Sunday, 6 July 2025
POLITICS

สงกรานต์ปีนี้คนไทย.....อยากทำอะไร? | PoliticsQuiZ EP.5

PoliticsQuiZ พาทุกคนมาสำรวจความคิดเห็นคนไทยบางส่วน ว่าหยุดยาวสงกรานต์ปีนี้ พวกเขามีแผนอยากจะทำอะไรกัน!!

.

.


สนับสนุนโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ . #THESTATESTIMES #PoliticsQuiZ

ครม.อนุมัติงบ 2.93 พันลบ. โครงการประกันภัยข้าวนาปี คุ้มครอง 46 ล้านไร่

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2564 ว่า ครม.เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2564 พื้นที่ประกันภัย รวม 46 ล้านไร่ ภายใต้วงเงิน 2,936 ล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรมีเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติผ่านระบบการประกันภัย  โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทดรองจ่ายเงินอุดหนุนค่าเบี้ยประกันแทนรัฐบาลและเบิกเงินชดเชยตามจำนวนที่จ่ายจริง

ซึ่งโครงการปีการผลิต 2564 เป็นโครงการต่อเนื่องปีที่ 10 ซึ่งการดำเนินงานส่วนใหญ่มีลักษณะเดียวกันกับปี 2563 โดยปรับอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ลดลง 1 บาท (จาก 97 บาท/ไร่ เหลือ 96 บาท/ไร่) และปรับอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับลูกค้า ธ.ก.ส. ที่ซื้อประกันภัยเพิ่มและอยู่ในพื้นที่เสี่ยงต่ำ ลดลง 3 บาท (จาก 58 บาท/ไร่เหลือ 55 บาท/ไร่) โดยมีรายละเอียดดังนี้

โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2564 มีพื้นที่เป้าหมายประกันภัย รวม 46 ล้านไร่  มีอัตราค่าเบี้ยประกันภัยดังนี้ 

1.) ค่าเบี้ยประกันภัยพื้นฐาน Tier 1 กำหนดตามความเสี่ยงจริงของเกษตรกร รวม 45 ล้านไร่ แบ่งเป็น

1.1) ลูกค้า ธ.ก.ส. ทุกราย ค่าเบี้ยประกันภัย 96 บาทต่อไร่ (รวม 28 ล้านไร่) โดยรัฐบาลเป็นผู้อุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้ 58 บาทต่อไร่ และ ธกส. อุดหนนุนให้ 38 บาทต่อไร่ (ยังไม่รวมค่าอาการแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม)

1.2) เกษตรกรทั่วไป และลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ที่ซื้อเพิ่ม ค่าเบี้ยประกันภัยในพื้นที่เสี่ยงต่ำ 55 บาทต่อไร่ พื้นที่เสี่ยงปานกลาง 210 บาทต่อไร่ และพื้นที่เสี่ยงสูง 230 บาทต่อไร่ (รวม 17 ล้านไร่) โดยรัฐบาลเป็นผู้อุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้ 55 บาทต่อไร่ (ยังไม่รวมค่าอาการแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยคุ้มครองความเสี่ยงจาก 7 ภัยธรรมชาติ ไร่ละ 1,260 บาท ได้แก่ 1)น้ำท่วมหรือฝนต กหนัก 2)ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง

1.3) ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น 4)ภัยอากาศหนาว หรือน้ำค้างแข็ง 5)ลูกเห็บ 6)ไฟไหม้ 7)ช้างป่า และภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาดไร่ละ 630 บาท

2.) ค่าเบี้ยประกันภัยแบบสมัครใจ Tier 2 กำหนดตามความเสี่ยงจริงของเกษตรกร จำนวน 1 ล้านไร่ ซึ่งเกษตรกรจะต้องเป็นผู้ชำระเอง แบ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่ำ 24 บาทต่อไร่ พื้นที่เสี่ยงปานกลาง 48 บาทต่อไร่ และพื้นที่เสี่ยงสูง 101 บาทต่อไร่ โดยคุ้มครองความเสี่ยงจาก 7 ภัยธรรมชาติ ไร่ละ 240 บาท และภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาดไร่ละ 120 บาท

ส่วนการดำเนินการขายกรมธรรม์จะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค คือ 1)ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (กลุ่มที่1) ภายใน 30 เมษายน 2564 2)ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (กลุ่มที่ 2)  ภายใน 31 พฤษภาคม 2564  3)ภาคตะวันตก ภายใน 30 มิถุนายน 2564 และ4)ภาคใต้ ภายใน 31 ธันวาคม 2564 จากผลการดำเนินโครงการปีการผลิต 2563 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรทำประกันภัย Tier 1 จำนวน 3.30 ล้านราย พื้นที่รวม 44.36 ล้านไร่ ส่วนประกันภัยเพิ่มเติม Tier 2 มีเกษตรทำประกันภัยจำนวน 3.33 หมื่นราย พื้นที่รวม 4.79 แสนไร่ รวมเบี้ยประกันภัยทั้ง 2 ประเภท จำนวน 4.04 พันล้านบาท และมีคำขอรับค่าสินไหมทดแทนจากเกษตรกรแล้ว 3.67 หมื่นราย เป็นเงิน 516 ล้านบาท

นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า รัฐบาลขอประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรร่วมทำประกันภัยข้าวนาปี เพื่อเป็นการลดความสูญเสียหากเกิดความเสียหายจากภัยธรรมชาติและศัตรูพืชหรือโรคระบาด นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้ในการปรับลดสัดส่วนการอุดหนุนของภาครัฐในการจ่ายเบี้ยประกัน เพื่อให้ระบบประกันภัยมีการซื้อขายได้โดยทั่วไป เหมือนการทำประกันภัยรถยนต์หรืออุบัติเหตุ เพื่อลดภาระงบประมาณของรัฐ

“ดอน” เผย ถกอาเซียนซัมมิท เม.ย. นี้ ยกปัญหาเมียนมาพูดคุย แจง ดูแลผู้อพยพบริเวณชายแดนตามหลักมนุษยธรรม ชี้ สถานการณ์ดีขึ้นต้องกลับ

