Saturday, 11 May 2024
ด้อมส้ม

จาก ‘ฟ้ารักพ่อ’ สู่ ‘ด้อมส้ม’ สะเทือนแผ่นดิน เกมชิงมวลชน ถีบอนุรักษ์นิยมแพ้ตกขอบ

ปรากฏการณ์แฟนด้อมการเมืองในไทยไม่ใช่เรื่องใหม่ แม้ว่าเราเพิ่งมาเริ่มคุ้นกับปรากฏการณ์ ‘ฟ้ารักพ่อ’ ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในปี 2019 แต่จริงๆ แล้ว แฟนด้อมการเมืองในไทยเริ่มปรากฏให้เห็นมานานแล้วในรูปแบบ ‘แม่ยก พ่อยก’ ของบรรดานักการเมืองรุ่นเก่าๆ เช่น แม่ยกของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ส่วนวันนี้ก็ถึงคิวของ ‘ส้มรักพ่อ’ / ‘รักก้าวไกล’ / ‘รักพิธาจนหมดใจ’

อันที่จริง ถ้าจะให้พูดแบบไม่แอบอิง ปรากฏการณ์นี้ ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วย ชื่นชอบ ชื่นชม หรือแม้แต่อุดมการณ์เป็นที่ตั้ง แต่เป็น ‘ความหลงใหล’ 

ทั้งนี้หากมองวิวัฒนาการ ‘แฟนด้อมการเมืองในไทย’ แล้ว จะพบว่า มันถูกขับเคลื่อนผ่าน Pop Culture และ โซเชียลมีเดีย ที่ถูกนำมาใช้อย่างจริงจังจากช่วง ‘ฟ้ารักพ่อ’ ซึ่งเป็นประโยคเด็ดจากละคร ‘ดอกส้มสีทอง’ มาใช้ในการพูดถึงแฟนด้อมและความนิยมของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 

อีกตัวแปรที่ทำให้วัฒนธรรมแฟนด้อมเติบโตขึ้นมากในการเมืองไทยช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือ วัฒนธรรมแฟนด้อมเกาหลีในหมู่วัยรุ่นไทย ที่เติบโตมาพร้อมกับพวกเค้า ภายใต้การอิงกายอยู่ภายใต้บรรยากาศการเมืองในระบอบที่ถูกอ้างกันว่าเป็น ‘เผด็จการ’ 

เด็กรุ่นใหม่จำนวนมากที่เติบโตมาในช่วงกระแสธารนี้ พัฒนาและปรับประยุกต์ผลงานที่เกี่ยวกับศิลปินที่ชอบ ผ่านงานอาร์ต บทความ กิจกรรม และแฮชแท็กต่างๆ เพื่อส่งเสริม รวมถึงเรียกร้องความไม่เป็นธรรมให้ศิลปินของตน จนกลายเป็น ‘วัฒนธรรม’ ใหม่ของเด็กยุคใหม่ 

>> ตรงนี้สำคัญ...เพราะเมื่อถึงเวลาที่ต้องการแสดงออกทางการเมือง พวกเขาจึงเลือกแสดงออกด้วยวัฒนธรรมที่พวกเขาคุ้นเคยอย่างที่กล่าวมาข้างต้นต่อ ‘พรรคการเมืองใหม่’ ที่พวกเขาไว้ใจ ผ่านโซเชียลมีเดีย ช่วยมอบสิ่งดีๆ ให้เกิดการแชร์ในวงกว้าง และทำลายล้างสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อโซเชียลนิยมด้วยความเต็มใจ

ฉะนั้น ปรากฏการณ์ ‘ส้มรักพ่อ’ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีส่วนจากผลพวงของ ‘แฟนด้อมทางการเมือง’ ที่ทำให้ "ก้าวไกล" คว้าเส้นชัยอันดับ 1

แน่นอนว่า ‘ตบมือข้างเดียว’ ยังไงก็ไม่ดัง!!

เมื่อแฟนด้อมของ ‘ก้าวไกล’ ตอบสนอง เพราะเบื่อการเมืองแบบเก่าๆ เบื่อความไม่ชัดเจน การหาประเด็นจี้จุดตรงประเด็น และใส่วาทกรรมเติมแต่งให้น่าเชื่อถือ ด้วยการสร้างความ ‘หลงใหล’ ให้ ‘ด้อมส้ม’ จึงเกิดขึ้นแบบที่ ‘อนุรักษ์นิยม’ ที่ได้สัมผัสยังแอบเคลิ้มตาม

>> หลงใหลที่ 1: วาทกรรม
‘มีลุง ไม่มีเรา’ 
‘แก้ไขมาตรา 112’
‘ทลายทุนผูกขาด’
‘รีดพุงงบกองทัพ’
‘สุราต้องเสรี’
‘คนเราต้องเท่าเทียม’

เหล่านี้กลายเป็นความหลงใหลที่เกิดจากวาทกรรม ที่ไม่ต้องพูดชื่อ ‘พรรคก้าวไกล’ ใครๆ ก็นึกออกว่าเป็นบริบทที่เกิดขึ้นจากพรรคนี้

>> หลงใหลที่ 2: ชายที่ชื่อ ‘พิธา’
รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา พูดจาฉะฉาน ภาษาอังกฤษเป๊ะ น่ามองไปเสียทุกตรง คือ ความหลงใหลที่ ‘ด้อมส้ม’ พร้อมถมความภักดีให้กับ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ซึ่งเราต้องยอมรับว่า ในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา หน้าตาของทุกสื่อ ทุกเวทีดีเบต ต้องมีภาพจำของพิธา และภาพจำสุดน่าปลื้มเหล่านั้น ก็ถ่ายเทไปถึงบรรดาผู้สมัครในพรรคท่านอื่นๆ ที่แม้จะโนเนม แต่ก็คว้าคะแนนปาดหน้าแชมป์เก่าในผู้สมัครเขตอื่นๆ ได้เพียงเพราะประชาชนมีภาพ ‘พิธา’ ติดตา ติดหู ฝังสมองไปแล้ว

>> หลงใหลที่ 3: ความเป็นกันเอง
พรรคก้าวไกลฝึกฝนบุคลิกทุกคนให้พรรค ไม่ว่าจะเด็กหรือแก่ ให้เข้าถึง เป็นเพื่อน เป็นครอบครัวเดียวกันกับคนทุกคน อย่างที่เห็นชัดเจนคือ การดีเบตครั้งสุดท้ายที่พรรคก้าวไกลเลือกจะทำเวทีแบบวงกลมกลางสนาม และให้คนมานั่งล้อมรอบ สร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวระหว่างพรรคและคน 

นอกจากนี้การที่พรรคก้าวไกลมักจะบอกว่า พรรคตนเองไม่มีเงิน เพื่อสร้างความโปร่งใส ขจัดปัญหาการซื้อเสียง เรื่องเดิมๆ ที่ต้องมาพร้อมกับการเลือกตั้ง สร้างประสบการณ์ใหม่ที่แฝงด้วยการแก้ปัญหาพื้นฐานของการเลือกตั้งให้คนรับรู้ ก็เป็นกระแสความนิยมในการเมืองใหม่จากพรรคนี้

1.วาทกรรมที่โดนใจ 2.ผู้นำที่ต้องตา 3.การวางตัวที่ใครๆ เขาอยากเข้าหา นี่มันองค์ประกอบของ ‘ดารา’ ชัดๆ (หลายคนอาจจะคิดแบบนี้) และมันก็เข้าองค์ประกอบของการต้องมี ‘แฟนคลับ’ ที่ถาโถมเข้ามาร่วมกับ ‘ด้อมส้ม’ ก่อนหน้า 

และถ้าเจาะเข้าไปเนื้อใน 3 ข้อนี้ ก้าวไกล และ พิธา ไม่ได้แค่ทางการวางตัวให้คนรู้สึกว่าเข้าถึงง่าย ติดดิน แต่พยายามเข้าใจถึงปัญหาปากท้องที่แท้จริง พร้อมรับฟังเสียงทุกเสียง และเลือกสื่อสารแบบเปิดเผย เพื่อลดช่องว่างระหว่างนักการเมืองกับ ‘ด้อมส้ม’ ของเขา 

