Wednesday, 2 July 2025
WORLD

‘หวัง อี้’ แนะ ‘ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้’ รู้จักรากเหง้าตัวเอง

หวังอี้ ผู้รับผิดชอบนโยบายต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เรียกร้องให้เกิดความสามัคคีกันระหว่าง จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยระบุว่า “ชาวตะวันตกไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างชาวจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ได้ และไม่ว่าเราจะย้อมผมทองแค่ไหน ทำจมูกโด่งแค่ไหน เราก็ไม่สามารถเป็นชาวตะวันตกได้ เราควรรู้ว่ารากเหง้าเราอยู่ที่ไหน”

'ตะวันตก' กรี๊ด!! จีนเบรกส่งออก 2 แร่หายาก ตอบโต้มาตรการคุมส่งออก 'ชิปชั้นสูง' ของสหรัฐฯ

สงครามชิงเจ้าแห่งอุตสาหกรรมผลิตชิป ยังคงเดือดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางการจีนออกกฎหมายใหม่ จำกัดการส่งออกแร่หายาก Gallium และ Germanium หนึ่งในวัตถุดิบสำคัญในการผลิตชิป เพื่อใช้ในอุปกรณ์สื่อสารล้ำสมัย แผงโซลาร์เซลล์ อุปกรณ์เรดาร์ อุปกรณ์ไฟเบอร์ออพติค เลนส์กล้องอินฟาเรด ที่ช่วยส่งผ่านข้อมูลได้เร็วขึ้น โดยกฎหมายนี้เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั้งในสหรัฐฯ และ ยุโรป

ทางการจีนระบุว่า จำเป็นต้องจำกัดการส่งออกแร่หายากทั้ง 2 ชนิด เพื่อความมั่นคงของชาติ โดยบริษัทผู้ส่งออกต้องได้รับ Licence จากกระทรวงพาณิชย์จีนเท่านั้น จึงสามารถส่งออกได้ และต้องแจ้งรายละเอียดของผู้ซื้อปลายทาง รวมถึงระบุวัตถุประสงค์ที่นำแร่ไปใช้ เพื่อพิจารณาอนุมัติการส่งออกด้วย ซึ่งกฎหมายนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป 

เชื่อว่ากฎหมายจำกัดการส่งออกแร่ Gallium และ Germanium เป็นการตอบโต้มาตราการควบคุมการส่งออก ชิปชั้นสูง สำหรับใช้ในอุปกรณ์เทคโนโลยีล้ำสมัย และ เทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่นำมาใช้กับจีนมาก่อน 

โดยรัฐบาลสหรัฐฯ เคยออกกฎหมายในลักษณะเดียวกันในช่วงเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว (2022) ว่า บริษัทใดที่ส่งออกชิปชั้นสูง ระบบซอฟต์แวร์ หรืออุปกรณ์ไฮเทคไปจีนต้องได้รับ Licence จากรัฐบาลเสียก่อน ไม่ว่าอุปกรณ์ หรือชิปนั้น จะผลิตจากใน หรือ นอกสหรัฐก็ตาม ซึ่งนอกจากสหรัฐแล้ว ยังมีเนเธอร์แลนด์ และ ญี่ปุ่น กระโดดมาเข้าร่วมกับสหรัฐ แบนการส่งออกชิปไปจีนกับเขาเหมือนกัน 
.
'ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย' จีนเลยยกระดับการโต้กลับบ้าง ด้วยการระงับการส่งออก 2 แร่หายากไปต่างประเทศ หรือจะพูดให้ตรงก็คือ ห้ามส่งไปประเทศที่ผลิตชิปเป็นหลัก และ คว่ำบาตรจีนนั่นแล

ซึ่งแร่หายากทั้ง 2 ชนิดนี้ อยู่ในหมวด 'โลหะรอง' ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการถลุงโลหะพื้นฐาน อาทิ สังกะสี และ อลูมิเนียม และผลิตออกมาได้น้อยมาก และนิยมนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ชิปประมวลผลความเร็วสูง เลนส์กล้องส่องทางไกล และอุปกรณ์ไอทีอื่นๆ 

และในแต่ละปี สหรัฐอเมริกามีการนำเข้าแร่ Gallium และ Germanium ราวๆ 225 ล้านเหรียญ (ประมาณ 7.84 พันล้านบาท) ส่วนใหญ่นำไปใช้ในการผลิตเทคโนโลยีด้านกลยุทธ์ หรือพูดง่ายๆคือ อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับอาวุธทางทหารนั่นแล ดังนั้นการตัดกำลังการส่งออกแร่หายากของจีนอาจไม่ส่งผล กระทบต่อตลาดผู้บริโภคเท่าไหร่นัก ยกเว้น บริษัทผลิตขีปนาวุธ และเครื่องบินรบชั้นนำของสหรัฐอย่าง Lockheed Martin 

พอล ทริโอโล นักวิเคราะห์จากสถาบันด้านยุทธศาสตร์ และการต่างประเทศของสหรัฐมองว่า ยิ่งจีนพยายามที่จะตัดห่วงโซ่อุปทานในกระบวนการผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นผลดีกับทั้งสหรัฐ EU และเอเชีย ที่จะเริ่มพึ่งพาจีนน้อยลงเท่านั้น 

ดังนั้น แบนได้ แบนไป ใช่ว่าจีนจะเป็นผู้ผลิตแร่หายากเจ้าเดียวในโลกเสียเมื่อไหร่ 

ซึ่งจะว่าไปก็ถูกต้อง เพราะจีนไม่ใช่ประเทศเดียวที่สามารถผลิต Gallium และ Germanium ได้ แค่ในตอนนี้ 94% ของแร่ Gallium และ 83% ของ แร่ Germanium ในตลาดโลกตอนนี้ มาจากจีนเท่านั้นเอง ด้วยปริมาณการผลิตที่มากขนาดนี้ทำให้แร่หายากทั้ง 2 ชนิดที่ผลิตจากจีน มีราคาถูกที่สุดในท้องตลาด 

ส่วนประเทศอื่น ที่สามารถผลิต Gallium และ Germanium ในปริมาณที่ส่งออกได้ และมีราคาพอรับได้ ก็คือ รัสเซีย และ ยูเครน ซึ่งตอนนี้ไม่ว่าง เพราะกำลังรบกันอยู่ 

สงครามเซมิคอนดัคเตอร์เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น มีอะไรให้ตกใจอีกเยอะต่อจากนี้

‘อีลอน’ โคตรรวย!! ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีเบอร์ 1 ครึ่งแรกปี 66 แซงหน้าเจ้าพ่อ META ‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ กระจุย

