Sunday, 6 July 2025
POLITICS

'ปลัดสธ.' ยัน ปรับแผนยูเซ็ป เพราะโควิดไม่แรงเหมือน 2 ปีก่อน แจง ครม.ตีกลับ ไม่เกี่ยวงบประมาณ 

ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.ชุดใหญ่ ถึงการปรับรูปแบบยูเซ็ป ว่า เหตุผลหลักๆ คงเป็นเรื่องเตียง ช่วงแรกเรายังไม่รู้จัก โควิด-19 ซึ่งมีการระบาดรุนแรงสูงและมีการป่วยตายจำนวนมาก อีกทั้งในกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ดูแลพื้นที่โดยตรง โรงพยาบาลส่วนใหญ่เป็นของมหาวิทยาลัยและภาคเอกชน ช่วงแรกที่จำเป็นต้องกักกันโรคและรักษา เตียงของภาครัฐไม่พอ จึงประกาศให้เป็นยูเซ็ปโควิด หากมีการติดเชื้อสามารถเข้ารับการรักษาที่ใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปตามสิทธิ ทั้งที่คนไทยร้อยละ 99 ต่างก็มีสิทธิรักษาต่างๆ อยู่แล้ว 

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ล่วงเลยมา 2 ปีกว่าความรุนแรงของโรคลดลง และเจ็บป่วยร้ายแรงลดลง กระทรวงสาธารณสุขดูเรื่องจำนวนเตียงเป็นหลัก ตอนนี้ใช้เตียงร้อยละ 50 เป็นเตียงเขียวเสียส่วนใหญ่ ส่วนผู้ป่วยสีเหลืองและผู้ป่วยสีแดง ใช้ไม่ถึงร้อยละ 20 จึงคิดว่าเตียงเพียงพอและต่อให้มีการปรับรูปแบบจริง ผู้ป่วยสีเหลืองและผู้ป่วยสีแดง ก็ยังจะได้รับสิทธิอยู่ แต่เพื่อความรอบคอบ ทางคณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงให้นำกลับไปทบทวน และยืนยันว่าการทบทวนครั้งนี้ไม่มีเหตุผลเรื่องงบประมาณเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นแผนที่เราจะทำให้ โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งในต่างประเทศได้ประกาศไปเยอะแล้ว แม้ตอนนี้จะยังไม่ประกาศ แต่ก็ต้องบริหารจัดการให้ดีที่สุด 

"สุชาติ" ลั่นจบแล้ว ยันไม่มีปัญหากับสนธยา แขวะอาจมีคนข้างๆพูดเอง “ยัน” ยังเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมา  “ชมเก่ง” อุดมการณ์วันนี้หนุน “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” แต่ยอมรับถ้าอยู่คนละพรรคก็ต้องแข่งขันกัน

ที่ ทำเนียบรัฐบาล ภายหบังร่วมประชุม ครม. นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.กระทรวงแรงงาน ในฐานะ ผอ.พรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.จังหวัดชลบุรี  ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาความขัดแย้งกับนายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา บุตรชายคนโตนายสมชาย คุณปลื้ม หรือ กำนันเป๊าะ ว่า เรื่องนี้ตนคิดว่าไม่มีอะไรแล้ว ใครที่มีเป้าหมายเสียสละทำงานเพื่อประชาชน ถือว่ามีเป้าหมายเดียวกันหมด ตนก็ถือว่าเราจบแล้ว ก็มาบริหารจัดการพื้นที่แต่ละจังหวัดก่อน ส่วนจังหวัดชลบุรี นั้นได้ให้สัมภาษณ์ไปหลายครั้งแล้วว่าถ้าอุดมการณ์และแนวทางตรงกันก็ไปได้ด้วยกัน เพราะเรื่องของการเมืองถ้าเป้าหมายเดียวกันเพื่อสนับสนุน ผู้นำและพรรคการเมืองเดียวกัน ก็อยู่ด้วยกันเท่านั้นเอง ถ้าอยู่กันคนละพรรคก็ต้องแข่งขันกันก็ถือเป็นประชาธิปไตยที่สวยงามอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นจะต้องมีการเคลียร์กันหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่าไม่จำเป็น เพราะเป็นเรื่องที่อาจจะมองกันคนละมุม แต่เราก็เคยอยู่ด้วยกันไม่ได้มาทะเลาะกันนะอย่างที่หลายๆ คนพูดยืนยันว่าไม่ถึงขนาดนั้น บางครั้งอาจเป็นเรื่องที่มองกันคนละมุมทำให้ความน้อยอกน้อยใจของบางคนเกิดขึ้น ความจริงเราก็เหมือนเป็นพี่น้องกันทีีคลานตามกันมา เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกันเหมือนกันทำธุรกิจ ถ้าบริหารและไม่ตรงกัน ต่างคนก็ต้องต่างออกกันไปอยู่คนละบริษัท แต่ความเป็นพี่น้องก็ยังอยู่เพราะไม่ได้มีการทะเลาะกัน

