Monday, 17 March 2025
POLITICS

‘บิ๊กตู่’ แจงทุกเรื่อง!! ลั่นหยุดสักทีพวกเที่ยวที่อโคจร!! เตือนนักการเมืองเป็นบทเรียน บอกตัวเองไม่เคยไปมาหลายสิบปี ส่วนตอนหนุ่มๆ คนละเรื่อง พร้อมขู่ฟ้องคนโยง ‘ไทยคู่ฟ้าคลับ’ ยันไทยไม่ได้ฉีดวัคซีนช้ากว่าใคร แจงต้องยึดความปลอดภัย

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังร่วมกับคณะแพทย์ ประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารป้องกันโควิด-19 (ศบค.) ชุดเล็กว่า ขอให้พวกเราทุกคนระวังตัวไว้ด้วยกับสถานการณ์ในวันนี้ ซึ่งการที่ตนบอกว่าอะไรจะเกิดมันต้องเกิดนั้น เพราะตราบใดที่ยังควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ทั้งหมด เมื่อเกิดปัญหาก็ต้องแก้ไขกันต่อไปไม่มีอะไรจบปุ๊บปั๊บ เพราะเป็นเรื่องเชื้อโรค เราต้องมองไปข้างหน้าด้วยว่าหลังโควิดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นอีก เช่น เชื้อสายพันธุ์ใหม่

นายกฯ ย้ำว่าตนให้ความสำคัญทุกช่วงให้เมื่อยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งวันนี้ได้พูดคุยทำความเข้าใจกันกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข รวมทั้งได้เชิญตัวแทนโรงพยาบาลเอกชน มาด้วย โดยหารือหลักการนำเข้าวัคซีนเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง แต่ปัญหาคือต้องไปแก้ไขเรื่อง อย.และเภสัชด้วย เพื่อพิจารณาการนำเข้าวัคซีน เพราะย้ำว่าเป็นการใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงให้ไปหาทางว่าจะเอาเข้ามาได้อย่างไร เพื่อเป็นวัคซีนทางเลือก วันนี้เราจึงเดินหน้าเรื่องวัคซีนทางเลือก โดยหารือกับผู้ผลิตด้วย เพราะมีหลักการหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนยินดีที่โรงพยาบาลเอกชนจำนวนมากอยากหาวัคซีนช่วยรัฐบาล ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยปิดกั้นอยู่แล้ว แต่มีปัญหาในเรื่องการนำเข้า ซึ่งเกี่ยวกับต่างประเทศด้วย จึงต้องไปปลดล็อคตรงนี้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมามีวัคซีนเข้ามาแล้ว 3.5 แสนโดส และในเดือนเม.ย.นี้ จะเข้ามาเพิ่มเติม 1.5 ล้านโดส และจะเข้ามาตามลำดับ เว้นแต่มีปัญหาที่ต้นทาง ซึ่งจะควบคุมได้ยาก ส่วนที่จำนวนผู้ติดเชื้อมีเพิ่มขึ้น 300-400 ที่ทำให้ตระหนกกันนั้น ยืนยันว่าเราควบคุมได้ โดยหาตัวมาเข้าสถานกักตัว เข้ารับการรักษา และเตรียมโรงพยาบาลสนาม ซึ่งเตรียมการไว้ทั้งหมด หากสถานการณ์แพร่ระบาดมากขึ้น

ย้ำว่านายกฯ ไม่เคยทอดทิ้งใคร ขณะเดียวกันวันนี้ได้ข่าวว่ามีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หมอและพยาบาลติดเชื่ออีก ดังนั้นทำอย่างไรไม่ให้มีการระบาดในโรงพยาบาลจึงต้องมีโรงพยาบาลสนามไว้ตรวจคัดกรอง นอกจากนี้ยืนยันว่าน้ำยาตรวจมีเพียงพอ ไม่มีปัญหาอะไร

นายกฯ กล่าวย้ำว่า วันนี้ขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวเองเว้นระยะห่างสวมหน้ากากและล้างมือและเว้นไปในที่อโคจร ระมัดระวังตัวเอง ซึ่งตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไปสั่งห้ามคนไม่ให้ไปไม่ได้ มีอย่างเดียว คือ สั่งปิดสถานบริการ ซึ่งวันนี้ สั่งปิดเพิ่มอีกใน 41 จังหวัดตามมาอีก แล้วใครเดือดร้อน ซึ่งเราโทษใครไม่ได้ แต่ทุกคนต้องทำเพื่อคนไทยซึ่งนายกฯ เข้ามาเพื่อแบบนี้

นอกจากนี้ในพื้นที่เสี่ยง กลุ่มเสี่ยงและกิจกรรมเสี่ยง ต้องได้รับการดูแลโดย สงกรานต์ปีนี้ขอให้เป็นสงกรานต์ปลอดภัย เป็นแบบ New Normal การไปรดน้ำพระหรือไปที่ที่มีคนจำนวนมากยังอันตรายทั้งหมด จึงขอให้รดน้ำคนที่บ้าน สิ่งสำคัญนอกจากไหว้พระแล้ว ต้องทำกุศลให้คนอื่นปลอดภัยด้วย มีจิตสำนึกรู้คิด รู้ทำ รู้ปฏิบัติ นอกจากนี้ยังมีความเป็นห่วงในช่วงรอมฎอนด้วย ขอให้ระมัดวังที่สุด เพราะสถานการณ์โควิดทั่วโลกยังไม่หยุด มีคนติดเพิ่มเป็นหมื่น ๆ บางประเทศตายเป็นแสน ๆ แต่ของเราไม่ได้จะว่ามากหรือน้อย เพราะชีวิตคือชีวิต

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการฉีดวัคซีนอย่ามองว่าฉีดช้าหรือเร็ว ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนที่มีอยู่ ทั้งนี้หลายประเทศไม่ต้องจัดหา วัคซีนเองด้วยซ้ำ เช่นประเทศมีรายได้ร้อย แต่เป็นการฉีดให้ทดลองก่อนแล้วเรากล้าหรือไม่ ดังนั้นไม่ใช่ช้ากว่าเขา ถ้าวัคซีนมีฉีดได้หมด แต่เราไม่ใช่วัคซีนบริจาคซื้อเอง เพราะเรารายได้ปานกลาง ค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันวันนี้เราต้องบริหารความเข้าใจให้ได้ลดความแตกแยก เพราะทุกคนเป็นคนไทยและสำคัญทั้งหมด ซึ่งตนเองในมุมหนึ่งเป็นนายกฯและนักการเมือง แต่ก็เป็นประชาชนเหมือนทุกคน

