Friday, 3 May 2024
FakeNews

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ เตือนภัย!! ช่วงเทศกาลหยุดยาว อาจมีมิจฉาชีพฉวยโอกาส “สร้างข่าวปลอม – เว็บไซต์ปลอม” เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนตัวของประชาชน!!

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ เตือนภัย!! ช่วงเทศกาลหยุดยาว อาจมีมิจฉาชีพฉวยโอกาส “สร้างข่าวปลอม – เว็บไซต์ปลอม” เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนตัวของประชาชน!!

​พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยห้วงเทศกาลหยุดยาว อาจมีมิจฉาชีพฉวยโอกาสสร้างข่าวปลอมหรือจัดเว็บไซต์ปลอม เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนตัวของประชาชน

​เนื่องด้วยปัจจุบันมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ประชาชนเข้าถึงโลกออนไลน์รวมถึง Application ต่าง ๆ ประกอบกับห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้มีการปรับเปลี่ยนใช้บริการผ่านโลกออนไลน์มากขึ้น โดยเหล่ามิจฉาชีพก็ได้อาศัยช่องว่างดังกล่าวสร้างกลอุบายในการหลอกลวงข้อมูลส่วนตัว หลอกให้โอนเงิน ดังกรณีในห้วงที่ผ่านจะพบว่ามีข่าวปลอมหลายเรื่องเกี่ยวกับการจัดโปรโมชั่นของขวัญสำหรับห้วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ อาทิ รัฐบาลโอน 1,000 บาท ให้บัตรคนจนเป็นของขวัญขวัญปีใหม่กดจากตู้ใช้ได้ทันที , กรณีปรับเบี้ยยังชีพแจกเพิ่ม 2,000 บาท เป็นต้น โดยมิจฉาชีพสร้าง Link หลอกลวงให้คลิกเข้าไปเพื่อลวงเอาข้อมูลส่วนตัว หรือในบางครั้งก็ทำการติดต่อให้โอนเงินสำหรับค่าดำเนินการไปก่อน ซึ่งอาจสร้างความเสียหายในวงกว้างให้กับประชาชนก็เป็นได้

​พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ตระหนักถึงพิษภัยภัยจากการหลอกลวงของมิจฉาชีพในลักษณะดังกล่าว อันเป็นการสร้างความเสียหายซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนในห้วงการแพร่ระบาดโควิด-19 จึงได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรการและดำเนินการป้องกันปราบปรามตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างจริงจัง

​พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญและตระหนักถึงภัยจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมาโดยตลอด จึงได้สั่งการให้ บช.น.,ภ1-9,บช.ก.,บช.สอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งดำเนินการสืบสวน ปราบปรามจับกุมและขยายผล ผู้กระทำความผิดในทุกรูปแบบ พร้อมทั้งเร่งทำการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ถึงพิษภัยบนโลกออนไลน์พร้อมแนวทางการป้องกันให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป

​การกระทำลักษณะดังกล่าวนอกจากจะเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนกันอยู่แล้วและยังเข้าข่ายความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายจะต้องเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนในท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด รวมถึงเตรียมหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หลักฐานการโอนเงิน บันทึกการสนทนา รายการเดินบัญชีธนาคาร เป็นต้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี

 

 

FAKE NEWS!! สยามโบราณถึงคณะราษฎร | THE STATES TIMES STORY EP.90

ในอดีตเรียก Fake News ว่า ‘บัตรสนเท่ห์’ หมายถึง จดหมายฟ้องหรือกล่าวโทษผู้อื่น นำมาทิ้งไว้โดยมิได้ลงชื่อจริงของผู้เขียน เมื่อใครพบเจอก็จะลือต่อๆ กันไป เป็นเครื่องมือสร้างความแตกแยก หรือหวังผลอย่างใดอย่างหนึ่ง

.