เมื่อถามถึงกรณีที่นายสนธยาออกมาระบุว่ารู้ที่ไปแต่ไม่รู้ที่มาหมายความว่าอย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า “คงไม่ใช่ผมอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นอย่างที่มีใครออกมาพูด  อย่าลืมว่านักการเมืองไม่มีใครที่จะร่วมกัน ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็เห็นกันอยู่บางคนก็ไปในที่ที่กาลเวลามันใช่ 

“หรืออย่างวันนี้ผมมีสถานการณ์ ที่พรรคพลังประชารัฐให้โอกาส โดยเฉพาะจากหัวหน้าพรรค มีโอกาสจากนายกรัฐมนตรีผมก็ต้องยืนอยู่ตรงนี้ ซึ่งใครถ้าไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่เมื่อผมยืนอยู่ตรงนี้ก็ต้องมองตัวเองเป็นหลักและไม่กล้าไปมองแทนคนอื่น”นายสุชาติกล่าว

ผู้สื่อถามว่า หวัดดีสถานภาพยังเหมือนเดิมหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า วันนี้ก็ยังถือว่าเราเป็นคนบ้านเดียวกันเคยอยู่ด้วยกันยืนยันอีกครั้งว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การทะเลาะกันอย่างที่หลายคนคิด แค่เป็นการสะท้อนมุมมองของแต่ละข้างออกมา และวิเคราะห์กันเท่านั้นเอง ส่วนตัวคิดว่าสุดท้ายแล้วการเมืองอยู่ที่เป้าหมายสุดท้ายของแต่ละคน ถ้าเป้าหมายตรงกันและจะจับมือกันพัฒนาประเทศและจังหวัดชลบุรีให้เป็นแนวทางเดียวกัน รวมทั้งสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ในวันข้างหน้า ให้อยู่กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะหัวหน้าพรรค ก็ไปด้วยกันได้ แต่ถ้าไม่ใช่เราก็ไม่สามารถที่จะไปกำหนดทิศทางของใครได้เพราะเราต้องเคารพกันคิดของแต่ละบุคคล แล้ววันนี้อย่าพึ่งถามถึงอนาคตเพราะยังไม่ถึงเพียงแต่วันนี้เรายืนหยัดว่าเรายืนอยู่ตรงนี้ 

เมื่อถามว่าได้มีการ เคลียร์กันได้เจอหน้ากันแล้วใช่หรือไม่ นายสุชาติปฏิเสธว่า “ไม่ได้เคลียร์กัน อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าเราเคยอยู่ด้วยกันเป็น หลาย10 ปีรู้นิสัยกันอยู่ว่าไม่ได้มีอะไรกับนายสนธยา ซึ่งท่านอาจจะพูด เพราะอาจมีใครข้างๆไปพูดหรือทำอะไรให้คิดอย่างนั้น อย่างไรก็ตามที่มีการพูดกันไปมาก็เป็นการสะท้อนให้เห็นแล้วว่าเหมือนพี่กับน้อง ที่ไม่ได้คุยกันมานาน นายสนธยาเองก็เป็นนายกเมืองพัทยาส่วนผมมาเป็นรัฐมนตรีก็ได้พูดคุยกับนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว. วัฒนธรรมอยู่แล้ว ยืนยันเราไม่ได้มีอะไร “