(4 ก.ค. 66) ‘Bloomberg Billionaires Index’ จัดอันดับให้นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในครึ่งแรกของปี 2566 ด้วยทรัพย์สินสุทธิมูลค่า 9.66 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่นายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเมตา แพลตฟอร์ม รวยเป็นอันดับ 2 ด้วยทรัพย์สินสุทธิ 5.89 หมื่นล้านดอลลาร์

ข้อมูลของ Bloomberg Billionaires Index ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า บุคคลที่ร่ำรวยที่สุด 500 อันดับแรกในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มีทรัพย์สินรวมกันเพิ่มขึ้น 8.52 แสนล้านดอลลาร์ โดยแต่ละบุคคลที่ได้รับการจัดอันดับครั้งนี้ สามารถสร้างมูลค่าทรัพย์สินโดยเฉลี่ย 14 ล้านดอลลาร์/วัน ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสถิติรอบครึ่งปีที่ดีที่สุด นับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

มูลค่าของทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นเป็นวงกว้าง เนื่องจากนักลงทุนมองข้ามผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง รวมทั้งสงครามที่ยืดเยื้อในยูเครน และวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับธนาคารระดับภูมิภาค โดยดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น 16% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 39% ซึ่งทำสถิติรอบครึ่งปีแรกที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ขณะเดียวกันความมั่งคั่งสุทธิของนายโกตัม อดานี เจ้าของบริษัทอดานี กรุ๊ป ลดลง 6.02 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดในรอบ 6 เดือน นอกจากนี้ นายอดานียังเป็นบุคคลที่ความมั่งคั่งรายวันลดลงมากที่สุด โดยเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ปีนี้ ความมั่งคั่งของนายอดานีลดฮวบลง 2.08 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ช ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนจากสหรัฐออกรายงานกล่าวหาว่า นายอดานีได้ทำการฉ้อโกงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์แวดวงธุรกิจโลก แม้ว่านายอดานีได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ตาม

สำหรับนายอีลอน มัสก์นั้น ความมั่งคั่งของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือน ก.ค. โดยราคาหุ้นเทสลาทะยานขึ้น 6.9% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันจันทร์ (3 ก.ค.) ซึ่งทำให้ความมั่งคั่งของนายมัสก์เพิ่มขึ้น 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ราคาหุ้นเทสลาได้รับแรงหนุนหลังจากบริษัทเปิดเผยยอดการส่งมอบรถยนต์ในไตรมาส 2 จำนวน 466,140 คัน เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และพุ่งขึ้น 83% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยได้อานิสงส์จากการปรับลดราคาและการลดหย่อนภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ

‘Meta’ เปิดตัวแอปฯ ‘Threads’ ท้าชน ‘ทวิตเตอร์’ ชูใช้บริการฟรี - ไม่จำกัดจำนวนการดูโพสต์

(4 ก.ค. 66) ‘เมตา’ บริษัทแม่ของเฟซบุ๊กเตรียมเปิดตัวแอพลิเคชันใหม่ ‘เทรดส์’ (Threads) เพื่อแข่งขันกับทวิตเตอร์ พร้อมสำหรับการสั่งซื้อล่วงหน้าบนแอปเปิล แอปสโตร์ และจะเชื่อมโยงกับอินสตาแกรม ภาพที่มีการบันทึกจากหน้าจอ แสดงให้เห็นแดชบอร์ดที่มีลักษณะคล้ายกับทวิตเตอร์ โดยจะเปิดตัวในวันที่ 6 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้ 

โดยอีลอน มัสก์ ได้ทวีตข้อความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ‘เทรดส์’ ว่า "ขอบคุณพระเจ้า พวกเขาก็ยังดูมีสติ" ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการล้อเลียนมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเมตา ขณะเดียวกันทวิตเตอร์ เปิดเผยว่า ผู้ใช้งานจำเป็นต้องมีการยืนยันตัวตนก่อนจึงจะสามารถใช้งานทวีตเด็ค (TweetDeck) ได้ โดยจะเริ่มบังคับใช้มาตรการใหม่ใน 30 วัน

‘เทรดส์’ จะเป็นแอพฯ ที่ให้บริการฟรี และจะไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนโพสต์ที่ผู้ใช้สามารถดูได้ ซึ่งคำอธิบายเกี่ยวกับ ‘เทรดส์’ ระบุว่า "เทรดส์เป็นที่ที่ชุมชนมารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับทุกสิ่งตั้งแต่หัวข้อที่คุณสนใจในวันนี้ ไปจนถึงสิ่งที่จะเป็นเทรนด์ในวันพรุ่งนี้" 

โดย ‘เทรดส์’ จะสามารถซ่อนข้อมูลในโทรศัพท์ของผู้ใช้ รวมถึงข้อมูลตำแหน่ง การซื้อ และประวัติการท่องเว็บอีกด้วย

ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ‘เทรดส์’ อาจเป็นภัยคุกคามใหญ่ของทวิตเตอร์ที่ต้องเผชิญเลยก็เป็นได้ เพราะไม่ว่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก จะพัฒนาฟีเจอร์ใหม่อะไรมาก็จะพบว่าประสบความสำเร็จเสมอ ‘เทรดส์’ จะเป็นส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์มอินสตาแกรม ดังนั้นจึงเชื่อมโยงกับบัญชีหลายร้อยล้านบัญชีของผู้ใช้งานทั่วโลก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก มองว่า ‘เทรดส์’ จะสามารถดึงผู้ใช้ที่ไม่สนใจทวิตเตอร์เพื่อสร้างทางเลือกให้ผู้ใช้งานได้

‘อุตสาหกรรม NEV’ จีนพุ่ง!! ยอดผลิตแตะ 20 ล้านคัน!! เร่งเดินหน้าพัฒนาคุณภาพ-ขยายฐานเจาะทั่วโลก

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 66 สำนักข่าวซินหัว, กว่างโจว รายงานว่า ภาคธุรกิจยานยนต์พลังงานใหม่ (NEV) ของจีนได้ปักหมุดหมายความสำเร็จครั้งสำคัญ หลังจากมีการส่งยานยนต์พลังงานใหม่ออกจากสายการผลิตเป็นคันที่ 20 ล้าน ณ นครกว่างโจว เมืองเอกของมณฑลกว่างตงทางตอนใต้ของประเทศ เมื่อวันจันทร์ที่ 3 ก.ค. ที่ผ่านมา

‘ฟู่ปิ่งเฟิง’ รองประธานและเลขานุการสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งประเทศจีน เผยว่า ยานยนต์พลังงานใหม่คันที่ 20 ล้าน ผลิตโดยบริษัท จีเอซี ไอออน นิว เอนเนอร์จี ออโตโมบิล จำกัด (GAC Aion New Energy Automobile) บ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจยานยนต์พลังงานใหม่ของจีนเข้าสู่ระยะใหม่ของการพัฒนาที่มีขนาดใหญ่ ครอบคลุมทั่วโลก และคุณภาพสูง รวมถึงเป็นส่วนสำคัญของระบบอุตสาหกรรมสมัยใหม่ของจีน

กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน เป็นผู้ประกาศการผลิตยานยนต์พลังงานใหม่ของจีนครบ 20 ล้านคัน ณ พิธีเฉลิมฉลองสถิติใหม่ในนครกว่างโจว ด้านจีเอซี ไอออน (GAC Aion) เป็นบริษัทยานยนต์พลังงานใหม่ในเครือบริษัท กว่างโจว ออโตโมบิล กรุ๊ป จำกัด (GAC Group) ในนครกว่างโจว

เกิดเหตุระเบิดที่บาร์กลางกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น คาดมีแก๊สรั่วภายในอาคาร เบื้องต้นบาดเจ็บ 4 ราย

เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 66 เกิดเหตุระเบิด และเพลิงไหม้อาคารหลังหนึ่งในย่านชิมบาชิ ใจกลางกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น เมื่อเวลาราว 14.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือราว 12.40 น. เวลาประเทศไทย โดยเหตุระเบิดทำให้เศษกระจก และเศษคอนกรีตปลิวกระจายในพื้นที่

เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ในเวลาต่อมา โดยมีประชาชนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 4 คน โดยระบุว่า พวกเขาเห็นเปลวเพลิงออกมาจากหน้าต่างหลายบานบนชั้นสอง และได้กลิ่นแก๊ส

ตำรวจเปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า เหตุระเบิดเกิดขึ้นที่บาร์แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร ซึ่งผู้จัดการบาร์ดังกล่าว ระบุว่า เขาพยายามจะจุดบุหรี่ในจุดที่ให้สูบบุหรี่ในอาคาร ซึ่งทำให้เกิดระเบิดตามมา โดยคาดว่าน่าจะมีแก๊สอยู่เป็นปริมาณมากในอาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อยืนยันรายละเอียดอีกครั้ง

สำหรับอาคารที่เกิดระเบิดนี้ มีความสูง 8 ชั้น ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟ JR ชิมบาชิ  ที่เต็มไปด้วยบาร์ ร้านอาหารชื่อดัง และบริษัทต่าง ๆ ด้วย

กฎหมายต้านสายลับฉบับใหม่ของจีนมีผล โทษถึงประหาร ด้าน สหรัฐฯ โวย!! จ้องเล่นงาน 'บริษัท-นักข่าว' มะกัน

ร่างกฎหมายต่อต้านหน่วยสืบราชการลับข้ามชาติฉบับใหม่ของจีน มีผลบังคับใช้แล้วในวันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา ที่จะเพิ่มอำนาจให้แก่รัฐบาลปักกิ่งในการตรวจสอบ จับกุมและลงโทษกลุ่มบุคคลที่เข้าข่ายจารกรรมสอดแนมข้อมูลลับ ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติได้มากขึ้น 

การต่อต้านการจารกรรม สอดแนม ครอบคลุมถึงการโจมตีทางไซเบอร์ ที่มีเป้าหมายไปยังหน่วยงานของรัฐ หรือ โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ โดยกฎหมายใหม่ ระบุถึง กลุ่มบุคคลที่เข้าข่ายความผิดฐานเป็นสายลับ นอกจากจะหมายถึงตัวบุคคล หรือองค์กรจารกรรมเองแล้ว ยังรวมถึง องค์กรตัวแทนที่ได้รับ เผยแพร่ หรือครอบครอง เอกสาร ข้อมูล สิ่งของ และรายการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตอาจถือเป็นความผิดฐานสอดแนมด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ กฎหมายฉบับใหม่ สร้างความกังวลแก่องค์กรต่างชาติในจีน จากเนื้อหาที่ระบุว่า พลเมืองจีนทุกคนมีหน้าที่ต้องแจ้งเหตุเมื่อพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายการสอดแนม จารกรรมข้อมูลลับแก่เจ้าหน้าที่ และ ทางการจีนมีสิทธิ์ที่จะขอตรวจค้นทรัพย์สินของผู้ต้องสงสัยได้ทันที ซึ่งกฎหมายจีนระบุโทษของการสอดแนมข้อมูลลับด้านความมั่นคงไว้สูงสุดถึงประหารชีวิต 

หน่วยข่าวกรองและความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (NCSC) เชื่อว่า กฎหมายฉบับใหม่นี้ ทำให้รัฐบาลปักกิ่งขยายขอบเขตอำนาจรัฐในการเข้าถึง และควบคุมข้อมูลของบริษัทของสหรัฐฯ ในจีนได้ง่ายขึ้น และติงว่า คำจำกัดความของ "ข้อมูลลับด้านความมั่นคง" ในกฎหมายของจีนมีความกำกวม ไม่ชัดเจน ซึ่งข้อมูลที่ทางการจีนมองว่าเป็นความลับ อาจจะเป็นเพียงเอกสารภายในบริษัทที่เป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกิจทั่วไปก็ได้ ที่อาจทำให้บริษัทของสหรัฐถูกลงโทษด้วยข้อหาเป็นสายลับได้ในอนาคต 

แต่ในกฎหมายฉบับเดิมของจีน ก็ระบุโทษในคดีการจารกรรมไว้สูงสุดถึงประหารชีวิตอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีชายวัย 78 ปี สัญชาติอเมริกันถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตข้อหาเป็นสายลับมาแล้ว  

นอกจากนี้ ยังมีกรณีพนักงานชาวญี่ปุ่นของบริษัทยา Astellas Pharma Inc. ถูกทางการจีนกักตัวตั้งแต่เดือนมีนาคม ด้วยข้อหาเป็นสายลับ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลรายละเอียดของคดีจากทางการจีน ทำให้ เท็ตสึโระ ฮอนมะ ประธานสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่นในจีน แสดงความวิตกกังวลถึง ความไม่แน่นอน, ความยุติธรรม และ ความโปร่งใสในตลาดจีน ที่จะส่งผลต่อการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นได้ 

สอดคล้องกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่มองว่า กฎหมายต่อต้านการจารกรรมใหม่ จะส่งผลต่อบริษัทต่างชาติที่อาจถูกตั้งข้อสงสัยว่าเกี่ยวพันกับองค์กรสายลับ หรือแม้แต่ชาวจีนเอง ที่ต้องติดต่อ ร่วมงานกับบริษัทข้ามชาติ หรือชาวต่างชาติ 