วันที่ 30 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงสถานการณ์ชายแดนไทยที่ติดกับประเทศเมียนมา ว่า รายละเอียดจะมีการประชุมอาเซียนซัมมิทในช่วงต้นหรือปลายเดือน เมษายนนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าทางการไทยผลักดันผู้ที่หลบหนีการสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังกะเหรี่ยง นายดอน กล่าวว่า เป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ชี้แจงว่าหากเดือดร้อนจะดูแลตามหลักมนุษยธรรม แต่หากเลยจุดนั้นแล้วต้องกลับไป เพราะประเทศไทยไม่สามารถรับคนได้มาก เพราะทุกประเทศหรือประเทศใดที่มีปัญหาเรื่องผู้หนีภัยเข้ามาก็ต้องได้รับการดูแลในช่วงระยะหนึ่งและต้องกลับบ้านเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น  

เมื่อถามว่าขณะนี้ศูนย์รองรับผู้ลี้ภัยยังดูแลได้หรือไม่ นายดอน กล่าวว่า ขณะนี้ไม่ถึงกับตั้งศูนย์ เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ส่วนเรื่องจำนวนต้องไปถามในพื้นที่ แต่ตามหลักการแล้ว ประเทศเพื่อนบ้านของเมียนมาอีกฝั่งหนึ่ง เช่น อินเดียก็ปฏิเสธ ซึ่งเป็นปกติของทุกแห่ง ไม่ใช่เฉพาะบริเวณนี้เท่านั้น 

เมื่อถามว่าไทยจะดูแลผู้อพยพจนกว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้วให้กลับบ้านใช่หรือไม่ นายดอน กล่าวว่า เมื่อพ้นความจำเป็นด้านมนุษยธรรมก็กลับ เมื่อถามว่า ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ฝั่งเมียนมาหรือไม่ นายดอน กล่าวว่า ภายหลังจากผู้อพยพเข้ามาที่ประเทศไทยก็ได้พูดคุยกันเพื่อหาทางทำให้บ้านเมืองเขาเรียบร้อยโดยเร็ว เพราะสถานการณ์ที่เป็นอยู่ มีหลายปัจจัยด้วยกันที่ทำให้รุนแรง เราพยายามบอกเขาว่าต้องลดความรุนแรงหรือลดปัญหาทั้งปวง ซึ่งเขารับทราบแต่จะทำได้แค่ไหนอยู่ที่สถานการณ์ และได้ประสานไปประเทศบรูไนในฐานะประธานอาเซียนในหลายเรื่องรวมถึงการจัดประชุมอาเซียนซัมมิทที่จะเกิดขึ้นด้วย 

เมื่อถามว่าในการประชุมอาเซียนซัมมิทครั้งนี้ประเด็นหลักจะมีเรื่องอะไรบ้าง และจะกดดันเมียนมาอย่างไร นายดอน กล่าวว่า ต้องรอไว้ไปจนถึงจุดนั้น ส่วนเรื่องที่จะคุยนั้นยังพูดตอนนี้ไม่ได้ แต่ประเด็นหลักคือ การหาทางทำให้เกิดสันติสุขขึ้นในเมียนมา เรื่องนี้คือหลักใหญ่ให้ปัญหาทั้งมวลคลี่คลายลง และให้อาเซียนกลับมาเป็นภูมิภาคที่สงบสุข เป็นเป้าหมายที่กำลังดำเนินการ 

ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลเรื่องสถานะทางการทูตของประเทศไทยหรือไม่ เพราะขณะนี้สถานการณ์ในเมียนมาถือว่ารุนแรงมาก นายดอน กล่าวว่า ไม่กังวล ความรุนแรงเป็นปัญหาหนึ่งที่เขาพยายามรับมือเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเขาต้องการลดจะสามารถลดได้เลย ขณะเดียวกัน เราพยายามบอกเขาว่าให้หาทางคลี่คลาย ลดความรุนแรง เพราะสิ่งที่ออกมาเป็นข่าว ทั้งความเสียหายและการล้มตายไม่เป็นประโยชน์ต่อทั้งเมียนมาและอาเซียน รวมถึงไทยด้วย เพราะจะบานปลายกันไป เมื่อบานปลายแล้วจะเป็นความเสียหายที่ใหญ่ บางครั้งใหญ่เกินกว่าที่จะรับได้ด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าเหตุการณ์ในเมียนมาไม่มีใครอยากให้เป็น แต่เมื่อหลายเรื่องเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก เกี่ยวข้องกับอำนาจ ฐานะของประเทศ หลายอย่างไม่สามารถหยุดได้เร็วอย่างที่คิด

เมื่อถามว่า มีข่าวว่าเมียนมาจะปิดสนามบิน คนไทยยังสามารถเดินทางกลับมาได้หรือไม่ นายดอน กล่าวว่า ปัจจุบันยังเปิดและยังเดินทางได้อยู่

ป.ป.ส. – UNODC ผนึกกำลังควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในประเทศไทย

วันอังคารที่ 30 มีนาคม 2564 พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (รอง เลขาธิการ ป.ป.ส.) พร้อมด้วย นายเจเรมี ดักลาส ผู้แทนจากสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก เป็นประธานในการเปิดประชุมหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมายด้านการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานภาคีที่มีหน้าที่กำกับดูแลควบคุมการใช้สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ระหว่างวันที่ 30 – 31 มีนาคม 2564 

โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของไทยเข้าร่วมประชุม ได้แก่ สำนักงาน ป.ป.ส.  กรมศุลกากร กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมการค้าภายใน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) กองบัญชาการกองทัพไทย กรมการค้าต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ถูกนำไปใช้ในการผลิตยาเสพติดในระดับภูมิภาค และหารือเกี่ยวกับปัญหา อุปสรรคเพื่อร่วมกันหาแนวทางในการพัฒนาการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ในประเทศไทย ณ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน กรุงเทพมหานคร  

พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า  “การประชุมในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการประชุมที่มีความสำคัญที่ทุกหน่วยงานจะได้แลกเปลี่ยน และร่วมรับฟังปัญหา อุปสรรคในการทำงานของทุกหน่วยงาน ว่ามีข้อจำกัดอย่างไรบ้าง อันจะส่งผลต่อการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมุ่งหวังว่าการประชุมนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และทราบถึงแนวโน้มกฎหมายการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ตลอดจนสามารถประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานได้ 

โดยสำนักงาน ป.ป.ส. จะนำผลจากการประชุมในครั้งนี้ ไปจัดทำเป็นกรอบการทำงานด้านการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ของประเทศไทย และสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาความร่วมมือ ในการควบคุมสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ของประเทศไทย และกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ต่อไป

‘สมยศ - ไผ่ - หมอลำแบงค์’ รับปากศาลหากได้ประกันตัวจะไม่พูดพาดพิงสถาบันฯอีก ด้านหมอลำแบงค์ บอกเพิ่ม ‘เลิกชุมนุม - ยุ่งการเมือง - ขอติดกำไลEM’ ส่วน ‘รุ้ง’ เสียงสั่น โอดกระทบเรียน - สอบ จ่ออดอาหารประท้วงตาม ‘เพนกวิน’

ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.287/2564 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน กับพวกรวม 22 คน แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตาม ป.อาญา ม.112, ยุยงปลุกปั่นฯ ม.116 และข้อหาอื่นๆ จากกรณีร่วมกันชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 19 - 20 ก.ย.63 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ - สนามหลวง โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลยซึ่งถูกคุมขังไม่ได้รับการประกันตัวมาศาล ส่วนจำเลยที่ได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาลครบ

ทั้งนี้สาระสำคัญตามรายงานกระบวนพิจารณาได้เผยถึง นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข จำเลยที่ 4 ว่า เนื่องจากจำเลยที่ 4 ไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัว ทำให้ไม่อาจหาพยานหลักฐานมาต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ และไม่สามารถตรวจดูพยานหลักฐานโจทก์ได้โดยละเอียด เกรงว่าหากไม่ได้รับโอกาสต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ จะเป็นเหตุให้ตนไม่ได้รับความยุติธรรม หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะไม่ ‘พูดพาดพิงเกี่ยวกับสถาบันฯ อีก’

ขณะที่ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง จำเลยที่ 5 แถลงว่า ขณะนี้กำลังศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะสังคมและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ การถูกคุมขังในระหว่างพิจารณา โดยไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เป็นอุปสรรคต่อการเรียนและสอบ ทำให้ไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา ทั้งเป็นเหตุให้ไม่อาจตรวจดูพยานหลักฐานของโจทก์ และหาพยานหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ ทั้งขาดโอกาสในการปรึกษาทนายความเพื่อจะต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ ขอศาลพิจารณาเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อให้มีโอกาสต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ น.ส.ปนัสยา ยังระบายความอัดอั้นตันใจต่อศาล ขอโอกาสได้รับการประกันตัวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ถ้าไม่ได้รับการประกันตัว ‘จำเป็นจะต้องอดอาหารประท้วงเป็นเพื่อนเพนกวิน’

ส่วน นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ จำเลยที่ 7 แถลงว่า หากได้รับการปล่อยชั่วคราว ‘จะไม่พูดกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์อีก’

นอกจากนี้ นายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ จำเลยที่ 3 แถลงว่า หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ‘จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองและพูดพาดพิงสถาบันฯ อีกอย่างเด็ดขาด’ โดยจะไปประกอบอาชีพร้องหมอลำเพื่อหาเลี้ยงชีพต่อไป ทั้งยินดีที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขในการปล่อยตัวชั่วคราวทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการสวมใส่เครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) การวางเงื่อนไขห้ามออกนอกเขตกำหนด หรือการวางเงื่อนไขห้ามยุ่งเกี่ยวกับการชุมนุม และจะมาศาลทุกนัด หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือไม่มาศาลนัดหนึ่งนัดใด ก็ยินดีที่จะให้ศาลถอนประกัน

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำแถลงของจำเลยที่ 3 กรณีมีข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป โดยจำเลยที่ 3 มีการเสนอเงื่อนไขที่จะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวกับการชุมนุมพูดพาดพิงถึงสถาบันฯ หากได้รับการปล่อยชั่วคราว ยินยอมที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลกำหนด ไม่ว่าจะเป็นการติดเครื่องมือติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) หรือห้ามออกนอกเขตกำหนดและจะมาศาลตามนัดทุกนัด จึงบันทึกไว้เพื่อประกอบดุลพินิจในการปล่อยชั่วคราว

.

ที่มา: https://www.dailynews.co.th/politics/834050


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

กลาโหมฯ จัดกิจกรรมช่วยเหลือประชาชน เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม พร้อม นายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ร่วมให้กำลังใจกำลังพลและข้าราชการที่บริจาคโลหิต

พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานในการจัดกิจกรรมการช่วยเหลือประชาชน เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ครบ 134 ปี  ณ บริเวณลานภูธเรศ ชุมชนแพร่งภูธร โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และประชาชนในพื้นที่ชุมชนโดยรอบศาลาว่าการกลาโหมเข้าร่วมกิจกรรม สำหรับการจัดกิจกรรม ประกอบด้วย การบริจาคโลหิตสำหรับประชาชนในชุมชน

การบริการตัดผมให้กับประชาชน การมอบยาสามัญประจำบ้าน การมอบถังดับเพลิง และดวงไฟส่องสว่าง การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้กับสุนัขและแมว การสาธิตการทำเจลล้างมือ โดยวิทยากรจิตอาสา 904 การมอบถุงยังชีพให้กับผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่ชุมชน ซึ่งปลัดกระทรวงกลาโหมได้เดินมอบตามบ้านให้กับผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงด้วยตนเอง  นอกจากนี้ยังมีการแสดงดนตรีอีกด้วย 