นายสุชาติ กล่าวว่า ในส่วนของการเตรียมตัวผู้สมัครในจังหวัดชลบุรีเพื่อลงชิงเก้าอี้ ส.ส.ในพื้นที่ ในฐานะที่ตนรักษาการในตำแหน่ง ผอ.พรรค พล.อ.ประวิตรได้สั่งการ อยู่แล้วซึ่งโดยภารกิจของตำแหน่งก็ได้ปรึกษา กลับนายอิทธิพล มาโดยตลอดแต่ไม่ได้ปรึกษากับนายสนธยาเพราะไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คงจะไปปรึกษาท่านไม่ได้

เมื่อถามว่านายอิทธิพล ตัดสินใจลง ส.ส.ชลบุรี พรรค พปชร.หรือยัง นายสุชาติ กล่าวว่า นายอิทธิพลเป็นพี่ และ เป็นส.ส.มาก่อนตน พี่น้องกัน เดี๋ยวเราคุยกันได้ เพราะเป็นคนบ้านเดียวกัน เกิด ตำบลเดียวกันโดยหลักการเราก็ต้องเว้นที่ให้ผู้สมัครเดิมถือเป็นมารยาทและต้องให้สิทธิคนเดิมๆก่อนไม่เช่นนั้นจะอยู่อย่างสามัคคีได้ยังไง

เมื่อถามว่าครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นศึกสายเลือด”คุณปลื้ม” เพราะนายสมชาตื คุณปลื้ม ที่เป็นน้องชายของนายสมชาย คุณปลื้ม ย้ายมาอยู่กับกลุ่มของนายสุชาติ  เรื่องดังกล่าวนายสุชาติ กล่าวชี้แจงว่า “สมัยก่อนผมเป็นเด็กที่สุด ที่อยู่กับนายสมชาย คุณปลื้ม ซึ่งเป็นบิดาของท่านสนธยา และผู้หลักผู้ใหญ่ที่อยู่ด้วยกันผมให้ความนับถือทุกคน วันหนึ่งในทางการเมืองมีแค่ตำแหน่งเดียวในตำบลแสนสุขขณะนั้นนายสมชาติลงสมัครในนามนายกเทศบาลเมืองแสนสุขแข่งกับน้องชายของนายสนธยาคนเล็ก ความอึดอัดใจก็เกิดกับพี่น้องทั้งตำบลเช่นกัน และในเมื่อเค้ามาหาและให้กำลังใจเราก็ต้องตอบรับจะไปบอกว่าอย่ามาคงไม่ใช่ ยืนยันว่าไม่บานปลายกลายเป็นศึกสายเลือด เมื่อปีที่ผ่านมานายสมชาติ คุณปลื้ม ลงแข่งนายกฯแสนสุขกับ นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม ไปเรียบร้อยแล้วไม่ใช่มาเกิดเพราะตน ยืนยันอีกครั้งว่าเป้าหมายของเราคือทำอย่างไรให้พรรคพลังประชารัฐเติบโตและเข้มแข็งเป็นพรรคและสถาบันการเมือง เพื่อให้หัวหน้าพรรคมีความสบายใจ และทำอย่างไรให้สมาชิกรวมถึง ส.ส. มีความสุขมีความเข้มแข็งในพื้นที่รวมทั้งขยายพื้นที่เพื่อเตรียมตัวเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอีก 1 ปีข้างหน้า พรรคพลังประชารัฐก็สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ใครมีเป้าหมายเดียวกันก็อยู่ด้วยกันทั้งหมด ยืนยันไม่มีบันปลายคนเคยอยู่ด้วยกันเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาอย่างเคียงบ่าเคียงไหล่ 

“โฆษกรัฐบาล” เผย “นายกฯ มาเลเซีย” เยือนไทย 24 – 26 ก.พ. มุ่งขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทวิภาคี

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายดาโตะ ซรี อิซมาอิล ซาบรี ยาคบ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มีกำหนดจะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย ระหว่างวันที่ 24 - 26 ก.พ.เพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ ตามธรรมเนียมปฏิบัติของผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน

นายธนกร กล่าวว่า ในการเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มีกำหนดหารือข้อราชการกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในวันศุกร์ที่ 25 ก.พ.ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยผู้นำของทั้งสองประเทศ จะหารือแนวทางการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซีย  ในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ให้มีความก้าวหน้า หารือแนวทางเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ความร่วมมือด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ การส่งเสริมความเชื่อมโยงในพื้นที่ชายแดน ตลอดจนความร่วมมือในกรอบอาเซียนและกรอบพหุภาคีอื่น

'สมศักดิ์' ให้ 'อนุทิน' แจง ครม. ปม ก.ยุติ ของบฯ จัดการ โควิด-19 ในเรือนจำ ป้องกันความสับสน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีวาระ เรื่องแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ที่กระทรวงยุติธรรม ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหา การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในเรือนจำ และทัณฑสถาน จากงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทาแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่า ตนไม่ทราบ เพราะเรื่องของการจัดการ โควิด-19 ต้องไปถามนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ได้มอบหมายให้นายอนุทินเป็นผู้ชี้แจง เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เพราะได้มีประกาศออกมาแล้ว ทั้งนี้ไม่มีอะไรที่เป็นความลับ 

"โรม" ผิดหวัง ไม่ได้รับคำอธิบายน่าพอใจ หลังอภิปรายเคส "พล.ต.ต.ปวีณ" มั่นใจ 3 ป. เอี่ยวค้ามนุษย์ เสนอ ตั้งคกก.แก้ปัญหา 

เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 22 ก.พ. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เกี่ยวกับเรื่องราวของ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ หัวหน้าทีมสืบสวนคดีค้ามนุษย์ ที่ต้องลี้ภัยออกจากประเทศไทยไปเมื่อปี 2558 จะต่อยอดเรื่องนี้อย่างไร ว่า ตนอธิบายเรื่องนี้เมื่อวันศุกร์ (18 ก.พ.) ผ่านมาสามวันเต็มๆ ตนคิดว่าไม่ได้รับคำอธิบายที่น่าพอใจ เพราะคำอธิบายของรัฐบาลไม่ต่างจาก 6 ปีที่แล้วที่บอกว่าให้กลับมาสิ รัฐบาลควรมีสัญญาณที่ดีกว่านั้น เช่น ควรจะกลับไปพิจารณาว่าในวันนั้นใครมีบทบาทหน้าที่ในการปราบปรามการค้ามนุษย์และขัดขวางพล.ต.ต.ปวีณ ตนอาจจะให้ตัวย่อในสภาเพราะมีข้อจำกัดเรื่องกฎหมาย แต่หากรัฐบาลอยากทราบว่าเป็นใครบ้าง ตนพร้อมจะให้ข้อมูล 

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า กรณีการปราบปรามการค้ามนุษย์ ตนคิดว่ารัฐบาลไม่ได้ต่อยอดหรือขยายผล กองทัพเรือต้องรับผิดชอบอะไรหรือไม่กับเรื่องนี้ เนื่องจากคนที่เกี่ยวข้องที่จับได้ไม่ใช่คนเดียว หรือกรณีฝ่ายปกครองต่างๆ ที่อยู่ในอำนาจของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขนคนจากจังหวัดหนึ่งไปจังหวัดหนึ่ง ดังนั้น เรื่องเหล่านี้ต้องมีคนรับผิดชอบ หากรัฐบาลต้องการปราบปรามการค้ามนุษย์จริงๆ ก็จะต้องดำเนินการตั้งคณะกรรมการคนที่สังคมเชื่อถือ เพื่อแก้ปัญหาสิ่งที่ตนอภิปราย แต่ตอนนี้กลายเป็นรัฐบาลยืนกระต่ายขาเดียวว่าตัวเองปราบปรามการค้ามนุษย์ ก็กลับมาสิ คำถามคือใครจะกล้ากลับ เราเห็นการอุ้มหาย การเสียชีวิตของข้าราชการน้ำดี หรือคนที่พยายามดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้วยดี แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้รับความปลอดภัยอยู่ดี 

