‘รศ.ดร.วินัย’ ชี้!! ‘การฉลองปีใหม่’ แท้จริงถือกำเนิดขึ้นก่อนจะมีศาสนาคริสต์ จึงไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ‘ชาวมุสลิม’ สามารถร่วมฉลองได้

(27 ธ.ค. 66) รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการ ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘ความเป็นมาของการเฉลิมฉลอง ‘วันปีใหม่’ ในวันที่ 1 มกราคม’ ระบุว่า…

มีคำถามจากพวกเราถึงผมเป็นครั้งคราว เร็วๆ นี้ มีคำถามมาว่า การเฉลิมฉลองวันปีใหม่ในวันที่ 1 มกราคม ตามปฏิทินสากล เป็นประเพณีหรือพิธีกรรมในศาสนาคริสต์ใช่หรือไม่ หากใช่ การที่คนในศาสนาอื่นเข้าไปร่วมเฉลิมฉลอง จะผิดหลักการในศาสนาของตนเองหรือเปล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ ‘มุสลิม’ ก่อนจะตอบ เราควรเข้าใจก่อนว่าการนับวันเวลาเป็นสิ่งสมมุติ เปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ โดยเป็นเช่นนั้นมาแต่โบราณแล้ว

การกำหนดวันปีใหม่สากลให้เป็นไปตามปฏิทินสุริยคติคือ ‘วันที่ 1 มกราคมของทุกปี’ เรื่องนี้เริ่มโดยชาวโรมันมานานนับพันปีแล้ว โดยก่อนหน้านั้น ชนโบราณ ทั้งบาบิโลน จีน อินเดีย กำหนดวันปีใหม่ตามปฏิทินสุริยคติมาก่อนชาวโรมันเสียด้วยซ้ำ โดยกำหนดไว้ว่า ‘วันขึ้นปีใหม่’ คือ วันเริ่มต้นการเพาะปลูก ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์จนถึงพฤษภาคม ชาวจีนกำหนดวันตรุษจีนไว้ในเดือนกุมภาพันธ์ ชาวอินเดียกำหนดวันสงกรานต์ในเดือนเมษายน ส่วนชาวบาบิโลนเฉลิมฉลองวันเริ่มเพาะปลูกในเดือนมีนาคม

กระทั่งถึงปีที่ 46 ก่อนคริสตกาล ‘จักรพรรดิจูเลียส ซีซาร์’ แห่งจักรวรรดิโรมัน เห็นว่าช่วงฤดูหนาวคือ เดือนธันวาคมถึงมกราคม อากาศหนาวเหน็บ บรรยากาศหดหู่ ผู้คนซึมเศร้า ว้าเหว่ จึงย้ายวันปีใหม่จากช่วงฤดูเก็บเกี่ยวที่สดใสไปเป็นฤดูหนาว เพื่อให้ผู้คนในจักรวรรดิได้รื่นเริงกันบ้าง การกำหนดวันปีใหม่ให้เป็นวันที่ 1 มกราคมจึงเริ่มต้นในปีนั้น วันปีใหม่จึงเกิดขึ้นก่อนการมาของคริสต์ศาสนา การเฉลิมฉลองวันปีใหม่ในบางชุมชนอาจมีพิธีกรรมทางศาสนาเข้ามาปนบ้าง แต่ไม่ใช่ศาสนาคริสต์อย่างแน่นอน

ชนคริสต์ในจักรวรรดิโรมันกว่าจะยอมรับให้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันปีใหม่ก็ล่วงเลยมาถึง ค.ศ. 313 แล้ว เหตุที่ก่อนหน้านั้นไม่ยอมรับก็เนื่องจากเห็นว่า การฉลองปีใหม่เป็นกิจกรรมของคนนอกศาสนา ต่อเมื่อเข้าใจได้ว่า วันเวลาคือความเป็นสากลไม่เกี่ยวข้องกับศาสนานั่นแหละจึงยอมรับ นอกจากนี้ ชาวคริสต์ในแต่ละนิกายยังเริ่มใช้วันที่ 1 มกราคม เป็นวันปีใหม่ไม่ตรงกัน ที่น่าสังเกตคือ ไม่มีชนกลุ่มใดยึดถือว่าวันปีใหม่เป็นวันสำคัญทางศาสนา การเฉลิมฉลองจะเป็นไปในลักษณะใด เอาศาสนามาเกี่ยวข้องหรือไม่ ให้ขึ้นกับแต่ละสังคมเป็นสำคัญ

ในประเทศมุสลิมปัจจุบัน การนับถอยหลัง หรือ ‘เคาท์ดาวน์’ ตอนเที่ยงคืนวันที่ 31 ธันวาคม มีให้เห็นอยู่บ้าง เช่น ที่อาคารทวินทาวเวอร์ในกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย หรืออาคารเบิร์จคาลิฟาของดูไบ ยูเออี และในอีกหลายประเทศมุสลิม นั่นเป็นเพราะวันปีใหม่ไม่ใช่การเฉลิมฉลองทางศาสนา

ส่วนประเด็นที่มีมุสลิมบางคนเข้าใจว่าวันที่ 1 มกราคม เกี่ยวข้องกับการสูญเสีย ‘กรานาดา’ หรือ ‘ฆัรนาเฎาะฮฺ’ ของจักรวรรดิมุสลิมให้แก่จักรวรรดิคริสต์ในสเปน เหตุการณ์นั้นเกิดในวันที่ 2 มกราคม ค.ศ.1492 ไม่เกี่ยวข้องกับวันปีใหม่ ที่อธิบายมาทั้งหมดไม่ได้หมายความว่า จะแนะนำให้มุสลิมฉลองวันปีใหม่ สังคมมุสลิมมีวันเฉลิมฉลองอยู่แล้ว คือ ‘วันอิดิลอัฎฮาและอิดิลฟิตริ’ การเฉลิมฉลองกันสุดเหวี่ยงเลียนแบบคนอื่นในวันอื่นคงไม่เหมาะ ส่วนใครจะฉลองคงไม่มีใครตำหนิ