ด้าน หลิว เผิงหยู่ โฆษกประจำสถานทูตจีนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตอบโต้ว่า รัฐบาลจีนมีสิทธิ์ที่จะปกป้องตนเองจากภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศผ่านกฎหมายของตนเอง แต่ทั้งนี้ จีนยังคงส่งเสริมการเปิดตลาดในระดับสูง และจัดเตรียมสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้สอดคล้องกับหลักกฎหมาย และความเป็นสากลสำหรับบริษัทจากทุกประเทศทั่วโลก รวมถึงสหรัฐอเมริกาด้วย 

อีกประเด็นที่มีการกล่าวถึงไม่น้อยว่า กฎหมายใหม่นี้จะส่งผลต่อการทำงานของสื่อมวลชนต่างชาติในจีนด้วยหรือไม่ และอาจเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกับ นายอีวาน เกรชโควิช นักข่าวสัญชาติอเมริกันจาก Wall Street Journal ที่ถูกจับตัวในรัสเซียด้วยข้อหาเป็นสายลับเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และเป็นนักข่าวอเมริกันคนแรกนับตั้งแต่หลังสงครามเย็นที่ถูกจับกุมโดยรัสเซียด้วยข้อหานี้ 

ในประเด็นนี้ เหมา หนิง โฆษกหญิงประจำกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ออกมาสรุปสั้นๆ ว่า "หากทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายจีนแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว" 

‘มาครง’ โทษโซเชียลปลุกกระแสจลาจลในฝรั่งเศส เตรียมใช้อำนาจรัฐ ‘จัดการคอนเทนต์’ ปลุกปั่น!!

(3 ก.ค. 66) เอมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสเดือดจัด ออกมากล่าวโทษสื่อโซเชียล อาทิ Tiktok, Snapchat และอื่นๆ เป็นตัวการสุมเชื้อไฟความรุนแรงในฝรั่งเศสที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ที่มีต้นเหตุจากคดีตำรวจฝรั่งเศสยิงนาย นาเฮล เอ็ม วัยรุ่นชายเชื้อสายแอลจีเรียวัย 17 ปีเสียชีวิต

โดยคลิปข่าว และการปลุกระดมจากคดีของ นาเฮล ถูกส่งต่อจนกลายเป็นไวรัลทั่วโลกโซเชียลในฝรั่งเศส ก่อให้เกิดความไม่พอใจในชุมชนคนกลุ่มน้อย และกลุ่มผู้อพยพ ลุกขึ้นมาประท้วงเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่นาเฮล จนกลายเป็นจลาจลวุ่นวายไปทั่วประเทศ

และทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า 'พฤติกรรมเลียนแบบ' ชักชวนกันออกมาป่วนตามกระแสจากโซเชียล รวมถึงเกมออนไลน์ที่แฝงความรุนแรง เป็นแรงเสริมให้เกิดพฤติกรรมป่วนบ้าน ป่วนเมืองในกลุ่มเยาวชน วัยรุ่น

มาครง ถึงขั้นใช้คำว่า เด็กๆ พวกนี้ โดน "ล้างสมอง" จากการเสพคอนเทนต์ หรือ เกมออนไลน์ ที่ยุยงให้เกิดความรุนแรงจนกลายเป็นปัญหาสังคม เห็นทีต้องเร่งประสานงานกับเหล่าบรรดาสื่อโซเชียลให้กำจัด "เนื้อหาที่มีความละเอียดอ่อน" และขอให้ระบุตัวตนของผู้ใช้ที่เผยแพร่ ปลุกระดม ให้เกิดความรุนแรงในสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้

ซึ่งผู้นำฝรั่งเศสไม่ได้เอ่ยออกมาตรงๆ ว่า "เนื้อหาที่มีความละเอียดอ่อน" ที่ว่านี้หมายถึงอะไร แต่เรียกร้องถึงสปิริตในการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมของเหล่าบรรดาสื่อโซเชียลมีเดีย และไม่เพียงแค่นั้น ตอนนี้รัฐบาลได้เรียกตัวแทนผู้ดูแลสื่อโซเชียลในฝรั่งเศสมาหารือแล้ว โดยเริ่มที่แพลทฟอร์ม Snapchat และ Twitter ให้ทำการลบคอนเทนต์ที่รุนแรง และให้หาตัวผู้ที่ปล่อยคลิป และภาพลงในโซเชียลด้วย

เจรัลด์ ดาร์มาแนง รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศส ออกมายืนยันคำสั่งของรัฐบาล โดยเขาเป็นคนฝากคำเตือนถึงทีมสื่อโซเชียลในที่ประชุมว่า รัฐบาลไม่อนุญาตให้ใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางการปลุกระดมไปสู่ความรุนแรง จึงอยากเตือนให้รู้ไว้ว่าฝรั่งเศสมีกฎหมายลงโทษผู้กระทำผิดทางโซเชียลเช่นกัน 

ที่ฝรั่งเศส มีกฎหมายต่อต้านการคุกคามทางไซเบอร์ ซึ่งเป็นคดีอาญาหากมีการข่มขู่ คุกคามว่าจะทำร้ายร่างกาย ฆ่า ข่มขืน หรือแม้แต่ด่าทอ ดูหมิ่นกันในออนไลน์ ถือเป็นความผิดทั้งสิ้น และในปี 2020 รัฐสภาฝรั่งเศสได้ผ่านกฎหมายควบคุมสื่อโซเชียล และ search engine ให้นำคอนเทนต์ต้องห้ามออกภายใน 24 ชั่วโมง 

แต่ทว่า เท่าที่ผ่านมา การบังคับใช้กฎหมายในคดีคุกคามทางโซเชียลมักไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่นักในฝรั่งเศส แต่มาคราวนี้ มาครงจะเอาจริงแล้ว เพราะเชื่อว่าความอลหม่านในรอบ 4-5 วันที่ผ่านมาเกิดจากการปลุกปั่นในโซเชียล ไม่ผิดแน่

จากข้อมูลของตำรวจ พบว่าในจำนวนผู้ที่ถูกจับกุมจากการก่อเหตุจลาจลป่วนเมืองนั้น 1 ใน 3 เป็นเพียงเด็ก และเยาวชน หลายคนยังเด็กมากๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าออกมาก่อเหตุรุนแรงได้อย่างไม่รู้สึกผิด ผู้นำฝรั่งเศสจึงฝากไปถึงพ่อแม่ ให้ดูแลลูกหลานของตัวเองให้ดีหน่อย 

"เพราะเป็นหน้าที่พ่อแม่ที่กันลูกตัวเองให้อยู่ในบ้าน ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐที่จะไปตามจับตัวลูกคุณข้างนอกนะครับ"

