Friday, 3 May 2024
ปิดทองหลังพระ

‘ชัชชาติ’ วิ่งผ่าน เจอทหารช่วยแมวบาดเจ็บ ชม ปิดทองหลังพระ ชวนคุยนโยบายสัตว์จร

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เวลาประมาณ 05.35 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กด้วยตนเองหลังพบชายรายหนึ่งจอดรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์เพื่อเข้าช่วยเหลือแมวจรที่บาดเจ็บบริเวณข้างเทวสถานโบสถ์พราหมณ์

นายชัชชาติ กล่าวว่า ตนวิ่งออกกำลังกายอยู่ เห็นรถบิ๊กไบค์มาจอด จึงเข้ามาดู

“นี่ไปกัดกับใครมา หน้าเหวอะเลย สงสารน้องแมว” นายชัชชาติกล่าว จากนั้นสอบถามชายรายดังกล่าว ได้ข้อมูลว่า ทำงานเป็นพนักงานราชการที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พักอยู่ที่แฟลต รด. ปกตินำอาหารมาให้แมวจรตามจุดต่าง ๆ อยู่แล้วโดยจะขับขี่รถวนรอบสนามหลวง ก่อนเข้างานในเวลา 08.30 น. โดยเริ่มตั้งแต่ ตีสาม เมื่อพบแมวได้รับบาดเจ็บ จึงนำยามาช่วยเหลือ โดยได้รับความรู้มาจากการเป็นจิตอาสาร่วมกับสัตวแพทย์

ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวชื่นชมว่า จิตใจงามมาก ขี่จักรยานยนต์มา มีอาหารแมว อุปกรณ์ช่วยเหลือแมว

“ผมก็งง คนเห็นจอดรถ นั่งยอง ๆ ทำอะไร ปรากฏว่ามาช่วยแมว โอ้! น่ารักมากครับ” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว ก่อนเล่าถึงนโยบายทำหมันแมวจร โดยย้ำว่าจะดูแลในเรื่องดังกล่าว ชายรายเดิมกล่าวว่า ‘สาธุ’

นายชัชชาติ กล่าวว่า ได้เห็นสิ่งดี ๆ แต่เข้า นี่คือฮีโร่ตัวจริง ทหารไทย น่ารัก

“น้องเหมียวโชคดีนะลูก น่ารักนะ ทหารดี ๆ ดีครับ ทำแบบปิดทองหลังพระจริง ๆ เป็นเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆ วันนี้ได้พลังบวก” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว

ชายรายเดิม นำวิตามินเสริมภูมิแมวให้นายชัชชาติชม รวมถึงไซริงค์ (หลอดฉีดยา) สำหรับป้อนน้ำและนม, ยาหยอดตา, ยาฆ่าเชื้อ เป็นต้น

'มูลนิธิราชประชานุเคราะห์' หน่วยหนุนเคลื่อนที่ไว ส่งสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพทั่วถึงทุกราษฎร

ปัญหาอุทกภัยในลุ่มแม่น้ำภาคกลางที่กำลังสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก ต้องอาศัยหน่วยงานภาครัฐออกมาเร่งช่วยเหลือและแก้ไขปัญหากันอย่างเต็มที่ 

โดยมีหลายหน่วยงานทึ่ออกตัวไว ช่วยเร็ว ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็คือ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ 'ปิดทองหลังพระ' ออกลุยช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้มีโอกาสลงพื้นที่เก็บภาพบรรยากาศการทำงานของหน่วยงานดังกล่าวแบบใกล้ชิด ส่วนภารกิจที่พี่ๆ ต้องเร่งทำนั้นจะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน ตามไปให้กำลังใจกันดูได้เลย

เริ่มตั้งแต่บรรจุสิ่งของพระราชทานบริเวณ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อนำไปมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลทางมูลนิธิฯ จะลงพื้นที่ไปมอบให้กับผู้ประสบภัยโดยตรงตามบ้านผู้ประสบภัย 

ส่วนต่างจังหวัดทางมูลนิธิฯจะส่งสิ่งของพระราชทานมอบให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อดำเนินการแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ประสบภัย ซึ่งตั้งแต่ภัยพิบัติพายุโนรูที่ผ่านมา ทางมูลนิธิฯ ได้แจกถุงยังชีพพระราชทานไปแล้วกว่า 30,000 ชุด โดยถุงยังชีพพระราชทาน มีน้ำหนักมากถึง 20 กิโลกรัม ภายในมีสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีพสำหรับราษฎรที่เดือดร้อน เช่น ข้าวสาร, อาหารแห้ง, เครื่องกระป๋อง, น้ำดื่ม ยารักษาโรค และของใช้ในชีวิตประจำวัน 

