนาดสูง 10 ซ.ม. 7 องค์ สูง 7 ซ.ม.ราว 11 องค์ เป็นเนื้อเงินบริสุทธิ์ ใต้ฐานเป็นดินสมัยเก่าอุดแน่นอยู่  และยังพระเนื้อชินองค์เล็กอีก 2 องค์ รวมเป็น 21 องค์ บางส่วนเศียรขาดแตกหัก สภาพเปื้อนโคลนตม เบื้องต้นจึงนำน้ำมาฉีดชะล้าง

ผู้ใหญ่บ้านวัย 53 ปี กล่าวต่อว่า จึงได้ประสานไปที่สำนักงานวัฒนธรรม จ.นครพนม เพื่อให้ส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบว่าเป็นพระกรุ หรือพระพุทธรูปชนิดใด สร้างในสมัยใด และประเมินมูลค่าได้หรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานดังกล่าวได้ประสานไปยังสำนักศิลปกรที่ 9 อุบลราชธานี  มาตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยล้านช้าง ปางมารวิชัย คาดว่ามีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี จึงได้เก็บกู้ไปเก็บรักษาไว้ที่วัดศรีรัตวนารามชั่วคราว

พระฉลอง ทินวโร อายุ 53 ปี เจ้าอาวาสวัด กล่าวว่า หลังเจ้าหน้าที่เก็บกู้จากที่นาของนายเศียร จึงได้นำตู้กระจกคล้ายตู้บริจาคเก็บรักษาไว้ เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภัณฑสถานร้อยเอ็ดมาตรวจสอบอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พระพุทธรูปที่ขุดพบนี้คาดว่าน่าจะเป็นโบราณวัตถุ  ที่จะต้องนำไปเก็บรักษาไว้ในสถานที่อย่างดี หากเก็บไว้ที่วัดคงไม่มีกล้องวงจรปิด และอาจจะมีหัวขโมยมาโจรกรรมไปได้

ด้านนายธนิตศักดิ์ อุ่นตา วัฒนธรรม จ.นครพนม กล่าวว่า ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญจากสำนักศิลปากรที่ 9 แล้ว พบว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยเก่า มีพุทธลักษณะใกล้เคียงกับพระพุทธรูปทองคำที่ขุดพบในพื้นที่ บ.ศรีเวินชัย ต.สามผง อ.ศรีสงคราม คาดว่าสมัยก่อนเกิดศึกสงคราม ก่อนมีผู้นำมาซ่อนไว้ในไหและฝังไว้ ที่ชาวบ้านเรียกว่ากรุเงินกรุคำในสมัยโบราณ ที่มักถูกขุดพบบ่อยครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางวัดได้นำพระพุทธรูปที่ขุดพบ 21 องค์ และชิ้นส่วนไหที่แตกมาตั้งไว้หน้ากุฏิเพื่อให้กราบไว้เป็นสิริมงคล โดยชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างทยอยแห่มาดู บางรายนำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายซูมส่องดูตัวเลขในองค์พระ บางราย ตรวจนับเศษไหที่แตกได้ 53 ชิ้น นำตัวเลข 53 ซึ่งตรงกับอายุเจ้าอาวาสและผู้ใหญ่บ้านโดยบังเอิญ กว้านหาซื้อลอตเตอรี่ที่มีแม่ค้ามาขายในวัด หวังลุ้นโชควันหวยออกวันที่ 16 มิ.ย. จนเกลี้ยงแผงไปแล้ว  


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผสข.นครพนม

นครพนม - อบจ.นครพนม ร่วมกับ ร.3 พัน.3 ส่งมอบบ้านให้กับผู้ยากไร้ ยากจน และด้อยโอกาส ในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ตำบลบ้านเอื้อง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ,ร้อยเอก วันดี สีนวล นายทหารฝ่ายกิจการพลเรือน กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 ผู้แทน พันโท ศรณณัฐ นวลมณี ผบ.ร.3 พัน 3 และส่วนราชการในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

ส่งมอบบ้านเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ให้กับนายทองสูรย์ ภักดี บ้านเลขที่ 83 หมู่ที่ 12 บ้านดอนถ่อน ตำบลบ้านเอื้อง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม

การดำเนินโครงการก่อสร้างบ้านเฉลิมพระเกียรติ ฯ เป็นการบูรณาการจากทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันแสดงความจงรักภักดี โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ร่วมกับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 และองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเอื้อง อำเภอศรีสงครามฯพร้อม เป็น 3 หน่วยงานหลัก ในการขับเคลื่อนและดำเนินการก่อสร้างบ้านสำหรับประชาชนผู้ยากไร้ ยากจน และด้อยโอกาส เป็นผู้คัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมและจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือ

กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง และองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้าง ซึ่งปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ได้กำหนดการก่อสร้างบ้านเฉลิมพระเกียรติฯ จำนวน 10 หลัง และในการส่งมอบบ้านให้กับบ้านหลังนี้เป็นหลังที่ 7 ที่ได้รับมอบบ้านให้อยู่อาศัย เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้คงอยู่สืบไปชั่วลูก ชั่วหลานต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผสข.นครพนม

นครพนม - องคมนตรี เชิญสัญญาบัตร พัดยศ ผ้าไตร พระราชทาน ถวายแด่ "พระราชมงคลวัชโรดม" พระเกจิเมืองนครพนม

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ องคมนตรี เชิญสัญญาบัตร พัดยศ ผ้าไตร พระราชทาน ถวายแด่พระราชมงคลวัชโรดม พระเกจิอายุ 101 ปี

วันที่ 4 กรกฎาคม 2564  ที่วัดโพธิ์ชัย บ้านโพนตูม หมู่ที่ 4 ตำบลก้านเหลือง อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ นายศุภชัย ภู่งาม องคมนตรี เชิญสัญญาบัตร พัดยศ และผ้าไตร พระราชทาน ถวายแด่พระราชมงคลวัชโรดม หรือ หลวงปู่แสง จันทวังโส อายุ 101 ปี พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดนครพนม โดยมีนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายทวีศักดิ์ ชัยธันยาภัทร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดนครพนม พลตรี สามารถ จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 พลตำรวจตรี ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม และคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและผู้นำชุมชุมชนท้องถิ่นร่วมประกอบพิธี

พระราชมงคลวัชโรดม (แสง จันทวังโส) เป็นพระสงฆ์ที่เคร่งครัด เปี่ยมด้วยคุณธรรมและเมตตา เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน อุทิศตนรับใช้พระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีอายุ 101 ปี 80 พรรษา มีนามเดิมว่า นายแสงวงศ์ วงษ์ตาผา เกิดเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2463 แรม 6 ค่ำ เดือน 4 ปีมะแม ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 6 บิดาชื่อนายบุญจันทร์ มารดาชื่อนางสิงห์ เป็นชาวบ้านโพนตูม ตำบลก้านเหลือง อำเภอนาแก

ท่านได้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ด้วยการบรรพชาเป็นสามเณรหน้าไฟเพื่ออุทิศส่วนกุศลและส่งดวงวิญญาณให้กับคุณตาที่ล่วงลับ เมื่ออายุ 19 ปี ที่วัดศรีสำราญจิต บ้านดอนโทน หมู่ที่ 5 ตำบลก้านเหลือง มีพระครูนาครธรรมนิเทศ เจ้าอาวาสวัดศรีสำราญจิตเป็นพระอุปัชฌาย์ และเมื่อเสร็จพิธีอุทิศส่วนกุศลและส่งดวงวิญญาณแล้ว เจ้าอาวาสไม่ยอมให้ลาสิกขาและพาเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ตามจังหวัดขอนแก่น จังหวัดร้อยเอ็ด จนถึงจังหวัดอุบลราชธานี และได้เข้าจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านแก้ง อำเภอเขมราฐเรื่อยมา

กระทั่งวันที่ 3 ตุลาคม 2482 ท่านอายุได้ 22 ปี จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีพระครูบริหารเกษมรัฐ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอุย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระดม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยหลังอุปสมบทได้มุ่งมั่นเล่าเรียนด้วยปฏิภาณไหวพริบที่ดีเลิศจนสำเร็จการศึกษาแผนกธรรม นักธรรมชั้นตรี–โท–เอก ตามลำดับ ทั้งยังได้เล่าเรียนอักขระเลขยันต์และวิทยาคมต่าง ๆ จนเชี่ยวชาญ

