Tuesday, 7 May 2024
นครพนม

นครพนม จัดงานบวงสรวง ‘พญาศรีสัตตนาคราช’ วันที่ 7-13 ก.ค. 66 7 วัน 7 คืน น้องไผ่หลิว มิสแกรนด์ นำทีมนางรำ กว่า 500 ชีวิต

จังหวัดนครพนม เตรียมจัดงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ปี 2566 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 7-13 กรกฎาคม 2566 ณ บริเวณลานพระยาศรีสัตตนาคราช ถนนสุนทรวิจิตร ต.ในเมือง โดยมีกิจกรรมรำบวงสรวง 7 วัน พร้อมถือเป็นวันรวมชนเผ่าไทยนคร 9 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ

สำหรับพิธีเปิดงานจะจัดขึ้นวันที่ 7 กรกฎาคม 2566 โดยมีนางรำแขกรับเชิญพิเศษประจำปี คือ นางสาวกมลวลัย ประจักษ์รัตนกุล (ไผ่หลิว) รองอันดับ 5 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2023 และมิสแกรนด์นครพนม 2023 ร่วมรำบวงสรวงพร้อมกับนางรำจำนวน 500 คน จากทั้ง 12 อำเภอของจังหวัดนครพนม

ภายในงานพบกับขบวนรำและขบวนแห่พร้อมเครื่องบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช การแสดงโขนในพิธีเปิด และการแสดงศิลปวัฒนธรรมการแสดงบินโดรนแปลอักษร วันที่ 7-8 กรกฎาคม 2566 นอกจากนี้ยังมีการออกร้านผลิตภัณฑ์ชุมชนสินค้า OTOP สินค้าของดี 4 ภาค ณ ถนนคนเดินหอนาฬิกา เปิดทุกเย็นตลอดช่วงจัดงาน

พญาศรีสัตตนาคราช ถือเป็นแลนด์มาร์กของจังหวัดนครพนม ประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เทศบาลเมืองนครพนม ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมและความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคของชาวไทยและชาวลาว ที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลปกปักรักษาแถบลุ่มน้ำโขง อีกทั้งก็ยังเป็นการยกระดับแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนม เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ ซึ่งที่แห่งนี้มีความโดดเด่น ตลอดจนมีศิลปะวัฒนธรรม ปราชญ์ชาวบ้าน ซึ่งควรค่าแก่การเผยแพร่ให้ชาวโลกได้เห็น

'นครพนม' ดึง ‘กรีน-ญิ๋งญิ๋ง’ รำบวงสรวงสะกด นทท. ในชุด ‘ระบำนาคนารี’ Soft Power สุดสง่า เสริมแรงส่งการท่องเที่ยวจังหวัดชายแดนอีสาน

เมื่อวานนี้ (19ต.ค.66) ที่ลานพญาศรีสัตตนาคราชพญานาคศักดิ์สิทธิ์ริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผวจ.นครพนม พร้อมด้วย นางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดนครพนม นางสาวกรอปแก้ว ปัญยารชุน รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์ ภาพลักษณ์และการสื่อสารองค์กร บริษัทเดอะวัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัดมหาชน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำชุมชนท้องถิ่น และประชาชน นักท่องเที่ยว ร่วมพิธีบวงสรวงถวายสักการบูชาต่อองค์พญาศรีสัตตนาคราช พญานาคศักดิ์สิทธิ์ นาคาธิบดีสองฝั่งโขง เพื่อเป็นสิริมงคล และส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดชายแดนอีสาน

นอกจากนี้เป็นการประกาศความพร้อมในการต้อนรับประชาชน นักท่องเที่ยว ที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว งานประเพณีไหลเรือไฟ ในเทศกาลออกพรรษา ระหว่างวันที่ 20-30 ตุลาคม 2566

สำหรับไฮไลต์ ของงานจะมีขึ้นในคืนเดือนเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งเป็นวันออกพรรษา จะมีการไหลเรือไฟ สวยงามอลังการ จากชาวบ้านที่ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินเรือไฟ สร้างจากไม้ไผ่มากกว่าลำละ 5,000 ลำ แล้วใช้กระป๋องกาแฟเป็นตะเกียงบรรจุน้ำมันก๊าด หรือน้ำมันดีเซล แขวนบนเส้นลวดประดับลวดลายตามจินตนาการ รวม 12 อำเภอ 

อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือการส่งเสริม กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว  สืบสานประเพณีความเชื่อของคนแถบลุ่มน้ำโขงของทีมละครเรื่องพนมนาคา ที่กำลังออกอากาศทางช่องวัน 31 (one 31) เป็นที่นิยมของแฟนละครอยู่ในขณะนี้ โดยละครดำเนินเรื่องที่เกี่ยวกับความเชื่อสายมูพญานาค รวมถึงเรื่องลี้ลับพญานาค มีดารานักแสดงนำ คือ น้องกรีน-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล ในบทแสดงเป็นตัวละคร ถึงสองบทบาท คือ “อนัญชลี” กับ “หมอเอเชีย” รวมถึง น้องญิ๋งญิ๋ง-ศรุชา เพชรโรจน์ ที่รับบทเป็นนางรอง “โสวันนี”