ผบ.ตร. ชื่นชม ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ สร้างภาพลักษณ์องค์กรตำรวจ ทำความดีทุกวัน ปิดทองหลังพระ ตลอดเวลา

วันนี้ (10 มี.ค.66) เวลา 14.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบรางวัลโครงการ 'ทำดี มีรางวัล' แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ จำนวน 6 นาย พร้อมเหรียญหลวงพ่อโสธร รุ่น 80 ปี กรมตำรวจ สร้างปี พ.ศ.2538 และเงินรางวัลอีกนายละ 5,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2566 เวลาประมาณ 14.40 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่า มีรถยนต์ส่วนบุคคลกำลังนำเด็กมีอาการป่วยส่งโรงพยาบาล โดยรถคันดังกล่าว กำลังขึ้นทางด่วนบางนา มุ่งหน้าลงทางด่วนพระราม 4 ที่หมายโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน (สีลม) ได้ร้องขอความช่วยเหลือจาก ตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริ สนับสนุนอำนวยความสะดวกในเส้นทาง 
 

เผยความจริง ‘ในหลวงรัชกาลที่ 10’ ทรง 'สืบสาน-รักษา-ต่อยอด' ตามรอยพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อปวงชนชาวไทย

(1 ส.ค. 66) ผู้ใช้ TikTok บัญชี @user4667894730230 ได้แชร์คลิปวิดีโอเกี่ยวกับ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงปิดทองหลังพระและทรงทำงานอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด เพื่อให้เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด ไม่ว่าที่แห่งนั้นจะทุรกันดารแค่ไหน ตามพระราชปณิธาน ‘สืบสาน รักษา ต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป’ โดยในคลิปได้ระบุว่า…

ส่วนใหญ่คนที่อ้างว่า ‘ในหลวงรัชกาลที่ 10’ ไม่เห็นทําอะไรเลย เราต้องดูว่าท่านขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลปัจจุบันมาแล้วกี่ปี หากจะไปเปรียบเทียบกับรัชกาลที่แล้วของพ่อท่าน ก็คงไม่ได้ เพราะสิ่งที่ท่านทํา ท่านได้เคยพูดเอาไว้แล้วตั้งแต่วันนั้น คือ ‘การสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป’ ซึ่งขณะนี้ท่านก็ได้ทรงต่อยอดอยู่ ไม่ว่าจะเป็น โครงการเกษตรวิชญา, โครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ แก้ปัญหาภัยแล้ง, โครงการก่อสร้างระบบประปาบ้านผัง 16, โครงการฝายห้วยโสกรังพร้อมระบบส่งน้ำ ซึ่งโครงการเหล่านี้ที่เราได้นำเสนอมา คือโครงการในรัชกาลปัจจุบันที่พระองค์ท่านทรงทําและริเริ่มขึ้นมาในสิ่งที่ประชาชนเดือดร้อนจริงๆ แล้วพวกเราเดือดร้อนเรื่องอะไร? ดูได้จากเรื่องน้ำ ตรงไหนที่แห้งแล้ง น้ำก็ไปถึงประชาชน จนสามารถอยู่ดีกินดี และมีน้ำใช้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อเลี้ยงสัตว์ หรือทําการเกษตร มีฝาย มีโคกหนองนา เคยรู้หรือเปล่าว่าสิ่งเหล่านี้คือของในหลวงรัชกาลที่ 10 หากศึกษาให้ดี ยังสามารถลองเอามาปรับใช้ในชีวิตจริงได้อีกด้วย อย่างน้ำบาดาล ภาคอีสาน และภาคกลาง ที่ไหนแห้งแล้งน้ำก็ไปถึง จนสามารถทําการเกษตรได้แบบที่เปลี่ยนไปเลย จากที่ทําแล้วเก็บเป็นรายปีไป ตอนนี้สามารถทําได้ทุกวันแล้ว

“ทุกวันนี้สบายกันเร็ว ตั้งแต่มีโครงการพระราชดําริเข้ามา ทำให้เราเลือกกินเลือกใช้ได้ จนสามารถใช้คําว่าสบายได้เลย” ชาวบ้านท่านหนึ่ง ได้กล่าว