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันได้ตั้งคณะทำงานโดยมี นพ.ปิยสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาศูนย์ศบค. เป็นประธานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพิจารณาจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมและบริหารการฉีดวัคซีน โดยต้องฉีดให้ได้ อย่างน้อย 45 ล้านคนทั้งประเทศ

เมื่อถามถึง ความเป็นไปได้ในการลดขั้นตอนการนำเข้าวัคซีนของ ภาคเอกชนได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนพร้อมที่จะลดขั้นตอน แต่ต่างประเทศเขาไม่ยอมลด เพราะมีมาตรฐานที่ทั้งโลกต้องดำเนินการ แต่ปัญหาหลักคือตอนนี้ต่างประเทศจะขายให้เราหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้ก็มีการแย่งวัคซีนกัน ยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้ดำเนินการช้าไปกว่าประเทศอื่น อย่างในประเทศอินเดียที่เป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่จากบริษัทแอสตราเซเนกา ยังประสบปัญหาผลิตไม่ทัน เพราะคนติดเชื้อมากขึ้น ส่วนสถานการณ์การติดเชื้อภายในประเทศไทยก็มีมากขึ้น แต่ที่สำคัญคือต้องไม่เจ็บและไม่ตาย รักษาให้ได้ ซึ่งขณะนี้ยารักษาภายในประเทศนั้นเพียงพอ ส่วนวัคซีนนั้นสามารถป้องกันได้ แต่ไม่ใช่ป้องกันได้ 100% เป็นเพียงการเพิ่มภูมิต้านทานให้ติดเชื้อยากขึ้น ไม่ใช่ว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไปในสถานที่อโคจร ไม่เช่นนั้นก็ติดอยู่ดี

ส่วนเมื่อถามถึงกรณีที่โรงพยาบาลเอกชนไม่รับตรวจโควิด-19 นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เกิดจากสาเหตุเตียง โรงพยาบาลเอกชนไม่เพียงพอ หากรับตรวจเมื่อพบว่าติดเชื้อก็ต้องรักษา จึงต้องนำผู้ป่วยนี้ดึงออกมาอยู่ในโรงพยาบาลสนาม และยืนยันว่าขณะนี้เองโรงพยาบาลเอกชนสามารถตรวจได้แล้วและมีน้ำยาเพียงพอ พร้อมอธิบายว่าหากรับผู้ป่วยที่ติดเชื้อทั้งหมดจะไม่สามารถรักษาโรคปกติได้ ซึ่งต้องมีการบริหารคนหมู่มาก

ส่วนแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นเพียงแผน หากดำเนินการไม่ได้ก็ไม่ทำตามแผน ซึ่งหากจะบังคับใช้ได้จริงจะต้องออกมาเป็นคำสั่งไม่ใช่แผน รวมถึงการเจรจากับประเทศ เช่น มีวัคซีนพาสปอร์ตหรือไม่ พร้อมย้ำว่าแผนการเปิดประเทศไม่ใช่เปิดโล่งทั้งหมด ต้องดูด้วยว่าประเทศเพื่อนบ้านเขาเปิดหรือไม่ ทุกวันนี้ต้องย้ำเรื่องเศรษฐกิจค้าขายเป็นหลัก ทั้งต้องเตรียมวัคซีนให้พร้อมในพื้นที่ท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งทำอะไรต้องเป็นกลางเสมอ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เท่าเทียม รับฟังความคิดเห็นว่าสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้บ้าง ไม่ใช่เพียงแค่คิดแล้วสั่งโครมๆ ลงไปเลย

ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ที่นักการเมืองหรือรัฐมนตรีบางคนยังเดินทางไปที่อโคจร รัฐบาลจะเรียกความเชื่อมั่นได้อย่างไรนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไก่เกิดก่อนไข่หรือไข่เกิดก่อนไก่ ใครจะไปที่ไหนมาก็รู้ตัวอยู่แล้ว รัฐบาลจะไปห้ามก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล วันนี้ตนมองว่าเป็นบทเรียนพอสมควรแล้ว ขอให้หยุดกันเสียที เพราะหากใครติดเชื้อก็ต้องรักษา ซึ่งเป็นบทเรียนว่าสถานที่อโคจร ไม่ควรไป เพราะนายกฯ ก็ไม่เคยไปไหนเลยกว่า 10 ปีแล้ว ไม่เคยออกจากบ้านไปไหนเลย แต่สมัยหนุ่มๆ ก็คงคนละเรื่อง แต่ไม่ไปขนาดนี้

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงรัฐมนตรีคนอื่น ๆ ว่า มีการรายงานการกักตัวเข้ามาให้ทราบ ซึ่งเขาก็โอเค และตนได้สั่งการให้ทำงานอยู่ที่บ้าน ผ่านการประชุมระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ สั่งงานผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ไม่ใช่ 14 วันและจะหายไปเลย ทุกคนมีความรับผิดชอบ ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเวลาใดก็รับผิดชอบ จึงขอทุกคนรับผิดชอบไปกับตนเองด้วยรวมถึงสื่อมวลชนด้วยว่าจะทำยังไงให้บ้านเมืองสงบ

ส่วนกรณี ที่รัฐสภามีการเลื่อนพิจารณาร่างประชามตินายกรัฐมนตรีย้อนถามว่าเพราะอะไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็เพราะมีการติดเชื้อโควิด ซึ่งตนจะไปบังคับใครไม่ได้เนื่องจากเป็นเรื่องของสภาฯ เมื่อมีการระบาดสมาชิกก็กลัวจะติดไปด้วย ยืนยันว่าตนจะไม่เข้าไปยุ่งกรณีที่ร่างพ.ร.บ. ฉบับนี้จะผ่านหรือไม่ผ่าน เพราะหลายอย่างที่เสนอผ่านรัฐบาลไปแล้วเป็นสิ่งที่เห็นชอบและจะไปควบคุมไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายอะไร เพราะทุกคนมีความคิดไม่ต้องไปสั่งเขา