ตั้งแต่โบราณมา มีตัวอย่างเหตุการณ์สร้างข่าวปลอมที่สำคัญๆ อะไรบ้าง ไปติดตามกันได้ใน THE STATES TIMES Story ใน EP. นี้ได้เลย

‘นักพ่นข่าวปลอม’ รอรับหมายเรียก 15 ธ.ค.นี้ ฐานสร้างเฟกนิวส์ทำร้าย ‘ลูกหนัง ศีตลา’

เมื่อวานนี้ (3 พ.ย. 65) นายเตชะ ทับทอง หรือ เต้ กลุ่มหนึ่งร้อยตัวแทนทำดีเพื่อพ่อ โพสต์ภาพ ‘ลูกหนัง’ ศีตลา วงษ์กระจ่าง ลูกสาว เปิ้ล หัทยา - ตั้ว ศรัณยู ที่กำลังโดนขบวนการสามนิ้วรุมบูลลี่และสร้างกระแสติดแฮชแท็ก #แบนลูกหนัง

โดยนายเตชะ ได้ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เห็นหลานอัดอั้นตันใจ ไอ้คนอย่างพวกเรามันก็ทนไม่ได้หรอกครับ แม้เรื่องราวที่คนเลว ๆ ช่วยกันสร้าง Fakenews ทำลายอนาคตน้องนั้นจะผ่านมาเกือบครบปี…พวกเค้าอาจคิดว่าสนุกสนานและไม่มีใครทำอะไรได้

'ทหาร' แจง!! เวทีสภาสันติสุข ไม่เคยแทรกแซง รร. ในนราฯ ยืนยัน!! เคารพทุกเสรีภาพในการนับถือศาสนา

(17 ก.พ. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาลในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา อบต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ประธานสภาสันติสุขตำบลบาเจาะ เปิดเวทีสภาสันติสุข เพื่อติดตามการทำงานขับเคลื่อนสภาสันติสุขตำบลและพูดคุยประเด็นที่กำลังเป็นกระแสในสื่อโซเชียลมีเดีย โดยมีหน่วยเฉพาะกิจสันติสุข ชุดสันติสุขที่ 405 ชุดทักษิณสัมพันธ์ที่ 401 ทพ.นย.15 นายมูฮัมมัดซูลฮัน ลามะมา อิหม่ามประจำมัสยิด (ตาดีกา) ฟัรฎูอินบูงอบังซอ บ้านดูกู ผู้นำศาสนาในพื้นที่ ผู้นำสภาเยาวชนบ้านดูกู และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

น.ส.รัชดา กล่าวว่า จากกรณีเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนในประชาชนบางกลุ่มที่คิดว่าเจ้าหน้าที่ หน่วยเฉพาะกิจสันติสุข เข้าไปแทรกแซงกิจการในโรงเรียนตาดีกา ฟัรฎูอินบูงอบังซอ บ้านกูดู อ.บาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเรื่องนี้หัวหน้าชุดหน่วยเฉพาะกิจสันติสุข ชุดสันติสุขที่ 405 ได้ชี้แจงในสภาสันติสุขเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องแล้วว่า การทำงานของฝ่ายความมั่นคงนั้นให้ความสำคัญกับการดูแลทุกข์สุขของประชาชน และเมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนจะเข้าไปดูแลทันที

ซึ่งกรณีโรงเรียนตาดีกานี้ ทางหน่วยฯ ได้รับทราบมาว่า เสาธง ของโรงเรียนชำรุด จึงได้ประสานผ่านทางเจ๊ะครู เพื่อเข้าไปซ่อมแซมจนสำเร็จ อีกทั้งได้ให้ความรู้แก่เด็กๆในความหมายของธงชาติไทย รวมถึงแจกหนังสือคัดลายมืออาหรับ ให้กับเยาวชน เพื่อพัฒนาทักษะทางการเขียนที่ถูกต้อง โดยไม่ได้มีการแทรกแซงกิจการของโรงเรียนแต่อย่างใด