นอกจากนี้ยังสามารถต่อยอดทางด้านอาชีพได้อีกด้วย จากสิ่งที่เห็นในรัชกาลปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำบาดาล ทําฝาย โคกหนองนา หรืออื่นๆ สำหรับคนที่มองว่าในหลวงรัชกาลที่ 10 ไม่ทําอะไร อยากให้ไปดูและท่านจะได้เบิกเนตรว่าของจริงเป็นแบบนี้ ถ้าไม่รู้จริงๆ ไม่ควรพูด และไม่เปรียบเทียบดีกว่า เพราะสิ่งที่ได้เห็นจากการไปลงพื้นที่ และคิดว่าหลายๆคนอาจยังไม่ทราบ อย่างโครงการน้ำบาดาล ที่จังหวัดกาญจนบุรี ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงเสด็จเปิดพิธีเอง แต่หากพูดถึงเรื่องน้ำอยากจะบอกว่ามันชัดเจนมากสำหรับบ้านเราในหลายๆที่ที่ขาดแคลนน้ำ ทั้งนี้ ยังมีเหตุการณ์ที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทรงเสด็จไปถึง แล้วไปดูว่าประชาชนได้เขียนจดหมายถึงในหลวงว่าพวกเขาเดือดร้อนอะไรกันบ้าง แล้วท่านก็รับทราบปัญหานี้ ซึ่งก็อยู่ในพระเนตรพระกรรณมาตลอด จากนั้นท่านก็ทรงแก้ปัญหาให้ 

หลังจากนั้นได้มีชาวบ้านต่างเล่าว่าพระองค์จะคอยส่งคนถวายฎีกามาเฝ้าติดตามและมาสอบถามเสมอ “ที่นี่ดีขึ้น เพราะว่าโครงการทำให้ ไม่ว่าอะไรท่านก็ทำให้หมด”

มันมีคนดื้อด้านที่ไม่ยอมรับ ประมาณว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 ทํามาเยอะแล้ว 4 พัน 5 พันโครงการ ใช่…คุณรู้แค่นั้น แต่รัชกาลปัจจุบันท่านทํา คุณไม่รู้ไง…เพราะท่านทรงทําผ่านโครงการต่างๆ

“มีพื้นที่ทําในหมู่บ้านแล้วไม่ต้องไปที่ไหน เราสามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ในหมู่บ้านได้เลย ที่สําคัญเกษตรกรจะมีรายได้ตลอดหมุนเวียน” ทั้งนี้ ได้มีชาวบ้านท่านหนึ่ง เอ่ยพร้อมน้ำตาที่ซึมว่าตนนั้นรักพระมหากษัตริย์มากแค่ไหน 

“เพราะพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด และทรงทํางานอย่างเงียบๆ แต่เข้าถึงความต้องการของคนไทย ไม่ว่าจะถิ่นทุรกันดารแค่ไหน ในหลวงก็ไปถึง”

ย้อนคำพูด ‘พีระพันธุ์’ ชื่นชม ‘ยิ้ม สุทธิรักษ์ ยิ้มยัง’ ชายผู้ปิดทองหลังพระ อาสาช่วยสู้คดีค่าโง่โฮปเวลล์

เมื่อหลายวันก่อน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ประกาศข่าวดีแก่คนไทยทั้งประเทศว่า ประเทศไทยชนะคดีค่าโง่โฮปเวลล์ คดีที่ยืดเยื้อมากว่า 30 ปี ส่งผลให้รัฐบาลไม่ต้องจ่ายเงินค่าเสียหายมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท 

วันนี้ THE STATES TIMES ขอพาย้อนอดีต ยกคำบอกเล่าและชื่นชมจากนายพีระพันธุ์ ขณะดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (รัฐบาลพลเอกประยุทธ์) ที่ได้กล่าวชื่นชมนาย ‘สุทธิรักษ์ ยิ้มยัง’ หรือ ‘ยิ้ม’ พนักงานการรถไฟ ผู้มีส่วนช่วยรวบรวมข้อมูล เอกสาร และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังชัยชนะคดีค่าโง่โฮปเวลล์

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (ตำแหน่งในขณะนั้น) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ปิดทองหลังพระ ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจและยินดีกับผลงานคดี ‘ค่าโง่โฮปเวลล์’ ที่คาราคาซังมายาวนานกว่าสามสิบปี