สังเกตไหมว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกล เป็น แทบไม่ต่างอะไรจาก ไอดอลชั้นนำ ที่สร้าง ‘ความหลงใหล’ แก่แฟนคลับแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่เขาเป็นพรรคการเมือง และควรต้องมีนโยบายที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง เป็นตัวชี้นำ แต่ถ้านโยบายนั้นๆ มีความเป็นไปได้ว่าจะ แป๊ก!! ‘แฟนด้อมส้ม’ ก็ยังให้อภัย เพราะอย่างไรก้าวไกลก็จะแก้มาตรา 112 มาตราโดนใจที่ตอบโจทย์ สิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องการอย่าง ‘คนเราต้องเท่าเทียม’

ดังนั้น ปรากฏการณ์ ‘แฟนด้อมทางการเมือง’ ผู้ซึ่งเป็น ‘หัวคะแนนธรรมชาติ’ นี้ ไม่ใช่แฟนคลับที่คลั่งกรี๊ดแล้วจบ แต่อาจยอมสยบให้กับ ทุกวาทกรรม ทุกท่วงท่า ความงามของภาพลักษณ์ และความแนบชิด (การแสดง) จนพร้อมจะเป็นแรงหนุนให้ ‘พรรคก้าวไกล’ ต้องลุล่วงทุกภารกิจ 

และเมื่อถึงวันที่ ‘พรรคก้าวไกล’ ถึงทางตัน ชวดนายกฯ ยุบพรรค ผู้สมัครถูกตัดสิทธิ์ ก็เป็นไปได้ว่า ‘แฟนด้อมส้ม’ อาจจะเปลี่ยนเป็น ‘ม็อบส้ม’ แค่สัญญาณ 3 นิ้วชูเหนือหัวพลพรรคก้าวไกล ก็เป็นได้...

‘ด้อมส้มล่าแม่มด’ ใช้โซเชียลโจมตี ส.ว.ลาม ‘ครอบครัว-ธุรกิจ’ ‘รุ้ง’ ลั่น!! นี่แค่จุดเริ่มต้น ฟาก ‘ส.ว.’ เตรียมสวนด้วยกฎหมาย

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 66 ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีไม่ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมรัฐสภาในการเป็นนายกฯ โดยเฉพาะในโลกโซเชียล ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลหรือ ‘ด้อมส้ม’ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นโจมตีการลงมติของ ส.ว.ที่ส่วนใหญ่งดออกเสียง และไม่เห็นชอบ รวมทั้งยังมีส่วนหนึ่งออกมาเปิดวาร์ปโซเชียลมีเดียของลูกชายนายสมชาย แสวงการ ส.ว.ที่อภิปรายไม่เห็นชอบให้นายพิธาเป็นนายกฯ จนทำให้ลูกชายนายสมชายต้องตั้งค่าอินสตาแกรมเป็นส่วนตัว แต่ชาวทวิตเตอร์จำนวนมากต่างออกมาตำหนิพฤติกรรมดังกล่าวว่า ไม่เหมาะสม เพราะลูกหลานของ ส.ว.ไม่ได้เกี่ยวข้องแต่ประการใด

นอกจากนั้น ยังมีการผุดแฮชแท็กธุรกิจ ส.ว.จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ โดยมีการนำข้อมูลกิจการของ ส.ว.หรือคนในครอบครัว ส.ว.ที่ลงคะแนนไม่เห็นชอบ และงดออกเสียงมาแขวนเพื่อโจมตี และแบนธุรกิจนั้นๆ บางรายก็ระบุพิกัดให้ขนทัวร์ไปลง อาทิ ธุรกิจปั๊มน้ำมัน, คลินิกของลูก ส.ว., ร้านอาหาร, ตลาด, โรงพยาบาลสัตว์, ร้านขายรองเท้า, ทีมฟุตบอล เป็นต้น โดยอ้างว่าเพื่อไม่ให้มีที่ยืนในสังคม

ขณะที่บางส่วนได้นำข้อมูลเงินเดือน และค่าสวัสดิการต่างๆ ของ ส.ว.มาเปิดเผย แม้ ส.ว.บางรายที่เดินทางไปต่างประเทศก็ยังโดนโจมตีด้วย นอกจากนี้ยังมีธุรกิจในครอบครัวของ 5 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ยังถูกขุดขึ้นมาล่อเป้า รวมทั้งนายชาดา ไชยเศรษฐ์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ที่ลุกขึ้นอภิปรายนายพิธาก็ถูกขุดประวัติมาถล่มเช่นเดียวกัน

น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ ‘รุ้ง’ กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมทวีตข้อความว่า…

“เรียนให้ ส.ว.ทราบว่าราคาที่พวกคุณต้องจ่ายไม่ใช่แค่นี้หรอก นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ไล่ดูในเทรดไปแล้วก็เศร้า พวกเขามีทุกอย่างที่คนทั่วไปยังต้องดิ้นรนเพื่อให้ได้มาเพียงเสี้ยว ชีวิตดีกันจังเลย”

ขณะที่ นายพายุ เนื่องจำนงค์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ทวีตข้อความว่า พฤติกรรมการชี้เป้าลูกหลานและเครือญาติของ ส.ว.ที่ไม่ยอมโหวตนายกฯ เป็นเพียงจุดเริ่มต้น การกระทำจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จากแฟนด้อมที่ไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งกรณีเช่นนี้มันเคยเกิดขึ้นแล้วในประเทศอื่นๆ สุดท้ายแล้วไม่ได้จบแค่การคุกคามทางโซเชียล แต่จะจบด้วยความรุนแรงต่อตัวบุคคลถึงชีวิตหรือทรัพย์สิน หากการกระทำเหล่านี้ไม่ได้รับการหยุดยั้งห้ามปราม โดยพรรคหรือนักการเมืองที่แฟนด้อมคลั่งไคล้และรับฟัง ซึ่งหากถึงวันนั้นใครจะออกมารับผิดชอบ? หรือจะออกมาบอกว่าไม่เกี่ยวข้องด้วยอีก แล้วปล่อยให้ผู้กระทำผิดโดนดำเนินคดีไป ทั้งๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่าการกระทำเหล่านั้นเป็นอาวุธทางการเมืองให้กับใคร และใครได้ประโยชน์จากมัน หากสำเร็จในการใช้การคุกคามกดดันและกดขี่ให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการทางการเมือง

ด้านนายสมชายกล่าวว่า ขณะนี้ ส.ว.หลายคนกำลังรวบรวมหลักฐานที่มีบุคคลอื่นมาบูลลี่ตนเองและครอบครัว เพื่อแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะถือเป็นการคุกคาม ซึ่งถือว่าเลวร้ายกว่าในอดีต เป็นวิธีการที่สกปรก ชั่วช้า และเลวทราม คนที่เห็นต่างก็เข้าไปบูลลี่เขาหมด ทั้งตามโรงเรียน มหาวิทยาลัย และครอบครัว ดังนั้น ส.ว.ประชุมกันแล้วว่าจะดำเนินคดีทั้งหมด และเบื้องต้นได้ส่งหลักฐานให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) แล้ว และอยู่ระหว่างตั้งทีมกฎหมาย

“ขณะที่คุณล้ำเลิศประชาธิปไตย เวลาติดคุกไม่ต้องมาขอโทษนะ เพราะไม่มีปล่อยฟรี ถูกดำเนินคดีจริงจัง แล้วอย่าลืมนะว่าเป็นนักกฎหมายทั้งนั้นที่มาสนุกสนานเล่นๆ กันแบบนี้ดำเนินคดีหมด ตอนนี้ทุกคนเตรียมหลักฐานไว้หมดแล้ว จะเอาให้เต็มที่ต่างกรรมต่างวาระ ไม่ต้องออกจากคุกกันเลย ทำ 10 ครั้งก็ 10 กรรม 10 วาระ” นายสมชายกล่าว

นายสมชายกล่าวอีกว่า จากนี้จะตรวจสอบทั้งหมดและย้อนหลังไป หากพบว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาทก็จะดำเนินคดีทั้งหมด เพราะถือว่าไม่เคารพคนอื่น ประชาธิปไตยของคุณเป็นประเภทไหน เป็นพวกโจราธิปไตยหรือไม่ ที่ผ่านมาเคยดำเนินคดีกับคนที่หมิ่นประมาทมาแล้ว บางคนร้องห่มร้องไห้เพราะต้องออกจากราชการก็ให้อภัยไปหลายคนแล้ว แต่หลังจากนี้จะไม่ให้อภัยแล้ว ขอเตือนให้หยุดทั้งหมด อย่าคิดว่าหาไม่เจอ ที่ผ่านมาถือว่าเป็นบุคคลสาธารณะ แต่จากนี้จะเริ่มนับหนึ่งในการดำเนินคดี เพราะคุณไม่ได้ใช้สิทธิเสรีภาพ แต่เป็นการใช้สิทธิคุกคามคนอื่นมีความผิดทางอาญา