ซึ่งกิจกรรมการช่วยเหลือประชาชนในครั้งนี้ เพื่อสร้างการรับรู้ให้ชุมชนในพื้นที่โดยรอบศาลาว่าการกลาโหม ได้รับทราบถึงความเป็นมา และความสำคัญของวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม รวมถึงได้รับทราบถึงความรักความห่วงใยที่มีร่วมกัน ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กับประชาชนโดยรอบศาลาว่าการกลาโหม ซึ่งจะก่อให้เกิดความรักความสามัคคี และความสัมพันธ์อันดีระหว่างทหารกับชุมชนต่อไป

และในวันเดียวกันสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้จัดกิจกรรมบริจาคโลหิต ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ครบ 134 ปี เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ณ ห้องพินิตประชานาถในศาลาว่าการกลาโหมซึ่งกิจกรรมดังกล่าว มี คุณรมิดา อินทรเจริญ นายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เดินทางมาให้กำลังใจกำลังพลและข้าราชการของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ร่วมบริจาคโลหิต

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ชาวเมียนมา 2,000 - 3,000 คน พยายามอพยพเข้ามาในประเทศไทย

มีแนวโน้มอาจสูงถึงหมื่นคนในเร็ว ๆ นี้ โดยรัฐควรจัดให้มีขั้นตอนการรับบุคคลที่จำเป็นต้องอพยพลี้ภัยเข้ามาในประเทศไทย ให้สอดคล้องกับหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากล และเร่งเพิ่มสถานที่กักตัวของรัฐ (State Quarantine) ตามจังหวัดแนวชายแดนไทย - เมียนมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 ซ้ำรอยเหมือนปัญหาแรงงานต่างชาติลักลอบเข้าประเทศ จนเกิดการระบาดรอบสอง

"ปัญหาการลี้ภัยทางการเมืองของชาวเมียนมา ไม่ควรฝืนธรรมชาติ เพราะคนหนีร้อนมาพึ่งเย็น เพียงแต่รัฐบาลไทยต้องเตรียมความพร้อม จัดให้มีขั้นตอนที่ไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีสถานที่กักตัวดูอาการป้องกันโควิด-19 และควรประสานงานกับค่ายผู้ลี้ภัยตามแนวชายแดนอย่างใกล้ชิด" เลขาธิการพรรคกล้ากล่าว

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลทหารเมียนมากระทำต่อประชาชน แม้เป็นเรื่องภายใน แต่ก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย มีการสังหารประชาชนอย่างทารุณ จึงฝากถึงรัฐบาลไทยให้วางตัวอย่างระมัดระวัง อย่าให้คนเข้าใจว่าสนับสนุนการกระทำของรัฐบาลเมียนมา


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

ชินวรณ์ ฝากการบ้าน รมว.ศธ.คนใหม่ 5 ข้อ ขอให้ทำทันที

30 มีนาคม 2564 นายชินวรณ์ บุญญเกียรติ ส.ส. จังหวัดนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แสดงความยินดีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง พร้อมทั้งชื่นชมการประกาศ 12 นโยบายการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ และ 7 มาตรการเร่งด่วน ที่นับได้ว่าเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีและตรงกับสถานการณ์และสภาพปัจจุบันปัญหาการศึกษาของประเทศในขณะนี้

"ขอเป็นกำลังใจและให้กล้าตัดสินใจเดินหน้าอย่างจริงจัง การศึกษาไม่มีเวลาให้ใครมาลองผิดลองถูกอีกต่อไป และขอให้ระวังกับดักของข้าราชการระดับสูง (ยกยอ ปอปั้น หาผลประโยชน์) เหมือนรัฐมนตรีหลายท่านที่ผ่านมา" นายชินวรณ์กล่าว 

พร้อมกับระบุเพิ่มเติมว่า นอกจาก 12 นโยบาย 7 มาตรการเร่งด่วนแล้ว ตนในฐานะเป็นอดีต รมว ศธ. เป็นสส. และเป็นรองประธานกรรมการขับเคลื่อน พรบ.การศึกษาแห่งชาติภาคประชาชน ขอเสนอให้ทำทันที 5 ประการ  

1.) เร่งรัดให้ ครม. เสนอ พรบ. การศึกษาแห่งชาติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กฤษฏีกาและตัวแทนครูร่วมกันพิจารณา

2.) เรียกขวัญกำลังใจครู นักเรียน กลับมาโดยการเดินหน้าทำงานหนักและชูธง 12+7+5 ทันที 

3.) สั่งสอบสวนกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับสำนักงาน สก.สค. และย้ายเลขาธิการและคณะไปประจำ สร. เพื่อความยุติธรรมทันที

4.) สั่งสอบสวนกระบวนการหาผลประโยชน์จากการสั่งซื้อหนังสือเรียนไม่ครบ และหาผลประโยชน์จากการใช้งบเหลือจ่ายงบ 63 และงบปี 64 หลายพันล้านของ สพฐ.  และย้ายเลขาธิการและคณะเพื่อความยุติธรรมทันที 

5.) สั่งสอบสวนกรณีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงที่มีข่าวการซื้อขายตำแหน่งโดยเฉพาะกรณีการแต่งตั้งผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้บริหารการศึกษา (ไร่ขิง) 

"ผมเชื่อมั่นในความตั้งใจของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่ เพื่ออนาคตลูกหลานของเราเดินหน้าเถอะครับ" นายชินวรณ์กล่าวในที่สุด

รมว.แรงงาน แจงยอดปล่อยกู้กลุ่มรับงานไปทำที่บ้าน ปีงบ 64 คงเหลือพร้อมให้กู้ 3.7 ล้าน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 หลังปล่อยกู้ดอกเบี้ย 0% นาน 12 งวด ย้ำยังมีวงเงินให้กู้ สำหรับผู้เข้าเงื่อนไขที่กรมการจัดหางานกำหนด

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สภาพคล่องในการใช้จ่ายรวมทั้งการดำเนินการของผู้รับงานไปทำที่บ้าน กระทรวงแรงงานจึงพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้หรือค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินของกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน อยู่ในอัตราร้อยละ 0 ต่อปี ในงวดที่ 1 -12  ภายใต้กรอบวงเงิน 7,000,000 บาท 

เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของแรงงานนอกระบบผู้กู้ยืมเงินกองทุนฯ ตามที่นายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรองนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผู้กำกับดูแลกระทรวงแรงงาน เน้นย้ำเสมอในเรื่องการดูแลแรงงานนอกระบบให้สามารถอยู่ได้ มีโอกาสเข้าถึงสิทธิพื้นฐานในการประกอบอาชีพ สามารถขึ้นทะเบียน มีการรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นองค์กร ได้รับการส่งเสริมคุ้มครอง และพัฒนาสู่คุณภาพชีวิตที่ดี ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี

“สำหรับผลการดำเนินงานกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 – 29 มีนาคม 2564) ปล่อยกู้แล้วทั้งสิ้น จำนวน 20 กลุ่ม เป็นเงิน 3,210,000 บาท โดยยังมีวงเงินคงเหลือสำหรับผู้รับงานไปทำที่บ้านที่ต้องการกู้ยืมเงินกองทุนฯ อีก 3,790,000 บาท ซึ่งผู้รับงานไปทำที่บ้านที่ต้องการเงินทุน และเข้าเกณฑ์เงื่อนไขของกรมการจัดหางาน สามารถยื่นคำขอกู้เงินได้ที่สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 สำนักงานจัดหางานจังหวัด ในท้องที่ที่ผู้รับงานไปทำที่บ้านได้จดทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางาน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าว

ด้านนายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า สำหรับการกู้ยืมเงินกองทุนเพื่อผู้รับงานไปทำที่บ้าน ที่คิดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืม ร้อยละ 0 ต่อปี ในงวดที่ 1- 12 โดยไม่ปลอดเงินต้น และในงวดที่ 13 เป็นต้นไปจนสิ้นสุดสัญญา คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี ภายในกรอบวงเงิน 7,000,000 บาทนั้น มีเป้าหมายเพื่อให้แรงงานนอกระบบที่เป็นผู้รับงานไปทำที่บ้าน สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนถูกกฎหมาย อัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งเริ่มให้ยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นมา จนถึง 31 สิงหาคม 2564 โดยต้องทำสัญญากู้ยืมให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2564 

“คุณสมบัติผู้กู้จะต้องเป็นผู้รับงานไปทำที่บ้านที่จดทะเบียนไว้กับกรมการจัดหางาน มีผลการดำเนินการและมีรายได้จากการรับงานไปทำที่บ้าน หรือมีหลักฐานการรับงานไปทำที่บ้านจากผู้จ้างงาน ซึ่งมีทั้งประเภทบุคคลและกลุ่มบุคคล โดยประเภทบุคคลต้องมีทรัพย์สินหรือเงินทุนไม่น้อยกว่า 5,000 บาท ส่วนประเภทกลุ่มบุคคลจะต้องมีผู้นำกลุ่มและสมาชิกกลุ่มกู้ร่วมกันไม่น้อยกว่า 5 คน  มีทรัพย์สินหรือเงินทุนในการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มรวมกันไม่น้อยกว่า 10,000 บาท รายบุคคลกู้ได้ไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลาชำระคืนภายใน 2 ปี และรายกลุ่มบุคคลไม่เกิน 300,000 บาท 

ระยะเวลาชำระคืนภายใน 5 ปี โดยตั้งแต่ปี 2548 – ปัจจุบัน  มีผู้รับงานไปทำที่บ้านที่จดทะเบียนกับกรมการจัดหางาน จำนวน 1,034 ราย/กลุ่ม สมาชิกจำนวน 5,993 คน และมีผู้กู้เงินจากกองทุนฯแล้ว จำนวน 509 ราย/กลุ่ม (29 ราย/480 กลุ่ม) เป็นเงิน 52,016,000 บาท” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว

"แรมโบ้" ซัด "จตุพร" นัดเคลื่อนไหว ระวัง!ถูกผสมโรง

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ พีส ทอล์ค ชวนประชาชนร่วมระดมความเห็นจัดขบวนความคิด ในวันที่ 4 เมษายน ไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า นายจตุพร ต้องทบทวนการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย เป็นการซ้ำเติมประเทศในขณะที่กำลังประสบปัญหากับการระบาดโควิด-19 

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนประเด็นทางการเมืองการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าไปตามกระบวนการขั้นตอนของรัฐสภาอยู่แล้ว นายจตุพรคงจะเป็นจะตายถ้ารัฐธรรมนูญไม่ได้ดั่งใจ คงเดือดร้อนกว่าการแพร่เชื้อไวรัสโควิดหรืออย่างไร คนตายทั้งประเทศเพราะพิษโควิดไม่เป็นไร ขอให้รัฐธรรมนูญสมดังใจนายจตุพรเอาเช่นนั้นหรือ คิดแค่นี้ก็เห็นแก่ตัวไม่สงสารชีวิตพี่น้องประชาชน 

นายเสกสกล กล่าวว่า ที่ผ่านมานายกฯได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ให้กับประชาชนกับประเทศชาติไปบ้างแล้ว มีการแก้ไขปัญหา และพัฒนาประเทศอย่างไร ไม่ใช่แต่กลัวว่านายกฯ จะสืบทอดอำนาจต่อหรือไม่ ยืนยันว่านายกฯ ให้การสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญตลอดมา ปล่อยให้สมาชิกรัฐสภาว่ากันเองแม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็ปล่อยให้เป็นอิสระ นายจตุพรอย่ากินไม่ได้ถ่ายไม่ออก ไม่ได้อะไรสมดังใจก็ใส่ความแต่นายกฯ 