กว่าจะมาถึงวันนี้ ไม่ง่ายเลย ตนใช้เวลาเกือบทั้งหมดตั้งแต่กลางปี 62 เหนื่อยไปกับการสะสาง ตรวจสอบ ตรวจทาน และเรียบเรียงเอกสารต่าง ๆ ที่หมักหมมมานานกว่าสามสิบปี เปลี่ยนมาหลายรัฐบาล จนขึ้นใจทุกขั้นตอน  

เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดอีกหลายคน แม้บางคนบางรายการอาจจะขาดอายุความในการเอาผิดแต่ก็สมควรที่จะต้องกระชากหน้ากากให้รู้ว่าตลอดสามสิบกว่าปีที่ผ่านมาใครเป็นใคร ใครทำอะไรไว้บ้าง เราถึงต้องมาตามแก้เป็นลิงแก้แหในวันนี้ แม้วันนี้ คดีก็ยังไม่จบ ยังต้องทำอีกหลายเรื่อง

นายพีระพันธุ์ ระบุอีกว่า ขณะนี้เรากำลังฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้พิพากษาว่าการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคดีโฮปเวลล์เป็นโมฆะตามกฎหมาย เท่ากับว่าบริษัทนี้ไม่เคยมีตัวตนในโลกนี้ ผลคือการใด ๆ ที่ทำไปในนามบริษัทนี้เป็นโมฆะทั้งหมดไปด้วย

อย่างไรก็ตามตนต้องขอบคุณและชื่นชมคนคนหนึ่งบ้าง คนที่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครรู้จัก เป็นคนเล็ก ๆ ที่ทำงานเงียบ ๆ ไม่ประสงค์จะเปิดเผยตัวหรือเป็นข่าว คนคนนี้เป็นคนที่ตนไม่คิดว่าจะมีในโลก ตนอยากได้คนแบบนี้มาช่วยงานนานมาแล้ว นานมาก คือตั้งแต่ตนเริ่มทำงานใหม่ ๆ เมื่อสี่สิบปีก่อน แต่ไม่เคยหาได้ ตนเลยต้องทำงานทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างแสนเหน็ดเหนื่อยตามลำพังตลอดมา จนมาทำเรื่องโฮปเวลล์
ตนโชคดีอย่างยิ่งที่ได้เจ้าหน้าที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทยคนหนึ่งมาช่วยงาน คนคนนี้ชื่อ ‘สุทธิรักษ์ ยิ้มยัง’ ชื่อเล่นว่า ‘ยิ้ม’

‘ยิ้ม’ เป็นพนักงานการรถไฟตำแหน่งอาณาบาล เรียกง่าย ๆ ว่านิติกร ยิ้มเป็นคนเดียวที่ช่วยงานเรื่องนี้ตนมาตั้งแต่ต้น 

งานชิ้นนี้ถ้าไม่ได้ยิ้มก็อาจไม่มีวันนี้ เพราะตนอาจทำงานไม่เสร็จตามกำหนดเวลาตามกฎหมาย ผลคือ ‘ยื่นเรื่องไม่ทัน’ หรือไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องนอนสามสี่วันติดกันในแต่ละเรื่อง เพราะเอกสารและข้อมูลเยอะมาก กว่าจะเขียนแต่ละเรื่องเสร็จใช้เวลามากและต้องค้นเอกสารและข้อมูลแบบท่วมหัว ปรากฏว่ายิ้มจำได้หมดทุกเรื่อง 

ไม่ว่าตนจะติดขัดหรือสงสัยข้อมูลอะไรตรงไหน ถามยิ้มตอบได้ทันทีทุกเรื่องทุกขั้นตอน สามารถยกร่างเรื่องต่าง ๆ ได้โดยเว้นว่างข้อความหรือข้อมูลที่ยังนึกไม่ออกในเวลานั้นไว้ได้โดยไม่ต้องหยุดพักไปค้นข้อมูลก่อน เสร็จแล้วก็ส่งให้ยิ้มช่วยเติมความให้เต็มได้อย่างถูกต้อง

บางเรื่องตนบอกแนวทางบอกประเด็นให้ยิ้มยกร่างเบื้องต้นมาก่อนเพื่อที่ตนจะได้ไปทำงานอื่นได้แล้วค่อยกลับมาปรับนิดหน่อยก็เสร็จ ทำให้ตนสามารถเดินหน้าเตรียมการเรื่องอื่น ๆ ได้พร้อม ๆ กันมากขึ้น

