Wednesday, 4 December 2024
WORLD

‘ชาวฝรั่งเศส’ เรียกร้องรัฐบาลถอนตัวจาก ‘นาโต้-อียู’ และเลิกคว่ำบาตรรัสเซีย หลังราคาพลังงานพุ่งไม่หยุด

พวกผู้ชุมนุมรวมตัวกันบนท้องถนนของกรุงปารีสเมื่อวันเสาร์ (17 ธ.ค.) ประท้วงคัดค้านนโยบายต่างๆ ของฝรังเศสที่มีต่อรัสเซีย และเรียกร้องให้ประเทศถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของนาโต้ ท่ามกลางความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจ อันเนื่องจากราคาพลังงานที่พุ่งสูง ผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานรัสเซีย

การชุมนุมที่มีผู้เข้าร่วมหลายพันคนในครั้งนี้ จัดโดยพรรค Les Patriotes (พรรครักชาติ) พรรคการเมืองฝ่ายขวาที่นำโดย ฟลอริย็อง ฟิลิปโปต์ อดีตรองหัวหน้าพรรค National Rally ของนางมารีน เลอแปง

ฟิลิปโปต์ จัดการชุมนุมที่ใช้ชื่อว่า ‘การขัดขืน’ มาตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วง เรียกร้องให้ฝรั่งเศสถอนตัวจากนาโต้และอียู เช่นเดียวกับวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจและการต่างประเทศของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง

ในการประท้วงในวันเสาร์ (17 ธ.ค.) พวกผู้ชุมนุมถือป้ายข้อความต่างๆ ในนั้นรวมถึง ‘ฝรั่งเศสต้องออกจากนาโต้’ และ ‘ถอดถอนมาครง’ รวมไปถึง ‘ขัดขืน!’ นอกจากนี้ พวกเขายังโบกธงชาติฝรั่งเศสและตะโกนว่า ‘อัวร์ซูลา หุบปากซะ!’ อ้างถึง อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป

ความเคลื่อนไหวประท้วงล่าสุดนี้ ซึ่งตัวของ ‘ฟิลิปโปต์’ เข้าร่วมด้วย มีชนวนเหตุเฉพาะเจาะจงจากราคาพลังงานที่พุ่งสูง ซึ่งบีบให้ธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากทั่วประเทศต้องปิดตัวลง โดยเขาให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า “เราต้องหยุดมาตรการคว่ำบาตรต่อต้านรัสเซีย เพราะมันไม่ได้รับใช้สันติภาพ แต่มันนำความทุกข์ยากมาที่นี่”

แฮรี่และเมแกน สะบั้นสัมพันธ์ ‘ราชวงศ์อังกฤษ’ หลังถ่ายทอดเรื่องราว ‘สาวไส้ให้กากิน’ ผ่าน Netflix ด้วยความจริงที่มาจากฝั่งเดียว

เมื่อเป็นข่าวตอนแรกๆผู้เขียนไม่ได้สนใจในเรื่องนี้นัก แต่พออ่านข่าวที่ออกมาหลังจากที่สารคดี ๖ ตอนจบที่ Netflix จัดทำและเผยแพร่ออกมา ก็เริ่มสนใจว่าทั้งดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซสของอังกฤษออกมาพูดอะไรบ้างและเห็นคนที่ดูออกมาวิจารณ์มากมายก่ายกอง เลยอยากเขียนเรื่องนี้สักหน่อยโดยอาศัยอ้างอิงจากบทความของ Katie Razzall ซึ่งเป็นบรรณาธิการด้านวัฒนธรรมและสื่อ ของบีบีซี 

ก่อนที่จะไปพูดถึงบทความของเคธี่ แลซเซอล์ เพื่อให้ท่านผู้อ่านเข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องนี้ก็คือ Netflix ได้จ้างหรือเชิญด้วยราคาแพง (ตามข่าว) ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์หรือที่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปคือ เจ้าชายแฮรี่และภรรยาคือเมแกน มาร์เคิล อดีตดาราโทรทัศน์ชาวอเมริกันให้มาเล่าเรื่องราวชีวิตของทั้งสองคนว่ามีอะไรและ เป็นอย่างไรที่ได้ประสพมามีปัญหาอะไรกับราชวงศ์อังกฤษ ตามที่เคยเป็นข่าวมาบ้างแล้ว แต่นั้นก็เป็นการให้สัมภาษณ์เป็นช่วงๆเมื่อมีเรื่องขึ้นมา

แต่ Netflix อาจเห็นว่ามันยังไม่มากพอหรือกระจ่างชัดพอเลยทำเป็นสารคดียาว ๆ เล่ากันเสีย ๖ ตอนเกือบ ๖ ชั่วโมงจบซึ่งก็เพิ่งจะจบไปหมาดๆนี่เอง ไหน ๆ ก็เป็นข่าวดังไปทั้งคุ้งน้ำทั้งสองฝากฝั่งแอตแลนติกแล้ว ดังนั้นลุ่มน้ำเจ้าพระยาก็น่าจะได้รู้กันบ้างจึงเป็นที่มาของบทความนี้