ในโอกาสนี้ทั้ง 2 นักแสดงสาวสวย ได้ร่วมรำบวงสรวง ในชุดระบำนาคนารี ถือเป็นการรำแสดงในพิธีศักดิ์สิทธิ์ถวายองค์พญานาคสองพี่น้อง อันตชัย กับ อเนกตชาติ พญานาคสองพี่น้อง แห่งเมืองพนมนาคา สร้างมนต์เสน่ห์ สวยงามอลังการ เป็นมนต์ขลังต่อสายต่อประชาชน นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังได้ร่วม รำบวงสรวงในชุดศรีโคตรบูรณ์ ร่วมกับนางรำชนเผ่านครพนม ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.นครพนม

ด้าน น้องกรีน-อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล แสดงเป็นตัวละคร สองบทบาท คือ “อนัญชลี” กับ “หมอเอเชีย” รวมถึง น้องญิ๋งญิ๋ง-ศรุชา เพชรโรจน์ รับบทเป็นนางรอง “โสวันนี” เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจมากที่ได้มา จ.นครพนม เมืองศักดิ์สิทธิ์ลุ่มแม่น้ำโขงอีสาน เชื่อมโยงตำนานความเชื่อพญานาค รวมถึงมีโอกาสมารำถวายองค์พญานาคศรีสัตตนาคราช เป็นสิริมงคลต่อทีมละคร และแก่ตนเอง ส่วนตัวยอมรับมีความเชื่อเรื่องพญานาค มีบ้างเกิดที่เรื่องลี้ลับในขณะการถ่ายละคร โดยน้องกรีนยอมรับ อินมากกับบทละครสองบทบาท ทั้งอนัญชลี รวมถึงหมอเอเชีย

สำหรับน้องญิ๋งญิ๋ง-ศรุชา เพชรโรจน์ ที่รับบทเป็น”โสวันนี” อยากให้แฟนละครติดตาม เพราะยังเหลืออีก 5 ตอน ก็ถึงตอนอวสานแล้ว จะมีเรื่องตื่นเต้นสนุกสนานมากกว่านี้แน่ ขอบคุณที่ให้การติดตาม และในโอกาส จ.นครพนม จะมีการจัดประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ ฝากเชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยว มาท่องเที่ยวเพราะเป็นจังหวัดที่สวยงาม และมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญหลายแห่ง มั่นใจว่าจะได้สัมผัสความสวยงาม และเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว

‘โตโน่’ แย้ม!! ‘ศูนย์หัวใจที่นครพนม’ ใกล้แล้วเสร็จ เผยชื่อ ‘ศูนย์รวมใจ 2 ฝั่งโขง One Man and The River’

สืบเนื่องจากกรณี ดาราหนุ่มโตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ พร้อมคณะ รวมถึงมูลนิธิเทใจดอทคอม ได้ลงพื้นที่ ระหว่างวันที่ 28-29 พฤศจิกายน 2565 เพื่อหารือ แนวทางการจัดสรรงบประมาณ ที่ได้รับบริจาคในกิจกรรมว่ายน้ำข้ามโขง หนึ่งคนว่าย หลายคนให้ โดยมีผู้สนับสนุนบริจาคร่วมโครงการ กว่า 87 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนโรงพยาบาลนครพนม และโรงพยาบาลคำม่วน สปป.ลาว

โดยในช่วงเวลานั้น ทางโรงพยาบาลนครพนม ได้เผยว่า ต้องการผลักดันให้มีการจัดตั้งศูนย์รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่โรงพยาบาลนครพนม โดยระบุว่า หลังจากได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุข จำนวนเงินกว่า 370 ล้านบาท ในการดำเนินก่อสร้างตึก 12 ชั้น เป็นศูนย์รักษาโรคหัวใจครบวงจรไปแล้ว แต่ตามแผนพัฒนา จะต้องรอไปอีก 3-4 ปี เพราะจะต้องขอรับงบสนับสนุนจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ จึงจะสามารถเปิดให้การรักษาได้ 

ดังนั้นจึงได้เสนอของบประมาณจากมูลนิธิเทใจดอทคอม ที่ดูแลงบบริจาคของโครงการ ‘ว่ายน้ำข้ามโขง หนึ่งคนว่าย หลายคนให้’ ของดาราหนุ่มโตโน่ ซึ่งในช่วงเวลานั้น ทางมูลนิธิฯ เอง ก็ได้มีการพิจารณาถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการขอรับการสนับสนุน เครื่องมือแพทย์ ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจ และหลอดเลือด ครบวงจร เป็นงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท ให้ทางส่วนงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา โดยคาดว่าจะได้เปิดบริการได้เร็วขึ้นภายในปีนี้ (2566)