“ขอเตือนว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่จะไปคุกคามคนอื่น ส.ว.มีหน้าที่ที่ต้องทำ เช่นเดียวกันกับ ส.ส. หน้าที่ใครหน้าที่มัน การใช้สิทธิ์ของประชาชนไปหมิ่นประมาทคนอื่นย่อมได้รับผลตามกฎหมาย ยืนยัน ส.ว.ไม่ปล่อยเรื่องนี้แน่ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลัง ปั่นกระแส หากสืบไปถึงตัวกลางก็จะดำเนินคดี ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองคนไหนจะดำเนินคดีด้วย” นายสมชายย้ำ

วันเดียวกัน ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร มีการจัดชุมนุมของเครือข่าย ‘Respect My Vote’ เคารพผลเลือกตั้งฟังเสียงประชาชน ซึ่งนำโดยแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ, คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.), กลุ่มโมกหลวงริมน้ำ และ 24 มิถุนาประชาธิปไตย เพื่อยืนยันเจตจำนงของประชาชน 14 ล้านเสียง ที่ต้องการให้นายพิธาเป็นนายกฯ

โดยบรรยากาศเวลา 17.00 น. (14 ก.ค. 66) เริ่มมีประชาชนทยอยเดินทางมารวมตัวอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนมากสวมเสื้อผ้าสีส้ม ซึ่งเป็นสีประจำพรรค ก.ก. และยังมีร้านค้าวางจำหน่ายสินค้าที่มีสัญลักษณ์ของพรรค ก.ก.และใบหน้าของนายพิธา และในเวลา 17.40 น. เริ่มมีการแจกใบปลิวขาด A3 สีแดงดำ ระบุข้อความว่า “ยกเลิก ส.ว.ไร้ประโยชน์ มีไว้เพื่อสืบทอดอำนาจเผด็จการ”

โดยก่อนเริ่มกิจกรรมปราศรัย มวลชนได้รวมตัวชู 3 นิ้วแสดงสัญลักษณ์ ถือป้ายระบุข้อความเรียกร้องให้ยกเลิก ส.ว. ต่อมาผู้ชุมนุมได้เริ่มการปราศรัย โดยโจมตีการทำหน้าที่ของ ส.ว. ซึ่งส่วนใหญ่โจมตี ส.ว.ที่ไม่เห็นด้วยและงดออกเสียงในการโหวตนายกฯ โดยเฉพาะนายเสรี สุวรรณภานท์, นายคำนูณ สิทธิสมาน, นายสมชาย แสวงการ และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ และชื่นชม ส.ว.ทั้ง 13 คนที่โหวตเห็นชอบให้นายพิธา

นายเสกสิทธิ์ แย้มสงวนศักดิ์ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ ส.ว.และ ส.ส.ต้องเลือกนายกฯ ตามเจตจำนงของประชาชน ไม่มีทางเป็นอื่น ถ้าไม่ทำ ถนนทุกสาย แม่น้ำทุกเส้นก็จะไหลไปที่รัฐสภา และไม่ใช่แค่สภา แต่จะเลยไปถึงหน้าบ้านท่านแน่นอน ขอให้ทุกคนติดตามโซเชียลมีเดียทุกช่องทางในสัปดาห์หน้า เพื่อฟังนัดหมายให้มาชุมนุมกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน แสดงพลัง 26 ล้านเสียง 52 ล้านตีน มารวมตัวกันเพื่อให้รู้ว่าจะมากมายแค่ไหน

“สัปดาห์หน้ายังขอเชิญชวน ทุกท่านที่เลือกพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย สวมเสื้อสีส้มและสีแดงทุกวันก่อนถึงวันเลือกนายกฯ หรือติดสัญลักษณ์สีดังกล่าวเพื่อแสดงออกให้เห็นถึงเจตจำนงของพวกเรา”

ขณะที่ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย กล่าวว่า ขอให้มวลชนจับตาการประชุมศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 19 ก.ค.นี้ ในประเด็นของการแก้ไขมาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่ ถ้าผลออกมาอย่างที่คาดการณ์กัน ก็ถึงเวลาแล้วที่ภารกิจล้มล้างการปกครองมาถึงพวกเราแล้ว
.

'โบว์-ณัฏฐา' ชี้!! พฤติกรรมของด้อมส้มตอนนี้ พ้องกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตสมัย 14 ตุลาฯ

(17 ก.ค. 66) คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา ผู้ดำเนินรายการ Ringside การเมือง กล่าวถึงกรณีด้อมส้มที่ตามคุกคาม ส.ว. กับ กกต. ไว้ว่า...

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ คนเดือนตุลาคมหลายคนเขาบอกว่ามันเป็นสถานการณ์ที่พ้องกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ตอนสมัย 14 ตุลาคม ขบวนการนักศึกษากระแสสูงมาก ได้รับการสนับสนุนกับสังคมสูงมาก ๆ เสร็จแล้วเกิดอะไรขึ้น? ก็เกิดอาการกร่างหลังจากทำลายรัฐบาลเผด็จการตอนนั้นไปได้แล้ว เกิดอาการกร่าง 

แล้วกร่างยังไง? คือทุกคนต้องคิดเหมือนเขา ต้องเห็นตามเขา และต้องทำตามเขา และเขาก็เอานักศึกษาไปจัดการองค์กรต่าง ๆ จนกระทั่งมันเกิดกระแสต้าน จึงนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลาคม ในที่สุด เราจะไม่พูดว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่นี่คือสิ่งที่คนเดือนตุลาคมหลาย ๆ คน พูดตรงกัน ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ พฤติกรรมของด้อมส้มตอนนี้ มันคล้าย ๆ กับตอนนั้นเลยนะ คือความกร่าง และไปก้าวร้าวใส่คนอื่นเต็มไปหมด 

คราวนี้สิ่งที่ทำกับ ส.ว. คือผิดอยู่แล้ว มันคือการคุกคาม จะบอกว่ากติกาที่ ส.ว. มาร่วมโหวตนายกฯ โบว์เป็นคนที่ต่อต้านมาตั้งแต่ต้นจนจบเลย จนกระทั่งวาระสุดท้าย นาทีสุดท้ายที่จะเสนอแก้กฎหมายข้อนี้ได้ เราเป็นคนเสนอแก้พร้อมกับอาจารย์สมชัย ศรีสุทธิยากร แต่เมื่อเราทำไม่สำเร็จ แล้วตอนนั้นโบว์จะบอกว่าทำไมถึงทำไม่สำเร็จ เพราะว่าขบวนการเคลื่อนไหวไม่สนใจเรื่องนี้เลย ขบวนการเคลื่อนไหวไปโฟกัสกับอะไร? ไปโฟกัสกับการด่าเจ้า ไปโฟกัสกับอเจนด้าเกี่ยวกับการปฎิรูปสถาบัน แต่ด้วยท่าทีสิ่งที่ทำคือการด่าเจ้า นั่นคือสิ่งที่พวกคุณทำ พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า ทำอะไรในตอนนั้น คุณเปิดแคมเปญยกเลิก 112 ซึ่งไม่ใช้แก้ไขนะ ตอนนั้นคณะก้าวหน้า เปิดแคมเปญยกเลิก 112 ออนไลน์ คุณไปโฟกัสกับสิ่งนั้นไง และไม่มาโฟกัสกับ ส.ว. ในการโหวตนายกฯ กับสิ่งที่โบว์ทำอยู่ แต่คราวนี้เมื่อมันทำและพลังของประชาชนที่มาผลักดันเรื่องนี้มันไม่ได้มากพอ มันก็ไม่ประสบความสำเร็จ มันก็แพ้เสียง ส.ว. นั่นแหละ เพราะว่าการกดดันจากข้างนอกแทบไม่มีเลย 

ดังนั้นเมื่อไม่ประสบความสำเร็จในการแก้ไขกติกาแล้ว แนวทางของโบว์นะคะ คือต้องเคารพกติกา เพราะว่าเราแก้ไม่ได้ บ้านเมืองมันต้องอยู่บนความเอาแต่ใจตนเองไม่ได้ บ้านเมืองมันตั้งอยู่ความพยายามที่จะขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ แต่เมื่อไหร่ที่ทำไม่ได้แล้วมันมีกติกาอยู่ คนทั้งประเทศต้องเคารพกติกา ไม่อย่างงั้นคุณก็คิดดูแล้วกัน ว่าคนทั้ง 70 ล้านคน 70 ล้านความต้องการ มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าทุกคนเอาความต้องการตัวเอง และเอาแต่ใจตัวเอง เอาตัวเองเป็นใหญ่ แล้วคุณจะคอนโทล 70 ล้านคนได้ยังไง? 