เชื่อแล้วว่า เอมานูเอล มาครง ฉุนขาดจริงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้นในฝรั่งเศสวันนี้ แต่ที่แปลกใจคือ ทางฝรั่งเศสเพิ่งจะตาสว่างหรือ? ว่าช่องทางโซเชียลถูกใช้ปลุกระดมให้เกิดม็อบจลาจลได้? เมื่อก่อนเห็นปกป้องตลอดเลยว่าเป็นเสรีภาพในการแสดงออก ตอนนี้แสดงออกไม่ได้แล้วนะ แถมยังใช้อำนาจรัฐบีบให้บริษัทโซเชียลส่งข้อมูลผู้ใช้ที่เข้าข่ายสร้างคอนเทนต์ปลุกระดมให้รัฐได้ด้วย 

ไฟไหม้บ้านคนอื่นไม่เดือดร้อนเท่าไฟไหม้บ้านตัวเองเช่นนี้แล

‘อาร์เจนตินา’ ใช้ ‘เงินหยวน’ จ่ายหนี้ IMF สะท้อน!! เงินดอลลาร์เริ่มเสื่อมมนต์ขลัง

(3 ก.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงาน อาร์เจนตินาเลือกใช้ ‘หยวน’ เป็นครั้งแรก ในการชำระหนี้บางส่วนแก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เมื่อวันศุกร์ (30 มิ.ย.) กลายเป็นอีกหนึ่งชาติในหลาย ๆ ประเทศที่เพิ่มสัดส่วนของสกุลเงินจีนในเศรษฐกิจของตนเอง พร้อมกับลดพึ่งพิงดอลลาร์สหรัฐ ความเคลื่อนไหวที่พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามันจะเร่งให้ ‘หยวน’ กลายเป็นสกุลเงินสากลเร็วยิ่งขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะเป็นการแสดงผลลัพธ์ให้บรรดาเศรษฐกิจเกิดใหม่ได้เห็น ในขณะที่พวกเขาต้องเผชิญกับวิกฤตเลวร้ายจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อระดับสูงของสหรัฐฯ โดยเวลานี้มีบรรดาเศรษฐกิจเกิดใหม่หลายชาติเพิ่มเติม ที่ปักหมุดหันเข้าหาเงินหยวนและละทิ้งดอลลาร์ เพื่อผละหนีความเสี่ยงต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังคาดหมายด้วยว่ามันจะเร่งให้หยวนกลายเป็นสกุลเงินสากลมากยิ่งขึ้นและมีการใช้หยวนในตลาดระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น

ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว อาร์เจนตินาได้ชำระหนี้แก่ไอเอ็มเอฟด้วยสกุลเงินหยวน ในมูลค่าเทียบเท่ากับ 1,000 ล้านดอลลาร์ และอีก 1,700 ล้านดอลลาร์ จะจ่ายในรูปแบบ Special Drawing Rights (สิทธิถอนเงินพิเศษ) ซึ่งคือสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่เปรียบเสมือนเงินสกุลหนึ่ง ที่สร้างขึ้นโดยไอเอ็มเอฟ

ธนาคารกลางอาร์เจนตินาแถลงก่อนหน้านี้ ว่าจะอนุญาตให้สถาบันการเงินต่าง ๆ ใช้เงินหยวนของจีนในฐานะสกุลเงินสำหรับเงินฝากและเงินออมส่วนบุคคลหรือนิติบุคคลที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อกระตุ้นให้มีการใช้เงินหยวนมากยิ่งขึ้น โดยที่สถาบันการเงินทั้งหลายจะสามารถเปิดได้ทั้งสมุดเช็ค หรือบัญชีเงินฝากในรูปแบบของสกุลเงินจีน

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นตามหลังการเดินทางเยือนจีนของ เซอร์จิโอ มาสซา รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาร์เจนตินา พร้อมด้วยคณะผู้แทนคนอื่น ๆ ของรัฐบาล เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งระหว่างนั้นได้มีการลงนามแผนความร่วมมือส่งเสริมข้อริเริ่มเข็มขัดและเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ที่เสนอโดยจีน โดยที่ความร่วมมือด้านการเงินและประเด็นการคลังคือแก่นกลางของแผนดังกล่าว

หลิว หยิง นักวิจัยจากสถาบันศึกษาการเงินฉงหยาง แห่งมหาวิทยาลัยเหรินหมินในจีน ให้สัมภาษณ์กับโกลบอลไทม์สในวันอาทิตย์ (2 ก.ค.) ว่า "อาร์เจนตินาเลือกใช้หยวนมากขึ้นในการต่อสู้กับวิกฤตหนี้ และหมดหวังต่อสถานะของดอลลาร์สหรัฐในประเทศ ซึ่งมันจะแสดงผลลัพธ์ให้บรรดาชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่อื่น ๆ ที่เผชิญกับปัญหาคล้ายกันได้เห็น"

บรรดาชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่และเศรษฐกิจกำลังพัฒนาทั้งหลายกำลังประสบปัญหาต่าง ๆ ในนั้นรวมถึงการเสื่อมค่าของสกุลเงิน กระแสทุนและวิกฤตหนี้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมีต้นตอจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ

"การดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ คือปัจจัยที่ก่อความกังวลอย่างยิ่ง เพราะว่ามันเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของปฏิกิริยาคลื่นความช็อก ซึ่งสามารถก่อผลกระทบที่อันตรายโดยเฉพาะกับระบบการเงินและเศรษฐกิจในชาติเศรษฐกิจเกิดใหม่และกำลังพัฒนา" ธนาคารโลกระบุในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

เมื่อเปรียบเทียบกัน อัตราแลกเปลี่ยนที่ค่อนข้างเสถียรของหยวน เป็นปัจจัยให้สกุลเงินจีนเป็นที่ต้องการ ในแง่ของคุณสมบัติหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในฐานะสกุลเงินสากล "การตัดสินใจของอาร์เจนตินาในการใช้เงินหยวน คืออีกก้าวย่างของการลดพึ่งดอลลาร์"

ขณะที่มากมายหลายชาติกำลังหาทางเลือกอื่น ๆ นอกเหนือจากสกุลเงินสหรัฐฯ เพื่อลดพึ่งพิงดอลลาร์ การก้าวมาเป็นสกุลเงินสากลของหยวนได้มีความก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่ต้นปี โดยล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว ปากีสถานได้จ่ายเงินด้วยสกุลเงินหยวนเป็นครั้งแรกในการชำระหนี้ในข้อตกลงนำเข้าน้ำมันกับรัสเซีย

ในรัสเซีย หยวนกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ กว่า 70% ของการทำธุรกรรมทางการค้าระหว่างรัสเซียกับจีน เป็นการค้าขายด้วยสกุลเงินรูเบิลและหยวน และมีมากมายหลายประเทศกำลังเรียกร้องให้ดำเนินการทำธุรกรรมทางการค้าด้วยสกุลเงินท้องถิ่นของตนเอง