เนื่องจากการเล่าเรื่องของทั้งเจ้าชายแฮรี่และเมแกนมีความยาวมาก บทความนี้จะกล่าวถึงเพียงคร่าว ๆ แต่ถ้าท่านผู้อ่านสนใจอยากดูก็เชิญติดตามได้ที่ Netflix แต่สิ่งที่ผู้เขียนอยากพูดถึงคือมุมมองของบ.ก ด้านวัฒนธรรมและสื่อของบีบีซีที่ได้ดูทั้ง ๖ ตอนและเธอได้สรุปแยกเป็นตอนๆไว้อย่างน่าสนใจว่าทั้งคู่พูดถึงอะไรและมีข้อน่าสังเกตอย่างไรบ้าง

รำลึกถึงพ่อ ตามรอยสถานที่พระประสูติกาลของรัชกาลที่ 9 จากพลเมืองอเมริกัน สู่ องค์ราชันผู้ยิ่งใหญ่

หลายคนอาจไม่รู้ว่ารัชกาลที่ 9 ทรงมีพระประสูติกาลในอเมริกา ไม่ใช่สวิตเซอร์แลนด์ โดยพระองค์เสด็จพระราชสมภพใน 'โรงพยาบาลเคมบริดจ์' ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น 'โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น' (Mount Auburn) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ และสหรัฐอเมริกามีกฎหมายว่า เด็กทุกคนที่เกิดในอเมริกาให้ถือเป็นพลเมืองอเมริกัน ดังนั้นพระองค์ทรงมีสถานภาพเป็นพลเมืองอเมริกันโดยกำเนิด

ก่อนหน้าจะทรงมีพระประสูติกาล สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกของรัชกาลที่ 9 นับเป็นพระราชนิกุลพระองค์แรกที่เสด็จฯ ไปศึกษาที่สหรัฐอเมริกา โดยทรงเข้าศึกษาในชั้นเตรียมแพทย์ก่อนเป็นเวลา 1 ปี และลงทะเบียนเป็นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 1 ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดในปี พ.ศ. 2460

ระหว่างทรงศึกษาในอเมริกา พระโอรสพระองค์ที่สองมีประสูติกาลที่โรงพยาบาลเมาต์ออเบิร์น (Mount Auburn) เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ 2470 ภายใต้การดูแลของนายแพทย์ DR. W. STEWART WHITTEMORE เมื่อแรกพระบรมราชสมภพ โดยรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระนามในสูติบัตรว่า 'เบบี้สงขลา' (Baby Songkla) ซึ่งมาจากพระนามของสมเด็จพระบรมราชชนก ที่มีพระนามในต่างประเทศว่า Mr.Mahidol Songkla

หลังจากที่ทรงพระราชสมภพได้ไม่ถึง 3 ชั่วโมง สมเด็จพระบรมราชชนกทรงส่งโทรเลขถึงสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ว่า...

"ลูกชายเกิดเช้าวันนี้ สบายดีทั้งสอง ขอพระราชทานนามทางโทรเลขด้วย"

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามว่า 'ภูมิพลอดุลยเดช' ซึ่งแปลว่า 'พลังแห่งแผ่นดิน'

ยื่นหมูยื่นแมว ค่าเหยียบแผ่นดิน อุปสรรคการเดินทางจากไทยเมียนมา ลุ้น!! ปลดล็อกครั้งใหม่ 'ไทย-เมียนมา' หันกันสะดวกขึ้น

เราจะเห็นได้ว่าเมื่อไทยเปิดประเทศแล้ว สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลไทยมีมติเลย คือ การเก็บค่าเหยียบแผ่นดินสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยจะเรียกเก็บเงินค่าเหยียบแผ่นดินนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศโดยสารทางเครื่องบิน คนละ 300 บาท ส่วนผู้ที่เดินทางแบบไปเช้า เย็นกลับ จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม โดยคาดว่าจะเริ่มเก็บในช่วงต้นปี 2566 

เรื่องนี้สร้างความหวั่นให้กับผู้ประกอบการชาวไทยว่าต่างชาติจะไม่เข้ามาหรือเข้ามาน้อยลง แต่ความจริงแล้วเมื่อดูข้อมูลดี ๆ ในหลาย ๆ ประเทศมีการเก็บค่าเหยียบแผ่นดินซึ่งจะตั้งชื่อในรูปแบบต่าง ๆ กัน เช่น ในญี่ปุ่นจะเรียกว่า Sayonara Tax ในบางประเทศเรียก Tourist Tax และบางประเทศเรียกชื่ออื่นๆ เช่น Bed Tax, Culture Tax, Departure Tax, Occupancy Tax เป็นต้น ซึ่งราคาก็แตกต่างกันออกไป