ท่านเป็นพระภิกษุผู้ปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัย คอยเทศนาธรรมโวหารโปรดญาติโยมและชาวบ้านในละแวกนั้น

หลายปีต่อมาจึงได้กลับบ้านเกิด มาจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย บ้านโพนตูม และด้วยเป็นพระที่มีความสมถะ ปฏิบัติดี มีความรู้ลึกซึ้งแตกฉาน ในช่วงที่มีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ชุกชุม ได้นำสมุนไพรที่อยู่ในป่าลึกภูดงน้อย ตำบลก้านเหลือง มาช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับชาวบ้านจนหายป่วย จึงมีชาวบ้านและลูกศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมาก แวะเวียนมากราบไหว้และทำบุญไม่ขาดสาย

ด้วยการบำเพ็ญประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาและดูแลการเจ็บป่วยของชาวบ้าน จึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร นามพระครูอุดมรังสี และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัย รวมทั้งเป็นเจ้าคณะตำบลก้านเหลือง

และในครั้งนี้ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น "พระราชมงคลวัชโรดม พุทธาคม ธรรมพิสิฐ มหาศณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี" พระราชาคณะชั้นราช มีฐานานุศักดิ์ตั้งฐานานุกรมได้ 4 รูป คือ พระครูปลัด 1 พระครูสังฆรักษ์ 1 พระครูสมุห์ 1 และพระครูใบฎีกา 1


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผสข.นครพนม

นครพนม - ทบ.นำเครื่องบินลำเลียง 295 ส่งผู้ป่วยโควิด ถึงภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย

วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ที่จังหวัดนครพนม พลตรี สามารถ จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 พร้อมด้วย นายสุวิทย์ จันทร์หวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายสมชัย นำโชคประเสริฐ นักวิชาการขนส่งชำนาญการ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานนครพนม นายแพทย์ขวัญชัย ประเสริฐยิ่ง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดเตรียมสถานที่บริเวณท่าอากาศยานนครพนมและศูนย์พักคอยเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการรับช่วงต่อจากกองทัพบกที่ได้ให้การสนับสนุนเครื่องบินลำเลียง 295 ส่งผู้ป่วยโควิด – 19 กลับบ้านที่นครพนม ซึ่งในวันนี้เป็นเที่ยวบินแรกที่นำส่งผู้ป่วยที่นครพนม

พลตรี สามารถ จินตสมิทธิ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ทีมแพทย์ต้องรับมือและแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งค่อนข้างที่จะมีข้อจำกัดในด้านจำนวนบุคลากร ดังนั้นจึงได้มีการส่งต่อผู้ป่วยไปตามพื้นที่ต่าง ๆ ของในแต่ละจังหวัดเพื่อแบ่งเบาภาระ ซึ่งทางรัฐบาลและกองทัพบก ได้มีความตระหนักและเห็นถึงความสำคัญในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับสู่ภูมิลำเนา และที่ผ่านมาก็มีทั้งการเตรียมการในการจัดขบวนยานพาหนะนับ 100 คัน ไว้ที่กองทัพภาคที่ 2 และมีการขนย้ายมาบ้างแล้วในทางรถยนต์ ส่วนทางรถไฟในปัจจุบันก็มีการเตรียมแผนเช่นเดียวกัน แม้จะมีการเลื่อนไปเมื่อในเมื่อวานแต่วันนี้ก็ดำเนินการแล้วเหมือนกัน