ดังนั้นเรื่องอำนาจ ส.ว. ตรงนี้มันมีอยู่ตามรัฐธรรมนูญแล้วมันแก้ไม่ได้ มันก็ต้องเคารพ เมื่อเคารพก็แปลว่าอะไร? แปลว่าต้องเคารพสิทธิ์ของ ส.ว. พวกนั้น ซึ่งเขาไม่ได้ไปเอาปืนจี้ใคร เพื่อที่จะมานั่งเป็น ส.ว. เพราะเขามาตามรัฐธรรมนูญ ใน 250 คนนั้น มีทั้งอดีตข้าราชการ อดีตนายพลอะไรต่าง ๆ หรือนายพลปัจจุบันก็มี เขามาตามรัฐธรรมนูญ 60 ที่เราไม่ประสบความสำเร็จในการสกัดมาตั้งแต่ปี 59 และเราไม่ประสบความสำเร็จในการแก้มาตรา 272 ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้เขามาตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นคุณหาเสียงได้ ว่า อยากให้ ส.ว. โหวตให้พิธา เพราะอะไร คุณสามารถบอกได้ แต่คุณจะไปกดดันข่มขู่ไม่ได้ เมื่อเขาใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนญของเขาโหวตแล้ว คุณจะไปกดดันข่มขู่ธุรกิจครอบครัวเขา ไปบูลลี่ลูกของเขา รวมถึงไปข่มขู่ญาติพี่น้องเขา ซึ่งมันไม่ได้ คุณกำลังทำตัวเป็นอนาธิปไตยแล้ว จะบ้าหรือเปล่า? 

มันเป็นสิ่งที่ต้องพูด แล้วมันพูดเบา ๆ ไม่ได้ มันต้องพูดแรง ๆ เพราะว่าสิ่งที่ทำมันละเมิดรุนแรง ถ้าสิ่งที่ทำไม่ใช่การละเมิดรุนแรง เราก็จะไม่พูดแรง ๆ แต่สิ่งที่ทำเป็นการละเมิดรุนแรง เป็นการตามกันไปถึงบ้านแล้วในบางจังหวัด แล้วจะบอกว่าวันนี้ ส.ว. เขาไม่อยู่เฉยแล้วนะคะ เขามีการประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว สถานีตำรวจทุกจังหวัดพร้อมดูแลบ้าน ส.ว. ทุกบ้าน ใครไปคุกคามธุรกิจเขา คุกคามลูกเมียเขา หรือแม้แต่กระทั่งคุมคามทางออนไลน์ก็ตาม เขามีการตั้งทีมทนายมาเป็นสิบแล้วนะคะ แล้วประสานองค์กรทนายความหลายองค์กรมาช่วยกันแล้วค่ะ ถามว่าแนวร่วมพรรคก้าวไกลทำให้เกิดบรรยากาศแบบนี้ในบ้านเมืองได้ยังไง? แล้วพรรคก้าวไกลคุณไม่สามารถที่จะคอนโทลแนวร่วมของคุณ แล้วมันมีแนวร่วมของพรรคการเมืองอยู่พรรคเดียวที่มีพฤติกรรมคุกคามชาวบ้านเขา ทำไมกองเชียร์พรรคเพื่อไทยเขาไม่เป็นล่ะ กองเชียร์พรรคเพื่อไทยเนี่ยประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาเขาโดนอะไรมาหนักกว่าคุณเยอะเลยนะ ทำไมเขายังมีอารยะได้ในระดับที่ฝ่ายตรงข้ามเขาก็ยอมรับว่ากองเชียร์พรรคเพื่อไทยยังคุยรู้เรื่อง แล้วทำไมกองเชียร์ก้าวไกลถึงเป็นอย่างงี้ เพราะว่าแนวทางของพรรคก้าวไกลตลอดเวลาที่ผ่านมามันไม่เป็นมิตรกับใครเลยค่ะ 

ดังนั้น ที่บอกว่า ส.ว. ไม่ยอมรับ พรรคก้าวไกลเพราะแก้มาตรา 112 หรือเปล่า? มันไม่ใช่แค่นั้นค่ะ บางคนบอกว่า การมาพูดเรื่องมาตรา 112 ในสภาฯ ตอนนี้ไม่เหมาะสม เพราะว่ามันไม่ใช่วาระการแก้กฎหมาย มันเป็นวาระการเลือกนายกฯ แต่โบว์จะบอกว่ามันเชื่อมโยงกันเป็นอย่างยิ่ง เพราะการโหวตนายกฯ มาตรา 159 ตามรัฐธรรมนูญบอกให้พิจารณาบุคคลผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเขาจึงต้องอภิปราย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อยคุณสมบัติ การถือหุ้นสื่อ หรือคุณสมบัติในความมีจริยธรรมทางการเมืองที่สอดคล้องกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันนี้เหตุผลของ ส.ว. นะคะ แต่โบว์จะอธิบายให้ฟังว่า เขาจึงได้เอาร่างแก้มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลมาชำแหละในรายละเอียด รายละเอียดที่แฟนคลับพรรคก้าวไกลไม่เคยอ่านนั่นแหละ เขามาชำแหละให้ดูว่ามันขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 6 อย่างไร และถ้าเกิดว่าแคนดิเดตนายกฯ สังกัดพรรคการเมืองที่นำเสนอกฎหมายที่มันขัดกับรัฐธรรมนูญเนี่ย เขาก็ยอมต้องตั้งคำถามกับคุณสมบัติของแคนดิเดตคนนั้น ว่าคุณเหมาะหรือเปล่าที่จะมาเป็นนายกฯ ในการปกครองระบอบที่เรามีอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญแบบนี้ นี่คือเหตุผลของการที่ทำไมต้องใช้เวลาทั้งวันในวันนั้นอภิปรายเรื่องมาตรา 112 เป็นหลัก ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเสนอแก้กฎหมายก็ไม่ได้เหรอ? ไม่ใช่ค่ะ เสนอแก้กฎหมายได้ค่ะ แต่ถ้าคุณเสนแก้กฎหมายที่เนื้อหาของมันขัดกับรัฐธรรมนูญ เขาจึงมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามได้ว่าคุณเหมาะที่จะเป็นนายกฯ ของประเทศนี้ไหม นายกฯ ของวันนี้ นายกฯ ของยุคสมัยใหม่ ต้องไม่ใช่นายกฯ ที่สร้างแต่ความแตกแยก ต้องไม่ใช่นายกฯ ที่มาจากพรรคการเมืองที่มีแนวทางนโยบายหลาย ๆ อย่าง แนวทางการขับเคลื่อนหลาย ๆ อย่าง สร้างปัญหาขึ้นมามากมายในสังคมตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นั่นคือเหตุผลที่เขาอภิปรายคุณสมบัติคุณแบบนั้น เห็นด้วยไม่เห็นด้วยอีกเรื่องนึง แต่โบว์เล่าให้ฟังว่าที่มาที่ไปมันเป็นอย่างไร

‘คนกาก้าวไกล’ ชี้ ‘ด้อมส้ม’ ไม่ต่างจาก ‘สลิ่ม’ เพราะประชาธิปไตยแบบด้อมส้ม = ‘ห้ามเห็นต่าง’

(19 ก.ค. 66) จากกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี จากจุดยืนจะเสนอแก้ไขมาตรา 112 ภายหลังจากนั้นก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั่วโลกออนไลน์ และเกิดกระแสหากใครเห็นต่าง ‘ด้อมส้ม’ หรือกองเชียร์ของพรรคก้าวไกลจะเข้ามารุมต่อว่าทันที

