เมื่อไม่นานมานี้ ดร.โญธิน มานะบุญ นักวิชาการอิสระ ด้านความมั่นคง และประวัติศาสตร์สงครามสมัยใหม่ ครับ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า...

กระทรวงการต่างประเทศยืนยันว่า คำสั่งลับ สตช. ให้ตร.เฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของชาวอิหร่านเป็นข่าวปลอม (Fake news)

ตามที่มีรายงานข่าวเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๕ ระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีคำสั่งลับ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของบุคคลสัญชาติอิหร่านนั้น 

กระทรวงการต่างประเทศได้ตรวจสอบกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทย และขอชี้แจงว่ารายงานข่าวดังกล่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติมิได้ให้ข้อมูลข่าวดังกล่าว

กระทรวงการต่างประเทศขอยืนยันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและอิหร่านเป็นความสัมพันธ์ฉันท์มิตรที่ดียิ่งมาตลอดเวลาช้านาน และเป็นความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนความเคารพซึ่งอธิปไตยและศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน 

รัฐบาลอิหร่านได้ให้คำมั่นกับประเทศไทยว่า จะดูแลอย่างดียิ่งที่จะไม่ให้มีสิ่งใดมาเป็นปัจจัยทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันได้ทั้งสิ้น ข่าวที่มีการนำเสนอโดยมิได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงและเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบ และนำไปสู่ความเสียหายในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ที่มา นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ (โฆษกกระทรางการต่างประเทศ)

ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีการรับรองการเยือนสยามของคณะผู้แทนทางการทูตเปอร์เซียมายังสยามตั้งแต่ พ.ศ. ๒๑๘๕ ชาวอินโด-เปอร์เซียเป็นกลุ่มมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในสยาม ตั้งแต่ศตวรรษที่ ๑๖ ถึง ๑๘ ครอบครัวชาวไทยเชื้อสายเปอร์เซียเข้ามามีบทบาทในสังคมไทยมาช้านา 

หลังจากการยกเลิกการคว่ำบาตรในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ อันเป็นผลมาจากแผนปฏิบัติการร่วม (The Joint Comprehensive Plan of Action (JCPOA)) โดยอิหร่านและไทยยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นต่อไป

แผนปฏิบัติการร่วม (The Joint Comprehensive Plan of Action (JCPOA))  หรือข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน (Iran nuclear deal) หรือข้อตกลงอิหร่าน (Iran deal) เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่บรรลุถึงความตกลง ณ กรุงเวียนนา เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ระหว่างอิหร่านกับ P5+1 (สมาชิกถาวรห้าชาติในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ : จีน ฝรั่งเศส รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา + เยอรมนีกับสหภาพยุโรป)

ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ประธานาธิบดี Hassan Rouhani แห่งอิหร่าน ได้แสดงความเสียใจต่อคนไทยและรัฐบาลในจดหมายที่ส่งถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า “สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ให้ความเคารพราชอาณาจักรไทยในฐานะเพื่อนเก่าแก่และหุ้นส่วนระหว่างกันเสมอ และหวังว่าจะได้เห็นความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ขยายตัวในทุก ๆ ด้าน”

เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๙ การบินไทยประกาศว่า สายการบินจะทำการบินในเส้นทางระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิของไทย และท่าอากาศยานนานาชาติ Imam Khomeini ของอิหร่านใหม่ สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจาก AirAsia X เปิดตัวเส้นทางบินเดียวกัน เที่ยวบินปฐมฤกษ์ดังกล่าวของการบินไทยเปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙

เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๙ ประธานาธิบดี Hassan Rouhani ของอิหร่านเดินทางถึงกรุงเทพฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดการเจรจาความร่วมมือเอเชียครั้งที่ ๒ ประธานาธิบดี Rouhani ได้เข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ

ไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวทางการแพทย์ชาวอิหร่าน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีการลักลอบนำเข้า methamphetamine โดยชาวอิหร่านหลายครั้ง ทำให้ชาวอิหร่านที่เดินทางมาประเทศไทยบางส่วนตกกลายเป็นผู้ต้องสงสัยของเจ้าหน้าที่ไทย ปัจจุบันมีศูนย์วัฒนธรรมอิหร่านอยู่ในกรุงเทพฯ มีการสอนภาษาเปอร์เซีย และการบริการแปลเอกสารภาษาเปอร์เซียเป็นภาษาไทยอีกด้วย