นายเสกสกล กล่าวว่า ขอเตือนนายจตุพรอีกครั้ง อาจจะมีกลุ่มที่เคลื่อนไหวล้มสถาบันอยู่ในขณะนี้นำเรื่องสถาบันมาผสมโรงกับการเคลื่อนไหวนายจตุพรด้วย และอาจถูกหลอก ถูกใช้เป็นเครื่องมือแบบไม่รู้ตัว  เหมือนเหตุการณ์ในอดีตที่นายจตุพร พาคนเสื้อแดงมาตายไปกี่คน ยังไม่สงสารดวงวิญญาณคนเหล่านั้นหรือ ควรหยุดเคลื่อนไหวได้แล้ว หัดรู้จักเอาบทเรียนมาปรับทัศนคติ ให้รู้จักรับผิดชอบชั่วดี ให้กับชีวิตตนเองบ้างเถิด

"ธนาธร" รุดเข้ารับทราบข้อกล่าวหาไลฟ์เฟซบุ๊กวิจารณ์การจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ยัน ไม่กังวลถูกหมายเรียก ม.112

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เข้าพบ พ.ต.ท.อธิป ดอนนันชัย รองผกก. สน.นางเลิ้ง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหามาตรา 112 ที่ นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษ กรณีไลฟ์เฟซบุ๊กบรรยายหัวข้อ”วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย” ซึ่งมีเนื้อหาวิจารณ์การจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลที่มีความล่าช้า และตั้งข้อสังเกตถึงการถ่ายโอนเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้ามายังบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์

โดยนายธนาธร กล่าวว่า ได้รับหมายเรียกจากการวิจารณ์กลยุทธ์การบริหารจัดซื้อจัดหาวัคซีนโควิด-19 แต่ตนไม่มีความกังวล และยังยืนยันว่า หากกลับไปฟังการอภิปรายจะไม่มีข้อความใดที่ละเมิดข้อหานี้เลย ส่วนกรณีกระทรวงเศรษฐกิจเพื่อดิจิทัลและสังคม (ดีอีเอส) ได้ขออนุญาตศาลให้ถอดเฟซบุ๊กไลฟ์นั้น ศาลชั้นต้นตัดสินให้คงคลิปไว้ได้ ส่วนการแจ้งข้อหาวันนี้ ก็อยู่ที่ตำรวจว่าจะพิจารณาอย่างไร เพราะตนมีเจตนาดีต่อสังคม ซึ่งสิ่งที่พูดไว้เมื่อ 2 เดือนก่อนเป็นจริงแล้วในตอนนี้ หากพึ่งบริษัทใดบริษัทหนึ่งมากเกินไป ก็อาจเป็นความเสี่ยงต่อสังคม

นายธนาธร กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์เกี่ยวกับวัคซีนตอนนี้แบ่งเป็นเรื่องกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจัดหา และเรื่องการฉีด ตอนนี้เรามีวัคซีนค้างสต็อกกว่า 1 ล้านโดสที่ยังไม่ฉีด โดยฉีดไปเพียง 1.5 แสนเข็มตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ. ถึงตอนนี้ ตกวันละ 5,000 โดส แสดงว่าไม่มีประสิทธิภาพในการฉีด หากจะหมด 1 ล้านโดส ต้องใช้เวลา 200 วัน จึงจะหมดสต็อก หากไม่ทวงถามไม่ตรวจสอบประชาชนคงไม่ทราบ เหตุใดไม่รีบฉีดในเมื่อมีวัคซีนในมือ แสดงให้เห็นว่ากระบวนการทั้งหมดมีปัญหา

เมื่อถามว่าคาดคิดหรือไม่ว่าจะต้องมารับทราบข้อกล่าวหาในมาตรา 112 นายธนาธร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ดึงสถาบันมาปกปิดความผิดของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า การถูกหมายเรียกในวันนี้จึงไม่เหนือความคาดหมาย ไม่มีหลักฐานอะไรต้องนำมาชี้แจง เพราะตนบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีประเด็นอะไรที่ก้าวล่วง

นายธนาธร กล่าวอีกว่า วันนี้มีการใช้กฎหมายที่เลือกปฏิบัติแต่ละกลุ่มไม่เหมือนกัน กี่ครั้งแล้วที่มีผู้มาชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล กรณีการสลายชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้า ที่มีความสงบสันติและมีข้อเรียกร้องชัดเจน ต้องเรียกร้องรัฐบาลว่าหากต้องการให้สังคมอยู่อย่างสงบสุข ต้องบังคับใช้กฎหมายให้เสมอภาค

ด้าน พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบ.ช.น. กล่าวว่า กรณีนี้เป็นกรณีที่นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งความร้องทุกข์กับ สน.นางเลิ้ง ว่านายธนาธรกระทำความผิดโดยได้วิพากย์วิจารณ์เรื่องวัคซีนในเฟซบุ๊ก ซึ่งพนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานที่เชื่อว่านายธนาธรได้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และมาตรา 112 ซึ่งวันนี้เมื่อรับทราบข้อกล่าวหาเสร็จก็ไม่ได้ควบคุมตัว และจะให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก เล่าถึงบรรยากาศในห้องพิจารณาคดี หลัง ‘รุ้ง-ไมค์’ ได้ร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจกับกระบวนการยุติธรรม จนตัวเองต้องอดร้องด้วยไม่ได้ว่า...

นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก เล่าถึงบรรยากาศในห้องพิจารณาคดี หลัง ‘รุ้ง-ไมค์’ ได้ร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจกับกระบวนการยุติธรรม จนตัวเองต้องอดร้องด้วยไม่ได้ว่า...