ส่วนการออกมาตรการของจังหวัดที่ออกมาควบคุมป้องกันการแพทย์ระบาดนั้น นายยกรัฐมนตรี กล่าวว่า มี 2 อย่าง คือ จังหวัดจะจัดการพื้นที่อย่างไรที่มีการระบาดอย่างไร และจะเข้าไปอย่างไร และอีกประการคือคนที่จะเข้าไป มาจากพื้นที่ใดบ้าง ทั้งนี้ต้องคำนึงด้วยว่า การเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ถึงจังหวัดปลายทางจะรับหรือไม่ ส่วนจะเพิ่มพื้นที่หรือไม่ ศบค. จะเป็นผู้แถลงชี้แจง และในวันนี้ สถานบันเทิงก็มีปิดตัวลงและได้รับความเดือดร้อนด้วย อีกทั้งตนยังได้สั่งตำรวจดูแลในเรื่องของอุปกรณ์การตรวจวัดแอลกอฮอล์ในจุดตรวจด่านแอลกอฮอล์เพื่อลดการแพร่ระบาดด้วย โดยยืนยันว่ามีการเปลี่ยนหลอดเป่าอยู่ตลอดไม่ใช่การเป่าปี่หรือดูดแต่อย่างใด

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง กรณีที่มีการโยงสถานบันเทิงกับตึกไทยคู่ฟ้าว่า กำลังสั่งการให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาว่าผิดกฎหมายหรือไม่ การใช้คำว่าไทยคู่ฟ้า ไปทำโน้นทำนี้ คงไม่ใช่ ขอให้ระวังกันด้วย

‘อรรถวิชช์’ ขอ กทม. เร่งส่งหนังสือเวียนชุมชนต่าง ๆ งดจัดกิจกรรมต่าง ๆ ช่วงสงกรานต์โดยเฉพาะกิจกรรมกับผู้สูงอายุ ป้องกันเสี่ยงรวมตัวระบาดโควิด-19

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ในฐานะดูแลกลุ่ม กทม. พรรคกล้า กล่าวถึงกรณีที่กรุงเทพมหานคร ประกาศงดจัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์ที่ลานคนเมือง และกิจกรรของสำนักงานเขตรวมถึงหน่วยงานในสังกัด เพื่อป้องกันการรวมตัวเสี่ยงระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 แต่ยังไม่ชัดเจนว่าการจัดงานในชุมชนของกรุงเทพมหานคร ยังต้องดำเนินการต่อไปหรือไม่ หลายชุมชนเดินหน้าเตรียมงาน เพราะเข้าใจว่ายังสามารถจัดกิจกรรมเทศกาลสงกรานต์ได้อยู่ จึงขอให้กรุงเทพมหานคร เร่งส่งหนังสือเวียนถึงชุมชนทั้ง 2,016 ชุมชน งดจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคระบาดที่กำลังแพร่เชื้ออย่างรวดเร็วในขณะนี้

"แม้จะมีการประกาศงดจัดกิจกรรมของ กทม. เองในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้การจัดกิจกรรมใหญ่ ๆ หลายพื้นที่ต้องประกาศงดไป แต่ตามชุมชนหลายพื้นที่ยังเข้าใจว่าสามารถจัดกิจกรรมได้ จึงอยากให้ทาง กทม. เร่งส่งหนังสือเวียนขอให้ชุมชนต่าง ๆ งดจัดกิจกรรม และเพื่อความรวดเร็ว สำนักงานเขตก็สามารถส่งหนังสือเวียนผ่าน Line แจ้งต่อชุมชนหรือผู้นำชุมชน หรือให้ฝ่ายพัฒนาชุมชน โทรหาผู้นำชุมชนเร่งกระจายข่าวให้ทราบโดยเร็ว ซึ่งสามารถทำได้ทันที เพื่อ หลีกเลี่ยงการรวมตัวกัน ป้องกันการระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19" นายอรรถวิชช์ กล่าว

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน ประจำวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2564

สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยและอาเซียน
ประจำวันที่ 9 เมษายน พ.ศ.2564

แรงงาน เตือนลดเสี่ยงเพลิงไหม้ ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าก่อนหยุดยาว พร้อมย้ำดูแลตัวเอง ลดเสี่ยงโควิด-19  

กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเตือนระวังเหตุเพลิงไหม้ในช่วงสงกรานต์ ขอความร่วมมือลูกจ้าง นายจ้าง และสถานประกอบกิจการเตรียมการป้องกันและตรวจสอบเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดก่อนหยุดยาว พร้อมย้ำสำหรับแรงงานที่เดินทางออกต่างจังหวัด ควรขับรถด้วยความระมัดระวังและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด 

นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยในความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของลูกจ้าง นายจ้าง และสถานประกอบกิจการ ในช่วงวันหยุดยาวตั้งแต่วันที่ 10 - 15 เมษายน 2564 เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ โดยสถานประกอบกิจการส่วนใหญ่จะกำหนดให้เป็นวันหยุดยาวต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกจ้างได้กลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัว และร่วมกิจกรรมตามประเพณีนิยมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาในช่วงเวลาดังกล่าว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและป้องกันการเกิดอัคคีภัย จึงได้ขอความร่วมมือนายจ้าง ลูกจ้าง ในสถานประกอบกิจการ ตรวจสอบเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ปลอดภัย หากพบว่าชำรุดต้องซ่อมแซมทันที รวมทั้งปิดเครื่องจักร อุปกรณ์ไฟฟ้า และระบบต่าง ๆ ที่ไม่ได้ทำงานให้เรียบร้อย นอกจากนี้สถานประกอบกิจการ ต้องจัดให้มีอุปกรณ์ดับเพลิง สัญญาณแจ้งเหตุให้พร้อมสำหรับการใช้งานเพื่อจะได้ช่วยลดความเสียหายกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ได้

อธิบดี กสร. กล่าวต่อว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยังห่วงถึงสวัสดิภาพของพี่น้องผู้ใช้แรงงานและนายจ้างที่เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอให้ขับรถด้วยความระมัดระวัง มีสติ ไม่ประมาท ทั้งคนขับและผู้โดยสารต้องไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะเดินทาง และขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่แต่ละสถานประกอบกิจการขอความมืออย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการรับเชื้อหรือแพร่กระจายเชื้อไปสู่บุคคลอื่น โดยสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง ล้างมือด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัดและไปในพื้นที่เสี่ยง ทั้งนี้ขออวยพรให้ประชาชนทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ สุขภาพแข็งแรง พร้อมที่จะกลับปฏิบัติหน้าที่การงานต่อไป