"ผมถามยิ้มว่าทำไมตอบผมได้หมด เขาบอกว่าเขาอ่านและเตรียมการล่วงหน้าไว้หมดนานมาแล้ว ผมหาแบบนี้มานานครับเพิ่งจะเจอ ยิ้มเขาบอกผมว่าทุกวันนี้เขาเป็นห่วงการรถไฟและบ้านเมืองกับปัญหาคดีนี้มาก ก่อนจะมารู้จักมาทำงานกับผมเขาได้ศึกษาค้นคว้าเตรียมข้อมูลตลอดมาแม้ไม่รู้ว่าจะได้ใช้หรือไม่ เขาบอกว่าเขาอยากทำด้วยใจจริงไม่ใช่เพราะตำแหน่งหน้าที่"

ทำงานกันมาหลายปีตนก็เห็นยิ้มอยู่ที่เดิมตำแหน่งเดิม ทั้ง ๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาโฮปเวลล์ให้การรถไฟต้นสังกัดและช่วยตนแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้คนทั้งประเทศมานาน ตนถามยิ้มว่าที่ทำงานไม่มีตำแหน่งว่างที่จะโยกย้ายสูงขึ้นเลยหรือ เขาบอกว่ามี หัวหน้าเขาเพิ่งจะเกษียณพอดี 

ตนบอกว่าคิวคุณขึ้นตำแหน่งนี้ได้ไหม เขาบอกว่าได้แต่ขอให้อีกคนหนึ่งขึ้นจะดีกว่า เพราะหากต่อไปต้องสู้คดีโฮปเวลล์ในศาลแล้ว อีกคนหนึ่งจะทำงานได้ดีกว่าเขา ตนบอกว่าคุณลองไปคิดดูว่าคุณจะไปไหนได้บ้าง เขากลับมาบอกตนในเวลาต่อมาว่าคิดได้แล้วว่าจะขอไปอยู่แผนกพยาบาล 

"ผมงงมากว่าจะไปทำอะไรที่แผนกพยาบาล คำตอบคือ เขาคิดว่าที่แผนกพยาบาลไม่มีงานอะไรมากเขาจะได้ใช้เวลาเตรียมข้อมูลต่าง ๆ เรื่องโฮปเวลล์มาช่วยผมได้เต็มที่ ถ้ายังอยู่ที่เดิมก็ต้องทำงานอื่นด้วย ถ้าเขาทำเรื่องนี้เรื่องเดียวก็ต้องกินแรงเพื่อนให้ทำเรื่องอื่นแทนเขา" 

ตนถามว่าไปอยู่แผนกพยาบาลแล้วต่อไปจะกลับไปแผนกอื่นได้อย่างไร เขาบอกว่าไม่เป็นไร ตนบอกว่าแล้วมันจะก้าวหน้าในอาชีพได้อย่างไร เขาบอกว่าไม่เป็นไร 

ตนถามว่าคุณคิดอะไรของคุณ เขาบอกว่าเขาคิดเพียงว่าขอให้เขามีเวลาทำงานเรื่องโฮปเวลล์ให้สำเร็จแค่นั้นเขาก็พอใจแล้ว แม้เขาต้องหยุดชีวิตราชการไว้ที่แผนกพยาบาลเขาก็ยอม

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า เชื่อหรือไม่ว่าคนแบบนี้ยังมีในโลกจริง ๆ เวลายิ้มมารายงานเรื่องต่าง ๆ กับตน จะมีเพื่อนมาด้วยคนหนึ่ง แรก ๆ ก็คิดว่าเป็นทีมงานของเขา แต่สังเกตว่านายคนนี้ไม่ค่อยพูดจาอะไร ตนเลยถามว่าคนนี้เป็นใคร คำตอบคือเป็นเพื่อนที่ขับรถพาเขามาหาตน เพราะเขาขับรถไม่เป็น เวลาไปไหนมาไหนเขาใช้รถเมล์ แต่มาหาตนต้องรีบ กลัวตนรอนานเลยวานเพื่อนให้ขับรถมาให้ หลายครั้งที่ประมาณสี่โมงเย็นตนจะตามยิ้มไม่เจอ วันหนึ่งตนถามยิ้มว่าคุณหายไปไหนตอนเย็น ๆ เขาบอกว่าต้องขอโทษเพราะเขาต้องไปดูแลแม่ที่แถวรังสิต ตนถามว่าแล้วไปอย่างไร คำตอบคือนั่งรถไฟแล้วไปต่อรถเมล์