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อนั้นมีหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ซึ่งตนก็อยู่ในกมธ.กฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร หากเราสามารถใช้ช่องทางนี้สืบหาข้อมูล ก็คงจะเป็นการทำคู่ขนาน แต่ต้องยอมรับว่าช่องทางนี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้เราอยู่ในบรรยากาศที่ปลอดภัย ที่พล.ต.ต.ปวีณจะสามารถกลับมาพบครอบครัวของเขาได้ เราคงต้องทำมากกว่านั้น บางทีการจะเริ่มต้นสู่กระบวนการที่ปลอดภัยมากที่สุดอาจจะต้องมีการเลือกตั้ง มีรัฐบาลใหม่ ซึ่งตนเชื่อว่าทั้ง 3 ป. มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับกระบวนการค้ามนุษย์ เราจะได้รับความเชื่อมั่นจากสังคมโลกได้อย่างไร หากพล.ต.ต.ปวีณ ซึ่งเป็นมือปราบการค้ามนุษย์อันดับหนึ่งยังลี้ภัยอยู่ต่างประเทศและหวาดกลัว 

เมื่อถามว่า อะไรทำให้มั่นใจว่า 3 ป.เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ข้อแรกไม่มีเหตุผลที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะย้ายพล.ต.ต.ปวีณ ถ้าจะอ้างว่าพล.ต.ต.ปวีณทำงานกับผู้บังคับบัญชาไม่ได้ เราก็รู้กันอยู่ว่าตำรวจไม่เป็นเนื้อเดียวกัน แต่ก็สามารถได้ดิบได้ดี ข้ามหัวคนนั้นคนนี้ เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในวงการตำรวจ การย้ายพล.ต.ต.ปวีณไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นเรื่องที่อันตรายจริงๆ คล้ายกับตำรวจคนอื่นที่ไปเสียชีวิตที่นั่น ข้อสองสำหรับพล.อ.อนุพงษ์ ตนมีแหล่งข่าวที่ยืนยันว่า พล.อ.อนุพงษ์มีความรู้มากในเรื่องกระบวนการค้ามนุษย์ที่ จ.ระนอง แน่นอน อาจจะเพราะพล.อ.อนุพงษ์เป็นรัฐมนตรีมานาน ฝ่ายปกครองต่างๆ ก็น่าจะมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี การจะย้ายชาวโรฮิงญาในหลายๆ ครั้ง จากจ.ระนองไปที่จ.สงขลา ต้องผ่านหลายจังหวัด จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับความร่วมมือจากฝั่งตำรวจฝั่งเดียวแล้วจบ แต่จะต้องได้รับความร่วมมือจากหลายอย่าง

'พิพัฒน์'ยันจำเป็นต้องเก็บค่าเหยียบแผ่นดินจากต่างชาติ ใช้ซื้อประกันเยียวยานักท่องเที่ยวในไทย-พัฒนาการท่องเที่ยว ไม่เบียดบังเงินภาษีจากคนไทย

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า  จากกรณีที่ฝ่ายค้านได้กล่าวพาดพิงตนในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ เมื่อวันที่ 17-18 ก.พ.ที่ผ่านมา ในเรื่องการเรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดินจากชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย คนละ 300 บาทนั้น  กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยืนยันว่าต้องเรียกเก็บอย่างแน่นอน แม้จะไม่ใช่เป็นสิ่งที่เริ่มจากทางกระทรวงฯในยุคของตน แต่เป็นมติที่ออกมาก่อนหน้านี้  

ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการเรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน เราจะนำไปซื้อประกันให้กับชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทย  ส่วนเงินที่เหลือ เรานำไปจัดเก็บเข้ากองทุนพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งมีปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นประธานกองทุน และมีผู้แทนจากอีก 10 หน่วยงานซึ่งรวมถึงกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)  จึงขอยืนยันว่าเรามีการใช้จ่ายได้เงินที่ได้มาดังกล่าวอย่างถูกต้องและเหมาะสม เพราะสามารถตรวจสอบได้ 

