‘ชาวเน็ต’ ชำแหละภาพมายาพรรค ‘ก้าวไกล’ ใช้มวลชนเป็นทัพหน้า สู่การเปลี่ยนระบอบประเทศ

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ชื่อ ‘shatree7789’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอวิเคราะห์ถึงประเด็นการยืนยันที่จะแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล โดยได้ระบุว่า…

“รู้หรือไหม? ว่าทำไมพรรคสีส้มเขาถึงไม่ยอมถอยเรื่องมาตรา 112 ทำไมเขาถึงอยากจะเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแก้ไขหรือว่ายกเลิก ไม่ว่าเขาจะได้เป็นรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้าน เขาก็จะยื่นข้อเสนอแก้ไขหรือยกเลิกในวันยันค่ำ เขาจะต้องทำสิ่งนี้ให้ได้ รู้หรือไหมว่าทำไม คนที่เชียร์พรรคเขาส่วนใหญ่ไม่รู้ และมักจะบอกว่า ก็เพราะว่ามีเด็กจำนวนมากที่อายุยังไม่ถึง 18 ปี กำลังติดคุกอยู่ 100 กว่าคน แล้วพรรคสีส้มเขาก็จะมาช่วยไง ฟังดูดีเนอะ ฟังดูเป็นฮีโร่เลยล่ะ คนที่ไม่รู้แล้วก็เชียร์พรรคเขา ก็คิดว่า โอ้ เรามีฮีโร่นะ พวกเราต้องช่วยเขานะ เพราะเขาเป็นถึงฮีโร่ เขาจะมาช่วยประชาชน แต่ในความเป็นจริง คนที่กระทำผิดในมาตรา 112 ก็คือคนที่กระทำผิดต่อความมั่นคงของชาติ คือคนที่ทําให้ชาติแตกแยก เปรียบเสมือนคดีร้ายแรง อย่างเช่น คดีซ่อมโจร คดีขายยาเสพติด ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงเหมือนกัน”

“ซึ่งคดีมาตรา 112 ก็มีลักษณะคล้ายๆ กัน เพียงแต่ว่าไม่ได้ใช้อาวุธ แต่ใช้ ‘ปาก’ เป็นอาวุธในการโจมตีแทน และพรรคสีส้มนี้เขาเกี่ยวข้องอย่างไร? ก็ไปดูคนที่มีคดีมาตรา 112 ทุกคนได้รับการประกันตัวจากใคร? ก็จาก ส.ส. พรรคสีส้มทั้งนั้น เปรียบได้กับพรรคสีส้มอยู่เบื้องหลังในการให้ท้ายเด็ก ให้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ จะถูก จะผิด หรือขัดแย้งกับข้อเท็จจริงอย่างไรก็ช่าง วิจารณ์ไปเลย เดี๋ยวพี่ประกันตัวเอง เดี๋ยวพี่ดูแลเอง เดี๋ยวพี่ซัพพอร์ตเอง แล้วเด็กก็ได้เงินช่วยเหลือ แถมได้ชื่อเสียงด้วย กลายเป็นฮีโร่แบบย่อมๆ ด้วย แล้วใครล่ะจะไม่ทำ”

“แล้วเพราะเหตุใด เขาจึงต้องไปยุให้เด็กพูดแบบนั้น ทำไมเขาไม่ทําการเมืองดีๆ ทำไมไม่ใช้นโยบายของตัวเอง ทำไมถึงไม่ใช้ความรู้ความสามารถของตัวเอง เพื่อเข้ามาเสนอผลงาน เสนอแนวคิดเพื่อดูแลประเทศ ดูแลประชาชน เพราะเหตุใดเขาถึงไม่ทำการเมืองแบบนั้น? ก็เพราะว่า หัวหน้าพรรคของเขาที่ถูกตัดสิทธิ์ไป คนนั้นคือหัวหน้าพรรคตัวจริง และหัวหน้าพรรคตัวจริงของเขาก็คือ ‘นายทุน’ ไม่ว่าจะเป็นด้อมแดง ด้อมส้ม นายทุนคือผู้บงการพรรค นายทุนจะสั่งไปทางซ้ายหรือทางขวา ลูกพรรคก็ต้องทำตาม เจ้าของพรรคสีส้มเขาไม่ได้หวังจะเป็นนายกรัฐมนตรี เขาหวังไกลกว่านั้นเยอะ เขาหวังเป็นประธานาธิบดี ลองไปหาดูคลิปที่ป้าเช็งพูดไว้ ป้าเช็งรู้จักแม่ของคุณธนาธร รู้จักดีด้วย แล้วเขารู้ด้วยว่า แม่ของคุณธนาธรเป็นคนอย่างไร เขาวางแผนให้ลูกของเขาเป็นประธานาธิบดี และการจะเป็นประธานาธิบดีได้ จะต้องเอาระบอบกษัตริย์ออก เพื่อจะเปลี่ยนเป็นระบอบประธานาธิบดีได้ จะต้องมีการแบ่งแยกรัฐแต่ละรัฐ ให้มีนายกฯ เป็นของตัวเอง เห็นหรือไม่? ว่าเขาเดินตามครรลอง ตามวิถีที่เขาต้องทำทุกกระเบียดนิ้วเลย”