ล่าสุดก็มีผู้ใช้งานโซเชียลรายหนึ่งได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ อ้างว่าตัวเองเป็น 1 ใน 14 ล้านเสียงที่เลือกพรรคก้าวไกล แต่มองว่าในตอนนี้ ‘ด้อมส้ม’ กำลังจะกลายเป็น ‘สลิ่ม’ เพราะประชาธิปไตยพรรคก้าวไกล เท่ากับห้ามคิดต่าง

ผู้ใช้โซเชียลรายดังกล่าวระบุในวิดีโอว่า “ผมเป็น 1 ใน 14 ล้านเสียงที่กาก้าวไกลนะ แต่คุณเชื่อไหมว่าต่อไป ประชากรสลิ่มจะเติบโตขึ้น เพราะอะไร? มาลองฟังเหตุผล”

“คนที่เห็นด้วยกับนโยบายพรรคก้าวไกล จะมีตั้งแต่เห็นด้วย 100% 90% 80% 70% ผมเรียกคนที่เห็นด้วย 100% ว่า ติ่ง ติ่งก็คือเขาจะทำอะไร จะเลี้ยวไปทางไหนก็คือถูกหมด คนอื่นห้ามเห็นต่าง ประชาธิปไตยของพรรคส้มไม่มีแบบว่า ผมเคารพความคิดคุณนะ เคารพความเห็นคุณนะที่เห็นต่างจากผม เราอยู่ร่วมกันได้ เรามีสิทธิคนละ 1 สิทธิ์ 1 เสียงนะ ไม่มีอะไรแบบนี้นะ ห้ามคิดต่าง!! ห้ามคิดไม่ตรงกับกู แบบนี้คือพวก 100%”

“ที่นี้พวกที่เห็นด้วย 90% 80% 70% ไม่เห็นด้วยในบางนโยบาย อย่างผมไม่เห็นด้วยเรื่องนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ก็จะโดนพวกเห็นด้วย 100% ว่าแล้วว่า ห้ามเห็นต่าง ต้องเห็นตรงกับเขา นี่คือประช่าธิปไตย ดังนั้นจะทำให้คนไปเป็นสลิ่มมากขึ้น และจะกัดกินแบรนด์ส้มจากภายในเรื่อย ๆ กัดกินแบบธรรมชาติ เหมือนพวกหัวคะแนนธรรมชาติที่ตอนนี้ค่อยๆ ล้มหายตายจากไปทีละคน”

ผู้ใช้โซเชียลรายนี้ยังทิ้งท้ายไว้ว่า “คุณลองไปลองดูนะ คุณลองคิดต่างและแหย่เข้าไปในด้อมส้มนี้ดู ลองทำแล้วดูว่าเป็นจริงไหม”

‘ชาวเน็ต’ ชำแหละภาพมายาพรรค ‘ก้าวไกล’ ใช้มวลชนเป็นทัพหน้า สู่การเปลี่ยนระบอบประเทศ

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ชื่อ ‘shatree7789’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอวิเคราะห์ถึงประเด็นการยืนยันที่จะแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล โดยได้ระบุว่า…

“รู้หรือไหม? ว่าทำไมพรรคสีส้มเขาถึงไม่ยอมถอยเรื่องมาตรา 112 ทำไมเขาถึงอยากจะเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแก้ไขหรือว่ายกเลิก ไม่ว่าเขาจะได้เป็นรัฐบาลหรือเป็นฝ่ายค้าน เขาก็จะยื่นข้อเสนอแก้ไขหรือยกเลิกในวันยันค่ำ เขาจะต้องทำสิ่งนี้ให้ได้ รู้หรือไหมว่าทำไม คนที่เชียร์พรรคเขาส่วนใหญ่ไม่รู้ และมักจะบอกว่า ก็เพราะว่ามีเด็กจำนวนมากที่อายุยังไม่ถึง 18 ปี กำลังติดคุกอยู่ 100 กว่าคน แล้วพรรคสีส้มเขาก็จะมาช่วยไง ฟังดูดีเนอะ ฟังดูเป็นฮีโร่เลยล่ะ คนที่ไม่รู้แล้วก็เชียร์พรรคเขา ก็คิดว่า โอ้ เรามีฮีโร่นะ พวกเราต้องช่วยเขานะ เพราะเขาเป็นถึงฮีโร่ เขาจะมาช่วยประชาชน แต่ในความเป็นจริง คนที่กระทำผิดในมาตรา 112 ก็คือคนที่กระทำผิดต่อความมั่นคงของชาติ คือคนที่ทําให้ชาติแตกแยก เปรียบเสมือนคดีร้ายแรง อย่างเช่น คดีซ่อมโจร คดีขายยาเสพติด ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงเหมือนกัน”

“ซึ่งคดีมาตรา 112 ก็มีลักษณะคล้ายๆ กัน เพียงแต่ว่าไม่ได้ใช้อาวุธ แต่ใช้ ‘ปาก’ เป็นอาวุธในการโจมตีแทน และพรรคสีส้มนี้เขาเกี่ยวข้องอย่างไร? ก็ไปดูคนที่มีคดีมาตรา 112 ทุกคนได้รับการประกันตัวจากใคร? ก็จาก ส.ส. พรรคสีส้มทั้งนั้น เปรียบได้กับพรรคสีส้มอยู่เบื้องหลังในการให้ท้ายเด็ก ให้วิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ จะถูก จะผิด หรือขัดแย้งกับข้อเท็จจริงอย่างไรก็ช่าง วิจารณ์ไปเลย เดี๋ยวพี่ประกันตัวเอง เดี๋ยวพี่ดูแลเอง เดี๋ยวพี่ซัพพอร์ตเอง แล้วเด็กก็ได้เงินช่วยเหลือ แถมได้ชื่อเสียงด้วย กลายเป็นฮีโร่แบบย่อมๆ ด้วย แล้วใครล่ะจะไม่ทำ”

“แล้วเพราะเหตุใด เขาจึงต้องไปยุให้เด็กพูดแบบนั้น ทำไมเขาไม่ทําการเมืองดีๆ ทำไมไม่ใช้นโยบายของตัวเอง ทำไมถึงไม่ใช้ความรู้ความสามารถของตัวเอง เพื่อเข้ามาเสนอผลงาน เสนอแนวคิดเพื่อดูแลประเทศ ดูแลประชาชน เพราะเหตุใดเขาถึงไม่ทำการเมืองแบบนั้น? ก็เพราะว่า หัวหน้าพรรคของเขาที่ถูกตัดสิทธิ์ไป คนนั้นคือหัวหน้าพรรคตัวจริง และหัวหน้าพรรคตัวจริงของเขาก็คือ ‘นายทุน’ ไม่ว่าจะเป็นด้อมแดง ด้อมส้ม นายทุนคือผู้บงการพรรค นายทุนจะสั่งไปทางซ้ายหรือทางขวา ลูกพรรคก็ต้องทำตาม เจ้าของพรรคสีส้มเขาไม่ได้หวังจะเป็นนายกรัฐมนตรี เขาหวังไกลกว่านั้นเยอะ เขาหวังเป็นประธานาธิบดี ลองไปหาดูคลิปที่ป้าเช็งพูดไว้ ป้าเช็งรู้จักแม่ของคุณธนาธร รู้จักดีด้วย แล้วเขารู้ด้วยว่า แม่ของคุณธนาธรเป็นคนอย่างไร เขาวางแผนให้ลูกของเขาเป็นประธานาธิบดี และการจะเป็นประธานาธิบดีได้ จะต้องเอาระบอบกษัตริย์ออก เพื่อจะเปลี่ยนเป็นระบอบประธานาธิบดีได้ จะต้องมีการแบ่งแยกรัฐแต่ละรัฐ ให้มีนายกฯ เป็นของตัวเอง เห็นหรือไม่? ว่าเขาเดินตามครรลอง ตามวิถีที่เขาต้องทำทุกกระเบียดนิ้วเลย”