ในส่วนของจังหวัดนครพนมซึ่งมีระยะทางที่ไกลและผู้ป่วยมีความจำเป็นเร่งด่วนทางกองทัพบก ก็ได้มีการสนับสนุนเครื่องบินลำเลียงแบบ 295 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ใช้งานทั่วไป เพื่อขนย้ายพี่น้องประชาชนที่พบเชื้อโควิดกลับภูมิลำเนา ซึ่งเดิมทีจะมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่ปิดทำให้เป็นอุปสรรคต่อการบิน เกิดความไม่ปลอดภัย จึงยังไม่ได้นำส่งผู้ป่วย แต่ในวันนี้ที่สภาพอากาศพร้อมจึงได้นำผู้ป่วยบินกลับภูมิลำเนา จำนวน 2 เที่ยวบิน โดยเที่ยวแรกในเวลา 11:30 น จำนวน 18 คน เที่ยวบินที่ 2 เวลา 15.30 น. อีก 20 คน

ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมบูรณาการในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ท่าอากาศยานนครพนมที่ได้สนับสนุนพื้นที่ในการลงจอดของเครื่องบิน หน่วยงานสาธารณสุขที่สนับสนุนบุคลากรในการตรวจคัดกรองและรักษาผู้ป่วย โดยทางมณฑลทหารบกที่ 210 จะดำเนินการลำเลียงผู้ป่วยจากสนามบินไปยังจุดพักคอยเพื่อคัดกรองผู้ป่วยก่อนนำส่งต่อไปยังจุดรักษาต่าง ๆ ตามอาการ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหลักและโรงพยาบาลสนาม ในส่วนของค่ายพระยอดเมืองขวางก็ได้มีการเตรียมความพร้อมในการจัดสถานที่เพื่อรองรับเป็นลักษณะของโรงพยาบาลสนามเช่นเดียวกันหากโรงพยาบาลฝ่ายพลเรือนมีเตียงไม่เพียงพอ ซึ่งก็อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงพยาบาลค่ายพระยอดเมืองขวาง ที่เมื่อมีผู้ป่วยเข้าไปในค่ายแล้วทางค่ายจะมีมาตรการที่เข้มงวดและเข้มข้นในการที่จะไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดไปสู่ชุมชนและพื้นที่

ขอให้ทุกคนมีความมั่นใจในแนวทางการปฏิบัติว่าทางค่ายพระยอดเมืองขวางมีความพร้อมที่จะเป็นอีกหนึ่งหน่วยที่จะช่วยแบ่งเบาภาระและพร้อมในการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่และเต็มประสิทธิภาพ


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผู้สื่อข่าวนครพนม

นครพนม - เตรียมพัฒนาศักยภาพ อสม. เสริมกำลังแพทย์คัดกรองผู้ป่วยโควิด พร้อมเสริมความรู้ให้ประชาชน

วันที่ 4 สิงหาคม 2564 ที่อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วยนายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม และท้องถิ่นจังหวัดนครพนม ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานระดับอำเภอ ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เกี่ยวกับการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด -19 ในพื้นที่ พร้อมรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน

โดยในการลงพื้นที่ในครั้งนี้ทางอำเภอนาแกได้ชี้แจงถึงแนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคล ที่ปัจจุบันบุคลากรทางการแพทย์มีไม่เพียงพอต่อการให้บริการ เนื่องจากในแต่ละวันมีผู้ที่มาจากพื้นที่เสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลากรทางการแพทย์เริ่มมีความเหนื่อยล้า ดังนั้นจึงได้มีการปรับแผนการบริหารบุคคลากร โดยการพัฒนากลุ่มคนไข้ผู้ป่วยโควิดที่มีความเข้าใจในด้าน social และเทคโนโลยีที่ปัจจุบันสามารถช่วยเหลือผู้อื่นและตนเองได้ตามปกติให้เข้าใจในการตรวจวัดอุณหภูมิ การวัดออกซิเจนในเลือดของแต่ละคนว่าควรมีค่าเท่าไหร่อย่างไร และสอนวิธีการส่งข้อมูลเพื่อติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในจุดสังเกตอาการ เพื่อให้คนไข้ได้ช่วยดูแลซึ่งกันและกันได้มากยิ่งขึ้น