ล่าสุด ดาราหนุ่มโตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ได้เผยข่าวดีกับทาง THE STATES TIMES ว่า ศูนย์รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่โรงพยาบาลนครพนม ภายใต้งบสนับสนุนจากกิจกรรม ‘ว่ายน้ำข้ามโขง หนึ่งคนว่าย หลายคนให้’ ใกล้แล้วเสร็จ โดยคาดว่าชื่อของศูนย์ฯ แห่งนี้จะใช้ชื่อว่า ‘ศูนย์รวมใจ 2 ฝั่งโขง One Man and The River’

ปัจจุบัน จ.นครพนม เป็นเมืองท่องเที่ยว ที่มีประชาชน นักท่องเที่ยว เดินทางเข้ามาในพื้นที่ปีละกว่าล้านคน สิ่งจำเป็นนอกจากการดูแลอำนวยความสะดวก คือ การบริการด้านการรักษาพยาบาล จะต้องมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะปัจจุบันโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดฉับพลัน มีสถิติผู้ป่วยมากขึ้น เฉลี่ยปีละกว่า 200 ราย และ จ.นครพนม มีอัตราการเสียชีวิต สูงประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วย จึงต้องมีการวางระบบรองรับการรักษา ไม่ต้องส่งต่อไปพื้นที่ต่างจังหวัด ลดการสูญเสีย 

อย่างไรก็ตามหากมีการเปิดศูนย์รักษาโรคหัวใจ ไม่เพียงเกิดประโยชน์แก่ชาวไทย ยังเกิดประโยชน์กับทางฝั่งลาว เนื่องจากทั้งโรงพยาบาลนครพนม กับโรงพยาบาลคำม่วน ซึ่งมีการลงนามความร่วมมือการรักษาผู้ป่วยร่วมกัน อันจะส่งผลดีต่อการเพิ่มศักยภาพการรักษามากขึ้น ในอนาคต สอดคล้องยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ของ จ.นครพนม อีกทางหนึ่ง

'ชาวนครพนม' ปลื้ม!! แห่ต้อนรับ 'ลุงป้อม' งานบุญวัดโฆสมังคลาราม หลังเป็นประธานกฐินฯ พร้อมร่วมสืบทอดพุทธศาสนาให้ยั่งยืน

(25 พ.ย.66) ณ วัดโฆสมังคลาราม บ้านโคกสว่าง ต.โคกสว่าง อ.ปลาปาก จ.นครพนม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานในพิธีทอดกฐินสามัคคี เพื่อสมทบทุนจัดหาสิ่งของพัฒนาวัด และปรับปรุงพระมหาธาตุเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนม โดยมี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง สส.จังหวัดสระแก้ว และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายวิรัช รัตนเศรษฐ, พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา, พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ, นางรัชนี พลซื่อ สส.จังหวัดร้อยเอ็ด, น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.จังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยคณะพลังศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่า ประกอบด้วย ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน และหัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนผู้นำชุมชน ท้องถิ่น ร่วมทำบุญทอดถวายกฐินสามัคคีประจำปี ในโอกาสนี้ มากกว่าปีที่ผ่านมา

ภายหลังเสร็จพิธีทอดกฐิน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เป็นประธานเปิดศาลาอเนกประสงค์บริเวณหน้าพระมหาธาตุเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนม พร้อมทั้งถวายผ้าห่มพระประธานและสักการะพระประธานในพระมหาธาตุเจดีย์ฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรฯ ได้ทักทายประชาชน สาธุชน ที่มาร่วมทำบุญในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ ท่ามกลางบรรยากาศให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเองและอบอุ่น ในปีนี้นับเป็นปีที่ 9 ที่ได้ทำบุญทอดถวายกฐินมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2558 ซึ่ง พล.อ.ประวิตรฯ ยังได้มีความศรัทธาต่อองค์หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบสายวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งเคยมาปฏิบัติธรรม ณ วัดแห่งนี้ด้วย ในสมัยที่ พล.อ.ประวิตรฯ เดินทางมาปฏิบัติราชการ เมื่อหลายปีก่อน

28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2483  ฝรั่งเศส ทิ้งระเบิดถล่ม ‘นครพนม’  เปิดฉากสงคราม ‘กรณีพิพาทอินโดจีน’

วันนี้ เมื่อ 83 ปีก่อน ฝรั่งเศส ทิ้งระเบิดถล่ม ‘นครพนม’ เปิดฉากสงคราม ‘กรณีพิพาทอินโดจีน’

จากภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ ที่มหาอำนาจยุโรปแผ่อิทธิพลของลัทธิอาณานิคมเข้ามาในเอเชียตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางประเทศตกเป็น ‘รัฐอาณานิคม’ และเกิดกรณี ร.ศ.112 สำหรับประเทศไทย ต่อมาเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในยุโรป และฝรั่งเศสมีสถานะที่อ่อนแอจนกระทั่งถูกเยอรมนียึดครอง (21 มิถุนายน 2483) เป็นการกระตุ้นให้รัฐบาลไทยขณะนั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเคารพต่อการแบ่งดินแดนในเอเชียของชาติมหาอำนาจอาณานิคมอย่างฝรั่งเศสอีกต่อไป

เมื่อฝรั่งเศสยอมแพ้เยอรมนีได้ขอทำให้รัฐบาลไทยให้สัตยาบันต่อสนธิสัญญาไม่รุกรานกัน จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ตอบ (11 กันยายน พ.ศ. 2483) ที่จะให้สัตยาบันด้วยข้อแม้ 3 ข้อคือ

1. ให้ถือร่องน้ำลึกเป็นเส้นแบ่งพรมแดนระหว่างประเทศ

2. ขอไชยบุรีและจำปาสัก ซึ่งฝั่งขวาของแม่น้ำโขงตรงข้ามกับหลวงพระบาง และตรงข้ามกับปากเซ ให้ไทย โดยถือแม่น้ำโขงเป็นพรมแดนระหว่างประเทศ

3. ขอให้ฝรั่งเศสรับรองว่าถ้าอินโดจีนเปลี่ยนจากอธิปไตยฝรั่งเศสไป ฝรั่งเศสจะคืนอาณาเขตลาวและกัมพูชาให้ไทย

รัฐบาลฝรั่งเศสตอบปฏิเสธ 2 ข้อหลัง

จอมพล ป. ให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าวแก่หนังสือพิมพ์ กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกชาตินิยมจนเกิดขบวนการเรียกร้องดินแดนอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะเดินขบวนของคณะนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง (8 ตุลาคม พ.ศ. 2483)

ขณะที่จอมพล ป. เองก็ตัดสินใจใช้กำลังรบกับฝรั่งเศสอย่างฉับพลัน เพราะรัฐบาลฝรั่งเศสและรัฐบาลญี่ปุ่นมีข้อตกลงระหว่างกันที่ทำให้ญี่ปุ่นสามารถนำกองทัพของตนเข้ามาตั้งในเวียดนามได้ แม้ญี่ปุ่นจะมีทีท่าเห็นใจไทยในการขอปรับปรุงดินแดนกับฝรั่งเศส แต่รัฐบาลไทยก็หวั่นว่าหากกองทัพญี่ปุ่นขยายเขตของตนจากเวียดนามเข้าสู่ลาวและกัมพูชาก็จะเป็นอุปสรรคต่อนโยบายของไทย

20 ตุลาคม พ.ศ. 2483 จอมพล ป. กล่าวขอบคุณนิสิตนักศึกประชาชนที่สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลทางวิทยุกระจายเสียง และปลุกความรู้สึกชาตินิยม เพลงปลุกใจออกเผยแพร่ เช่น เพลงข้ามโขง เพลงดอกฟ้าจำปาศักดิ์ เพลงเสียมราฐ ฯลฯ เริ่มมีออกเผยแพร่

และในวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2483 รัฐบาลออกประกาศว่าเครื่องบินฝรั่งเศส 5 ลำ โจมตีทิ้งระเบิดจังหวัดนครพนมและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ รัฐบาลไทยประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่เกี่ยวข้อง 24 จังหวัด พร้อมกันนั้นกองทัพไทยเคลื่อนเข้าไปยึดครองดินแดนที่มีข้อพิพาทกัน มีการต่อสู้ทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเลที่เกาะช้าง จังหวัดตราด

ในสงครามครั้งนี้ญี่ปุ่นเสนอตัวเป็นผู้ไกล่เกลี่ยกรณีพิพาท (25 มกราคม พ.ศ. 2484) ตกลงให้มีการหยุดยิงในวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2484 และมีการลงนามในอนุสัญญาโตเกียว 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 เป็นผลให้ไทยได้ดินแดนไชยบุรี, จำปาสัก, เสียมราฐ และพระตะบอง (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ลานช้าง, จำปาศักดิ์, พิบูลสงคราม และพระตะบอง ตามลำดับ) เรื่อยมาจนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี 2488 และต่อมาได้มีการสร้างอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงทหารไทยที่เสียชีวิตไปในการรบครั้งนี้เรียกว่า ‘อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ’

‘เถ้าแก่โรงสี’ เมืองนครพนม ตั้งโรงทาน-มอบทุนการศึกษา เป็นปีที่ 18 ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ชาวบ้านแห่ต่อแถวเพียบ