ในเมียนมา ณ วันนี้ก็มีค่าเหยียบแผ่นดินเช่นกัน แต่มาในรูปของประกันชีวิต โดยทางเมียนมาได้ระบุว่าชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางมายังเมียนมาทุกคนนอกจากจะมีผลฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็มแล้ว จะต้องซื้อประกันชีวิตที่เป็น INBOUND TRAVEL ACCIDENT INSURANCE ซึ่งจะต้องซื้อเท่ากับจำนวนวันที่เราเข้ามาอยู่ในเมียนมา 

โดยขั้นต้นเริ่มที่ 15 วัน ราคาจะอยู่ที่ 50-100 ดอลลาร์สหรัฐขึ้นกับช่วงอายุและราคาจะสูงขึ้นเมื่ออยู่ในเมียนมานานขึ้น ซึ่งนโยบายนี้เองสร้างผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของเมียนมาอยู่ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะคนไทยกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้มีรายได้สูงมากนัก ก็จะไม่อยากจ่ายเงินก้อนนี้เพราะรู้สึกว่าเป็นการที่เอาเงินไปทิ้งเปล่าๆ แต่กระนั้นเองก็ทำให้เมียนมาได้กลุ่มนักท่องเที่ยวหรือคนเข้าประเทศที่มีทุนทรัพย์และสามารถจับจ่ายใช้สอยหากเข้ามาท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจในเมียนมาจริง ๆ

‘ทางรถไฟจีน-ไทย’ หั่นเวลาเดินทาง กระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น

(15 ธ.ค. 65) สำนักข่าวซินหัว เผยเรื่องราวของ ‘ปัณรส บุญเสริม’ วัย 32 ปี นักแปลประจำโครงการก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทย ที่เล่าเรื่องราววัยเด็กเกี่ยวกับทางรถไฟที่เชื่อมโยงบ้านของเธอในจังหวัดเชียงใหม่ กับบ้านปู่ย่าตายายในนครราชสีมา ซึ่งทำให้ครอบครัวของเธอต้องใช้เวลามากมายยามสัญจรไปมาหาสู่กันด้วยรถไฟ

ปัณรส กล่าวว่า รถไฟในไทยทำให้ผู้คนเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลเพราะให้บริการเชื่องช้าเกินไป และหวังว่าทางรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย จะเสร็จสมบูรณ์และเริ่มเปิดใช้โดยเร็วที่สุด

ทางรถไฟจีน-ไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเครือข่ายทางรถไฟข้ามเอเชีย จะเป็นทางรถไฟความเร็วสูงรางมาตรฐานสายแรกของไทย โดยมีการคาดการณ์ว่าทางรถไฟฯ ระยะที่ 1 ที่เชื่อมโยงกรุงเทพฯ กับจังหวัดนครราชสีมา จะลดระยะเวลาเดินทางจากเดิมมากกว่า 4 ชั่วโมง เหลือเพียงกว่า 1 ชั่วโมงเท่านั้น

ปัณรส มีโอกาสเยี่ยมชมสถานที่หลายแห่งในจีน ขณะเดินทางไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยหนานไคในเทศบาลนครเทียนจินทางตอนเหนือของจีน และได้เห็นว่าทางรถไฟความเร็วสูงมีบทบาทยกระดับชีวิตคนในท้องถิ่น ทำให้เธอมองว่าทางรถไฟจีน-ไทยจะไม่เพียงอำนวยความสะดวกการเดินทางของผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่น แต่ยังช่วยฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวและการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ โดยรอบ

ปัณรส กล่าวว่า ปกติการเดินทางด้วยรถยนต์ระหว่างกรุงเทพฯ กับนครราชสีมา จะกินเวลาราว 2 ชั่วโมง 30 นาที แต่การสัญจรจะสะดวกสบายและประหยัดเวลาขึ้นมาก หากโครงการทางรถไฟฯ ปัจจุบันเสร็จสิ้น ทั้งเสริมว่าการคมนาคมขนส่งสำคัญต่อการท่องเที่ยวมาก และการคมนาคมขนส่งที่ดีจะทำให้ผู้คนท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้นแน่นอน เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ ทางรถไฟจีน-ไทย จะเป็นทางรถไฟจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดชายแดนอย่างหนองคาย ซึ่งจะมีสะพานเชื่อมต่อกับทางรถไฟจีน-ลาว ทำให้อนาคตสามารถเดินทางโดยรถไฟจากกรุงเทพฯ ผ่านลาว ไปสู่นครคุนหมิง มณฑลอวิ๋นหนาน (ยูนนาน) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน

‘อิหร่าน’ สวน!! ไม่เคยส่งออกโดรนพลีชีพไปยังรัสเซีย หลังยูเครนอ้าง แต่ไม่เผยหลักฐานที่รัสเซียใช้งาน

เมื่อ (13 ธ.ค. 65) สำนักข่าวแทสนิม (Tasnim) อ้างอิงโมฮัมหมัดเรซา อัชเตียนี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิหร่าน ระบุว่ายูเครนไม่ได้แสดงหลักฐานอันใด สำหรับสนับสนุนข้อกล่าวหาว่ารัสเซียใช้โดรนทางทหารของอิหร่านในสงครามยูเครน