ผู้สื่อข่าวถามถึงที่มาของการเรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน  นายพิพัฒน์ กล่าวว่า  มาจากกรณีที่เกิดเหตุระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณเมื่อปี 2558 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บด้วย ขณะที่สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณมาให้สำหรับการเยียวยาชาวต่างชาติในส่วนนั้น  ต่อมาเกิดเหตุการณ์เรือล่มที่จ.ภูเก็ต ซึ่งเราได้รับงบประมาณจากส่วนกลาง ไปเพื่อทำการสนับสนุน  แต่เมื่อปี 2562 สำนักงบประมาณได้แจ้งมาทางกระทรวงฯ ว่าจะไม่จัดงบประมาณสำหรับการเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาให้ทางกระทรวงฯแล้ว ทำให้ทางกระทรวงฯ ต้องหาวิธีจัดเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาเป็นกองทุนเพื่อการเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในไทย จึงมีการนำเสนอเรื่องการเรียกเก็บค่าเหยียบแผ่นดิน เข้าสู่ที่ประชุมครม.เมื่อปี 2562  

 “คงชีพ” ยัน “บิ๊กป้อม” ไม่เกี่ยว คดีค้ามนุษย์ “พล.ท.มนัส” ระบุ หากมีข้อมูลคนอยู่เบื้องหลัง ขอให้เปิดเผยหลักฐาน

เมื่อวันที่ 22 ก.พ.พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์  โฆษกกระทรวงกลาโหม ในฐานะ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เปิดเผยถึงกรณีการอภิปรายในสภา ที่ผ่านมามีการกล่าวอ้างและพยายามเชื่อมโยงว่า มีนายตำรวจทีมงาน พล.อ.ประวิตร โทรมาสั่งให้ประกันตัว พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวยืนยันว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด และหากมีชื่อบุคคลตามกล่าวอ้างดังกล่าว หรือ มีข้อมูลผู้อยู่เบื้องหลังและผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม  ขอให้เปิดเผยหลักฐานและข้อมูลจริงทั้งหมดออกมา เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้ถึงที่สุด 

“รัชดา” เผย  รัฐจัดสัมมนาใหญ่ 23 ก.พ นี้ ต่อยอดสัมพันธ์ “ไทย-ซาอุ”

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)ขับเคลื่อนการพัฒนาต่อยอดการฟื้นความสัมพันธ์ ไทย -ซาอุดีอาระเบีย โดยให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ทางศอ.บต.ได้จัดสัมมนาเพื่อระดมความคิดเห็นและรับฟังข้อเสนอแนะ 2 ครั้ง โดยสัมนากลุ่มย่อย (Focus Group) ได้จัดไปแล้วเมื่อวันที่ 14 - 15 ก.พ. ที่ผ่านมา และจะจัดอีกครั้งวันที่ 23 ก.พ.นี้ จะเป็นการสัมมนาใหญ่ ที่มหาวิทยาลัยฟาฏอนี โดยนายกรัฐมนตรี จะแสดงปาฐกถา หัวข้อ “ความสำเร็จของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดิอาระเบีย โอกาสและศักยภาพของประเทศไทยและจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้ศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์ “ผ่านระบบการปรับทางไกล และมีการบรรยายจากอุปทูตไทยประจำประเทศซาอุดิอาระเบีย และอุปทูตซาอุดิอาระเบียประจําประเทศไทยในหัวข้อดังกล่าวด้วย    