“เพราะฉะนั้น การที่วันนี้คุณพิธาจะได้เป็นนายกฯ หรือไม่ได้เป็นนั้น ไม่ได้มีความสำคัญกับคุณธนาธรสักเท่าไร เพราะสิ่งที่สำคัญคือ ‘มวลชน’ ที่เขายังสามารถให้เด็กออกมาพูดแทนได้ ที่เขายังสามารถให้ประชาชนพูดเรื่องกษัตริย์ได้ เหตุผลที่เขาต้องการจะเร่งให้มีการแก้ไข ก็เพื่อที่คนจะได้ออกมาพูดเรื่องนี้เยอะๆ คนจะได้ออกมาโจมตีกษัตริย์เยอะๆ ประชาชนจะได้เกลียดกษัตริย์ จนกระทั่งวันหนึ่งการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่สิ่งจำเป็นอีกต่อไป และคนที่ดึงมวลชนให้เกลียดกษัตริย์ได้มาก สุดท้ายก็จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน และได้เป็นประธานาธิบดี นี่ต่างหาก คือจุดมุ่งหมายของพรรคนี้”

“คุณพิธาเป็นเพียงแค่ ‘หุ่นเชิด’ ลองไปดูคุณพิธาในปัจจุบันนี้ การที่เขาบริหารเงินในชีวิตส่วนตัว มีรายได้เดือนละแสนบาท แต่ใช้เงินเดือนละ 4 แสนบาท จนตัวเองต้องขายบ้าน ขายคอนโด ขายที่ดิน ขายออกไปเรื่อยๆ คุณคิดว่าเป็นเพราะอะไร? เป็นเพราะว่าเขาได้แรงจูงใจว่า ถ้าเขาได้เป็นนายกรัฐมนตรี เขาจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ เขาจะได้เงินอุดหนุนจากที่นั่นที่นี่ แต่พอเขาไม่ได้ ณ ปัจจุบันนี้ เขาก็กลายเป็นคนส่วนหนึ่งของคนที่ถูกนายทุนหลอกเหมือนกัน จริงหรือไม่จริง คุณก็ดูได้ เมื่อคนหมดประโยชน์ เขาก็ไม่เอาไว้หรอก คนพวกนี้ใจดำนะจะบอกให้ อนาคตเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่สิ่งที่ต้องสื่อสารกันวันนี้คือ เขาจะมาหยุดเรื่องมาตรา 112 และเขาจะทำต่อไป”

“ฝากถึงหน่วยงานความมั่นคงของประเทศนี้ คุณจะทำงานแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ เพราะว่าประเทศเราไม่สามารถที่จะปล่อยให้คนชั่วขึ้นครองอำนาจได้ และยิ่งนับวัน เหล่ามวลชนที่หลงผิดก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเขาไม่รู้เรื่องการปกครอง เขาเชื่อแต่คนที่หน้าตาดีและคนที่พูดเพราะ แต่เขาไม่สนว่าคำพูดเหล่านั้น แม้จะไพเราะ แม้จะเป็นคําโกหก เขาก็ไม่สามารถแยกแยะให้ออกได้ เพราะฉะนั้น หน่วยความมั่นคง รวมถึงคนที่ดูแลประเทศ คนที่เป็นผู้นำพาประเทศไปสู่ความถูกต้อง ไปสู่ความดี คุณต้องรีบจัดการ ตอนนี้ เวลานี้ คุณจะรอให้อีก 4 ปีข้างหน้ามีการเลือกตั้งใหม่ หากถึงเวลานั้น ผมเกรงว่ามันจะสายเกินไป”

‘ชาวเน็ต’ แฉ!! ติ่งส้มไล่ด่าคนเห็นต่าง-ใช้คำพูดหยาบคาย ซัด!! เรียกร้องสิทธิของตัวเอง แต่ไม่เคารพสิทธิคนอื่น

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ชื่อ ‘benzsan1996’ หรือ ‘คุณเบนซ์’ ได้โพสต์คลิปวิดีโอตอบกลับความคิดเห็นที่มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์ไว้ว่า “ทีแรกก็ติ่งส้มแต่เราเห็นต่างเรื่อง ม.112 เราโดนรุมด่าหนักมาก อยู่ดี ๆ ก็ได้เป็นสลิ่มเฉยเลย”

เจ้าของช่องติ๊กต็อกได้ตอบกลับคอมเมนต์นี้ โดยกล่าวว่า…

“ใช่ค่ะ โดนแบบนี้กันเยอะมาก ซึ่งเบนซ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ตอนแรกเบนซ์ก็เห็นดีด้วยนะ กับการออกมาประท้วงเรื่องการไล่ลุงตู่ เพราะตอนแรกเบนซ์ไม่ชอบลุงตู่ เพราะเราไม่เห็นผลงานเขาไง เลยคิดว่าจะอยู่ต่อไปทําไมก็ไม่รู้ แต่พอไป ๆ มา ๆ กลายเป็นว่านอกจากไล่ลุงตู่อย่างเดียว ก็เริ่มมาจาบจ้วงสถาบันฯ วิจารณ์กันรุนแรงมาก จะมาอ้างว่าไม่เคยจาบจ้วง ไม่เคยเอาพระมหากษัตริย์มาโหนไม่ได้นะคะ เพราะพวกคุณทําจริงๆ แต่พวกคุณไม่ยอมรับความเป็นจริงว่าพวกคุณทําจริง ๆ”

“จะบอกไว้ให้นะคะ ว่าคนที่เป็นแบบเบนซ์ ที่เขาเคยเห็นด้วยกับกลุ่มผู้ชุมนุม พอเขาคิดต่างเรื่อง ม.112 เขากลับโดนด่าแบบสาดเสียเทเสีย ซึ่งมีเยอะมากค่ะ ถ้าคุณจะไล่ลุงตู่ แล้วคุณไม่ไปต้องแตะต้องเรื่องพระมหากษัตริย์ คุณอาจจะทําให้ลุงตู่ออกจากเก้าอี้ไปตั้งนานแล้วก็ได้ และการที่หลาย ๆ คนเขาถอยออกมาจากม็อบกันเยอะ ๆ เพราะพวกคุณทั้งนั้นเลย เมื่อมีคนเห็นต่าง คุณก็ว่าเขาโง่ มีคนคิดเห็นไม่เหมือนกับคุณ คุณก็ว่าเขาเป็นสลิ่ม คุณเรียกร้องประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยของคุณเป็นวิธีแบบ ‘เผด็จการ’ และคุณใช้คําพูดหยาบคายมาก ๆ ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำแบบนั้นทําไม? เวลาคุณจะพูดหรือจะโต้แย้งกับใคร คุณคิดได้แค่คําหยาบคายหรือ? ใช้คําพูดที่มีเหตุผลไม่ได้หรือ เอาเหตุผลมาคุยกันไม่ได้หรือ?”

“เบนซ์เคยอยู่ในจุดที่เห็นด้วยนะคะ และสงสารคนที่โดนตํารวจฉีดน้ำใส่หรือถูกจับกุม เบนซ์เคยอยู่ ณ จุดนั้น แต่พอเราเห็นเขาแตะต้อง ม.112 เขาแตะต้องพระมหากษัตริย์ เรารู้สึกไม่โอเคเลย แล้วเมื่อเราไปพูดคุยเรื่องนี้ด้วยเหตุผล ก็โดนแย้งกลับมาว่า แล้วสถาบันพระมหากษัตริย์มีไว้เพื่ออะไร สําคัญอะไร? คือคุณไม่มีเหตุผลแล้วอะ ความคิดของคุณมันไม่โอเคแล้ว และเมื่อเราเห็นว่าความคิดของเราไม่เหมือนกันแล้ว เราเลยถอย พอเราถอยเราก็ถูกคุณด่าเสียๆ หายๆ อีก เพราะฉะนั้น คุณควรจะคิดดีๆ ว่าสิ่งที่คุณต้องการคืออะไรกันแน่ พอเราออกมาบอกว่า เราเคยอยู่ในจุดที่เคยเป็นติ่งส้มนะ พวกคุณก็มาก้าวก่ายความคิดของเรา มากล่าวหาว่า การที่เรามีความคิดแบบนี้ เราไม่เคยมาเป็นติ่งส้มจริง ๆ หรอก หาว่าเราอยู่ฝั่งลุงตู่”

“นี่คือตัวตนของฉัน ความคิดของฉัน มันไม่ใช่ตัวของคุณ แค่นี้คุณยังไม่เคารพสิทธิคนอื่นเลย ต้องการเรียกสิทธิของตัวเอง แต่ไม่เคารพสิทธิคนอื่น นี่หรือคือ ‘ประชาธิปไตย’ คิดดีๆ นะจ๊ะ”

‘อัษฎางค์’ เผย!! สิ่งที่ด้อมส้มยังไม่รู้ แต่ผมรู้ ผู้ขัดขวาง ‘พิธา’ ไม่ใช่แค่ ส.ว.และ ส.ส.ต่างขั้ว

(23 ก.ค.2566) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค’ ระบุว่า...