อัชเตียนี ระบุว่า คณะผู้เชี่ยวชาญจากอิหร่านและยูเครนจัดการประชุม เพื่อหารือถึงข้อกล่าวหาดังกล่าวเมื่อไม่นานนี้ โดยในการประชุมทางเทคนิค ฝ่ายยูเครนไม่ได้เสนอเอกสารใด ๆ ที่เกี่ยวพันกับกรณีดังกล่าว

นอกจากนั้นอัชเตียนี ยังปฏิเสธกรณีชาติตะวันตกกล่าวหาอิหร่านในประเด็นนี้ว่าเป็น “ข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริง” พร้อมชี้ว่าความร่วมมือทางทหารของอิหร่านและรัสเซียนั้นดำเนินมาอย่างช้านานและอยู่นอกเหนือวัตถุประสงค์เฉพาะ

ยอดแห่ถอนคริปโตฯ พุ่งแตะ 1.9 พันล้านดอลลาร์ใน 24 ชม. หลังระงับการถอน USDC เป็นการชั่วคราว

(14 ธ.ค. 65) นานเซน (Nansen) บริษัทข้อมูลบล็อกเชนระบุเมื่อวันอังคาร (13 ธ.ค.) ว่า ไบแนนซ์ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดของโลก เผชิญกับการแห่ถอนคริปโตฯ ถึง 1.9 พันล้านดอลลาร์ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังจากที่ไบแนนซ์ประกาศว่า ได้ระงับการถอนเหรียญสเตเบิล USDC เป็นการชั่วคราว

รายงานระบุว่า การถอนเหรียญคริปโตฯ 1.9 พันล้านดอลลาร์ดังกล่าวนับเป็นการถอนรายวันครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย. โดยคิดเป็นสัดส่วนส่วนใหญ่ของเงินทุนที่ไหลเข้าตลอด 7 วันที่ผ่านมา

เมื่อวานนี้ ไบแนนซ์ประกาศว่า บริษัทได้ระงับการถอนเหรียญสเตเบิลคอยน์ USDC ขณะที่ดำเนินการสวอปเหรียญโทเคน เพื่อเปลี่ยนเหรียญสเตเบิลประเภทอื่นๆ เช่น PAX หรือ BUSD เป็น USDC เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการถอน USDC ของนักลงทุน

"นักลงทุนแห่ถอนคริปโตฯ ออกจากไบแนนซ์สูงขึ้น เพราะความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับรายงานทุนสำรอง" โฆษกของนานเซนกล่าว

ขณะที่นายจ้าว ฉางเผิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไบแนนซ์โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า "การถอนคริปโตฯ ครั้งนี้ถือเป็นเรื่องของธุรกิจตามปกติ วันนี้เราเห็นการถอนเงินสุทธิ 1.14 พันล้านดอลลาร์ แต่เราเคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน บางวันเราก็เผชิญการถอนสุทธิ บางวันเราก็เผชิญการฝากสุทธิ"

ส่วนโฆษกไบแนนซ์กล่าวว่า บริษัทมีทุนสำรองเพื่อรองรับการถอนเงินมากเกินพอเสมอ โดยสินทรัพย์ของผู้ใช้งานไบแนนซ์นั้นมีทุนสำรองในสัดส่วน 1:1 และโครงสร้างทุนของไบแนนซ์นั้นปลอดหนี้สิน

เมื่อถูกถามว่าไบแนนซ์มีเหรียญ USDC เพียงพอสำหรับให้นักลงทุนถอนหรือไม่ โฆษกไบแนนซ์ระบุว่า บริษัทอาจต้องโยกย้ายทุนจากกระเป๋าออฟไลน์ไปยังกระเป๋าออนไลน์ รวมถึงแปลงเหรียญสเตเบิลคอยน์ชนิดหนึ่งไปเป็นอีกชนิดหนึ่ง หรือปรับปรุงเครือข่าย ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เกิดความล่าช้า

‘เมสซี’ โชว์เทพ พา ‘ฟ้าขาว’ ดับ ‘โครแอต’ 3-0 ลิ่วรอบชิง ลุ้นแชมป์โลกสมัยที่ 3

ศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ คืนวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบ 4 ทีมสุดท้าย คู่แรก ‘ฟ้าขาว’ อาร์เจนตินา ลงสนามพบ ‘ตราหมากรุก’ โครเอเชีย ฟาดแข้งกันที่ ลูซาอิล ไอคอนิค สเตเดียม

ครึ่งแรก อาร์เจนตินา ครองเกมบุกได้เหนือกว่า และนาทีที่ 34 ก็มาได้จุดโทษจากจังหวะที่ ฆูเลียน อัลบาเรซ โดน โดมินิค ลิวาโควิช ออกมาสกัดล้มลงไป และเป็นลิโอเนล เมสซี สังหารไม่พลาด ‘ฟ้าขาว’ นำ 1-0 ทำให้เจ้าตัวยิง 5 ประตูเท่ากับ คีเลียน เอ็มบัปเป ในฟุตบอลโลก 2022