นี่คือ ‘ยิ้ม’ คนที่ทำงานทุ่มเทกับการต่อสู้คดีให้บ้านเมืองเป็นหมื่นล้าน แต่ยังไปไหนมาไหนด้วยรถเมล์ตลอดเวลา

"เมื่อวานพอฟังคำสั่งศาลปกครองสูงสุดเสร็จผมบอกยิ้มว่าเห็นมีนักข่าวรออยู่ข้างล่างเดี๋ยวช่วยอธิบายเรื่องราวให้นักข่าวฟังด้วย ยิ้มขอโทษผมบอกว่าเขาเป็นแค่พนักงานการรถไฟและต้องรีบกลับไปทำงาน นี่แหละครับที่เรียกว่า ‘ปิดทองหลังพระ’ ตัวจริง"

วันนี้หลายคนชื่นชมและชมเชยผม แต่ผมขอชื่นชมและขอชมเชยยิ้ม ‘นายสุทธิรักษ์ ยิ้มยัง’ พนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย พนักงานตัวเล็ก ๆ ที่มีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ ผู้ปิดทองหลังพระเพื่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง

คำสอนจาก ‘พ่อ’ การทำความดีที่ไม่จำเป็นต้องอวดใคร หากความสำเร็จนั้นไซร้ กลายเป็นประโยชน์ที่เกิดขึ้นจริง

‘ปิดทองหลังพระ’ และ ‘สามัคคี’ คำสอนของ ‘พ่อ’ ที่เน้นย้ำการทำความดี สร้างประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยมิได้หวังลาภยศ ผ่านพระพุทธรูปและพระบูชา 

ราวปี พ.ศ. ๒๕๐๘ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงมีพระราชดำริที่จะสร้างพระพุทธรูปบูชาพร้อมพระพิมพ์เพื่อบรรจุที่ฐานบัวหงายของพระพุทธรูป เพื่อมอบให้กับจังหวัดและหน่วยงานราชการต่าง ๆ ทั่วประเทศ 

‘พระพุทธนวราชบพิตร’ บรรจุพระ ‘พระสมเด็จจิตรลดา’ พระบูชาทรงสร้าง เพื่อความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ 

ในหลวงรัชกาลที่ ๙ โปรดเกล้าฯ ให้ นายไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ข้าราชการกองหัตถศิลป กรมศิลปากร เข้ามาเป็นปั้นหุ่นพระพุทธรูปสำคัญและเป็นผู้แกะแม่พิมพ์พระพุทธรูปพิมพ์นี้ โดยพระองค์ทรงตรวจพระพุทธศิลป์ด้วยพระองค์เอง จนเป็นพอพระราชหฤทัยจึงได้ดำเนินการเททองในวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๙ และโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสำคัญองค์นี้ว่า ‘พระพุทธนวราชบพิตร’ โดยบริเวณฐานบัวหงายขององค์พระจะมี ‘พระสมเด็จจิตรลดา’ บรรจุอยู่ด้วย

เมื่อจัดสร้าง ‘พระพุทธนวราชบพิตร’ แล้วเสร็จ พระองค์จึงทรงพระราชทานไปยังจังหวัดต่างๆ โดยจังหวัดหนองคาย เป็นจังหวัดแรกที่ได้รับพระมหากรุณาพระราชทานพระพุทธนวราชบพิตร ในวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๐

ในโอกาสนั้นในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระราชดำรัสแก่ชาวจังหวัดหนองคาย โดยขออัญเชิญบางตอนมาดังนี้

...พระพุทธนวราชบพิตรองค์นี้ นอกจากจะถือว่าเป็นนิมิตหมายแห่งคุณพระรัตนตรัย อันเป็นที่เคารพสูงสุดแล้ว ข้าพเจ้ายังถือเสมือนเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ของประเทศไทย และความสามัคคีกลมเกลียวกันของประชาชนชาวไทยอีกด้วย...

...ขออานุภาพแห่งพระพุทธนวราชบพิตร จงปกปักรักษาท่านให้พ้นจากทุกข์ภัยทุก ๆ ประการ บันดาลให้เกิดความสุขสวัสดี มีความก้าวหน้ารุ่งเรืองในการประกอบอาชีพ และมีความสมัครสมานกัน ในอันที่จะร่วมกันสร้างเสริมความมั่นคง และความเจริญก้าวหน้าให้แก่บ้านเมืองของเราสืบไป...