“เพื่อนรักหักเหลี่ยมด้อม”

สิ่งหนึ่งที่ด้อมส้มไม่รู้ แต่ผมรู้ ก็คือ...

คนที่กีดกันหรือไม่อยากให้พ่อทิมเป็นนายกฯ ไม่ใช่แค่ ส.ว.และ ส.ส.ฝ่ายอนุรักษนิยม 

แต่ยังมี…
เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด 2 คนข้างๆ นั้นแหละ

คนหนึ่ง เค้าก็คิดว่า เงินกรู
อีกคน เค้าก็คิดว่า สมองกรู

มรึงมาที่หลังแบบเงียบๆ แต่มรึงจะคว้าเก้าอี้นายกฯ ไปแบบฟลุคๆ ไม่ได้นะเพื่อน กรูs (กูแบบพหูพจน์) อิจฉา

เพราะฉะนั้น กรูs แอบลุ้นอยู่เงียบๆ โดยการอาศัยมือ ส.ว.และ ส.ส.อนุรักษนิยมผู้จงรักภักดี ล้มกระดานที่นำไปสู่เส้นทางการเป็นนายกฯ ของมรึง

กรูลงทุนไปเยอะ ดังนั้นกำไรที่กรูs จะได้ต้องเป็น มวลชนที่ถูกบิวให้เกิดอารมณ์ผิดหวัง โกรธแค้น มาเป็นมวลชนผลักดันให้กูS นี่แหละเป็นนายกฯ ตัวจริง ในอนาคต ไม่ใช่มรึง

กรูรออยู่ มรึงอย่าหวังว่าจะมาตัดหน้า

แต่กรูหวังว่ามรึงคืออีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่จะทำกำไรให้กรูบรรลุเป้าหมาย เข้าใจมั้ยเพื่อน

มรึงเป็นหนู ส.ว.เป็นแพะ ส่วนกรูs ต้องเป็นตาอยู่
เข้าใจไว้ด้วย

นิสัยคนไทยอะนะ “เวลารบจะสามัคคี แต่เวลาอยู่ดีจะตีกัน”

ลองดูสมัยที่พวกมรึงตีกันดิ แล้วดูตอนนี้เพื่อไทยตั้งโต๊ะแถลงข่าวกับ รทสช. / ภูมิใจไทย และ พปชร. ดิ

“เวลารบจะสามัคคี แต่เวลาอยู่ดีจะตีกัน”

นี่แหละคนไทย

‘อดีตติ่งส้ม’ ฟาดแรง!! หลังตาสว่างที่เลือกพรรคผิด ถาม ‘พิธา’ ปมแก้ ม.112 ยังมีความเป็นคนอยู่หรือไม่?

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง ชื่อ ‘user9614268366121’ ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอฝากข้อความถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โดยในคลิประบุว่า…

“14 ล้านเสียงจริงๆ เหรอ? 14 ล้านเสียงจริงๆ เหรอคะ? คุณรู้ไหมคะ ว่าคุณกําลังทําให้คนที่เขาเลือกคุณมา เกลียดคุณมากขึ้นแค่ไหน ไม่ใช่เพราะใครเลยค่ะ เพราะคุณเอง เขาเสียความรู้สึกกับคุณมาก ๆ นะ เพราะเขาเลือกคุณมาเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่เขาคิดว่าลุงตู่ทําไม่ได้ แล้วคุณบอกคุณทําได้ แต่คุณไม่เริ่มที่จะลงมือทําเลยด้วยซ้ำ พวกคุณทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น สส.ในพรรคคุณ ไม่เริ่มที่จะแก้ไขปัญหาเลยด้วยซ้ำ คุณสร้างความเกลียดชังให้กับคนที่เขาเคยรักคุณ คุณรู้ไหมคะว่าคุณเป็นคนทํา ไม่ใช่ใครเลยค่ะ คิดสักนิดค่ะคุณพิธา คุณเป็นคนที่มีความสามารถ คุณทําอะไรเพื่อประเทศชาตินี้ได้อีกมากเลย แล้วคุณก็รู้ว่าสิ่งที่คุณทํา และพวกของคุณกําลังโกหกอะไรอยู่ ไม่มีหลักฐานอะไรที่บ่งบอกว่าสิ่งที่พวกคุณพูดมันเป็นเรื่องจริงสักอย่าง แต่พวกเรามีหลักฐานที่จะหักล้างได้ว่าพวกคุณพูดเท็จ และคนที่เขาเปลี่ยนทัศนคติจากการที่เคยไปร่วมชุมนุมกับคุณ และชอบคุณ ทําไมถึงหันมารักสถาบันฯ เพราะเราเห็น เรารู้ ไม่ใช่แค่ดิฉันที่เห็นและสํานึก ดิฉันก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกันที่เคยเชื่อ เคยสนับสนุนเสื้อแดง นปช.มาก่อน แต่ก็รักสถาบันฯ มากขึ้น และมากขึ้นทุกวัน เพราะเราเห็น เรารู้ เรามีความสํานึก เรามีความเป็นมนุษย์ค่ะ”

“คุณรู้ไหมคะ ว่าคนที่เขาเกลียดคุณจริงๆ เขาไม่ได้แช่งแค่คุณนะ เขาแช่งไปถึงลูกคุณ ถึงครอบครัวของคุณด้วย แล้วลูกหลานของคุณในอนาคตจะต้องอยู่บนแผ่นดินไทยนี้อีกนานเลยค่ะ ลูกคุณน่ารักนะคุณพิธา น่ารักมาก คุณทําเพื่อใครอยู่ ในอนาคตคุณไม่ได้อยู่กับเขาตลอดชีวิตนะคะ คุณจะรู้ได้ยังไงว่า ลูกของคุณจะเจออะไรในอนาคตบ้าง หลานของคุณในอนาคตจะเจออะไรบ้าง คุณรู้ไหมคะ ว่าเวรกรรมที่คุณทําอยู่ มันเป็นกรรมพันธุ์ ที่มันจะติดตัวลูกของคุณและหลานของคุณไปอีกนานเลยค่ะ คิดดีๆ ค่ะคุณพิธา คิดดีๆ คุณก็รู้ ว่าความดีต้องชนะความเลวอยู่แล้ว คุณคิดว่าสิ่งที่คุณกําลังทํามันเป็นความดีแล้วเหรอคะ? ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่สถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องมาเจออะไรแบบนี้ เหตุผลที่เราหาได้คือ พวกคุณอิจฉา พวกคุณต้องการที่จะยึดอํานาจ เพราะอยากจะได้อํานาจนั้น พวกคุณทําเพื่อใครก็ไม่รู้ แต่สิ่งที่เรารู้คือมันไม่มีอะไรที่พวกคุณพูดมาเป็นความจริงเลย และไม่ใช่แค่พวกเรา คนเกือบทั้งโลกค่ะ แน่นอนมันย่อมเปอร์เซ็นต์มากกว่าคนที่ไม่ชอบ เราอยู่ในโลกที่มันอยู่บนความเป็นจริงคุณพิธา ถ้าคุณกําลังเชื่ออะไรที่มันผิดๆ อยู่”

“คุณเป็นคนที่มีความสามารถ คุณน่าจะหาความรู้ได้ไม่ยาก และพวกเราที่เป็นคนไทย เป็นลูกของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ พร้อมที่จะให้โอกาสคุณนะ ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ที่ทำตัวแย่มาขนาดไหน หากกลับใจ กลับใจจริงๆ ด้วยความจริงใจ เราพร้อมเสมอ คนไทยพร้อมเสมอที่จะให้โอกาส เพราะนอกจากพวกเราคนไทยด้วยกันแล้ว ไม่มีใครที่จะช่วยเราได้หรอกค่ะคุณพิธา ไม่มีใครที่จะช่วยเราได้เหมือนคนไทยช่วยกันเอง แล้วตอนที่เราช่วยเหลือกัน เราไม่เคยที่จะแบ่งแยกสีด้วยซ้ำ คิดดีๆ ค่ะ คุณโชคดีมากขนาดไหนที่คุณเกิดบนผืนแผ่นดินไทย ที่เรามีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ทุกพระองค์แบบนี้ โชคดีมากๆ จริงๆ ค่ะ คิดดีๆ ถ้าคุณยังมีความเป็นคนอยู่นะคะคุณพิธา ถ้าคุณยังมีความเป็นคนอยู่ คิดดีๆ ให้นึกถึงลูกคุณ นึกถึงครอบครัวคุณ ฝากไว้แค่นี้ค่ะ”