ซึ่งนอกจากจะเป็นการลดภาระให้กับบุคลากรทางการแพทย์แล้ว ยังส่งผลดีต่อผู้ป่วยด้วยเพราะเมื่อมีความสงสัยอะไร จะสามารถวัดได้ทันทีตลอดเวลาเนื่องจากเครื่องอยู่ในพื้นที่ของผู้ป่วยอยู่แล้ว รวมถึงยังช่วยลดความเสี่ยงให้กับบุคลากรทางการแพทย์เนื่องจากความอ่อนล้าในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งข้อมูลยังเป็นแบบเรียลไทม์ตลอดเวลานั่นหมายถึงผู้ป่วยทุกคนมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกันในระหว่างพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทางปฏิบัติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ก็ได้มีการเสนอให้ทางพื้นที่เตรียมการเพิ่มศักยภาพให้กับ อสม. เพื่อมาเป็นอีกกำลังหนึ่งในการช่วยบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลประชาชนในชุมชนและในศูนย์พักคอย (Community Isolation :CI) เพราะปัจจุบันยังใช้บุคลากรทางสาธารณสุขทั้งหมด ซึ่งในส่วนนี้จะมีการการเตรียมแผนพัฒนา ให้ อสม. มีความรู้ในเรื่องของการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจหาเชื้อด้วย Antigen test kit ซึ่งเป็นทักษะขั้นสูงขึ้นสำหรับ อสม.ทุกคน เพราะการเก็บเชื้อตัวอย่าง ต้องมีความแม่นยำ ถูกต้อง ก่อนที่จะนำมาทดสอบกับน้ำยา ซึ่งถ้า อสม. ในพื้นที่ได้สามารถทำได้ก็จะทำให้แต่ละชุมชนสามารถดูแลกันได้เลยในเบื้องต้น เพราะมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นการป้องกันการเกิดคลัสเตอร์ในแต่ละชุมชนได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังได้เสนอแผนการอบรมให้ความรู้ประชาชนในเรื่องของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่เรื่องของโรค สถานการณ์ของโรค การป้องกันตนเอง การดูแลสุขภาพจิตใจทั้งในกรณีที่เป็นผู้ป่วยและกรณีของคนในชุมชนที่ป่วยแล้วกลับมา จะมีการดูแลกันอย่างไรให้ถูกต้องและไม่เกิดการแพร่ระบาด ซึ่งในส่วนนี้แต่ละท้องถิ่นจะนำเงินกองทุนตำบลมาใช้ในการอบรมพัฒนาความรู้ให้กับประชาชนและมีแผนงานโครงการอยู่แล้ว แต่ติดปัญหาในการอบรมเนื่องจากไม่สามารถรวมกลุ่มกันได้เกิน 50 คน ดังนั้นในส่วนนี้จึงได้หาทางออกด้วยกัน โดยได้เตรียมการอบรมในลักษณะออนไลน์ที่ให้แต่ละตำบลหมู่บ้านสามารถเข้าถึงได้ พร้อมกับการเชื่อมต่อโปรเจคเตอร์ของแต่ละแห่งฉายกระจายความรู้ให้ประชาชนในชุมชนได้ดูพร้อม ๆ กัน


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส นครพนม

นครพนม - สภาสังคมสงเคราะห์ ร่วมกับ จ.นครพนม มอบเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัยโควิดนครพนม ถวายเป็นพระราชกุศล “น้ำพระทัยพระราชทานส่วนภูมิภาค”

วันที่ 17 สิงหาคม 2564 ที่บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางฉวีวรรณ ธรรมชาติ ประธานชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติประจำจังหวัดนครพนม ตลอดจนคณะหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมส่งมอบเครื่องอุปโภคบริโภค จำนวน 98 ชุดให้กับผู้นำชุมชนซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ตกงาน ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ประสบปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนและผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ในจังหวัดนครพนม

เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ภายใต้กิจกรรมโครงการน้ำพระทัยพระราชทานส่วนภูมิภาค สภาสังคมสงเคราะห์ฯ 76 จังหวัด ประจำปี 2564 เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่สมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ร่วมกับจังหวัดนครพนม จัดขึ้น โดยการสนับสนุนจากโครงการสลากการกุศล

โดยกิจกรรมในครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ.2541 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ศาสตราจารย์ประภาศน์ อวยชัย ประธานสภาสังคมสงเคราะห์ฯ ในขณะนั้นนำคณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์ฯ เข้าเฝ้าฯ ทูลเกล้าฯ ถวายเงินรายได้จากการจำหน่ายดอกมะลิงานวันแม่แห่งชาติ จำนวน 2 ล้านบาท และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้สภาสังคมสงเคราะห์ฯ พร้อมทั้งได้มีพระราชเสาวนีย์ให้จัดตั้งกองทุนอาหารกลางวันเลี้ยงผู้ตกยาก ผู้ประสบทุกข์ยากเดือดร้อน รวมทั้งครอบครัวในภาวะวิกฤต โดยสภาสังคมสงเคราะห์ได้น้อมเกล้าฯ รับพระราชเสาวนีย์มาดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินส่วนพระองค์ จำนวนกว่า 15 ล้านบาท สนับสนุนโครงการและทรงพระกรุณาให้ราชเลขานุการในพระองค์ฯ เยี่ยมเยียนโครงการอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ยังได้พระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภคให้โครงการตลอดมาเช่นกัน โดยปีนี้เป็นปีที่ 23 ที่มีการจัดกิจกรรมเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย ทั้งเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้ทุกคนได้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผสข.นครพนม

นครพนม - Army Delivery ร.3 พัน.3 ส่งมอบอาหารปรุงสุกถึงบ้าน ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากไวรัสโควิด-19

วันที่ 4 ตุลาคม 2564 ที่ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พันโท ศรณณัฐ นวลมณี ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 (ผบ.ร.3 พัน.3) จัดโครงการ “Army Delivery” ส่งมอบอาหารปรุงสุกฟรีถึงบ้าน เพื่อช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ และให้กำลังใจประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

 

ตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่ให้หน่วยทหารดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง ตามศักยภาพของหน่วยในการช่วยเหลือประชาชน ในรูปแบบโครงการ “Army Delivery” โดยการจัดรถจักรยานยนต์ส่งอาหารให้พี่น้องประชาชนถึงที่พักอาศัย ซึ่งได้ทำการแจกจ่ายจำนวน 100 ชุด ในพื้นที่บริเวณชุมชนรอบค่ายพระยอดเมืองขวาง และพื้นที่ใกล้เคียง

  

 

นครพนม-จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ "ตำหนักอุทัยกัญญามงคลธรรม" อย่างยิ่งใหญ่เป็นพุทธบูชาวัดหัวดอน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม 

ณ วัดหัวดอน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จัดพิธีวางศิลาฤกษ์ "ตำหนักอุทัยกัญญามงคลธรรม" และ จัดพิธีพุททธาภิเษก วัตถุมงคลรุ่นแรก และ เหรียญรุ่นแรก "พระอาจารย์แก้ว ฐิตสึโล"

โดย "ดร.พนธ์พันธ์ เลิศจันทรางกูร" ผู้ช่วยเลขานุการ ในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธ์ เป็นประธานในพิธี และได้รับเกียรติจาก "นายชาธิป รุจนเสรี" ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานจุดเทียนชัย พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติ อาทิเช่น นายดำรงค์ สีริวิชย อิ่มวิเศษ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร / ว่าที่ร้อยตรี ตร.จุลสัน ทันอินทร์อาจ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัตนครพนม / ผู้อำนวยการการท่องเที่ยว จังหวัดนครพนม / นายวรวิทย์ พิมพ์พินิจ นายอำเภอธาตุพนม / นายไขยวัฒน์คม สีละวงศ์ เจ้าภาพหลักกฐินสามัคคี ปี 2564 / นายประดิษฐ์ อัครทวีทอง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดมุกดาหาร / คุณธิชา คุณข้าวโพด คุณน้ำฟ้า 

นครพนม - กอ.รมน.มุกดาหาร ร่วมประกอบพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องใน "วันกองทัพไทย" ประจำปี 2565 ณ มณฑลทหารบกที่ 210