‘พระสมเด็จจิตรลดา’ พระพลังแผ่นดิน พระเครื่องที่ไม่ต้องมีพิธีพุทธาภิเษก 

นอกจาก ‘พระสมเด็จจิตรลดา’ ที่บรรจุไว้ใน ‘พระพุทธนวราชบพิตร’ แล้วนั้น ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ได้ทรงสร้างพระพิมพ์ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เองอย่างต่อเนื่องมาอีกจำนวนหนึ่ง ให้เป็นขวัญและกำลังใจให้กับ ข้าราชบริพาร ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ที่ได้สร้างความดี ความชอบและสร้างคุณประโยชน์แก่ชาติบ้านเมือง อย่างไม่ย่อท้อ ท่ามกลางสถานการณ์ของสงครามเย็นที่มีแต่ความหมิ่นเหม่ต่อความมั่นคงของชาติ ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๐๘ - ๒๕๑๓ 

ความพิเศษของ ‘พระสมเด็จจิตรลดา’ เริ่มจากมวลสารที่นำมาจัดสร้าง อันประกอบด้วย... 

มวลสารส่วนพระองค์ อันได้แก่ ดอกไม้แห้งจากมาลัยที่ประชาชนได้ทูลเกล้าฯ ถวาย ในคราวเสด็จพระราชดำเนินเปลี่ยนเครื่องทรง ‘พระแก้วมรกต’ / เส้นพระเจ้า (เส้นพระเกศา) / สีจากผ้าใบที่ทรงเขียนภาพฝีพระหัตถ์ / ชันและสีซึ่งทรงขูดจากเรือใบพระที่นั่ง

มวลสารศักดิ์สิทธิ์จากสถานที่ต่างๆ  อันได้แก่ ดอกไม้แห้ง, ผงธูป, เทียนบูชา จากพระพุทธรูปสำคัญต่างๆ เช่น พระแก้วมรกต, พระพุทธชินสีห์, พระพุทธชินราช และจากพระอารามหลวงที่สําคัญ / น้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนำมาใช้เป็นน้ำสรงมุรธาภิเษกในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก / ดินจากสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่งในประเทศอินเดีย เป็นต้น 

ทรงสร้างขึ้นด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง โดยทรงใช้เวลาหลังจากทรงพระอักษร และทรงงานอันเป็นพระราชภารกิจหลัก หลังจากนั้นพระองค์ก็จะทรงกดพิมพ์องค์พระทุกองค์ด้วยพระองค์เองจนดึกดื่น บางครั้งก็ถึงรุ่งสาง รวมสร้างองค์พระ ๒,๕๐๐ องค์ ทุกองค์มีเอกสารส่วนพระองค์ (ใบกำกับพระ) ซึ่งแสดงชื่อ นามสกุล วันที่รับพระราชทาน และหมายเลขกำกับทุกองค์ 

นัยยะสำคัญขององค์พระพิมพ์พระราชทาน ‘พระพลังแผ่นดิน’

เมื่อในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน ‘พระสมเด็จจิตรลดา’ แก่ผู้ใด พระองค์จะทรงมีพระราชดำรัสแก่ผู้รับพระราชทานว่า... 

“ให้ปิดทองที่หลังองค์พระปฏิมาแล้วเอาไว้บูชาตลอดไป ให้ทำความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ”

“ขณะปิดทองให้ตั้งจิตเป็นสมาธิอธิษฐานขอให้ความดีงามที่มีอยู่ในตัว จงดำรงอยู่ต่อไป และขอให้ยังความเป็นสิริมงคล จงบังเกิดแก่ตัวยิ่งขึ้น อีกทั้งให้ประสบแต่ความสุขความเจริญในทางที่ดีงาม” 

โดยทรงพระราชทานพระบรมราชาธิบายเรื่องการ ‘ปิดทองหลังพระ’ ไว้ด้วยว่า... 

“ที่ให้ปิดทองหลังพระก็เพื่อจะได้เตือนตัวเองว่า การทำความดีไม่จำเป็นต้องอวดใคร หรือประกาศให้ใครรู้ ให้ทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ และถือว่าความสำเร็จในการทำหน้าที่เป็นบำเหน็จรางวัลที่สมบูรณ์แล้ว” 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top