เอาแล้ว!! Elon Musk จำกัดการมองเห็นใน Twitter แต่ถ้า 'จ่ายรายเดือน' จะทำให้เห็นโพสต์มากขึ้น

ไม่นานมานี้ ได้เกิดข้อถกเถียงกันในโลกโซเชียล หลังแพลตฟอร์มสุดฮิตอย่าง ‘ทวิตเตอร์’ Twitter มีการเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ท่ามกลางชาวเน็ตที่ตั้งข้อสงสัยว่าเกิดเหตุขัดข้องหรือไม่ จนกลายเป็นเทรนด์ #ทวิตล่ม

อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวก็กระจ่าง เมื่อ 'อีลอน มัสก์' (Elon Musk) เจ้าของทวิตเตอร์ (Twitter) ได้ออกมาชี้แจงว่า “ทวิตเตอร์จะจำกัดจำนวนโพสต์ที่ผู้ใช้สามารถอ่านได้ต่อวันเป็นการชั่วคราว” ซึ่งมีไว้เพื่อจัดการกับ “การดึงข้อมูลจากเว็บไซต์และการจัดการระบบในระดับที่รุนแรง” 

โดยในตอนแรกเจ้าตัวออกมาทวีตผ่านทวิตเตอร์ว่า ได้ดำเนินการจำกัดการเข้าถึงข้อมูลเป็นการชั่วคราว โดยแบ่งประเภทบัญชี ดังนี้...

>> บัญชีที่ได้รับการยืนยันแล้ว (บัญชีที่ชำระเงินรายเดือน เพื่อเป็น ‘ทวิตเตอร์ บลู’ (Twitter Blue) หรือเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้า) จะเข้าอ่านทวิตเตอร์ได้ 6,000 ทวีตต่อวัน
>> บัญชีที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน จะเข้าอ่านทวิตเตอร์ได้ 600 ทวีตต่อวัน
>> บัญชีใหม่ที่เพิ่งใช้งาน และยังไม่ได้รับการยืนยัน จะเข้าอ่านทวิตเตอร์ได้ 300 ทวีตต่อวัน

ก่อนที่ต่อมา ‘อีลอน มัสก์’ จะเพิ่มการเข้าถึงข้อมูลเป็น 8,000 สำหรับบัญชีที่ได้รับการยืนยันแล้ว 800 สำหรับบัญชีที่ยังไม่ได้รับการยืนยัน และ 400 สำหรับบัญชีใหม่ที่เพิ่งใช้งาน และยังไม่ได้รับการยืนยัน กระทั่งในเวลาต่อมา เจ้าตัวก็เพิ่มการเข้าถึงข้อมูลอีกครั้งเป็น 10,000, 1,000 และ 500 ตามลำดับ

มัสก์กล่าวว่า ปัจจุบันมีองค์กรหลายร้อยแห่งที่ดึงข้อมูลจาก Twitter ไปอย่าง ‘รุนแรง’ และนั่นส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ของผู้ใช้งาน โดยก่อนหน้านี้มัสก์เคยออกมาแสดงความไม่พอใจที่บริษัทผู้พัฒนา AI ชื่อดังอย่าง OpenAI เจ้าของ ChatGPT ที่ใช้ข้อมูลของ Twitter มาฝึกโมเดลภาษาของแชตบอตตัวนี้

นอกจากนี้ มัสก์ยังได้รีทวีตข้อความจากบัญชี Elon Musk (Parody) ด้วยว่า "สำหรับสาเหตุที่ผมจำกัดการมองเห็น เพราะพวกเราทุกคนเสพติด Twitter กันมาก ๆ และควรออกไปข้างนอกบ้าง ผมกำลังทำสิ่งดี ๆ เพื่อโลกใบนี้"

แน่นอนว่า การจำกัดสิทธิการมองเห็นโพสต์ใน Twitter พร้อมทั้งประกาศเก็บค่าธรรมเนียมรายเดือนแก่บัญชีผู้ใช้ที่ต้องการเห็นโพสต์มากขึ้นนั้น อาจทำให้กระบวนการปั่นกระแสแฮชแท็กในโลก Twitter แบบที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ คงเป็นไปได้ยากพอสมควร เพราะเท่ากับทุกการปั่นกระแสให้คนเห็น จำเป็นต้องมีต้นทุน

'ฮ่องกง' จัดงานเฉลิมฉลองคืนสู่มาตุภูมิจีนครบ 26 ปี ประชาชนร่วมชม 'ศิลปะ-วัฒนธรรม' สุดประทับใจ

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกวันสำคัญของชาวจีน-ฮ่องกง เพราะเป็นวันครบรอบ 26 ปีที่ฮ่องกงส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนสู่มาตุภูมิของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีน ซึ่งบรรยากาศตามถนนสายต่าง ๆ ในฮ่องกงยังคงเงียบสงบ และไม่ได้มีการวางแผนชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยแต่อย่างใด

โดยในวันดังกล่าวได้มีพิธียกธงขึ้นเสาที่จัดขึ้น ณโกลเด้น โบฮิเนีย สแควร์ (Golden Bauhinia Square) ซึ่งมีนายจอห์น ลี ผู้นำฮ่องกงและเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ของรัฐบาลเขตปกครองพิเศษฮ่องกงและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนเข้าร่วม

สำหรับการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 26 ปี การกลับคืนสู่มาตุภูมิของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีน คณะผู้จัดงานได้เชื้อเชิญมณฑลส่านซี ซานตง และเหลียวหนิงของแผ่นดินใหญ่ของจีน พร้อมด้วยบริษัทนวัตกรรมและเทคโนโลยีหลายแห่งในเขตเศรษฐกิจอ่าวกว่างตง-ฮ่องกง-มาเก๊า มาร่วมจัดนิทรรศการและการแสดงที่สวนสาธารณะวิคตอเรียพาร์กของฮ่องกง

งานดังกล่าวนำเสนอผลงานศิลปะโดดเด่นและกิจกรรมทางวัฒนธรรมหลายรายการที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของท้องถิ่น ตัวอย่างเช่น โซนนิทรรศการของมณฑลส่านซีที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสวัฒนธรรมยุคราชวงศ์ถังโบราณของจีน

(บันทึกภาพวันที่ 30 มิ.ย. 2023)

'อิสราเอล' ยิงขีปนาวุธใส่ 'ซีเรีย' โดยใช้เครื่องบินรบ บินขึ้นโจมตีฐานป้องกันภัยทางอากาศ