ต่อมานาทีที่ 39 ‘ฟ้าขาว’ มาได้ประตูหนีห่าง 2-0 จากจังหวะที่ ฆูเลียน อัลบาเรซ กระชากบอลมาตั้งแต่กลางสนาม แม้จะตะกุกตะกักเล็กน้อยแต่บอลยังเข้าทางเจ้าตัวยิงด้วยขวาเข้าประตูไป และจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้

จีนเผย ‘แหล่งก๊าซจีน’ ผลิตรายวันทะลุ 100 ล้าน ลบ.ม. ช่วยทดแทนถ่านหิน ลดปล่อยคาร์บอนฯ ได้มหาศาล

(13 ธ.ค. 65) สำนักข่าวซินหัว เผยว่า บริษัท ปิโตรไชน่า ฉางชิ่ง ออยฟิลด์ (PetroChina Changqing Oilfield) ผู้ดำเนินงานแหล่งก๊าซซูหลี่เก๋อ สังกัดปิโตรไชน่า ผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซขนาดใหญ่ที่สุดของจีน เปิดเผยว่าผลผลิตรายวันของแหล่งก๊าซซูหลี่เก๋อทะลุ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรในวันศุกร์ (9 ธ.ค.) ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์และคิดเป็นราว 1 ใน 8 ของปริมาณการผลิตก๊าซรายวันทั้งหมดของประเทศ

สำหรับแหล่งก๊าซซูหลี่เก๋อ ตั้งอยู่ในเมืองเอ้อเอ่อร์ตัวซือ เขตปกครองตนเองมองโกเลียในทางตอนเหนือของจีน มีผลผลิตก๊าซสะสม 3 แสนล้านลูกบาศก์เมตร โดยจากข้อมูลการแปลงค่าความร้อนพบว่าปริมาณผลผลิตข้างต้นสามารถทดแทนถ่านหิน 360 ล้านตัน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 240 ล้านตัน

สาวจีนน้ำตาตก!! ผ่าตัดเพิ่มความสูงล้มเหลว สุดท้ายติดเชื้อจนเดินไม่ได้ แถมเสี่ยงติดคุก

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2565 เว็บไซต์ Saostar รายงานกรณีเด็กสาววัย 19 ปี จากเมืองหนานชาง มณฑลเจียงซี ประเทศจีน ไม่สามารถเดินได้หลังจากเข้ารับการผ่าตัดเพิ่มความสูง

ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น หญิงสาววัย 19 ปี เดิมทีมีส่วนสูงอยู่ที่ 154 ซม. ซึ่งเธอไม่พอใจกับความสูงของตัวเอง จึงตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมเพิ่มความสูง โดยใช้วิธียืดกระดูก (distraction osteogenesis) บริเวณกระดูกหน้าแข้งและกระดูกน่อง ที่โรงพยาบาลเอกชนในมณฑลหูหนาน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ทำให้เธอมีความสูงเพิ่มขึ้น 6 ซม. ก่อนที่ขาท่อนล่างซ้ายของเธอจะเกิดการติดเชื้อซ้ำ ๆ จนไม่สามารถยกเท้าได้ ทำให้ปัจจุบันเธอไม่สามารถเดินได้ตามปกติ และแพทย์วินิจฉัยว่า 'การฟื้นตัวค่อนข้างยาก'

‘อียู’ สั่ง ‘แอปเปิล’ เปลี่ยนที่ชาร์จไอโฟนเป็น USB-C ‘ลดความยุ่งยาก-ขยะอิเล็กทรอนิกส์’ เส้นตาย 2024

‘แอปเปิล’ บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยี จำเป็นต้องเปลี่ยนช่องเสียบชาร์จไฟฟ้าของอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือที่วางจำหน่ายตามมติของสหภาพยุโรป หรือ EU ซึ่งเพิ่งประกาศออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อน

มติของสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเพิ่งประกาศออกมาเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา ระบุว่า โทรศัพท์ไอโฟนทุกรุ่นจะต้องเปลี่ยนจากการใช้พอร์ตชาร์จแบบ Lighting เป็นพอร์ตแบบ USB-C นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า EU ไม่เพียงต้องการให้แอปเปิลเปลี่ยนพอร์ตชาร์จของผลิตภัณฑ์ไอโฟนเท่านั้น แต่ยังต้องการให้เปลี่ยนพอร์ตของอุปกรณ์ทุกชนิดของบริษัทที่จำหน่ายในยุโรป ตั้งแต่แท็บเล็ตไปจนถึงคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป ให้เป็นแบบ USB-C ทั้งหมด แต่เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านั้น มีพอร์ตแบบ USB-C ติดตั้งมากับตัวเครื่องอยู่แล้ว จึงมีเพียงไอโฟนเท่านั้น ที่ต้องเปลี่ยนพอร์ตใหม่