DSI ลงพื้นที่บุกอายัดที่ดิน เครือข่ายอดีตผู้บริหารสหกรณ์สโมสรรถไฟ กับพวก ในพื้นที่ กรุงเทพฯ นนทบุรี อำเภอเมืองเพชรบุรี และ อำเภอแก่นกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา ได้สอบสวนขยายผลบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในการพิสูจน์การได้มาของทรัพย์สิน (ที่ดิน) โดยการเชื่อมโยงเส้นทางทางการเงินกับทรัพย์สิน ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเครือข่ายอดีตผู้บริหาร สหกรณ์สโมสรรถไฟ ที่ได้นำเงินจากการทุจริตออกจากบัญชีสหกรณ์สโมสรรถไฟ และนำเงินที่ได้จากการทุจริตไปเปลี่ยนสภาพแห่งตัวทรัพย์ เพื่อซุกซ่อน ปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินหรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิดหรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา หรือได้มา ครอบครองหรือใช้ทรัพย์สินโดยรู้ในขณะที่ได้มา อันเป็นเหตุในการเข้าทำการตรวจยึด/อายัดทรัพย์สินข้างต้น

วันที่ 9 เมษายน 2564 พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พันตำรวจโท สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองอธิบดีที่กำกับดูแล พันตำรวจโท จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการพิเศษ นายระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา นายธวัชชัย รัตนปรีชาชัย รองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา และนายพงษ์ธวัช อ่วมสำอางค์ ผู้อำนวยการส่วนคดีการฟอกเงินทางอาญา 3 พร้อมคณะ ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบุรี (สาขาท่ายาง) และนายประกอบ เผ่าพงศ์ ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ลงพื้นที่ร่วมกันอายัดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างหลายพื้นที่ ประกอบด้วย

(1) ที่ดินเขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร จำนวน 6 แปลง

(2) อาคารชุดฮอลส์มาร์ค แจ้งวัฒนะ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จำนวน 7 ห้อง

(3) ที่ดินโครงการพฤกษ์พิมาน 3 ตำบลนาวุ้ง อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 23 แปลง

(4) พื้นที่อำเภอแก่นกระจาน จังหวัดเพชรบุรี จำนวน 49 แปลง

รวมทรัพย์สินที่ทำการอายัด 85 แปลง มูลค่าประมาณ 85,601,690 บาท โดยในการอายัดครั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ตรวจสอบเส้นทางทางการเงินของกลุ่มบุคคล จึงมีเหตุให้เชื่อได้ว่านำเงินที่ได้จากสหกรณ์ฯ ไปซื้อที่ดิน ตามที่ได้อายัดไว้ข้างต้น 

การดำเนินการครั้งนี้ เพื่อเป็นการสนองตอบต่อนโยบายของรัฐบาล และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่มุ่งเน้นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเร่งดำเนินการกับทรัพย์สินของผู้กระทำความผิดอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่อง และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และสามารถนำเงินชดใช้คืนสหกรณ์สโมสรรถไฟ และสมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เพื่อเยียวยาให้กับผู้เสียหาย ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะดำเนินการในทุกมิติ โดยร่วมกับสำนักงาน ปปง. เพื่อทำการการยึด/อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด 

เพื่อขอให้พนักงานอัยการมีคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดคืน หรือชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหาย ตลอดจนสมาชิกสหกรณ์จำนวนกว่า 6,000 ราย และสหกรณ์พันธมิตรอีก 15 แห่ง โดยจะดำเนินการเชิงบูรณาการร่วมกับ สำนักงาน ปปง. ควบคู่กันไป เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย และสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน ส่งผลสัมฤทธิ์ในทางปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 อย่างเด็ดขาด ต่อไป

โฆษกกองทอ. เผยเตรียมพร้อมโรงเรียนการบิน กำแพงแสน เป็นโรงพยาบาลสนาม ประมาณ 100 เตียง หนุนรัฐบาลรับมือสถานการณ์โควิดฯระบาดเพิ่ม ขณะที่ “บิ๊กแอร์บูล” เตือนกำลังพลห้ามไปพื้นที่เสี่ยง แต่ไม่ห้ามกลับภูมิลำเนา/ช่วงสงกรานต์ พร้อมเปิด10 รพ.สนามในเขต กทม.และปริมณฑล

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงกลาโหมสั่งการให้ทุกเหล่าทัพเตรียมพร้อมโรงพยาบาลสนามและเตียงสนาม เพื่อรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดเพิ่มเติมต่อเนื่องว่า กองทัพอากาศได้เตรียมความพร้อมโรงเรียนการบิน กำแพงแสน จ.นครปฐม ไว้เป็นโรงพยาบาลสนาม โดยมีการเตรียมเตียงสนามไว้ประมาณ 100 เตียง  ซึ่งสถานที่ดังกล่าวเคยใช้เป็นพื้นที่กักตัว หรือ state quarantine ที่ทางรัฐบาลจัดไว้ เพื่อกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ

ซึ่งก็ได้มีการปรับพื้นที่เป็นโรงพยาบาลสนาม ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดทางกองทัพอากาศก็ได้เตรียมเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ไว้คอยสนับสนุนทุกจังหวัด หากมีการประสานงานร้องขอมา เราก็พร้อมให้ความช่วยเหลือเต็มที่ ขณะที่ในพื้นที่ส่วนกลางมีโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช สังกัดกรมแพทย์ทหารอากาศ ยังคงดำเนินการรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และพร้อมให้การรักษาอยู่ ซึ่งจากการประสานกับเจ้ากรมแพทย์ทหารอากาศล่าสุดทราบว่าโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชยังไม่ประสบปัญหาเรื่องการขาดแคลนน้ำยาตรวจเชื้อโควิด-19 


พล.อ.ท.ฐานัตถ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้มีคำสั่งแจ้งเตือนกำลังพลทุกนายไม่ให้เดินทางไปพื้นที่เสี่ยงหากไม่จำเป็น รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชากำชับผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองต้องปฏิบัติตัวและดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และขอความร่วมมืออย่าเพิ่งเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงนี้ แต่ก็ไม่ได้ห้ามกำลังพลกลับภูมิลำเนาไปเยี่ยมครอบครัว ซึ่งเน้นย้ำว่าต้องบันทึกไทม์ไลน์ของตนเองอย่างเคร่งครัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแผนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามของกระทรวงโหม จากการสนับสนุนของเหล่าทัพ เพื่อรองรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลโดยรอบ (ระยะทางไม่เกิน 100 กิโลเมตรจากกรุงเทพ) ได้เตรียมพื้นที่เรียบร้อยแล้ว ได้แก่