สมยศ พฤกษาเกษมสุข แถลงว่า การไม่ให้ประกันตัวเป็นอุปสรรคในการต่อสู้คดี และไม่เป็นธรรม เพราะท้ายที่สุดแล้วต่อให้ศาลพิพากษายกฟ้อง ระหว่างต่อสู้คดีตนเองก็คงต้องติดคุก

ไปแบบนี้เรื่อย ๆ ขอให้ศาลมอบโทษประหารชีวิตให้เพื่อยุติปัญหา เขาพร้อมพลีชีพสังเวยความไม่ยุติธรรม

ด้าน ไมค์ ภานุพงศ์ ร้องไห้น้ำตาไหล เพราะมันคับแค้นจุกแน่นอยู่ในอก ถึงความไม่ยุติธรรม

ไมค์ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ชนิดที่แม่ของเขาเองก็ยังแปลกใจ

“มันไม่เป็นธรรมกับเราเลยนะพี่ ไมค์ไม่ได้กลัว จะติดก็ติดไป แต่อยากได้เพียงความยุติธรรมแค่สิทธิในการประกันตัวเรายังไม่ได้ เราจะได้ความยุติธรรมจริง ๆ หรอพี่”

ขณะที่ เพนกวิน เข้ามาในห้องพิจารณา ร่างกายซูบผอมลงไปเยอะ อิดโดยเต็มที ใบหน้าซีดขาว แขนข้างซ้ายของเขามีสายระโรงระรางเต็มไปหมด ใช่ มันคือสายน้ำเกลือ แขนของเขาถูกเจาะเพื่อใส่น้ำเกลือลงไป เขาไม่มีเรี่ยวแรงจะพูดจาสื่อสาร เพราะอดอาหารประท้วงทวงคืนสิทธิขั้นพื้นฐานในการประกันตัวมาแล้วกว่า 14 วัน

รุ้ง ปนัสยา กล่าวแถลงด้วยน้ำตา สรุปความได้ว่า หนูเป็นเพียงแค่นักศึกษา อายุแค่ 22 ปี

หนูฝันถึงสังคมและอนาคตที่ดีกว่า การที่หนูออกมาใช้สิทธิเสรีภาพเคลื่อนไหวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหนูผิดอะไร หนูกับเพื่อนอีกหลายคนไม่ได้ประกันตัว พวกเราถูกบังคับไม่ให้มีโอกาสนั้น

หนูกลัวค่ะ หนูกลัวว่าเพื่อนหนูจะเป็นอะไรไป หนูบอกเพนกวินว่า หนูกลัวมันตาย แต่เพนกวินตอบว่า ถ้าจะตายก็ให้ตายไป หนูคิดมาตลอดว่า “เราสู้เพื่ออยู่ ไม่ได้สู้เพื่อตาย แต่ถ้าจะมีใครตาย ก็ขอให้ตายเพื่อคนที่ยังอยู่”

และวันนี้หากไม่ได้รับสิทธิประกันตัวอีก จะขอประกาศอดอาหารด้วย โดยจะเริ่มจากการรับประทานวันละมื้อ และลดลงเหลือรับประทานแค่น้ำ นม และสารอาหาร

“ขอให้การตายของเราเป็นสายธารนำความหวังสู่สังคม”

ผมนั่งเงียบฟังเสียงรุ้งแถลง...

ก้มหน้าก้มตาไม่ได้หันมองใคร...

น้ำตามันไหลออกมาแบบกลั้นไม่อยู่...

นับเป็นครั้งที่สองที่ผมมีน้ำตาในห้องพิจารณา…

ที่มา: https://www.nationtv.tv/main/content/378819670


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

ตัวแทนกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) แจ้งความเอาผิด ม.112 ‘มายด์ ภัสราวลี’ ปราศรัยม็อบแยกราชประสงค์ ด้านรอง ผกก.(สอบสวน) สน.ลุมพินี เรียกรับทราบข้อกล่าวหา 8 เม.ย.นี้

นายจักรพงศ์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) แจ้งความกับ ร.ต.ท.เมธาธาร สุขม่วง รอง สว.(สอบสวน) สน.ลุมพินี ให้เอาผิด น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ แกนนำกลุ่มมหานครเพื่อประชาธิปไตย จากการปราศรัยจาบจ้วงสถาบันที่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 โดยนำหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ คำถอดเทปการปราศรัยมามอบให้กับพนักงานสอบสวน

นายจักรพงศ์ กล่าวว่า ผู้ที่ปราศรัยในวันดังกล่าว มีนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ และ น.ส.เบนจา อะปัญ แต่ในวันนี้จะเน้นเอาผิด น.ส.ภัสราวลี หรือมายด์ ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เนื่องจากมีการพูดปราศรัยเกี่ยวกับสถาบันที่ทำร้ายจิตใจคนไทยที่จงรักภักดีต่อสถาบันทั้งประเทศ จึงเป็นตัวแทนผู้ที่รักสถาบัน ทำหน้าที่รวบรวมหลักฐานภาพและคลิปวิดีโอมาถอดถ้อยคำปราศรัยในวันดังกล่าวมาประกอบการแจ้งความในวันนี้ เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อไปว่า การกระทำดังกล่าวนั้นสมควรแล้วหรือไม่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบหลักฐานของตำรวจว่าจะมีผู้ใดกระทำผิดเข้าข่ายข้อหานี้อีกหรือไม่

ด้าน พ.ต.ท.สมัคร ปัญญาวงศ์ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.ลุมพินี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีประชาชนมาแจ้งความให้ดำเนินคดีในความผิดตาม ม.112 ไว้แล้ว ซึ่งที่ประชุมชุดสืบสวนสอบสวน ได้พิจารณาประกอบกับข้อหาอื่นๆ ที่เตรียมแจ้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรค ไว้ก่อนหน้านี้ จึงรวมสำนวนและออกหมายเรียกแกนนำผู้ชุมนุมกับแนวร่วมมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 8 เม.ย.นี้


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ

“อนุทิน" รับกังวลเทศกาลสาดสีเชียงใหม่ หวั่นแพร่ระบาดโควิด-19 ลั่น!ใครอนุญาตต้องรับผิดชอบ

วันที่ 30 มีนาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีเทศกาลสี HOLE Festival เฉลิมฉลองแบบอินเดียที่ไนท์บาซาร์ จ.เชียงใหม่ว่า ตนก็เป็นกังวล ต้องรีบหารืออธิบดีกรมควบคุมโรค และปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่า เป็นการอนุญาตจัดงานแบบนี้อยู่บนพื้นฐานอะไร เพราะการติดเชื้อโควิด-19 ไม่ได้อยู่ที่ว่าไม่ได้สาดน้ำแต่มาสาดสีจะไม่ติดเชื้อ แต่ที่ติดเพราะเป็นการรวมตัวของผู้คน มีการกระจายละอองฝอยลมหายใจกัน ซึ่งต้องเช็คดูก่อน เพราะตนเพิ่งทราบเมื่อเช้านี้ ส่วนที่บางคนบอกว่าสาดสี ไม่ได้สาดน้ำ ความจริงแล้วมันก็เหมือนกัน มันไม่ได้เกี่ยวว่าสาดอะไร มันเกี่ยวกับการเข้ามารวมกลุ่มกันมากกว่า ซึ่งตนก็ถามไปว่าใส่หน้ากากอนามัยกันหรือเปล่า ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ได้ใส่ ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็มีโอกาสยุ่ง

เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะทำให้เป็นบรรทัดฐานขยายไปทั่วประเทศหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องเช็คดูก่อนว่าเขามีมาตรการป้องกันอย่างไร แต่เรื่องการอนุมัติ อนุญาตอะไรต่าง ๆ ก็ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ในแต่ละจังหวัดก็เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ได้อนุมัติโดยรัฐบาล ดังนั้น ผู้ว่าฯต้องประเมินสถานการณ์ และว่ากันเป็นกรณี ๆ ไป แต่ที่จ.เชียงใหม่ มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วที่ร้านวอร์ม อัพ คาเฟ่ ฉะนั้นก็ต้องระวัง เพราะเชื้อมันยังอยู่ เมื่อถามว่า แบบนี้ต้องกำชับผู้ว่าฯเรื่องการจัดงานหรือไม่ คงไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ไปกำชับผู้ว่าฯ ตนมีอำนาจในการกำชับปลัดกระทรวงสาธาณณสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค และสาธารณสุขจังหวัด ซึ่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อ โดยมีผู้ว่าฯเป็นประธาน ซึ่งขั้นตอนตนก็จะไปตามขั้นตอนของตนก่อน เรื่องนี้เป็นอำนาจอยู่ที่ผู้ว่าราชการจังหวัด ใครอนุญาตไปก็ต้องรับผิดชอบ

รมว.วัฒนธรรม ยอมรับ ไม่สบายใจ กรณีเทศกาลสาดสีเชียงใหม่ ไม่สวมแมส ไม่เว้นระยะ หวั่นเกิดคลัสเตอร์ใหม่ ฝากทุกจังหวัดเข้มมาตรการ

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม กล่าวถึงเทศกาลสาดสี HOLI Festival เฉลิมฉลองแบบอินเดียที่ไนท์บาซาร์ จ.เชียงใหม่ที่ผ่านมา โดยไม่มีการเว้นระยะห่าง จนมีความกังวลว่าจะเป็นคลัสเตอร์ใหม่ว่า เป็นเทศกาลของอินเดีย เป็นการเปลี่ยนฤดูกาลจากฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูร้อน และในทุกปีชาวอินเดียทั่วโลกจะมีการจัดเทศกาลนี้ ตามความเชื่อถือเป็นการขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องสุขภาพ

ซึ่งก่อนหน้าจะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็มีการขออนุญาตจัดกิจกรรมในชุมชนชาวอินเดียหลายจังหวัด เช่น พัทยา จ.ชลบุรี หรือที่จ.เชียงใหม่ที่เกิดกรณี โดยในเทศกาลจะมีการสาดแป้งฝุ่นสีสันต่างๆ แต่จากภาพที่ออกมาทำให้ทุกคนมีความกังวลใจ เพราะไม่ได้มีการใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ไม่มีการเว้นระยะห่าง

ในส่วนนี้ศบค.เอง เห็นถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เป็นกรณีตัวอย่างก่อนที่จะถึงเทศกาลสงกรานต์ อย่างไรก็ตาม ส่วนความเป็นห่วงว่าจะมีผู้ติดเชื้อหรือเกิดคัตเตอร์ใหม่นั้น ก็ต้องติดตาม แต่ตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้น ทั้งนี้ กรณีเทศกาลสาดสีที่เกิดขึ้นเป็นการจัดโดยภาคเอกชน แต่ไม่ได้มีการขออนุญาตมาถึงกระทรวงวัฒนธรรม และตนได้มาเห็นตอนเมื่อปรากฏภาพแล้ว และเมื่อเห็นตนไม่สบายใจกับภาพที่เกิดขึ้น เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้เกิดปัญหาอะไรขึ้นมา แต่ต้องเฝ้าระวังไม่ให้เกิดขึ้นต่อไป

จึงฝากทุกจังหวัดในช่วงต้นเดือน เม.ย.นี้เป็นต้นไป จะมีกิจกรรมก่อนสงกรานต์ค่อนข้างมาก จึงขอฝากทุกชุมชน ทุกๆพิธีการที่จะมีการจัดกิจกรรมในช่วงหลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญหรือขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หลากหลายรูปแบบ ขอให้เน้นมาตรการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดจะเข้าไปดูแลด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเด็นนี้จะนำมาหารือในที่ประชุมศบค.หรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า ศบค. ได้เคยมอบหมายคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพิจารณาเป็นกรณี ฉะนั้นกิจกรรมที่คล้ายกับเทศกาลสาดสี แต่ละจังหวัดต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน ส่วนข้อปฏิบัติต่าง ๆ กระทรวงวัฒนธรรมได้ออกเป็นภาพการ์ตูน รวมถึงได้ออกประกาศของกระทรวงวัฒนธรรม เป็นข้อปฏิบัติเกี่ยวกับสงกรานต์ เน้นย้ำว่าสงกรานต์ปีนี้ไม่สาดน้ำ ไม่ประแป้ง แต่ยังจัดได้ตามประเพณี รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ สรงน้ำพระ

เมื่อถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นยังไม่ถือว่ามีความผิดใช่หรือไม่ นายอิทธิพล กล่าวว่า กรณีนี้เป็นความเสี่ยง แต่ต้องไปดูในประกาศของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดของแต่ละจังหวัด ว่ามีการกำหนดเหมือนกับกทม.หรือไม่ ว่าหากจัดตั้งแต่ 300 คนขึ้นไปต้องขออนุญาต จึงต้องไปดู


สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top