“เพราะฉะนั้น การที่วันนี้คุณพิธาจะได้เป็นนายกฯ หรือไม่ได้เป็นนั้น ไม่ได้มีความสำคัญกับคุณธนาธรสักเท่าไร เพราะสิ่งที่สำคัญคือ ‘มวลชน’ ที่เขายังสามารถให้เด็กออกมาพูดแทนได้ ที่เขายังสามารถให้ประชาชนพูดเรื่องกษัตริย์ได้ เหตุผลที่เขาต้องการจะเร่งให้มีการแก้ไข ก็เพื่อที่คนจะได้ออกมาพูดเรื่องนี้เยอะๆ คนจะได้ออกมาโจมตีกษัตริย์เยอะๆ ประชาชนจะได้เกลียดกษัตริย์ จนกระทั่งวันหนึ่งการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป และคนที่ดึงมวลชนให้เกลียดกษัตริย์ได้มาก สุดท้ายก็จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน และได้เป็นประธานาธิบดี นี่ต่างหาก คือจุดมุ่งหมายของพรรคนี้”

“คุณพิธาเป็นเพียงแค่ ‘หุ่นเชิด’ ลองไปดูคุณพิธาในปัจจุบันนี้ การที่เขาบริหารเงินในชีวิตส่วนตัว มีรายได้เดือนละแสนบาท แต่ใช้เงินเดือนละ 4 แสนบาท จนตัวเองต้องขายบ้าน ขายคอนโด ขายที่ดิน ขายออกไปเรื่อยๆ คุณคิดว่าเป็นเพราะอะไร? เป็นเพราะว่าเขาได้แรงจูงใจว่า ถ้าเขาได้เป็นนายกรัฐมนตรี เขาจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ เขาจะได้เงินอุดหนุนจากที่นั่นที่นี่ แต่พอเขาไม่ได้ ณ ปัจจุบันนี้ เขาก็กลายเป็นคนส่วนหนึ่งของคนที่ถูกนายทุนหลอกเหมือนกัน จริงหรือไม่จริง คุณก็ดูได้ เมื่อคนหมดประโยชน์ เขาก็ไม่เอาไว้หรอก คนพวกนี้ใจดำนะจะบอกให้ อนาคตเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่สิ่งที่ต้องสื่อสารกันวันนี้คือ เขาจะมาหยุดเรื่องมาตรา 112 และเขาจะทำต่อไป”

“ฝากถึงหน่วยงานความมั่นคงของประเทศนี้ คุณจะทำงานแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ เพราะว่าประเทศเราไม่สามารถที่จะปล่อยให้คนชั่วขึ้นครองอำนาจได้ และยิ่งนับวัน เหล่ามวลชนที่หลงผิดก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขาไม่รู้เรื่องการปกครอง เขาเชื่อแต่คนที่หน้าตาดีและคนที่พูดเพราะ แต่เขาไม่สนว่าคำพูดเหล่านั้น แม้จะไพเราะ แม้จะเป็นคําโกหก เขาก็ไม่สามารถแยกแยะให้ออกได้ เพราะฉะนั้น หน่วยความมั่นคง รวมถึงคนที่ดูแลประเทศ คนที่เป็นผู้นำพาประเทศไปสู่ความถูกต้อง ไปสู่ความดี คุณต้องรีบจัดการ ตอนนี้ เวลานี้ คุณจะรอให้อีก 4 ปีข้างหน้ามีการเลือกตั้งใหม่ หากถึงเวลานั้น ผมเกรงว่ามันจะสายเกินไป”