(5 ธ.ค. 66) ที่หน้าร้านเทียมศักดิ์พาณิชย์ เลขที่ 385-7 อยู่ตรงข้ามสำนักงานยาสูบฯ ถนนอภิบาลบัญชา เยื้องทางออกตลาดสดฯ เขตเทศบาลเมืองนครพนม ‘นายเทียมศักดิ์ เวียงศรีประเสริฐ’ อายุ 76 ปี และ ‘นางเกตุวดี เวียงศรีประเสริฐ’ อายุ 74 ปี คู่สามีภรรยาเป็นชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม ร่วมกับลูกหลาน และบริษัทในเครือโรงสีเทียมศักดิ์พาณิชย์ พร้อมด้วยบริษัทวิทยาอิเลคทริคเซ็นเตอร์ ได้จัดตั้งโรงทานมอบข้าวกล่อง ขนมหวาน ข้าวสาร ข้าวเหนียว และ มอบทุนการศึกษาแก่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยครอบครัวนายเทียมศักดิ์จัดมาแล้วเป็นปีที่ 18 เพื่อน้อมระลึกถึงในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พ่อของแผ่นดินปวงชนชาวไทย โดยมีประชาชนจูงลูกเล็กเด็กแดง มายืนรอรับสิ่งของเป็นแถวยาว

นายเทียมศักดิ์เปิดเผยว่า บิดามารดาเป็นชาวเวียดนาม อพยพหนีไฟสงครามมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ทำงานรับจ้างทุกอย่าง จนมีฐานะดีขึ้นตามลำดับ โดยตั้งโรงสีผลิตข้าวสารตราเรือไฟ ส่งจำหน่ายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว เวียดนาม และขยายกิจการโรงสีเพิ่มขึ้น ปัจจุบันมีโรงสีอยู่ 4 แห่ง ซึ่งตนได้โอนกิจการให้ลูกๆ ไปบริหารกันเองหมดแล้ว และพวกเขาได้ขยายตลาดส่งข้าวสารไปยังแถบยุโรปด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ตนกำชับลูกทั้ง 5 คน ถือเป็นคำสั่งของพ่อว่า “ให้สำนึกในบุญคุณของแผ่นดิน” ดังนั้นวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันพ่อแห่งชาติให้ตั้งโรงทานรวมถึงมอบทุนการศึกษาข้าวสาร ฯลฯ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล

สืบเนื่องวันที่ 5 ธันวาคมเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นวันสำคัญที่ประชาชนน้อมรำลึกถึงพระองค์ท่าน ทั้งนี้กิจกรรมวันพ่อ ได้จัดติดต่อกันมาตั้งแต่ปี 2523 โดยการริเริ่มของคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษา

เนื่องจากพ่อถือเป็นบุคคลผู้มีพระคุณ และมีบทบาทสำคัญต่อครอบครัว สังคม ที่ผู้เป็นลูกต้องเคารพเทิดทูนและตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู และสังคมควรที่จะยกย่องให้เกียรติรำลึกถึงผู้เป็นพ่อ จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นวันพ่อแห่งชาติ นอกจากนี้รัฐบาลยังกำหนดให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันชาติอีกด้วย

วัตถุประสงค์ของวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวามหาราช เพื่อเทิดทูนพระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อเทิดทูนพระคุณของพ่อ และยกย่องบทบาทของพ่อที่มีต่อครอบครัวและสังคม เพื่อให้ลูกได้แสดงความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อ

‘ทะเลบัวแดง’ บานสะพรั่ง ละลานตาเต็มอ่างเก็บน้ำหนองคอกช้าง พร้อมกลิ่นอายธรรมชาติ ขึ้นแท่นจุดเช็กอินแห่งใหม่ จ.นครพนม

(21 ธ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครพนมรายงานว่า ที่ ‘ทะเลบัวแดง’ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม กลายเป็นสนใจของประชาชน นักท่องเที่ยว ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งใหม่ อยู่ที่หนองคอกช้าง บ้านดอนแดง ตำบลบ้านเสียว อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม โดยมีเนื้อที่กว่า 300 ไร่

ซึ่งหนองคอกช้างไม่เพียงเป็นแหล่งเก็บน้ำเพื่อการเกษตร ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ทางธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันซีน (Unseen) แห่งใหม่ เพราะมีบัวแดงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจำนวนมาก ผนวกกับช่วงนี้ในพื้นที่ จ.นครพนม มีสภาวะอากาศเย็นไปถึงหนาว จึงทำให้ในช่วงเช้าดอกบัวแดงเบ่งบานสะพรั่ง กลายเป็นทะเลบัวแดงที่มีความสวยงาม เป็นเสน่ห์ดึงดูดประชาชน นักท่องเที่ยวไปล่องเรือ เพื่อชมความสวยงามอย่างใกล้ชิด จนกลายเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ของ จ.นครพนม ยิ่งมีการเช็กอินหรือเซลฟีภาพลงเผยแพร่ไปตามโลกโซเชียล ก็ยิ่งสร้างความสนใจเป็นแรงกระตุ้นให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชมมากขึ้น