ขณะที่แม้ว่าแอปเปิลจะมีท่าทีไม่เต็มใจนัก แต่ก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายใหม่นี้ ซึ่งทางอียูระบุว่า ได้ออกกฎหมายนี้มาเพื่อลดความยุ่งยากของผู้บริโภคและลดการเกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากพอร์ต USB-C สามารถใช้งานร่วมกันได้ ระหว่างสายชาร์จรุ่นเก่ากับอุปกรณ์รุ่นใหม่ 

'แคนาดา' อ้าแขนรับต่างชาติ 1.5 ล้านคน ภายใน 3 ปีข้างหน้า เสริมตลาดแรงงาน หลังเด็กเกิดใหม่ต่ำ สังคมกำลังเข้าสู่ยุคสูงวัย

รัฐบาลแคนาดาตัดสินใจฝากอนาคตเศรษฐกิจ ไว้กับแรงงานต่างชาติ เมื่อประเทศกำลังเกิดปัญหาแรงงานขาดแคลน และกลุ่มชาว Baby Boomer ถึงเวลาต้องเกษียณ ด้วยการประกาศรับชาวต่างชาติย้ายถิ่นฐานถึง 5 แสนคนต่อปีต่อเนื่องไปจนถึงปี 2025 เท่ากับว่า แคนาดาตั้งเป้าที่จะรับชาวต่างชาติเข้าประเทศถึง 1.5 ล้านคนภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งมากกว่าอัตราการให้สิทธิ์วีซ่าพำนักถาวรของอังกฤษต่อปีถึง 8 เท่า และยังมากกว่าของสหรัฐอเมริกาถึง 4 เท่า

แม้จะเป็นการเปิดโอกาสในการรับแรงงานต่างชาติที่ขาดแคลนเข้าประเทศ แต่จะผลสำรวจความเห็นของชาวแคนาดา ก็ยังมีความกังวลอยู่ไม่น้อยในนโยบายนี้ของรัฐบาล

แคนาดา เป็นอีกหนึ่งประเทศที่พยายามจูงใจชาวต่างชาติที่มีทักษะ เข้ามาพำนักถาวรในประเทศมานานหลายปี จนล่าสุดในปีที่ผ่านมาได้รับชาวต่างด้าวสูงกว่า 4 แสนคน มากที่สุดเท่าที่เปิดรับมา และวันนี้รัฐบาลแคนาดาตั้งเป้าหมายใหม่ในการรับแรงงานต่างชาติให้สูงกว่านั้นอีก

สาเหตุที่แคนาดาเร่งรับชาวต่างชาติเข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ เข้าใจได้ไม่ยาก เนื่องจากแคนาดามีอัตราเด็กเกิดใหม่น้อย และ ย่างเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ปัญหาขาดแคลนแรงงานจึงมีสูงมาก อีกทั้งแคนาดามีประชากรเพียง 38 ล้านคน น้อยกว่าประชากรของอังกฤษเป็นเท่าตัว แต่มีพื้นที่กว้างขวางกว่ามาก จึงทำให้แคนาดามีข้อได้เปรียบในการรับชาวต่างชาติย้ายถิ่น 

และทำให้วันนี้แคนาดากลายเป็นประเทศที่รับชาวต่างชาติมากที่สุดในกลุ่มประเทศ G7 25% ของประชากรแคนาดาเป็นชาวต่างชาติ เป็นอัตราที่สูงกว่าประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่หล่อรวมคนหลากหลายเชื้อชาติมากที่สุด ยังมีอัตราส่วนชาวต่างชาติต่อประชากรในประเทศเพียง 14% 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ แมดเดอไลน์ ซัมพ์ตัน ผู้อำนวยการสำนักสังเกตการณ์การย้ายถิ่นแห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด มองว่า แม้ประเทศแคนาดาจะมีศักยภาพรองรับประชากรเข้าใหม่มากแค่ไหนก็ตาม แต่อัตราการรับคนต่างด้าวเข้าประเทศในตอนนี้ถือว่ามากเกินไปจนผิดปกติ 

ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ เจฟฟรีย์ คาเมรอน นักรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ มองว่า ถึงแคนาดาจะประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน แต่การรับชาวต่างชาติเข้าเมืองในจำนวนขนาดนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนด้วย  

และต้องยอมรับว่าในแต่ละรัฐของแคนาดามีความพร้อมที่จะรับชาวต่างด้าวไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น ในรัฐควิเบก ต้องการรับชาวต่างด้าวได้ไม่เกิน 10% ด้วยเหตุผลว่ารัฐนี้ อนุรักษ์การใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ และเกรงว่าการรับชาวต่างชาติมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่ออัตตาลักษณ์การใช้ภาษาของรัฐนี้ได้ 

นอกจากนี้ เมืองใหญ่อย่างแวนคูเวอร์ และ โตรอนโต ก็ต้องการรับชาวต่างชาติเข้าเมืองไม่เกินปีละ 10% เช่นกัน เพราะปัญหาราคาที่พักอาศัยที่พุ่งขึ้นสูง จนแม้แต่ชาวเมืองในพื้นที่หลายคนยังไม่สามารถหาซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้

เมียนมากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

ต้องยอมรับว่าการรัฐประหารมีส่วนสำคัญในการทำให้เกิด New Normal ในเมียนมาอย่างแท้จริง ด้วยการที่หลายธุรกิจพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศที่ต้องใช้เงินตราเป็นดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ประเทศโดนแซงชั่นจึงไม่มีเงินดอลลาร์เข้าประเทศ

แม้รัฐบาลของมิน อ่อง หล่าย จะแก้ปัญหาการไหลออกของเงินสหรัฐ โดยการลดการพึ่งพิงการใช้เงินตราดอลลาร์สหรัฐและหันมาจับการค้าขายตรง เช่น บาท-จ๊าด รูปี-จ๊าด หยวน-จ๊าด เป็นต้น แต่การแก้ปัญหาของรัฐบาลนั้น ก็ยังส่งผลต่อผู้ประกอบการหลายรายโดยเฉพาะผู้ประกอบการชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในเมียนมา ซึ่งนั่นเป็นผลมาจากอัตราแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้นเป็นผลให้เกิดเงินเฟ้อในระดับสูง ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคนเมียนมา

อย่างไรก็ตามกลับยังมีธุรกิจบางธุรกิจที่ปรับตัวโดยการเลือกวัตถุดิบที่มีในประเทศ ลดการใช้วัตถุดิบนำเข้า รวมถึงการเข้าไปทำคอนแทคกับผู้ผลิตโดยตรง เพื่อลดราคาต้นทุนของเขา เพื่อให้ธุรกิจของเขาดำเนินต่อไปได้ 

กว่าจะได้ขึ้นบ้านใหม่ ขอบคุณบุญคุณอันยิ่งใหญ่ของ ‘คุณอา’ แต่ต้องเหวอกันถ้วนหน้า เมื่อรถแวนหายไป

หลังจากตอนก่อน ที่ผมได้ไปดูอพาร์ตเมนต์กับพี่ลิซ ผมก็รีบกุลีกุจอไปทำบัตรประกันสังคมเพื่อที่จะได้เลขที่ของบัตรมาเปิดบัญชีธนาคาร 

ย้อนความไปเล็กน้อยว่า สมัยนั้นยังไม่มีอินเตอร์เน็ต เวลาต้องการข้อมูลเกี่ยวกับอะไรสักอย่าง ต้องถามคนที่มีประสบการณ์ เราก็เลยถามคุณอาผู้หญิงว่า เราจะไปทำบัตรประกันสังคมได้ที่ไหน คุณอาบอกว่าต้องไปที่ตึกของทางรัฐบาลกลาง (Federal building) ซึ่งอยู่ในใจกลางเมืองที่เรียกว่า North Station และถ้าหากเราจะไปตั้งต้นจากโรงเรียนต้องนั่งรถใต้ดินสายเขียว B เข้าเมือง (Inbound) และลงเปลี่ยนรถสายเขียวอีกขบวนที่จุดปลายทางคือ North Station ที่สถานี Boylston ซึ่งใกล้กับที่ทำงานคุณอา คุณอาเลยบอกว่าถ้าเรามาถึงที่สถานีแล้วให้เดินมาหาท่าน จะได้ไปด้วยกัน 

พอเราไปถึงตึกรัฐบาลกลางแล้ว เราต้องเดินผ่านโต๊ะต้อนรับ พนักงานที่จุดนั้นบอกให้ทุกคนหยุดเข้าแถวเพื่อรอตรวจเอกสารว่ามีครบตามที่ทางการได้ระบุไว้หรือไม่ ถ้าใครมีเอกสารไม่ครบ เขาก็จะให้กลับไปและมาใหม่เมื่อมีเอกสารพร้อม พอถึงตาเราเขาก็ตรวจว่าเรามีหนังสือเดินทางและเอกสารที่ทางโรงเรียนรับรองว่าเราเป็นนักเรียน (I-20) หรือเปล่า เมื่อเขาเห็นว่าเรามีครบ เขาก็ยื่นบัตรคิวให้เรา 

ผมรออยู่สักประมาณชั่วโมงกว่า ๆ กว่าจะทำเรื่องเสร็จ แต่แล้วก็อึ้งสนิทเมื่อพนักงานบอกว่าบัตรจะส่งมาที่บ้านภายใน 7-10 วัน เราก็นึกในใจว่าทางอพาร์ตเมนต์เขาคงยึดเงินมัดจำที่พี่ลิซให้ไว้แน่ ๆ เพราะกว่าบัตรจะมาเพื่อให้เราไปเปิดบัญชีธนาคาร ก็คงผ่านหนึ่งอาทิตย์ไปแล้ว 

ตอนนั้นผมมืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร จึงปรับทุกข์กับคุณอา ท่านบอกว่าเดี๋ยวท่านจะลองติดต่อไปหาอแมนดาเผื่อจะมีวิธีแก้ไข เมื่อถึงออฟฟิศคุณอา ท่านก็โทรคุยกับอแมนดาอยู่พักใหญ่ พอท่านวางหู ท่านก็บอกให้เราเตรียมตัวเดินไปหาอแมนดาด้วยกัน 