น.ส.รัชดา กล่าวว่า การส่งเสริมความร่วมมือของสองประเทศ ประกอบด้วยมิติต่างๆ9 ด้าน กล่าวคือ การท่องเที่ยว พลังงาน แรงงาน อาหาร การค้าและการลงทุน สุขภาพ ความมั่นคง การศึกษาและศาสนา และการกีฬา สำหรับจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความร่วมมือกับประเทศซาอุดิอาระเบียมาอย่างยาวนาน แม้ในห้วงเวลาที่สองประเทศไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์ ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์และพิธีฮัจญ์ ประเทศซาอุดิอาระเบียทุกปี ดังนั้น ศอ.บต.จึงเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมเพื่อระดมความเห็นจากทุกภาคส่วน ครอบคลุมผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น-ท้องที่ ข้าราชการ แรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานที่ซาอุฯ และประชาชนทุกสาขาอาชีพ กว่า 500 คน ที่มีประสบการณ์ทั้งการเรียน การทำงานและการใช้ชีวิตในราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ซึ่งข้อมูลจากการสัมมนา จะถูกรวบรวมและเสนอต่อรัฐบาลเพื่อใช้ประกอบการจัดทำนโยบายและแนวทางการพัฒนาร่วมกับซาอุดิอาระเบียต่อไป 

‘อนุทิน’ ปราม ‘ครูแก้ว’ ปมขู่ถอนตัวร่วมรบ. ลั่น ถอนไม่ถอนตัว อยู่ที่หัวหน้าพรรค

‘อนุทิน’ เผย โทรปราม ‘ครูแก้ว’ แล้วหลังพูดไม่ร่วมรัฐบาลหากกฎหมายกัญชาไม่ผ่าน บอก ฟังหัวหน้าพรรคคนเดียว คนอื่นไม่ต้องพูด ย้อนถามใครจะกล้าขู่ ‘นายกฯ’ เดินผ่านยังก้มแล้วก้มอีก

เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกมาปรามพรรคร่วมรัฐบาล ว่าขอให้เบาๆ เรื่องการเมืองกันหน่อย โดยเฉพาะนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ที่ระบุว่าภูมิใจไทยจะไม่ร่วมรัฐบาล หากกฎหมายกัญชาไม่ผ่าน ว่า นายศุภชัยพูดในพื้นที่ ตนและนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคฯ ได้โทรศัพท์ไปบอกแล้ว และตนเห็นว่านายศุภชัยพูดในฐานะ ส.ส. แต่ถ้าถามหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เรื่องนี้เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรค สมาชิกคนอื่นไม่ต้องมาพูด ฟังหัวหน้าพรรคคนเดียวว่าจะมีท่าทีอย่างไรในการร่วมรัฐบาล

‘โรม’ ซัด ‘3ป.’ มีเอี่ยวค้ามนุษย์ เชื่อปัญหาแก้ได้ แต่ต้องไม่ใช่รบ.ชุดนี้

วันนี้ 22 ก.พ. 65 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 กรณีขบวนการค้ามนุษย์ว่า หลังจากจบการอภิปรายจนถึงวันนี้ ตนยังไม่ได้รับคำอธิบายที่น่าสนใจ และคำอธิบายของรัฐบาลที่ผ่านมาก็ไม่ต่างจากคำตอบเมื่อ 6 ปีที่ผ่านมาที่ขอให้พ.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ กลับประเทศไทยเพื่อสู้คดีโดยรัฐบาลควรมีสัญญาที่ดีกว่านี้ เช่น ควรกลับไปพิจารณาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผู้ใดรู้บทบาทหน้าที่และการค้ามนุษย์และขัดขวางการทำงานของ พ.ต.ต.ปวีณ หากรัฐบาลต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมตนก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลต่างๆ แก่รัฐบาล

“รัฐบาลไม่มีการต่อยอดและนำสู่การขยายผล เช่น ประเด็นเรื่องการรับผิดชอบของกองทัพเรือในกรณีที่สามารถจับผู้เกี่ยวข้องได้ 1 คน หรือ กรณีที่การทำงานของฝ่ายปกครอง ที่ปล่อยให้มีการขนคนจำนวนมากเพื่อนำไปค้ามนุษย์ในเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า หากรัฐบาลมีความจริงใจในการปราบปรามเรื่องการค้ามนุษย์ ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาในประเด็นที่ตนได้อภิปรายไว้ โดยแต่งตั้งบุคคลที่สังคมให้ความเชื่อถือเข้ามาเป็นกรรมการ แต่ขณะนี้รัฐบาลกลับยืนกรานว่าได้ดำเนินการไปแล้ว และขอให้พ.ต.ต.ปวีณ กลับประเทศไทย แต่ใครจะกล้ากลับในเมื่อประเทศไทยยังมีเรื่องการอุ้มหาย และการเสียชีวิตของข้าราชการน้ำดี