ทางด้าน นายพิทักษ์ ปางข้างฮุง นายก อบต.บ้านเสียว อ.นาหว้า จ.นครพนม เปิดเผยว่า สำหรับทะเลบัวแดง หนองคอกช้าง บ้านดอนแดง ต.บ้านเสียว ถือเป็นจุดเช็กอินและอันซีนแห่งใหม่ มีพื้นที่กว่า 300 ไร่ เป็นพื้นที่อ่างเก็บน้ำเพื่อการเกษตรของชาวบ้าน แต่ปัจจุบันด้วยความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ทำให้มีบัวแดงเกิดขึ้นเป็นพื้นที่กว้าง จนกลายเป็นทะเลบัวแดงที่สวยงาม

ยิ่งช่วงนี้มีอากาศหนาว ในตอนเช้าดอกบัวแดงจะพร้อมใจกันบานสะพรั่ง สร้างความตื่นตาให้กับประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยว ซึ่งในส่วนของ อบต.บ้านเสียว ได้ร่วมกับชาวบ้าน ชุมชน จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว จัดเรือบริการ รองรับประชาชน นักท่องเที่ยว คิดอัตราค่าบริการ คนละ 50 บาทต่อครั้ง เพื่อลงเรือพายเที่ยวชม เพื่อถ่ายภาพความสวยงาม ท่ามกลางดอกบัวแดงเต็มพื้นที่อ่างเก็บน้ำ

นอกจากนี้ ยังได้ชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติ โดยมีนกนานาชนิดหรือฝูงนกอพยพหนีหนาวไซบีเรีย รวมถึงนกหายากจากต่างถิ่นกว่าพันตัว ถือเป็นเสน่ห์ดึงดูดอีกอย่างหนึ่ง ให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปชมทิวทัศน์ความสวยงามในพื้นที่หนองคอกช้าง เชื่อว่าจะเป็นอีกสถานที่สำคัญที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ชุมชน ในช่วงปีใหม่และเหมันต์ฤดู

สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดจองคิวล่องเรือได้ที่ โทรศัพท์ 087-224-4562 รับรองว่าไม่ผิดหวัง ผู้ชื่นชอบธรรมชาติจะต้องประทับใจ ในความสวยงามของทะเลบัวแดงอย่างแน่นอน

อนึ่ง ‘บัวแดง’ ยังมีชื่อเรียกว่า ‘สัตตบรรณ’ และ/หรือ ‘รัตตอุบล’ มีการเจริญเติบโตรวดเร็ว กระจายอยู่ทุกภาคของประเทศไทย มีสรรพคุณทางยา ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงหัวใจทำให้สดชื่น บำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง แก้ไข้ตัวร้อน แก้อาการร้อนใน ส่วนสายบัวมีเบต้าแคโรทีน ช่วยป้องกันและต้านโรคมะเร็งในลำไส้ ขณะที่ในส่วนเกสรช่วยบำรุงผิวพรรณ จึงมีนักวิจัยนำไปผลิตเป็นเซรั่มบำรุงผิวหน้า ยับยั้งการอักเสบและเกิดสิว

นครพนม -นบ.ยส.24 แถลงข่าวตรวจยึดยาบ้าล๊อตใหญ่ จำนวน 139 มัด ประมาณ 278,000 เม็ด พร้อมผู้ต้องหาขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ จำนวน 1 คน

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 เวลา 15.00 น. พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการหน่วยปัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งตัน และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ผบ.นบ.ยส.24) มอบหมายให้ พันเอก กันตภณ จันทะนันท์ รองหัวหน้าส่วนส่วนปราบปราม หน่วยปัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งตัน และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  (รอง หน.ปราบปราม นบ.ยส.24)  เป็นประธาน พร้อมด้วย พันเอก พิเชษฐ์   ดาศรี เสนาธิการหน่วยปัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งตัน

และเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (เสธ.นบ.ยส.24) พันเอก สุริวัชร์  อัครพรเดชาพงษ์  ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 21/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21  นายชินวัต ทองปรีชา นายอำเภอบ้านแพง, พันตำรวจเอกสุนันท์  สร้อยสุด ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรบ้านแพง และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม แถลงข่าวตรวจยึดยาบ้าล๊อตใหญ่ จำนวน 139 มัด ประมาณ 278,000 เม็ด พร้อมผู้ต้องหาขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ จำนวน 1 คน บริเวณริมถนนทางหลวงชนบทหมายเลข 2390 บ้านอ้วนน้อย หมู่ที่ 9 ตำบลหนองแวง อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนมโดยในห้วงที่ผ่านมาหน่วยได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่าจะมีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) ไม่ทราบจำนวน จากขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติล๊อตใหญ่จากฝั่ง สปป.ลาว เข้ามายังฝั่งประเทศไทย บริเวณ อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม เพื่อลำเลียงขนส่งเข้าสู่พื้นที่ตอนในให้กับกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดภายในประเทศ จึงสั่งการให้ร้อยโท วันชาติ  เหมือนปืน