‘อี้ แทนคุณ’ เตือนสติ ‘ด้อมส้ม’ หลังก้าวร้าวขึ้นทุกวัน ลั่น!! ยิ่งทำอะไรรุนแรง ‘ก้าวไกล’ ​ยิ่งพังเร็วเท่านั้น

(2 ส.ค. 66) ดร​.แทนคุณ​ จิตต์​อิสระ​ รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​ พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์ ​กล่าว​ถึง​กรณี​การ​ชุมนุม​คาร์ม็อบ ที่แยกอโศก หลังจากได้ออกมาเคลื่อนไหว​แปรอักษร​ เป็น​ อักษร ห.หีบ และมีการวางตัวหนังสือ​ ค.ควาย เพื่อให้อ่านว่า ห.ค. รวมทั้งมีการโปรยเอกสารด้วยถ้อยคำที่รุนแรงและได้มีการบุกไปที่ตลาดของสมาชิกวุฒิสภาท่านหนึ่งในลักษณะคุกคาม เพื่อไปกดดันด้วยการทำความเสียหายให้กับธุรกิจของเขา และมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกันมาก่อนหน้านี้ ทั้งบุกรุก พ่นสีถนน พ่นสีอาคารสถานที่​ ขว้างปาสิ่งของ ทำลายกล้องวงจรปิด เผาทำลายทรัพย์สินทั้งป้อมจราจร สถานีตำรวจ สถานที่ราชการ สถานที่ส่วนบุคคลและอื่นๆ อีกหลายที่

โดยประชาชน​ที่ติดตาม​กระทำของบรรดาผู้ชุมนุมหรือ ‘ด้อมส้ม’ อย่างใกล้ชิด ย่อมสังเกตว่าผู้ชุมนุมที่มีความหลากหลาย​กลุ่ม แต่กลับมีการกระทำที่ไร้วุฒิภาวะโดยสิ้นเชิง โดยเชื่อว่าจากนี้ผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย​ต่างต้องทยอยถูกดำเนินคดี​อาญาตามหลังทั้งสิ้น

โดยปัจจุบัน​ทั้งบรรดาผู้ชุมนุม​และสื่อมวลชนต่างช่วยกันถ่ายทอดสดและถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ​บันทึกไว้เป็นหลักฐานอย่างดี ทำให้สามารถเห็นทั้งใบหน้า พฤติ​กรรมและยืนยันตัวตนของบุคคล​ผู้ที่กระทำความผิดได้อย่างละเอียด​ ซึ่งถือว่า ม็อบ ห.ค.นี้ จงใจสร้างสถานการณ์​และทำให้บ้านเมือง​เสียหาย​โดยไม่สนใจ กฎหมายและกติกาบ้านเมือง รวมทั้งบรรดาแกนนำ ที่มีคดีความ บางคนก็เคยมีข้อมูลว่าร่ำรวยขึ้นจากการเป็นแกนนำม็อบ ทั้งที่เคลื่อนไหว​โดยอิสระและที่มีเชื่อมโยงกับพฤติการณ์ของพรรคก้าวไกล ที่บิดเบือนให้ร้าย และสร้างความแตกแยกไม่รู้จบสิ้น สอดประสาน​ทั้งใน-นอกสภา ทั้ง​การใช้​ความก้าวร้าว​รุนแรง ด้อยค่าว่าร้าย บีบบังคับ​ให้คนอื่นต้องโหวตให้ ทั้งๆ ที่ดูจากสภาพทั้งหัวหน้าพรรค คือ นายพิธา และ สส.หลายๆ คน มีพฤติกรรม​กระทำผิด​กฎหมาย​ซ้ำๆ ทั้งโกหกหลอกลวง​จากนโยบาย​หาเสียง การไม่ให้เกียรติ​ทั้งสถานที่​และคนอื่นคิดว่าตัวเองเก่งที่สุดเป็นศูนย์กลาง​จักรวาล​ ใครๆ ก็ต้องยอมทำตาม 

แต่ในความเป็นจริง ​เมื่อลืมตาตื่นจากฝันแล้วจะพบว่าเทคนิคทางการสื่อสารทางการตลาดที่ได้ผลสำเร็จ​ในโลกโซเชียล​ที่ทำให้ทนงตนคิดว่าเจ๋งที่สุดแล้ว เมื่อมาสู่โลกความเป็นจริงกลับไม่สามารถ​กดดันหรือบีบบังคับคนอื่นรัก เคารพได้ตลอด ด้วยพฤติกรรมของพวกเขาเอง ที่นอกจาก​ไม่มีใครอยากคบ ไม่มีใครอยากทำงานด้วย ยังทำให้บ้านเมือง​มีปัญหา​ต่อเนื่อง​ต่อไปอีกด้วย จึงขอเตือนสติว่า ‘ม็อบยิ่งทำอะไรรุนแรง ก้าวไกล​ยิ่งพังเร็วเท่านั้น’

'โซเชียล' หน่าย!! สารพัดแคมเปญส้มเหยียดคนไทย จังหวัดไหนที่ไม่ได้ สส. 'ถูกรุมด่าโง่-แบน-ล่าแม่มด'

เมื่อไม่นานมานี้ ‘อาจารย์ฟลุค’ นักพยากรณ์โหราศาสตร์ไทย เจ้าของช่องติ๊กต็อก ‘Flukepat smile’ ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอตอบกลับคอมเมนต์ติ่งส้มท่านหนึ่งที่บอกว่า ‘งดเที่ยวราชบุรี’ โดยระบุว่า..

“ผมเห็นแคมเปญของด้อมส้มแล้ว รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่โคตรเหยียดคนไทยด้วยกันเลยนะ บอกว่าตัวเองรักประชาธิปไตย แต่พอจังหวัดไหนที่ตัวเองไม่ได้ อย่างเช่น พะเยา เพชรบูรณ์ ราชบุรี หรือภาคใต้ ก็ไปด่าเขาโง่บ้าง หรือไปแบนเขาบ้าง อย่างล่าสุด สว. ก็โดนล่าแม่มด บุกไปดูว่า สว. มีธุรกิจอะไรบ้าง จะแบนธุรกิจอะไรดี หรือแม้กระทั่งแบนทรู แบน CP อย่างงี้มันเหมือนรายการ The Mask เลยนะ ชื่อจริงคือชื่อเผด็จการ แต่ใส่หน้ากากประชาธิปไตย ไม่เคยให้เกียรติคนไทยด้วยกันเลย”

ทั้งนี้ อาจารย์ฟลุค ได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่มีแม่ค้าขายของออนไลน์ท่านหนึ่งได้เปิดเผยทั้งน้ำตาว่าตนนั้นขายของไม่ได้เลย ทั้งที่ตนเลือกพรรคก้าวไกล แต่ด้วยกระแสแบนจังหวัดทำให้ตนนั้นพลอยโดนไปด้วย เพราะว่าตนเป็นคนพะเยา 

“บอกว่าตัวเองนั้นเคารพในระบอบประชาธิปไตย แต่พอผลการเลือกตั้งออกมาไม่เป็นอย่างที่ต้องการ ก็ไปด่าเขา พอเขตไหนตัวเองได้ ก็บอกยุติธรรม แต่ถ้าคุณแน่จริงนะ เริ่มแบนจากการไม่ใช้ไฟฟ้า…แต่คงจะไม่ได้ เพราะพอไม่ใช้ไฟฟ้าแล้วทําไอโอไม่ได้ เรามองส่วนเสียเขาแล้ว แต่เราก็ต้องมองส่วนดีด้วย ซึ่งประเทศเราเป็นประชาธิปไตยนะ คุณจะแบนอะไรก็เรื่องของคุณ แต่การชักชวนคนอื่นให้เขาไปแบนด้วย มันเป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายในรูปแบบเผด็จการจิตวิทยา”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top