1.) ปตอ.1 กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (แจ้งวัฒนะ)  จังหวัดกรุงเทพฯ  จำนวน 200 เตียง
2.) สนามมวยค่ายบุรฉัตร กองพลทหารช่าง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี จำนวน 100 เตียง
3.) สนามกีฬากลาง กรมการทหารช่าง  อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี จำนวน 400 เตียง
4.) โรงพลศึกษา ศูนย์พัฒนาการกีฬา กรมการทหารช่าง  อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี จำนวน 120 เตียง
5.) โรงรถ กองพันทหารช่าง กรมการทหารช่าง  อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี จำนวน 120 เตียง
6.) ศูนย์ฯ 8 (วัฒนาแฟคทอรี 2) จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 1,000 เตียง
7.) ศูนย์ฯ 9 (บ.วิท วอเตอร์ฯ) จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 485 เตียง
8.) ศูนย์ฯ 10 (สภาอุตสาหกรรม) จังหวัดสมุทรสาคร จำนวน 500 เตียง
9.) ศูนย์ฝึกบรรเทาสาธารณภัย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 150 เตียง
10.) รร.การบิน อาคารแผนกฝึก (ทอ.) อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม จำนวน 120 เตียง

วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 เวลา 11.30 น. สถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศ

???? วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 ???? เวลา 11.30 น.
สถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ในประเทศ
???? ผู้ป่วยรายใหม่ 559 ราย
???? ผู้ป่วยยืนยันสะสม 30,869 ราย
???? หายป่วยแล้ว 28,128 ราย
???? เสียชีวิตสะสม 96 ราย

“เทพไท” อัดรัฐบาล ล้มเหลวตรวจหาเชื้อโควิด หลัง รพ.เอกชน ปิดให้บริการ แนะ ทุ่มเงินซื้ออุปกรณ์ตรวจฟรี ทั่วประเทศ ดีกว่าเอาเงินไปแจกเพื่อหวังคะแนนเสียง

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า เห็นข่าวโรงพยาบาลเอกชน 10 แห่ง ปิดรับการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 รู้สึกตกใจมาก ที่เห็นผู้คนตื่นตระหนกและตื่นตัวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ ซึ่งรัฐบาลควรจะมีมาตรการสนองตอบต่อความต้องการของประชาชนให้เพียงพอ การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นมาตรการค้นหาผู้ติดเชื้อในเบื้องต้น 

ซึ่งรัฐบาลควรจะจัดงบประมาณเพื่อตรวจหาผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้ได้มากที่สุด เพราะเป็นการรักษาพยาบาลเบื้องต้น หากสามารถรู้ได้ว่ามีประชาชนคนใดติดเชื้อไวรัส โควิด-19 บ้าง ก็สามารถรักษาหรือแก้ปัญหาได้ตรงจุด ป้องกันการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลควรให้ความสำคัญการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่าการระดมงบประมาณไปจัดซื้อวัคซีน เพื่อฉีดป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 เสียอีก 

“ผมเคยแสดงความเห็นในเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นว่า รัฐบาลควรจะจัดงบประมาณก้อนใหญ่ เพื่อระดมซื้อเครื่องมือ อุปกรณ์การตรวจหาเชื้อไวรัส โควิด-19 เพื่อบริการประชาชนทั่วประเทศโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ดีกว่านำเงินงบประมาณก้อนใหญ่ไปแจกให้กับประชาชนในโครงการต่าง ๆ เพื่อหวังคะแนนนิยม เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนเสพติดนโยบายประชานิยม ซึ่งรัฐบาลควรตระหนักถึงปัญหาสุขภาพของประชาชน สำคัญกว่าปัญหาสิ่งอื่นใด” นายเทพไท กล่าว

“สุชาติ” รมว.แรงงาน กำชับประกันสังคม ดูแล ลูกจ้าง ผู้ประกันตน เดินทางช่วงเทศกาลสงกรานต์ เจ็บป่วยฉุกเฉิน มีสิทธิเข้ารักษา รพ. ทุกแห่ง ไม่เสียค่าใช้จ่าย เข้ม! ผู้ประกันตน การ์ดอย่าตกช่วงโควิด-19 รอบใหม่

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยลูกจ้าง ผู้ประกันตน และประชาชน ในการเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ กำชับ นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เร่งหน่วยงานในกำกับสำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ ให้บริการรวมถึงอำนวยความสะดวก พร้อมประชาสัมพันธ์เรื่องกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน แก่ ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ในการเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาล เตือนลูกจ้าง ผู้ประกันตน การ์ดอย่าตก ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 รอบใหม่ ย้ำ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค พร้อมดูแลสุขภาพตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อความปลอดภัย ปราศจากโรคแน่นอน

ด้าน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงการดูแลลูกจ้าง ผู้ประกันตน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 ว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใย ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีวันหยุดติดต่อตั้งแต่วันที่ 10 – 15 เมษายน 2564 นี้ ซึ่งตนได้กำชับให้สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ ให้บริการรวมถึงอำนวยความสะดวก พร้อมประชาสัมพันธ์ แก่ลูกจ้าง ผู้ประกันตน ให้ระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะ ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะเดินทาง พร้อมแนะนำให้พกบัตรประจำตัวประชาชนติดตัวไว้ หากเกิดเจ็บป่วยฉุกเฉินหรือได้รับอุบัติเหตุ หรือมีอาการเจ็บป่วยกะทันหัน ลูกจ้าง ผู้ประกันตน สามารถเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ทันที 

โดยสำนักงานประกันสังคมจะพิจารณาจ่ายประโยชน์ทดแทนค่าบริการทางการแพทย์ให้ภายใน 72 ชั่วโมง ตามหลักเกณฑ์และอัตราที่กำหนด ทั้งนี้ ให้ผู้ประกันตน หรือโรงพยาบาลที่ให้การรักษา และผู้ที่เกี่ยวข้อง แจ้งโรงพยาบาลตามสิทธิให้ทราบโดยเร็ว ตั้งแต่เข้ารับการรักษา เพื่อให้โรงพยาบาลรับผิดชอบให้บริการ ทางการแพทย์ให้กับผู้ประกันตนต่อไป

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยังได้ย้ำเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ โดยเตือนลูกจ้าง ผู้ประกันตน ที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ หรือเดินทางออกนอกบ้านควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมการรวมกลุ่มของคนจำนวนมากที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ดูแลสุขภาพตัวเอง อย่าประมาท สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อความปลอดภัยของท่านสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 12 แห่ง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก หรือโทรสายด่วน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

กทพ. ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ 2 สายทางเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชน

การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา - ชลบุรี) และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์) ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2564 เวลา 00.01 น. ถึงวันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2564 เวลา 24.00 น. รวม 8 วัน เช่นเดียวกับกองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ใช้ทางพิเศษโปรดปฏิบัติตามมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธรณสุขอย่างเคร่งครัด รวมถึงขอเชิญชวนให้ดาวน์โหลด Application “หมอชนะ” เพื่อเป็นเครื่องมือในการดูแลและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ด้วย

ทั้งนี้ ผู้ใช้ทางสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทาง สภาพการจราจร และขอความช่วยเหลือจากศูนย์ข้อมูลผู้ใช้ทางพิเศษ EXAT Call Center โทร 1543 และผู้ใช้ทางพิเศษสามารถดาวน์โหลด Application "EXAT Portal" เพื่อตรวจสอบยอดเงินคงเหลือและการใช้บัตร Easy Pass รับข่าวสารโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์ และสามารถเรียกใช้งาน Application อื่น ๆ ของ กทพ. อาทิ EXAT Traffic อีกทั้งยังสามารถขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน (SOS) ได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย

"ทิพานัน" วอน "หมอชลน่าน" ใช้สติ เลิกอคติ ไล่รัฐบาล ย้ำรัฐบาลไม่เคยผูกขาดวัคซีน

เมื่อวันที่ 9 เมษายน นาวสาวทิพานัน ศิริชนะ อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่ น.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย วิจารณ์รัฐบาลไม่สนับสนุนภาคเอกชนในการจัดหาวัคซีน และให้ข้อมูลบิดเบือนเกี่ยว ประสิทธิภาพวัคซีนโควิด 19 ว่า ขอให้ น.พ.ชลน่าน เลิกใช้อคติ จนออกมาไล่รัฐบาลไล่อย่างไร้สติ เพราะรัฐบาล ทีมแพทย์ พยาบาล อสม.ตั้งใจควบคุมการแพร่ระบาด ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะยืนหยัดเป็นหนึ่งในการได้รับคำชื่นชมจากองค์การอนามัยโลกและนานาประเทศ น.พ. ชลน่าน ไม่ควรตัดตอนคำพูดของนายกรัฐมนตรี แค่คำว่าอะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด และตีความว่าหมดปัญญาในการจัดการ 

นางสาวทิพานัน กล่าวว่า น.พ.ชลน่าน กล่าวหาว่า รัฐบาลจัดหาโดยมุ่งวัคซีนยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งและวัคซีนไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะรัฐมนตรีที่ฉีดวัคซีนแล้วยังติดเชื้อได้นั้น เป็นข้อมูลที่กล่าวหาบิดเบือน ให้ข้อมูลไม่สมกับที่เป็นแพทย์ เพราะรัฐบาล ศบค. และทีมแพทย์ที่เกี่ยวข้องได้ให้ความรู้จนประชาชนทั่วไปเข้าใจดีว่า วัคซีนโควิดทุกยี่ห้อไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ แต่ประสิทธิภาพของวัคซีนคือ ลดอัตราการเกิดโรค และลดความรุนแรง - อัตราการเสียชีวิตจากโรค ผู้ที่ได้รับวัคซีนทุกยี่ห้อยังสามารถติดเชื้อได้แต่จะมีภูมิคุ้มกันโรคที่จะช่วยลดอาการความรุนแรงของโรค 

ทั้งนี้การจัดหาวัคซีนของประเทศไทยยังไม่ประสบปัญหาดังกล่าว แผนการจัดหาวัคซีนและการฉีดวัคซีนจัดได้ว่าเป็นไปตามเป้าหมาย ไม่เคยผูกขาดการจัดซื้อวัคซีนเพียงบางบริษัท ไม่เคยปิดกั้น และไม่ขัดข้องหากเอกชนสามารถจัดหานำเข้าวัคซีนมาฉีด เพียงแต่ภาคเอกชนจะต้องขอรับใบอนุญาตนำเข้าและขออนุญาตขึ้นทะเบียนวัคซีนก่อนการใช้และรับผิดชอบการจำหน่ายวัคซีนในประเทศอย่างถูกต้องเสียก่อน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนตามมาตรฐานสากลและป้องกันการนำเข้าวัคซีนปลอม วัคซีนด้อยคุณภาพ

ปลัดสำนักนายกฯ แจ้ง หน่วยงาน ให้ เวิร์กฟอร์มโฮม - ทำให้ได้ 80%

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ปนร. ) ได้เวียนหนังสือด่วนที่สุด เรื่อง การปฏิบัติงานภายในที่พัก (Work from Home) ถึงผู้บริหารและบุคลากร และเจ้าหน้าที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ทุกส่วนงาน เพื่อให้ดำเนินการอย่างเคร่งครัด
    
โดยระบุว่า ปัจจุบันได้พบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและพื้นที่หลายจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว จึงขอให้เจ้าหน้าที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ปฏิบัติงานภายในที่พัก (Work from Home) ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 8 - วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 (จำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ) โดยให้พิจารณาดำเนินการดังนี้

1.) ให้ผู้อำนวยการ สำนัก กอง ศูนย์ วางแผนการปฎิบัติงาน ตรวจสอบ ติดตามและสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานภายในที่พักอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้ง รายงานผลการปฏิบัติงานให้กองการเจ้าหน้าที่ (กจท.) ทราบทุกวัน เพื่อประมวลผลรายงาน ปนร. ทราบตามแนวทางที่ได้ปฏิบัติมา 

2.) งานการให้บริการประชาชนและการประชุมคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ และคณะทำงานตามกฎหมาย ขอให้พิจารณาแนวทางการดำเนินการตามความเหมาะสมและอย่าให้เกิดความเสียหายต่อราชการ

3.) ติดตามสถานการณ์โควิด-19 และข่าวสารที่เกี่ยวข้องจาก ศบค. ทุกวัน รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้กับคนในครอบครัวและญาติมิตร อย่างต่อเนื่อง

4.) ปฏิบัติตามประกาศ สปน. ลงวันที่ 8 มกราคม 2564 

ทั้งนี้ ขอให้ผู้ที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง หรือเป็นกลุ่มเสี่ยง โดยมีประวัติเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด มีประวัติเคยติดต่อสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ รวมทั้งผู้ที่มีอาการน่าสงสัย ให้เข้ารับการตรวจคัดกรองที่โรงพยาบาลในพื้นที่ทันทีและแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบ

รมว.แรงงาน ขานรับนโยบายรัฐบาล จัดทำโครงการขยายโอกาสการมีงานทำให้ผู้สูงอายุ เตรียมพร้อมรองรับสังคมสูงวัย ปีงบ 64 ตั้งเป้าขยายโอกาสฯผู้สูงอายุ 17,615 คน คืบหน้าแล้ว 10,514 คน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกระทรวงแรงงานโดยการกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงประชากรไทย สู่สังคมสูงวัย ได้กำหนดยุทธศาสตร์ด้านการส่งเสริมและพัฒนาผู้สูงอายุ ซึ่งมีมาตรการส่งเสริมการทำงานและการหารายได้ ส่งเสริมการฝึกอาชีพและจัดหางานให้เหมาะสมกับวัยและความสามารถ 

“ปัจจุบันมีกรมการจัดหางานรับผิดชอบภารกิจดังกล่าว โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ตั้งแต่เดือน(ตุลาคม 2563 ถึง เดือนมีนาคม 2564) มีผู้สูงอายุได้รับการส่งเสริมการประกอบอาชีพและส่งเสริมการจ้างงานแล้ว 10,514 คน จากเป้าหมาย 17,615 คน คาดว่าภายในเดือนกันยายน 2564 จะสามารถดำเนินการตามเป้าหมายที่วางไว้สำเร็จแน่นอน และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จะมีการเพิ่มเป้าหมายการให้บริการผู้สูงอายุมากกว่า 18,000 คน พร้อมเพิ่มกิจกรรมพัฒนาต่อยอดสู่ตลาดออนไลน์ด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวถึงโครงการขยายโอกาสการมีงานทำให้ผู้สูงอายุว่า ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 มีเป้าหมายรวม 17,615 คน ประกอบด้วย 2 กิจกรรมหลัก ได้แก่ ส่งเสริมการประกอบอาชีพให้ผู้สูงอายุ เป้าหมาย 2,580 คน และส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุในอาชีพที่เหมาะสมกับวัย และประสบการณ์ เป้าหมาย 15,035 คน โดยจัดกิจกรรมส่งเสริมการประกอบอาชีพอิสระให้แก่ผู้สูงอายุที่ไม่มีทักษะด้านอาชีพอิสระ ได้ฝึกปฏิบัติในอาชีพที่สอดคล้องกับศักยภาพ จนสามารถประกอบอาชีพหรือรวมกลุ่มได้ กิจกรรมพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุสู่การเป็นวิทยากรถ่ายทอดภูมิปัญญา โดยการพัฒนาความสามารถด้านการถ่ายทอดภูมิปัญญาให้แก่ผู้สูงอายุ เพื่อทำหน้าที่เป็นวิทยากรอุทิศภูมิปัญญาสืบทอดไว้ให้ชุมชุน กิจกรรมสานพลังประชารัฐ จัดหางานให้ผู้สูงอายุ 

โดยการสำรวจข้อมูลผู้สูงอายุที่ต้องการประกอบอาชีพ รวมทั้งการสร้างการรับรู้ให้นายจ้าง สถานประกอบการ เรื่องการจ้างงานผู้สูงอายุ และการบริการลงทะเบียนผู้สูงอายุที่ต้องการสมัครงานและบรรจุงาน กิจกรรม 1 อำเภอ 1 ภูมิปัญญา โดยการจ้างผู้สูงอายุเป็นวิทยากรถ่ายทอดองค์ความรู้ จำนวน 115 คน (1 คน : 1 อำเภอ) และกิจกรรมสร้างโอกาสการมีงานทำให้ผู้สูงอายุเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบรรจุงาน โดยการจ้างงานจากหน่วยงานภาครัฐ

“สำหรับผลการดำเนินงานตามโครงการฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 ถึงเดือนมีนาคม 2564 มีผู้สูงอายุได้รับการส่งเสริมการประกอบอาชีพและส่งเสริมการจ้างงานแล้ว 10,514 คน แบ่งเป็นผู้สูงอายุได้รับการส่งเสริมการประกอบอาชีพ 1,113 คน สร้างรายได้ให้ผู้สูงอายุ 185,850 บาท ผู้สูงอายุได้รับการส่งเสริมการจ้างงาน 9,401 คน ผู้สูงอายุใช้บริการจัดหางาน 888 คน และได้รับการบรรจุงาน 739 คน โดยเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตำแหน่งที่ผู้สูงอายุได้รับการบรรจุงานมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. แรงงานด้านการผลิตต่าง ๆ , แรงงานทั่วไป 2. พนักงานดูแลความปลอดภัย 3. พนักงานบริการลูกค้า 4. แม่บ้าน 5. ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการสอนในด้านอื่นๆ “ นายไพโรจน์ฯ กล่าว

สำหรับผู้สูงอายุที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10  ศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย (Smart Job center) อาคาร 3 ชั้น ด้านหน้ากระทรวงแรงงาน หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694

"แรมโบ้" ป้อง “บิ๊กตู่” ทำหน้าที่แก้โควิดได้ดีไม่ต้องเปลี่ยนตัว อย่างที่หมอชลน่านแนะย้ำการบริหารจัดการโควิด ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อัดกลับเลิกตีกินทางการเมืองในช่วงที่ประเทศเกิดปัญหา 

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทย ออกมาบอกว่ารัฐบาลล้มเหลวในการจัดการโควิด และหากนายกฯแก้ไม่ได้ ก็ควรลาออกให้คนอื่นมาทำ โดยกล่าวยืนยัน ว่า ขณะนี้ไม่มีใครเหมาะสมที่จะทำงานแก้ปัญหาเพื่อบ้านเมืองได้เท่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯแล้ว เพราะที่ผ่านมาทำงานแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด 19 เป็นที่ยอมรับทั้งคนในประเทศและต่างประเทศว่าสามารถทำได้เป็นอย่างดี การแก้ไขปัญหาโควิดนั้นต่อให้รัฐบาลทำได้ดีแค่ไหน หากไม่ได้รับความร่วมมือกับทุกภาคส่วนก็เป็นไปได้ยากเช่นกัน รวมทั้ง ส.ส. ฝ่ายค้านด้วยซึ่งหมอชลน่านเป็นหมอน่าจะรู้เรื่องนี้ดี 