ผู้บังคับกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 บรูณาการกำลังวางแผนร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ทำการลาดตระเวนซุ่มเฝ้าตรวจตามภาพข่าวที่ได้รับแจ้ง ตรวจสอบพื้นที่เพ่งเล็งคอสะพาน หลักกิโลเมตร ป้ายบอกทาง  บริเวณพื้นที่ ริมถนนทางหลวงหมายเลข 212 และทางหลวงชนบทหมายเลข 2390  ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการลาดตระเวนมาถึงจุดป้ายบอกความเร็ว (75 กม.) บ้านอ้วนน้อย หมู่ที่ 9 ตำบลหนองแวง อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ได้ตรวจพบกระสอบสิ่งของต้องสงสัยวางอยู่บริเวณป่าใกล้กับป้ายบอกทาง จึงได้เข้าไปตรวจสอบพบว่าภายในกระสอบเป็นยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) บรรจุอยู่ภายใน จำนวน 1 กระสอบ และอีก จำนวน 1 แพ็คใหญ่ ชุดลาดตระเวนจึงได้ทำการวางแผนซุ่มเฝ้าตรวจบริเวณใกล้กับจุดที่พบกระสอบยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า)วางอยู่ และในเวลาต่อมาได้ตรวจพบรถยนต์ยี่ห้อ อีซูซุ ดีแม็คซ์ สีบรอนซ์เงิน ขับมาจอดยังจุดที่มีการวางตัวกำลังพลชุดซุ่มรออยู่และมีบุคคลต้องสงสัยภายในรถยนต์รีบลงมาจากรถคันดังกล่าว เพื่อจะมาเอากระสอบยาเสพติดฯ(ยาบ้า) เจ้าหน้าที่ที่ทำการซุ่มอยู่จึงได้แสดงตัว และทำการตรวจค้นจับกุม สามารถจับกุมผู้ต้องหา ได้จำนวน 1 คน ทราบชื่อ นายคนองศักดิ์  วงจันทา อายุ  34 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชน บ้านเลขที่ 80/2 หมู่ที่ 4 ตำบลท่าไข่ อำเภอเมือง  จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 1 กระสอบ กับอีก จำนวน 1 แพ็คใหญ่ จำนวน 139 มัด ประมาณ 278,000 เม็ด  

ขั้นต้นหน่วยได้ตรวจยึดและควบคุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางดังกล่าว มายังกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 เพื่อทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมอย่างละเอียด และดำเนินการประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ร่วมตรวจสอบซักถามขยายผล พร้อมส่งผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดส่งให้ สภ.บ้านแพง จังหวัดนครพนม เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป 

โดยขณะเดียวกันจังหวัดนครพนมได้ประกาศพื้นที่พิเศษที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 5(10) กำหนดให้จังหวัดนครพนม ในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดน ได้แก่ อำเภอท่าอุเทน อำเภอเมืองนครพนม อำเภอธาตุพนม และ อำเภอบ้านแพง เป็นพื้นที่พิเศษที่มีความเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีการจัดตั้งหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) โดยมีที่ตั้งอยู่ที่มณฑลทหารบกที่ 210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง ตำบลกุรุคุ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม เพื่อให้เกิดการดำเนินการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพ/ข่าว พรพิพัฒน์ เพ็ชรสังหาร 
เดวิท โชคชัย รายงาน 092-5259-777

นครพนม -หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 บูรณาการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดจับผู้ต้องหา พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 17 มัด จำนวนประมาณ 34,000 เม็ด

กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดย ร้อยโท  วันชาติ  เหมือนปืน ผู้บังคับกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านแพง นำโดย ตำรวจเอก สุนันท์  สร้อยสุด ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านแพง เข้าทำการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ยาเสพติด ขยายผลต่อเนื่อง ต่อพื้นที่เป้าหมาย หน่วย ได้ทำการบังคับใช้กฎหมาย ต่อบ้านเป้าหมาย ที่กระทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ยาเสพติด และสามารถ ตรวจยึดจับกุมผู้กระทำผิดฯ ได้ คือ น.ส.ประภัสสร มะละ พร้อมพวกรวม 3 คน พร้อมของกลางยาเสพติดประเภทที่ 1 ยาบ้) จำนวน 6,000 เม็ด จึงได้ควบคุมตัวมาทำการสืบสวนขยายผล ที่ สภ.บ้านแพง ผลการสืบสวนขยายผล น.ส.ประภัสสร ฯ ได้ให้การเพิ่มเติมเพื่อหวังสิทธิลดอัตราโทษ โดยให้การว่า ยังมียาเสพติดเหลืออยู่ที่ โรงนาเก็บฟาง ของนายดรัญภพ โพธิคาร ทราบชื่อภายหลัง ซึ่งถูกจับกุมได้พร้อม กับ น.ส.ประภัสสรฯ  หน่วยจึงได้เข้าทำการบังคับใช้กฎหมาย ฯ ต่อพื้นที่เป้าหมาย เป็นโรงนาเก็บฟาง อยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 5 บ้านโนนสูง ตำบลหนองแวง อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดประเภทที่ 1 ยาบ้า จำนวน 17 มัดห่อทับด้วยกระดาษไขพันทับด้วยเทปกาวบรรจุอยู่ในถุงกระสอบปุ๋ยสีฟ้า ซุกซ่อนอยู่ในกองฟางภายในโรงนา จึงได้ทำการสอบสวนเบื้องต้น นายดรัญภพ  โพธิคาร ให้การยอมรับว่ายาเสพติดที่ทั้งหมดเป็นของตนจริง จึงได้ควบคุมตัวเจ้าของยาเสพติดที่ตรวจพบ,ผลตรวจปัสสาวะพบสารเสพติดผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 17 มัด จำนวนประมาณ 34,000 เม็ด ทั้งหมด มาที่ สภ.บ้านแพง เพื่อทำการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม พร้อมบันทึกภาพและวิดีโอผู้ถูกควบคุมตัว ตามมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

เดวิท โชคชัย รายงาน 092-5259-777 

นครพนม -หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 ตรวจยึดพืชกัญชา ไม่ผ่านพิธีการศุลกากร จำนวน 2 กระสอบ น้ำหนัก รวม 75 กก./แท่ง ริมตลิ่งแม่น้ำโขง ในพื้นที่อำเภอบ้านแพง

กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี โดยร้อยโท วันชาติ เหมือนปืน ผู้บังคับกองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 ได้รับทราบจากแหล่งข่าวจากประชาชนในพื้นที่ ว่ามีการลักลอบทำผิดกฏหมาย โดยการนำเข้าสิ่งของผิดกฏหมายจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในเขตพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย หน่วยจึง ทำการเฝ้าตรวจเพื่อป้องกันและสกัดกั้นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด และ พ.ร.บ.ศุลกากร พื้นที่จุดเสี่ยง จุดเพ่งเล็ง ตามภาพข่าว บริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขง บ้านดอนแพง หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านแพง อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม ตรวจการณ์พบเรือหาปลาต้องสงสัย จำนวน 1 ลำ ล่องเรือมาจากฝั่ง สปป.ลาว มายังฝั่งไทย ขับวนเลียบตลิ่งไปมามีกระสอบสิ่งของต้องสงสัยอยู่บนเรือและมีรถยนต์ขับมาจอดบนถนนเลียบแม่น้ำโขงตรงจุดท่าน้ำ พื้นที่ ใกล้กับจุดที่ กำลังพลของหน่วยทำการเฝ้าตรวจจากนั้นเรือลำดังกล่าว ได้ขับเข้ามาจอดเทียบท่าน้ำ และทำการยกสิ่งของขึ้นมาบนฝั่ง และรีบขับเรือกลับไปยังฝั่ง สปป.ลาว กำลังพลของหน่วยจึงเฝ้าสังเกตุการณ์ 

จากนั้นได้มีราษฎรชาย 4 คน เดินลงมาจากรถยนต์ที่จอดอยู่ เดินมุ่งหน้าไปยังสิ่งของต้องสงสัยที่วางอยู่ เพื่อจะมาหยิบเอาสิ่งของดังกล่าว กำลังพลของหน่วยที่เฝ้าตรวจอยู่จึงแสดงตนขอตรวจสอบ เมื่อราษฎรชายกลุ่มดังกล่าว พบเห็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่ จึงได้ละทิ้งสิ่งของ แล้วทำการวิ่งไปขึ้นรถที่จอดรออยู่และขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว กำลังพลของหน่วยจึงเข้าทำการตรวจสอบสิ่งของต้องสงสัย พบเป็นพืชกัญชาแห้งแบบอัดแท่ง จำนวน 2 กระสอบ ไม่ผ่านพิธีการศุลกากร จึงได้ดำเนินการขนย้ายมายัง กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21เพื่อทำการตรวจสอบ และตรวจนับของกลาง พืชกัญชาแห้ง แบบอัดแท่ง จำนวน 2 กระสอบ น้ำหนัก รวม 75 กก./แท่ง หน่วยได้ประสานหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ร่วมบันทึกภาพผลการตรวจยึดของกลางทั้งหมด และได้นำส่ง สภ.บ้านแพง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top