‘นิพนธ์’ ขึ้นเวทีดีเบต ชู อัดฉีดเงิน 1 ล้านล้าน แก้วิกฤต ศก. มั่นใจ!! ‘ปชป.’ คว้าเก้าอี้ภาคใต้ไม่ต่ำกว่า 40 ที่นั่งแน่นอน

นิพนธ์ ชู นโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ อัดฉีดเงินเข้าระบบฯ ทันที 1 ล้านล้านบาท ยกช่วงวิกฤตโควิด จุรินทร์ นั่งพาณิชย์ฯ โชว์ฝีมือเร่งส่งออกกว่า 10 ล้านล้านบาท ชี้ ปัญหาชายแดนใต้ต้องจบที่การพูดคุยเจรจา ย้ำ นโยบายสวัสดิการปัจจุบันล้วนมาจากประชาธิปัตย์

เมื่อวันที่ 24 เม.ย.66 บนเวที BIG DEBATE ซึ่งจัดโดยช่อง 7HD และเทโร เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ ในรายการ วันเลือกตั้ง 66 #วาระคนไทย BIG DEBATE ตามติดสนามเลือกตั้งภาคใต้

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ จาก 8 พรรคการเมือง ที่มาประชันวิสัยทัศน์ แสดงจุดยืนและนำนโยบายมาประชันกัน ณ สวนสาธารณะเมืองสงขลา โดยนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวในเวที BIG DEBATE ว่า วันนี้ประชาธิปัตย์มีนโยบายเติมเงินในระบบเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากที่เกิดวิกฤตโควิดมา 3 ปี สิ่งที่ประชาธิปัตย์ประกาศสร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ โดยการสร้างเงินนั่นคือ การที่ประชาธิปัตย์จะอัดฉีดเงิน 1 ล้านล้านบาท เข้าระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยอัดฉีดเงินเข้าในหมู่บ้าน ชุมชนละ 2 ล้านบาท

ตามด้วยนโยบายประกันรายได้ให้กับเกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ปาล์ม ข้าว มันสำปะหลังและข้าวโพด ถ้าไม่มีนโยบายประกันรายได้ ถ้าราคายางลงมาเหลือ 30 บาท เกษตรกรก็จะได้เพียง 30 บาทเท่านั้น แต่ถ้ามีการประกันรายได้ เวลาน้ำยางเหลือ 30 บาท พี่น้องจะได้ส่วนต่างอีก 27 บาท รวมเป็น 57 บาท และราคาปาล์มก็เช่นกัน นี่คือการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจ 

ช่วงวิกฤติที่ผ่านมา อย่างอื่นเสียหายหมด เครื่องจักรทุกตัวเสียหายหมด เหลืออยู่อย่างเดียวนั่นคือ การส่งออก ปี 2565 เรามีการส่งออกประมาณ 10 ล้านล้านบาท กระทรวงพาณิชย์ดูแลโดยท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สร้างเงินให้ทั้งประเทศ รวมถึงอัดฉีดให้มีเงินกองทุน เอสเอ็มอี ถ้ามีแต้มต่อ เราจะอัดฉีดเงินให้แก่ SME อีก 300,000 ล้านบาท นี่คือการเติมเงิน เติมเลือดเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจ

ดังนั้น เรื่องสร้างเงินให้ประชาชนและประเทศ ประชาธิปัตย์ได้เตรียมไว้หมดแล้ว แม้กระทั่งการไปเจรจา FTA กับต่างประเทศ ซึ่งไม่เคยมีมาหลายสิบปี ประชาธิปัตย์ไปเปิดเวที ไปเปิดการเจรจากัน และเราจะเชื่อมโยงกับต่างประเทศอีก ราว 27-30 ประเทศ และจะสามารถขยายการส่งออกสินค้าอีกมาก เพราะฉะนั้น นี่คือการสร้างเงินให้กับประเทศ และหากส่งออกมากเท่าไหร่ เราก็จะเก็บภาษีคืนมาได้มากเท่านั้น ประชาธิปัตย์จึงคิดนโยบายเรื่องของการเติมเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจขึ้น

นายนิพนธ์ ยังกล่าวอีกว่า ซึ่งทีมเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ที่ผ่านมา จะทำหาดใหญ่ให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินในระดับนานาชาติ และเราจะมีกฏหมายพิเศษที่จะเปิดโอกาสให้สถาบันการเงินมาอยู่ที่หาดใหญ่ ทำเหมือนกับสิงคโปร์ ฮ่องกง และลาบวนของมาเลเซีย

สำหรับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ประชาธิปัตย์ประกาศชัดเจนว่า ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ วันนี้ถึงเวลาที่จะต้องทำสันติภาพให้เกิดขึ้นให้ได้ เพื่อนำไปสู่สันติสุขในจังหวัดชายแดนใต้ คำว่า ‘สันติภาพ’ คือ บัดนี้เราต้องเลิกราฆ่าฟันกัน หยุดเหตุการณ์ที่จะทำให้ถึงแก่ชีวิต เราสูญเสียชีวิตไปแล้ว 7,000 กว่าราย บาดเจ็บนับหมื่น งบประมาณจากปี 47 ที่มีการปล้นปืน จนถึงปัจจุบัน 500,000 กว่าล้านแล้ว เราถมไปเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม เพราะปัญหาคือ เราต้องทำให้เกิดสันติภาพก่อน ถ้าเกิดสันติภาพ สันติสุขก็จะเกิด ประชาธิปัตย์จึงมีความมั่นใจว่า การพูดคุยกับกลุ่มคนที่เห็นต่างมันมีความจำเป็น ไม่มีสงครามไหนจะเอาชนะกันได้ด้วยอาวุธ

นอกจากการพูดคุยการเจรจากัน เพื่อหนทางสู่สันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว เรามาแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง นั่นคือ การแก้ปัญหาความยากจนในพื้นที่ ประชาธิปัตย์คิดเรื่องนี้มาอย่างเป็นระบบ เราจัดการเรื่องการศึกษา เราใช้เวลาช่วงนี้จัดการศึกษา จนทุกจังหวัดในพื้นที่ชายแดนให้มีมหาวิทยาลัยหมดแล้ว บัดนี้ ปัญหาคือทำอย่างไร ให้ผู้ที่จบการศึกษา สามารถทำงานที่นี่ มีงานทำที่นี่ได้ โดยไม่ต้องทิ้งบ้านทิ้งเมือง หรือทิ้งพ่อแม่ไว้ข้างหลัง ดังนั้น จึงต้องสร้างงานให้เขาทำ นี่คือสิ่งที่ประชาธิปัตย์จะเดินหน้าสร้างอาชีพ

สร้างอาชีพให้ชาวประมง จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส โดยการปลดล็อก ยกเลิกกฏหมายที่กดขี่ชาวประมง พี่น้องชาวประมงชายฝั่งต้องสร้างความเข้มแข็งให้ประมงท้องถิ่นและประมงพื้นบ้าน ซึ่งประชาธิปัตย์ประกาศชัดเจนเราจะดูแลชาวประมงกลุ่มนี้ พี่น้องชาวประมง เราจะดูแลประมงชายฝั่ง ประมงพื้นบ้านอย่างเป็นระบบ โดยให้งบกลุ่มละ 100,000 บาทต่อปี

รวมถึงดูแลเกษตรกรพืชไร่ พืชสวน จังหวัดยะลา เป็นเมืองหลวงของทุเรียน เป็นฮับทุเรียนในภาคใต้ เราต้องทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นในยะลาให้ได้ เรื่องของปศุสัตว์ เราต้องทำพื้นที่ในจังหวัดชายแดนใต้ให้เป็นปศุสัตว์ให้ได้ ผมเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยมาช่วงก่อนหน้านี้ ออกโฉนดที่ดินรอบเขาบูโดมาแล้วแสนกว่าแปลง และประชาธิปัตย์ประกาศว่าจะทำต่อภายใน 4 ปี อีก 1 ล้านแปลง

นโยบายของประชาธิปัตย์พูดแล้วทำได้ ทั้งเรื่องของนมโรงเรียน อาหารกลางวัน เงินกู้ กยศ. และจะให้ทุกคนเรียนฟรีถึงปริญญาตรีในสาขาขาดแคลน ที่สำคัญคือนโยบายให้ค่าตอบแทน อสม.และผู้สูงอายุ ประชาธิปัตย์ก็เป็นคนริเริ่ม คิดแล้วทำ

สุดท้ายก็อยู่ที่พี่น้องประชาชน ที่จะให้ความไว้วางใจในพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคประชาธิปัตย์ก็น้อมยอมรับในความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน ซึ่งพรรคพร้อมที่จะทำหน้าที่ได้ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน โดยในรอบนี้พรรคประชาธิปัตย์ตั้งเป้าไว้ว่า เราจะได้เก้าอี้ในพื้นที่ภาคใต้ไม่ต่ำกว่า 40 ที่นั่งแน่นอน