อัลจาซีรา รายงานว่า ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อิสราเอลได้โจมตีสนามบินและฐานทัพอากาศของซีเรียอย่างเข้มข้น เพื่อขัดขวางการใช้สายส่งทางอากาศที่เพิ่มขึ้นของ #อิหร่านในการส่งมอบอาวุธให้กับพันธมิตรในซีเรียและเลบานอน รวมถึง #ฮิซบอลเลาะห์ ของ #เลบานอน

การที่อิสราเอลโจมตี เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับความขัดแย้งที่เลี้ยงความรุนแรงมานานหลายปี เป้าหมายไม่ให้อิหร่านยึดที่มั่นมากขึ้น 
นับแต่อิทธิพลของอิหร่านเติบโตขึ้นในซีเรีย เริ่มสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ในสงครามกลางเมืองที่เริ่มต้นในปี 2554

อึ้ง!! กระเป๋าถือลาย 'หลุยส์ วิตตอง' เล็กกว่า 0.03 นิ้ว งานจากกลุ่มศิลปะ MSCHF มีราคาทะลุ 2.4 ล้านบาท

วันที่ (30 มิ.ย. 66) กระเป๋าถือใบจิ๋วลายหลุยส์ วิตตองขนาด 657 x 222 x 700 ไมครอน หรือเล็กกว่า 0.03 นิ้ว จำหน่ายในราคามากกว่า 63,000 ดอลลาร์หรือราว 2.44 ล้านบาท ในงานประมูลออนไลน์เมื่อวันพุธ (28 มิ.ย.) ที่ผ่านมา

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า กระเป๋าจิ๋วสีเขียวเหลืองเรืองแสงที่แทบไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่านี้ อิงแบบมาจากดีไซน์กระเป๋าหลุยส์ วิตตองที่เป็นที่นิยม แต่กระเป๋าชิ้นนี้เป็นผลงานของกลุ่มศิลปะนิวยอร์ก MSCHF ไม่ใช่ของแบรนด์หรูดังกล่าว

กลุ่มศิลปะ MSCHF ในบรูกลิน บอกว่า กระเป๋าจิ๋วนี้เล็กจนสามารถลอดรูเข็มได้ และเล็กกว่าเม็ดเกลือทะเล

กระเป๋าใบนี้ผลิตโดยใช้วิธีพอลิเมอร์เซชันแบบสองโฟตอน ซึ่งเป็นการเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนพลาสติกขนาดจิ๋ว ด้วยการพิมพ์ 3 มิติ และจำหน่ายพร้อมกับกล้องจุลทรรศน์และจอแสดงผลแบบดิจิทัล ที่สามารถส่องดูกระเป๋าได้

รูปภาพที่โปรโมตจำหน่ายกระเป๋า เผยให้เห็นดีไซน์อักษรย่อ LV ที่เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง ส่วนรูปทรงกระเป๋าเหมือนจะอิงจากแบรนด์ฝรั่งเศส OnTheGo ซึ่งจำหน่ายไซส์ปกติอยู่ที่ 3,100-4,300 ดอลลาร์ หรือประมาณ 110,000-153,000 บาท

กระเป๋าดังกล่าวเปิดประมูลผ่าน ‘จูปีเตอร์’ ช่องทางประมูลออนไลน์ ที่ก่อตั้งโดยฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์ นักร้อง, โปรดิวเซอร์, และดีไซน์เนอร์ชาวอเมริกัน

แม้ปัจจุบันวิลเลียมส์ดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายสร้างสรรค์ให้กับชุดผู้ชายของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง แต่เควิน วีสเนอร์ ประธานเจ้าหน้าฝ่ายสร้างสรรค์ของกลุ่มศิลปะ MSCHF ให้สัมภาษณ์กับนิวนยอร์กไทม์สว่า กระเป๋าสะสมดังกล่าวไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้โลโกจากแบรนด์ฝรั่งเศส

ทั้งนี้ กลุ่มศิลปะ MSCHF ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2559 ได้สร้างเป็นประเด็นร้อน จากการทำโครงการศิลปะแหกกฎที่มักมีการเสียดสี ขณะที่โกยกำไรจากลูกค้ากลุ่มทุนนิยมไปด้วย

MSCHF เคยถูกฟ้องร้องจากไนกี้ เนื่องจากกลุ่มศิลปะนี้ผลิตรองเท้าซาตานด้วยการดัดแปลงรองเท้าไนกี้ 666 คู่ โดยใส่สัญลักษณ์ซาตานและเลือดมนุษย์ของจริงลงไปด้วย สุดท้ายก็มีการเกลี่ยไกล่กัน
 

Meta เตรียมเปิดบริการใหม่ จ่ายเงิน 429 บาทต่อเดือน รับเครื่องหมาย ‘Verified’ เพิ่มการมองเห็นมากยิ่งขึ้น


(29 มิ.ย. 66) Meta ผู้ให้บริการ Facebook เตรียมเปิดบริการยืนยันตัวแบบใหม่ Meta Verified โดยมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ได้ประกาศถึงบริการ Meta Verified มาตั้งแต่ช่วงกุมภาพันธ์ 2023 และเริ่มทดลองใช้ในออสเตรเลีย นิว ซีแลนด์ เป็นประเทศแรก ๆ ตามด้วยสหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา อินเดีย และเตรียมเปิดบริการเร็ว ๆ นี้ ในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา รวมถึงประเทศไทย ส่วนประเทศอื่น ๆ จะทยอยไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า 

ซึ่งล่าสุดในไทยได้เปิดให้จองคิวการยืนยันตัวตน หรือ Waiting List แล้ว สำหรับค่าบริการจะอยู่ที่เดือนละ 11.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 429 บาท เมื่อซื้อผ่านเว็บ และ 14.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 535 บาท เมื่อซื้อผ่านระบบปฏิบัติการ IOS และ Android

ผู้จ่ายเงินบริการ Meta Verified จะได้รับเครื่องหมายติ๊กถูกสีฟ้าหลังชื่อบัญชีบน Facebook และ Instagram เพิ่มการมองเห็นให้กับโพสต์ ทำให้เพจเติบโตเร็วและมีผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้นได้ง่ายกว่าบัญชีปกติ

บริการยืนยันตัวแบบใหม่ Meta Verified รับสิทธิพิเศษดังนี้

1.) ตรายืนยันตัวตน หรือ verified badge ว่าคุณคือตัวจริงและบัญชีของคุณได้รับการรับรองความถูกต้องด้วยรหัสที่ออกโดยรัฐบาล ป้องกันการแอบอ้าง
2.) การเพิ่มการมองเห็นบนแพลตฟอร์ม ทั้งจากการค้นหา ความเห็น และคำแนะนำ
3.) บริการช่วยเหลือสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เมื่อเจ้าของเพจประสบปัญหาการใช้งาน

สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครใช้บริการยืนยันตัวตน Meta Verified ต้องผ่านเงื่อนไขดังต่อไปนี้

