'มูลนิธิราชประชานุเคราะห์' หน่วยหนุนเคลื่อนที่ไว ส่งสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพทั่วถึงทุกราษฎร

ปัญหาอุทกภัยในลุ่มแม่น้ำภาคกลางที่กำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก ต้องอาศัยหน่วยงานภาครัฐออกมาเร่งช่วยเหลือและแก้ไขปัญหากันอย่างเต็มที่ 

โดยมีหลายหน่วยงานทึ่ออกตัวไว ช่วยเร็ว ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ 'ปิดทองหลังพระ' ออกลุยช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้มีโอกาสลงพื้นที่เก็บภาพบรรยากาศการทำงานของหน่วยงานดังกล่าวแบบใกล้ชิด ส่วนภารกิจที่พี่ๆ ต้องเร่งทำนั้นจะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน ตามไปให้กำลังใจกันดูได้เลย

เริ่มตั้งแต่บรรจุสิ่งของพระราชทานบริเวณ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลทางมูลนิธิฯ จะลงพื้นที่ไปมอบให้กับผู้ประสบภัยโดยตรงตามบ้านผู้ประสบภัย 

ส่วนต่างจังหวัดทางมูลนิธิฯจะส่งสิ่งของพระราชทานมอบให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อดำเนินการแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ประสบภัย ซึ่งตั้งแต่ภัยพิบัติพายุโนรูที่ผ่านมา ทางมูลนิธิฯ ได้แจกถุงยังชีพพระราชทานไปแล้วกว่า 30,000 ชุด โดยถุงยังชีพพระราชทาน มีน้ำหนักมากถึง 20 กิโลกรัม ภายในมีสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพสำหรับราษฎรที่เดือดร้อน เช่น ข้าวสาร, อาหารแห้ง, เครื่องกระป๋อง, น้ำดื่ม ยารักษาโรค และของใช้ในชีวิตประจำวัน 

และในกรณีอุทกภัยที่ผู้ประสบภัยต้องย้ายจากที่พักอาศัยมาศูนย์อพยพ ทางมูลนิธิฯ ได้มอบเต็นท์ให้ผู้ประสบภัยพัก เป็นเต็นท์นอนขนาด 2 คน และขนาดครอบครัว 6 คน เพื่อได้พักอย่างปลอดภัยอีกด้วย

นอกจากการมอบสิ่งของพระราชทานให้กับผู้ประสบอุทกภัยแล้ว ทางมูลนิธิฯ ได้วางแผนเพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงภัยหนาวที่กำลังจะมาถึงปลายปีนี้ โดยเตรียมจัดหาผ้าห่ม จำนวน 144,500 ผืน และเสื้อกันหนาวเด็กที่อยู่ในพื้นที่ชายขอบ จำนวน 6,973 ตัว เพื่อมอบให้กับผู้ประสบภัยหนาว 

ขณะเดียวกัน ทางมูลนิธิฯ ยังมีการสงเคราะห์ด้านการศึกษา สามารถพิจารณาลูกหลานของผู้ประสบภัย ซึ่งประสบความยากลำบากพ่อแม่เสียชีวิต ให้เข้าเรียนได้ที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ รวมไปถึงการมอบทุนการศึกษาพระราชทานให้สามารถเรียนหนังสือต่อไปได้ในระดับ ปริญญาตรี ปริญญาโท จนถึงระดับปริญญาเอก สูงสุดตามความสามารถของเด็กโดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ อีกด้วย 

เห็นการทำงานแบบ 'ปิดทองหลังพระ' แบบนี้ บอกได้คำเดียวว่า อุ่นใจจริงๆ...