พ.อ.วรพรต แก้ววิจิตร รอง ผอ.รมน.จังหวัด ม.ห.(ท)/รอง ผอ.สน.ปรมน.จว.มทบ.210 ร่วมประกอบพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพไทย ประจำปี 2565  โดยมี พล.ต.สถาพร บุญชู ผบ.มทบ.210 เป็นประธานในพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล เนื่องในวันกองทัพไทย ประจำปี 2565 โดยมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ สมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มทบ. 210 กำลังพล มทบ.210 , ร.3 พัน.3 , ส่วนราชการภาครัฐ, ภาคเอกชน, เข้าร่วมพิธี ณ สนามหน้า บก.มทบ.210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม

โดย ผบ.มทบ.210 ได้อ่านโอวาทผู้บัญชาการทหารสูงสุด และนำกล่าวสดุดีวันกองทัพไทย พร้อมนำกำลังพลสวนสนาม และนายทหารสัญญาบัตรและนายทหารประทวนที่เข้ารับราชการใหม่ กล่าวปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล

 

นครพนม - เดินหน้าจัดระเบียบสังคมในสถานบริการ - ระดมกำลังปราบยาเสพติด จับยาบ้ากว่าสี่แสนเม็ด!!

ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย พลเรือตรี สมบัติ จูถนอม ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง พันเอก ปราโมทย์ เนียมสำเภา รองผู้บังคับการกองบังคับการควบคุมที่ 1 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี พลตำรวจตรีธนชาติ รอดคลองตัน ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนม และคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่

ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานตามยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขงที่ได้มีการบูรณางานทุกภาคส่วน ร่วมกันระดมกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่ให้หมดไป ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครพนม (ศอ.ปส.จ.นพ.) ประจำปีงบประมาณ 2565 ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีการดำเนินการจับกุม ตรวจยึด สกัดกั้นการนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่ รวมยาบ้าจำนวน 440,054 เม็ด กัญชา 200 กิโลกรัม และไอซ์ประมาณ 100 กรัม นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหา 3 ราย รถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน เรือกีบ 1 ลำ

โดยฝ่ายปกครองจังหวัดนครพนมได้มีการลงพื้นที่จัดระเบียบสังคมในสถานบริการ หอพัก โรงแรม รีสอร์ท ร้านค้า คาราโอเกะ และพื้นที่สาธารณะ ซึ่งสามารถจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดได้จำนวน 2 คดี ได้ผู้ต้องหา 2 ราย ยาบ้า จำนวน 54 เม็ด ในพื้นที่อำเภอนาทมและอำเภอศรีสงคราม รวมทั้งมีการกวดขันเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยเป็นการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่สำนักงานตั้งอยู่ภายในศาลากลางจังหวัดนครพนม จำนวน 760 คน ไม่พบผู้มีสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด

ขณะที่ด้านการสกัดกั้น จับกุม ตรวจยึดยาเสพติดตามแนวชายแดนหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ได้มีการบูรณาการข้อมูลข่าวสารจนทำให้ทราบว่าในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 ขบวนการค้ายาเสพติดจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่ในลักษณะกระจายจุดขึ้นพร้อมกันตามแนวชายแดน ดังนั้นจึงได้บูรณาการวางกำลังตามจุดต่าง ๆ เพื่อปฏิบัติการเฝ้าระวังป้องกัน ซึ่งหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงสามารถตรวจยึดของกลางเป็นกัญชาได้ จำนวน 200 แท่ง/กิโลกรัม ที่บริเวณเขื่อนริมแม่น้ำโขงบ้านเชียงยืน ตำบลเวินพระบาท อำเภอท่าอุเทน

ขณะที่กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดยกองบังคับการควบคุมที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2109 สามารถจับกุมผู้ต้องหาเป็นชายไทยได้ 1 ราย พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 220,000 เม็ด ยาไอซ์ประมาณ 100 กรัม รถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน เรือกีบ 1 ลำ ที่บริเวณริมแม่น้ำโขงบ้านแก้งส้มโฮง หมู่ 1 ตำบลพระทาย อำเภอท่าอุเทน ส่วนกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2108 สามารถตรวจยึดของกลางยาบ้าได้จำนวน 220,000 เม็ด ที่บริเวณทุ่งนาบ้านแพงใต้ หมู่ที่ 11 ตำบลบ้านแพง อำเภอบ้านแพง

 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top