ตึกอพาร์ตเมนต์อยู่ประมาณสามสี่ช่วงตึกจากออฟฟิศคุณอา เดินประมาณสิบนาทีก็ถึง พอเราสองคนเจออแมนดา คุณอาก็หยิบสมุดเช็คออกมาแล้วเขียนเช็คให้อแมนดาสองใบ ซึ่งเป็นเงินมัดจำค่าเช่าเดือนสุดท้ายและค่าประกันความเสียหายของห้อง หลังจากที่อแมนดารับเช็คเธอก็ยื่นเอกสารมาให้เราและคุณอาเซ็น เราก็ถึงบางอ้อว่าคุณอาช่างมีความกรุณามาค้ำประกันให้เราได้มีบ้านอยู่ เราตื้นตันใจในความมีน้ำใจของคุณอา และตั้งปณิธานว่าเราจะไม่ลืมท่าน ทุกวันนี้ผ่านมากว่า 30 ปีแล้ว เรายังโทรหาท่านและซื้อของฝากท่านอย่างสม่ำเสมอ

รู้ไม่จริง อย่าอ้าง!! รู้จัก 'วันพ่อ-วันแม่' ในถิ่นมะกัน ที่บางกลุ่มคนอ้างว่า 'ไม่มี' หวังบิดเบือนด้อยค่าวันสำคัญเหล่านี้ในไทยให้หมดค่า

โลกโซเชียลมีเดียนับเป็นดาบสองคม ปะปนทั้งข่าวจริงข่าวเท็จ การเสพสื่อต้องใช้วิจารณญาณก่อนเชื่อ เพราะบางแพลตฟอร์มไม่มีการกลั่นกรองข่าวสารข้อมูล ปล่อยให้ความเท็จความลวงล่องลอยเต็มแพลตฟอร์ม 

...ที่น่าห่วงคือเด็ก ๆ โดยเฉพาะวัยรุ่น อาจจะเชื่อทุกเรื่องที่ปรากฏบนพื้นที่ออนไลน์นั้น

สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นวันพ่อแห่งชาติ โดยประเทศไทยยึดเอาวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เป็นวันพ่อ แต่กลับกลายเป็นว่ามีการบิดเบือนเพื่อด้อยค่าวันพ่อ โดยอ้างโยงไปถึงชาติตะวันตก ทำนองว่าฝรั่งไม่มีหรอกวันพ่อวันแม่ จากนั้นก็อธิบายเป็นฉาก ๆ สรุปความได้ว่าที่ชาติตะวันตกไม่มีวันพ่อวันแม่ เพราะเกรงว่าลูก ๆ จะมีปมด้อย 

...อ่านแล้วก็แปลกใจว่า เรายังอยู่ในโลกใบเดียวกันไหมหนอ!!

อะไรทำให้คิดว่าประเทศอื่นไม่มีวันพ่อวันแม่ คิดเองเพ้อเองว่าเมืองฝรั่งไม่มีอย่างนั้นอย่างนี้ พอบอกว่ามี...ก็จี้ถามว่าชาติไหนล่ะ 

ว่าแล้วก็ขอเล่าเรื่อง 'วันพ่อ' และ 'วันแม่' ของอเมริกาดีกว่า จะได้แยกแยะได้ว่า อะไรจริงอะไรเท็จ 

เริ่มต้นด้วย 'วันแม่' ก่อนก็แล้วกัน!!

วันแม่ของอเมริกาตรงกับ 'วันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคม' ในกรณีนี้คงต้องยกความดีให้อเมริกา เพราะเป็นชาติแรกที่ริเริ่มแนวคิดเรื่องการมีวันแม่ จนทำให้ชาติต่าง ๆ กำหนดวันแม่แห่งชาติที่เหมาะสมกับประวัติศาสตร์ชาติตนขึ้นมา

สำหรับคนอเมริกันแล้ว วันแม่เป็นวันที่น่ารักและอบอุ่นวันหนึ่ง ส่วนมากลูก ๆ จะซื้อการ์ดหรือของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คิดว่าแม่ชอบ อย่างขนมอร่อย ๆ ช่อดอกไม้ หรือเครื่องประดับ เพื่อระลึกถึงบุญคุณที่แม่เลี้ยงดูมาจนถึงทุกวันนี้ ลูกบางคนก็ลงทุนทำอาหารแล้วยกไปให้แม่ถึงเตียงหรือไม่ก็พาแม่ออกไปฉลองที่ร้านอาหาร

วันแม่ของอเมริกาถูกกำหนดขึ้นเมื่อประมาณร้อยปีที่แล้ว คือในปี ค.ศ. 1908 แอนนา เอ็ม. จาร์วิส คุณครูแห่งรัฐฟิลาเดลเฟียเป็นผู้ผลักดันให้มี 'วันแม่' อย่างเป็นทางการ กว่าจะประสบความสำเร็จในเรื่อง 'วันแม่' ก็หลายปีให้หลัง จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1914 ประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top