นายเสกสกล กล่าวว่า ส่วนเรื่องวัคซีนนั้นนายกฯ ได้พยายามที่จะให้ประชาชนได้ฉีดวัคซีนให้โดยเร็วที่สุด และรัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นภาคเอกชนจัดหาวัคซีนเองได้ ซึ่งเรื่องนี้ อย.ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าสามารถนำเข้าได้ เพื่อบริการฉีดให้กับประชาชน แต่ต้องอยู่ภายใต้การใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉะนั้นจะต้องมีการควบคุม มีการลงทะเบียนผู้รับวัคซีน ติดตามเรื่องความปลอดภัย ผลข้างเคียงต่าง ๆ และขณะนี้ก็มีมาขอขึ้นทะเบียนแล้ว 14 บริษัท

"หมอชลน่านอย่ามัวแต่จะตีกินทางการเมือง จนไม่สนใจข้อเท็จจริงอะไรเลย ขอให้เปิดใจดูบ้างว่านายกฯและรัฐบาลทำงานในการแก้ไขโควิดได้ดีมากน้อยแค่ไหน หลายครั้งที่มีการระบาดและไม่นานจำนวนผู้ติดเชื้อก็ลดลงนั้นก็เป็นการแสดงให้เห็นว่านายกฯ รัฐบาลทำได้ ประชาชนให้ความร่วมมือ”นายเสกสกล กล่าว

นายเสกสกล กล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจจะเดินหน้าได้ช้าบ้าง นายกฯ ก็พยายามอย่างถึงที่สุดที่จะทำให้ประชาชนได้บรรเทาความเดือดร้อนไปได้ ในภาวะวิกฤตโควิดแพร่ระบาดเศรษฐกิจทรุดลงตกต่ำไปทุกประเทศไม่ใช่ล่าช้าเฉพาะประเทศไทย ถ้าเปรียบเทียบกับหลาย ๆ ประเทศอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในบ้านเรายังดีกว่าประเทศอื่น ขณะเดียวกันรัฐบาลก็พยายามทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุดและยังได้จัดหาวัคซีนให้ประชาชนได้ฉีดวัคซีนกันครบทุกคนและเร็วที่สุดแต่ทุกอย่างก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่มีอยู่ ไม่มีนายกฯหรือรัฐบาลใดอยากให้ประชาชนในประเทศติดโควิด และได้รับความเดือดร้อนจากโควิด อย่างแน่นอน ดังนั้นตนเองก็ขอให้หมอชลน่าน หยุดพูดเรื่องการเมืองไว้ก่อน และหันหน้ามาช่วยกันไม่ต้องช่วยนายกฯ ก็ได้แต่ขอให้ช่วยประชาชนเป็นหลัก

"ในภาวะเกิดการแพร่กระจายของเชื้อเพิ่มขึ้นอาจส่งผลติดต่อไปยังประชาชนมากขึ้น หมอชลน่านและคนในพรรคเพื่อไทยควรออกมาช่วยกันห้ามปรามหรือชี้แนะประชาชนให้ช่วยกันให้ความร่วมมือตามที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและศบค. แนะนำ ไม่ใช่อะไรก็จะโทษแต่นายกฯ ตีกินการเมืองรายวัน ถามว่าการใช้น้ำลายในปากพ่นรายวัน ได้ประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไรบ้างควรเอาประเทศชาติประชาชนเป็นหลัก รู้จักปล่อยวางการเมืองลงสักนิด จะได้เป็นนักการเมืองที่ดีในสายตาประชาชน" นายเสกสกล กล่าว

ทบ.bยกระดับมาตรการป้องโควิดช่วงสงกรานต์ สนับสนุนรบ. ดูแลปชช. 

เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ โฆษกกองทัพบก ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในห้วงเดือนที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อแพร่กระจายไปทั่วเป็นจำนวนมากจากกลุ่มคลัสเตอร์ใหม่ ซึ่งเชื่อมโยงกับหลายกลุ่มคนและสถานที่หลายแห่ง รัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จึงได้ปรับมาตรการเพื่อควบคุมการแพร่ระบาด โดยเฉพาะในช่วงเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งต้องมีการเดินทางสัญจรของผู้คนเป็นจำนวนมาก พร้อมกับมีการเฉลิมฉลองสังสรรค์ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค

พล.ท.สันติพงศ์ กล่าวอีกว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบก จึงได้ปรับมาตรการให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล โดยได้กำหนด “มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกำลังพลหน่วยทหารและค่ายทหาร ในช่วงเทศกาลสงกรานต์” ซึ่งเน้นย้ำกำลังพลและหน่วยทหารให้ปฏิบัติตามวินัยทหารต้านโควิด-19 อย่างเคร่งครัด อาทิ การบันทึกไทม์ไลน์สถานที่เดินทาง, หลีกเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง พื้นที่แออัด, การแสกนแอปพลิเคชันไทยชนะ / หมอชนะ ในทุกสถานที่ ที่ได้เดินทางไปตลอดห้วงเทศกาลหรือช่วงลาพักกลับภูมิลำเนา จนกระทั่งกลับเข้าทำงานตามปกติ กรณีเป็นผู้ที่พักอาศัยบ้านพักของทางราชการ จะต้องแจ้งข้อมูลการเดินทางให้หัวหน้าที่พักอาศัยทราบ รวมถึงเมื่อกลับจากการเดินทางแล้ว จะต้องตรวจคัดกรองโรคก่อนกลับเข้าพักอาศัย นอกจากนี้ได้เน้นย้ำให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด อาทิ เว้นระยะห่างทางสังคม, สวมหน้ากากอนามัย, หมั่นล้างมือ และใช้เจลแอลกอฮอล์ 

สำหรับหน่วยทหาร ให้งดจัดกิจกรรมสงกรานต์ เว้นการสรงน้ำพระ และเมื่อเปิดทำการหลังเทศกาล จะต้องตรวจคัดกรองกำลังพลทุกนายก่อนกลับเข้าปฏิบัติงาน โดยกองรักษาการณ์ของทุกหน่วยทหารจะต้องทำหน้าที่เฝ้าระวัง บันทึกข้อมูลการเข้า-ออก พร้อมคัดกรองโรคอย่างเคร่งครัด ในส่วนของการจัดตั้งจุดบริการและอำนวยความสะดวกประชาชนห้วงเทศกาลสงกรานต์ ให้เจ้าหน้าที่ทหารทุกนายปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างเข้มงวดตลอดการปฏิบัติงาน

“การยกระดับมาตรการช่วงสงกรานต์นี้ เป็นการพิทักษ์กำลังพลและครอบครัวให้ปลอดภัยจากโควิด พร้อมปฏิบัติงานและสนับสนุนรัฐบาลในการอำนวยความสะดวก ดูแลช่วยเหลือ และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างเข้มแข็งต่อไป” พล.ท.สันติพงศ์ กล่าว 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top