‘ณัฐชา’ แฉ เกมการเมืองเก่า ปล่อยเฟคนิวส์เกลื่อนไลน์ วอนหยุดปั้นน้ำเป็นตัว ชี้!! ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน

(30 มี.ค. 66) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เมื่อปี่กลองการเลือกตั้งดังขึ้น สิ่งที่ตามมาคือ สารพัดวิชามาร ปล่อยข่าวลวงหรือข่าวเท็จป้ายสีกัน เป็นวิธีของการเมืองแบบเก่า ที่เมื่อสู้ด้วยไอเดีย สู้ด้วยนโยบายไม่ได้ก็ใช้ความกลัวจากการโกหกประชาชนสู้แทน

“ขณะนี้ในไลน์เกลื่อนมาก โดยเฉพาะพรรคการเมืองเก่า ที่เล่นการเมืองแบบเก่า ๆ จะเป็นต้นทาง สั่งให้หัวคะแนนพรรคตัวเอง สร้างเฟคนิวส์ส่งเข้าไลน์กลุ่มหมู่บ้าน กลุ่มโรงเรียน กลุ่มชุมชนโจมตีพรรคก้าวไกลแบบถี่ ๆ ด้วยเนื้อหาที่บิดเบือน เช่นบอกว่า ถ้าเลือกพิธาเป็นนายกฯ จะยกเลิกบำนาญข้าราชการ ลูกหลานจะลำบาก เป็นการโกหกมดเท็จที่ไม่มีความจริงแม้แต่นิดเดียว ผมขอยืนยันเป็นครั้งที่ร้อยว่า พรรคก้าวไกลไม่มีและไม่เคยมีนโยบายยกเลิกบำนาญข้าราชการ” นายณัฐชา กล่าว

‘พวงเพ็ชร’ ชี้!! นายกฯ เยือนจีนผลงานเพียบ หวังมุ่งมั่นพัฒนาประเทศ กลับถูกผู้ไม่หวังดีปั่นกระแสจนเกิดความเข้าใจผิด วอน ปชช.อย่าหลงเชื่อ

(20 ต.ค. 66) นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวปลุกปั่น สร้างความเข้าใจผิดในตัว นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า ปัจจุบันประชาชนสามารถรับข้อมูลข่าวสารได้ง่ายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ทำให้มีกลุ่มคนผู้ไม่หวังดีเห็นเป็นช่องทางในการปลุกปั่น สร้างข่าวเท็จ และสร้างความเข้าใจผิดโดยไร้การตรวจสอบที่มา เนื้อหา และความถูกต้อง บางข่าวถูกสร้างขึ้นเพื่อพยายามทำให้เกิดกระแส จนสร้างความเสื่อมเสียแก่ผู้อื่น อย่างเช่นกรณีของ นายกรัฐมนตรี ขณะที่เดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าร่วมการประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation: BRF) ครั้งที่ 3 ซึ่งได้พบปะนักธุรกิจ นักลงทุน รวมถึงกระชับความสัมพันธ์อีกหลายมิติ อันน่าจะเป็นผลงานที่นายกฯทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ แต่กลับมีผู้เห็นต่างเสียดสี โจมตี อีกทั้งสร้างข่าวปลอมทำให้เกิดความเสื่อมเสีย

“ขอให้ประชาชนผู้รับข้อมูลข่าวสารใช้วิจารณญาณให้ดีก่อนส่งต่อ หรือโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย โดยต้องมีสติ รู้เท่าทันเจตนาของผู้สร้างข่าว อย่าตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน ขอให้เชื่อมั่นว่า ท่านนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมีความตั้งใจจริงในการทำหน้าที่ เพื่อพัฒนาประเทศ ให้พี่น้องประชาชนมีความกินดีอยู่ดียิ่งขึ้น” นางพวงเพ็ชร กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top