'พิชัย' ซัด!! เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ ชี้!! นโยบายเพื่อไทยช่วยได้ ไม่สร้างหายนะ

'พิชัย' ชี้ ค่าแรง 600 บาท แสดงถึงความสำเร็จของรัฐบาลในการกระจายรายได้ และ พัฒนาไทยให้หลุดพ้นประเทศรายได้ปานกลาง มั่นใจ ทุกนโยบายทำได้จริง รวมถึงการลดราคาน้ำมัน, ไฟฟ้า และ ก๊าซหุงต้ม แนะ ต้องทำหลาย ๆ ด้านไปพร้อม ๆ กัน 

(13 ธ.ค. 65) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทยหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ อยากให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทย สามารถทำได้จริงตามที่ได้ประกาศอย่างแน่นอน และเป็นการคิดใหญ่ ทำเป็น เพราะเคยทำสำเร็จมาแล้วทุกนโยบายในอดีต เรียกได้ว่าพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ประกาศนโยบายแล้วทำได้จริง ไม่เหมือนหลายพรรคที่ประกาศนโยบายแต่ทำไม่ได้ หรือทำไม่เป็น เป็นต้น

ทั้งนี้ อยากตอกย้ำนโยบายที่สำคัญเช่นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจขยายได้เฉลี่ยปีละ 5% ซึ่งสามารถทำได้จริง และเป็นศักยภาพที่ประเทศไทยควรจะขยายให้ได้อยู่แล้ว โดยทั้ง ธนาคารโลก ไอเอ็มเอฟ ต่างก็บอกตรงกันว่าประเทศไทยขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพมาโดยตลอด อีกทั้งประเทศกำลังพัฒนาอย่างประเทศไทยจะต้องขยายตัวปีละ 5-6% เป็นอย่างน้อยเพื่อพัฒนาให้หลุดพ้นจากกับดักการเป็นประเทศรายได้ปานกลาง และจะเพิ่มการจ้างงาน และการหารายได้เพื่อใช้หนี้สาธารณะอีกด้วย โดยตลอดหลายปีเศรษฐกิจของประเทศไทยขยายตัวได้ต่ำมาก ขนาดในปีนี้ที่ประเทศต่างๆ ในอาเซียนขยายตัวได้สูง เช่น ใน 9 เดือนแรก มาเลเซียขยายได้ 9.36% เวียดนาม 8.8% ฟิลิปปินส์ 7.76% และอินโดนีเซีย 5.39% แต่ไทยกลับขยายตัวได้ต่ำมาก เพียง 3.1% เท่านั้น 

ดังนั้น การเร่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจจึงเป็นความจำเป็นระดับแรก ซึ่งจะต้องมีนโยบายหลายๆด้านออกมาพร้อมๆ กัน เช่นในปี 2555 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ถึง 7.2% เป็นต้น ฉะนั้นการสร้างรายได้ใหม่ในหลายด้านและส่งเสริมให้มีการลงทุนจากในประเทศและจากต่างประเทศจะเป็นแนวทางที่จะเพิ่มจีดีพีให้ขยายตัวได้มากขึ้น รวมถึงการทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมของอาเซียนให้คนฉลาด ๆ และคนเก่ง ๆ มาอยู่ประเทศไทยและช่วยกันพัฒนาเศรษฐกิจไทย

ต่อมา นโยบายที่เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมากคือ นโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท ในปี 2570 หรือ อีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งสามารถทำได้จริงถ้าประเทศไทยสามารถขยายเศรษฐกิจปีละ 5% ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว

ทั้งนี้ การขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 600 บาทในอีก 5 ปีข้างหน้า จะทำให้ประเทศไทยมีการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ อีกทั้งจะผลักดันให้ประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้พัฒนาสร้างงานและดึงดูดการลงทุนที่จะสามารถรับค่าแรงในระดับนั้นได้ และจะเร่งให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางเร็วขึ้น โดยในประเทศที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ค่าแรงจะสูงมาก เช่นที่สหรัฐค่าแรงในรัฐแคลิฟอร์เนียชั่วโมงละ $15.5 (540 บาท) เลย เป็นต้น 

พิชัย กล่าวอีกว่า แนวคิดในการบริหารประเทศที่นำมาสู่ความสำเร็จของรัฐบาลนั้น ไม่ได้อยู่ที่ช่วยให้คนรวยเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ แต่อยู่ที่จะช่วยคนยากจนและคนลำบากให้มีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้อย่างไร และไม่ต้องกังวลว่าพรรคเพื่อไทยจะทำให้เศรษฐกิจหายนะ เพราะเป็นไปไม่ได้ ทุกวันนี้ที่เศรษฐกิจย่ำแย่เพราะอะไร ทุกคนน่าจะทราบดี 

อีกนโยบายที่มีความสำคัญและเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้ทันทีคือ นโยบายที่จะลดราคา น้ำมัน, ไฟฟ้า และ ก๊าซหุงต้ม ซึ่งสามารถทำได้ทันที โดยเข้าไปปรับเปลี่ยนแก้ไขโครงสร้างราคาพลังงาน ซึ่งคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้ชี้แจงมาตลอดและจะสามารถเข้าไปแก้ไขและลดราคาน้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซหุงต้ม ได้ทันที เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในระดับครัวเรือน ซึ่งเป็นทิศทางของโลก โดยเฉพาะปัจจุบันที่ค่าไฟฟ้าจะขึ้นอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันของไทยอย่างมาก 

ทั้งนี้หากพิจารณาในภาพรวมจะพบว่านโยบายต่าง ๆ ของพรรคเพื่อไทยจะร้อยเรียงสอดประสานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวได้สูงอย่างยั่งยืนและยังคำนึงถึงการกระจายรายได้เพื่อให้ประชาชนทุกระดับชั้นได้รับประโยชน์จากนโยบายของพรรคเพื่อไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชน เพิ่มกำลังซื้อ สร้างเศรษฐกิจให้หมุนเวียน เพื่อให้ประเทศไทยกลับไปสู่การเป็นประเทศผู้นำของอาเซียน และ มีอิทธิพลต่อประชาคมโลกอีกครั้งหนึ่ง หลังจากหายไปหลายปี