นโยบายครอบคลุม ‘ปชป.’ เดินหน้าปล่อยนโยบายก๊อก 2 เพิ่ม 8 เรื่อง เอื้อประโยชน์ให้ด้านการเกษตร เพื่อดันเศรษฐกิจไทย

‘ปชป.’ เปิดนโยบายก๊อก 2 เพิ่ม 8 เรื่อง อินเตอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด เรียนฟรีถึงปริญญาตรี 12 สาขา เอื้อความต้องการตลาดแรงงาน เดินหน้ารักษาฟรี ตรวจสุขภาพฟรี บัตรประชาชนใบเดียวไม่ต้องเสีย 30 บาท พร้อมจัดเต็มต่อ SME ลืมตาอ้าปาก พร้อมปลดล็อกกองทุน กบข.ซื้อบ้านได้ เพิ่มเงิน อกม. 1 พันบาทต่อเดือน  

(11 มี.ค.66) เมื่อเวลา 10.10 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค และนายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานนโยบายพรรค ร่วมกันแถลงนโยบายพรรคที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง

โดย นายจุรินทร์ ได้นำแถลงเปิดตัวชุดนโยบายของพรรคว่า หลังจากพรรคประชาธิปัตย์เปิดตัว 1 ชุด 8 นโยบาย เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ วันนี้จึงถือเป็นชุดที่ 2 ที่จะเปิดอีก 8 นโยบาย ได้แก่ 

1.อินเตอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน ทุกห้องเรียน ซึ่งหมายถึงชุมชนในเขตเมือง เทศบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนในกทม. ด้วย

2. นโยบายเรียนฟรีถึงปริญญาตรีในสาขาที่ตลาดต้องการ จากการสำรวจเบื้องต้นโดยกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พบว่า ตลาดมีความต้องการประมาณ 1.8 แสนคน โดยประมาณ ใน 12 สาขาสำคัญ ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล จะสนับสนุนให้มีการเรียนฟรีในสาขาเหล่านี้ เพื่อที่เรียนจบจะได้มีงานทำได้ทันที 

3. นโยบายตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว ซึ่งมี 2 เรื่องในนโยบายเดียวกัน คือ รักษาฟรี และตรวจสุขภาพฟรี เป็นการต่อยอดนโยบายเดิมของพรรคที่ทำมาตั้งแต่สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นรมว.สาธารณสุข (สธ.) ในปี 2531 และตนเป็นเลขานุการรมว.สธ. ต่อมาเมื่อตนเป็นรมว.สธ ในปี 2553 ตนได้ริเริ่มนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาฟรี 48 ล้านคน โดยไม่ต้องเสีย 30 บาท ซึ่งดำเนินการได้อย่างราบรื่น วันนี้จึงเป็นการต่อยอดจากสิ่งที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว 

4.นโยบายชมรมผู้สูงอายุรับ 3 หมื่นบาททุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน ซึ่งปัจจุบันมีการจดทะเบียนประมาณ 3 หมื่นชมรม ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวเพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพ ร่างกายจิตใจ และการส่งเสริมอาชีพให้ผู้สูงอายุ

5.นโยบายเอสเอ็มอีต้องมีแต้มต่อ 3 แสนล้าน เพราะเอสเอ็มอี คือตัวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ คิดเป็นกว่าร้อยละ 90 ของนิติบุคคลรวมกันทั้งประเทศ ปัจจุบันมีประมาณ 3.2 ล้านราย ก่อใก้เกิดการจ้างงานถึง 12.6 ล้านคน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาล เอสเอ็มอีต้องมีแต้มต่อด้านการผลิต แต้มต่อด้านการตลาด และแต้มต่อ 3 แสนล้าน โดยมีการตั้งกองทุน 3 แสนล้าน เพื่อให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งทุนให้เดินหน้าเศรษฐกิจฐานรากของประเทศต่อไปได้ 

6.นโยบายปลดล็อกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ให้ซื้อบ้านได้ ซึ่งจะปลดล็อกให้สมาชิกทั้งสองกองทุนนี้นำเงินส่วนหนึ่งมาซื้อบ้านได้ หรือมาลดหนี้บ้านได้ ซึ่งเป็นการช่วยทั้งข้าราชการ และผู้ที่ทำประกันสังคม 

7.นโยบาย 3 ล้านบาท ต่อยอดเกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่เกือบ 1 หมื่นแปลง มีเกษตรกรเข้าร่วม 5 แสนราย ซึ่งเกษตรแปลงใหญ่เป็นเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาการเกษตรของประเทศ 

8.นโยบายค่าตอบแทนอาสาสมัครเกษตรประจำหมู่บ้าน (อกม.) 1,000 บาทต่อเดือน เพื่อช่วยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีกลไกอาสาสมัครช่วยดูข้อมูล และประสานงานลึกลงไปยังหมู่บ้าน ครัวเรือน เพราะเกษตรเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ 

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดเป็น 8 นโยบายในชุดที่ 2 ของพรรค และต่อไปจะมีการพิจารณาเปิดนโยบายเพิ่มเติมตามความเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ ไม่ได้แปลว่าพรรคมีนโยบาย 8 บวก 8 เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายนโยบายเป็นร้อยนโยบาย แต่ที่นำมาเปิดตัวคิดว่าเป็นนโยบายที่ประชาชนจะเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ จะมีนโยบายเฉพาะในส่วนกทม. อย่างเดียวอีกด้วย 

ขณะที่ นายอลงกรณ์ กล่าวว่า นโยบาย 2 ชุดที่เปิดมาจะเห็นว่าเป็นการให้น้ำหนักทุกกลุ่มทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับภาคการเกษตร ทั้งโดยตรง และโดยอ้อม เช่น นโยบายกองทุนต่อยอดเกษตรแปลงใหญ่ ที่มีประมาณ 1 หมื่นแปลง ถือเป็นการต่อยอดนโยบาย และก้าวเข้าสู่การเป็นเอสเอ็มอีภาคเกษตร เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มขีดความสามาถในการแข่งขันให้กับภาคเกษตร 

ทั้งด้านพืช ด้านประมง และด้านปศุสัตว ส่วนค่าตอบแทน อมก. ที่ครอบคลุมทุกหมู่บ้านจะช่วยแก้ไขปัญหา และต่อยอดพัฒนานโยบายของรัฐบาล และการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นการตอบแทนที่จะก่อให้เกิดผลผลิตทางเศรษฐศาสตร์ จากการส่งออกอาหารและการก้าวสู่การเป็นมหาอำนาจอาหารของโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการแถลงนโยบายเสร็จสิ้น มีการเชิญว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. ที่มาร่วมรับฟังการแถลงนโยบายในวันนี้ ขึ้นไปถ่ายภาพหมู่ร่วมกับหัวหน้าพรรค และรองหัวหน้าพรรคด้วย