1.) ตรายืนยันตัวตน หรือ verified badge ว่าคุณคือตัวจริงและบัญชีของคุณได้รับการรับรองความถูกต้องด้วยรหัสที่ออกโดยรัฐบาล
2.) ช่วยป้องกันการถูกแอบอ้างบัญชีจากผู้ไม่ประสงค์ดี
3. ได้รับบริการช่วยเหลือสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เมื่อเจ้าของเพจประสบปัญหาการใช้งาน
4.) เพิ่มการมองเห็นบนแพลตฟอร์ม ทั้งจากการค้นหา ความเห็น และคำแนะนำ
5.) ได้รับสติกเกอร์พิเศษสุด exclusive

อย่างไรก็ดี การขอ Meta Verified บัญชีนั้น ๆ จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขขั้นต่ำที่กำหนดไว้ เช่น ประวัติการโพสต์ก่อนหน้า และมีอายุอย่างน้อย 18 ปี

โดยวิธีการสมัคร ผู้สมัครจะต้องส่งบัตรประจำตัวยืนยันตัวตน ที่ตรงกับชื่อโปรไฟล์และรูปบน เฟซบุ๊ก หรือ อินสตาแกรมที่ใช้งานอยู่

บริการเมตา เวอริไฟด์ เป็นการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญของเมตา ท่ามกลางการแข่งขันอย่างดุเดือดในแพลตฟอร์มเพื่อนำเสนอเนื้อหาใหม่ ๆ ซึ่งบริการนี้อาจทำให้ผู้ใช้งานยอมจ่ายเงิน เพื่อแลกกับความปลอดภัย ไม่โดนแอบอ้าง และแลกกับการเข้าถึง เพื่อเพิ่มฐานคนติดตามที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
 

‘ฝรั่งเศส’ ปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วง ก่อจลาจลเผาเมืองปารีส จากกรณีตำรวจยิงเด็กวัยรุ่น 17 ปี เสียชีวิตคาด่านตรวจ

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 66 ตำรวจปราบจลาจลในฝรั่งเศสกว่า 2000 นาย ออกปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงในกรุงปารีสจำนวนมาก ที่ออกมาประท้วงหนักในกรณีที่ตำรวจฝรั่งเศสยิงวัยรุ่นชายวัย 17 ปีเสียชีวิตในบริเวณด่านตรวจ

การประท้วงได้ยกระดับไปสู่ความรุนแรง มีการจุดไฟเผากองขยะ รถยนต์ข้างทาง อาคารสาธารณะ สถานีตำรวจ และยังทำลายทรัพย์สินราชการเป็นจำนวนมาก ติดต่อกันเป็นคืนที่ 2 แล้ว อีกทั้งมีการปะทะกันระหว่างตำรวจปราบปรามที่ใช้แก๊สน้ำตา และกลุ่มผู้ประท้วงที่ยิงพลุไฟ และขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ ล่าสุดมีผู้ประท้วงถูกจับกุมตัวแล้วไม่ต่ำกว่า 150 ราย

‘เจอราลด์ ดาร์มานิน’ รัฐมนตรีมหาดไทยของฝรั่งเศส กล่าวถึงเหตุความไม่สงบในกรุงปารีสเมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาว่า “เป็นความรุนแรงที่แสดงออกถึงการต่อต้านสัญลักษณ์ของระบอบสาธารณรัฐ ที่ไม่สามารถรับได้อีกต่อไป ศาลาว่าการเมืองต่างๆ โรงเรียน และสถานีตำรวจหลายแห่งถูกเผา และทำลาย ซึ่งเราได้จับกุมคนก่อเหตุได้ราว 150 คน”

รัฐมนตรีมหาดไทยยังกล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ, ทหาร และหน่วยดับเพลิง ที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์รุนแรงด้วยความกล้าหาญ อีกทั้ง ยังประนามกลุ่มผู้ประท้วงที่ใช้ความรุนแรงว่า ‘ไร้ยางอาย และปราศจากความยั้งคิด’

สาเหตุที่จุดกระแสการประท้วงในหลายเมืองของฝรั่งเศส เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันอังคาร (27 มิ.ย. 66) ที่เขตนองแตร์ ชานกรุงปารีส เมื่อตำรวจฝรั่งเศสได้เรียกหยุดรถคันหนึ่งเพื่อตรวจค้น โดยตำรวจอ้างว่า มีการขัดขืนและพยายามจะขับรถชนเจ้าหน้าที่ จึงจำเป็นต้องยิงเพื่อป้องกันตัว ทำให้ ‘Nahel M’ วัยรุ่นชายวัย 17 ปี ถูกยิงเข้าบริเวณทรวงอกในระยะเผาขนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ซึ่งข้อเท็จจริงขัดกับภาพจากกล้องวงจรปิด ที่คนขับได้หยุดรถแล้ว และตำรวจยืนในตำแหน่งด้านข้างรถ และใช้ปืนจ่อเข้าไปในรถ

เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจอย่างกว้างขวางในหมู่ชุมชนกลุ่มน้อยในฝรั่งเศส ที่เชื่อว่าพวกเขาถูกเลือกปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่รัฐ และการตัดสินใจใช้ความรุนแรงของตำรวจฝรั่งเศส ซึ่งในปี 2022 ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตในกรณีคล้ายกับ Nahel M มาแล้วถึง 13 ราย

‘เอมานูเอล มาครง’ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของ Nahel M และยังกล่าวว่า “ประเทศเรามีเยาวชนคนหนึ่งถูกสังหาร ด้วยสาเหตุที่ไม่สามารถอธิบายได้ และให้อภัยไม่ได้เช่นกัน และสั่งให้มีการสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุด”

ด้านครอบครัวของวัยรุ่นชายผู้เสียชีวิต เรียกร้องให้ชาวฝรั่งเศสออกมาเดินขบวนประท้วง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับบุตรชาย แต่สุดท้ายกลายเป็นเหตุบานปลายที่มีการเผาทำลายอาคาร ทรัพย์สินราชการในหลายเมือง ทั้งกรุงปารีส เมืองตูลูซ ดีฌง และลียง จนทางการฝรั่งเศสต้องส่งกองกำลังเข้าไปควบคุมสถานการณ์ และจับกุมผู้ก่อความไม่สงบได้เป็นจำนวนมาก

เรื่องคดีความของวัยรุ่น 17 ปี ก็เรื่องหนึ่ง แต่การใช้ความรุนแรงจนเกือบจะเผาบ้าน เผาเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ไม่สามารถเอามาเฉลี่ยกันได้ เพราะสังคมไม่อาจสงบได้หากเลือกใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา

เรื่อง : ยีนส์ อรุณรัตน์
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top