ทบ. ยัน ‘ททบ.5’ เป็นกลาง ไม่เอื้อเอกชน ปมจับมือสื่อเอกชนร่วมผลิตรายการข่าว

ทบ. ยัน ‘ททบ.5’ เป็นกลาง ไม่เอื้อเอกชน ชี้ จับมือพันธมิตรที่เชี่ยวชาญและมืออาชีพด้านการสื่อสารมาร่วมผลิตรายการข่าว เพื่อประโยชน์สังคม

เมื่อวันที่ 21 ก.พ. ที่กองบัญชาการกองทัพ (บก.ทบ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงกรณีที่ฝ่ายการเมืองได้นำเรื่องการดำเนินงานของสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) เข้าสู่การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ เมื่อ 18 ก.พ. 65 โดยระบุถึงการร่วมผลิตรายการข่าวของบริษัทสื่อภายนอก กังวลว่าอาจส่งผลต่อการบริหารจัดการและความเป็นกลางของทางสถานี ว่า  กองทัพบกขอเรียนว่า ททบ. เป็นกิจการด้านสื่อสารมวลชน ภายใต้การกำกับดูแลของกองทัพบก มีสถานะเป็นผู้ประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ตาม พรบ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการบริการสาธารณะประเภทที่ 2 ที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยสาธารณะ สถานีดำเนินการภายใต้อุดมการณ์ของทางสถานีคือ "นำคุณค่าสู่สังคมไทย" ตลอดมา โดยไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากทางราชการ และยังมีผู้จัดรายการและพันธมิตร ร่วมผลิตเนื้อหาสาระอย่างหลากหลาย ตามวิถีแห่งการดำเนินกิจการด้านสื่อสารมวลชน

“บิ๊กตู่” สั่งหาทางแก้จนแบบพุ่งเป้าไม่หว่านแห

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ที่มีพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้มอบนโยบายว่า ปี 2565 เป็นปีที่รัฐบาลแก้ไขปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าและแก้ปัญหาหนี้ต่าง ๆ ทั้งระบบ โดยในการทำงานแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะต้องอาศัยความตั้งใจจริงและความทุ่มเทในการทำงานของทุกคน เชื่อมั่นว่าทุกคนทำได้เพื่อประเทศ ซึ่งจะต้องทำงานแบบไม่หว่านแหทั่วไป 

ทั้งนี้ ในหลายพื้นที่ คนมีความพร้อมอยู่แล้วแต่อาจเข้าไม่ถึงโอกาส จึงต้องพิจารณาจัดกลุ่มเป็น 3 กลุ่มคือ 1. กลุ่มที่มีความพร้อมอยู่แล้ว สามารถขยายให้โตขึ้นได้ 2. กลุ่มที่มีความพร้อมปานกลาง ให้เสริมเติมเต็มความเข้มแข็งเพิ่มขึ้น 3. กลุ่มที่ต้องให้อยู่รอดให้ได้ ไม่ให้ล้ม โดยต้องทำแผนงาน จัดงบประมาณลงไปตามศักยภาพของพื้นที่ ให้เป็นการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากทุกอำเภอ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดประเมินผลการทำงานของข้าราชการ ขณะที่ตัวชี้วัดรายกระทรวง รายหน่วยงาน จะต้องเป็นตัวชี้วัดที่สามารถสะท้อนการดำเนินงานของหน่วยงานในลักษณะเชิงบูรณาการ  ซึ่งจะนำมาเป็นข้อพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณของหน่วยงานต่อไปด้วย 

‘อรรถวิชช์’ รับหนังสือ ‘ศูนย์สิทธิผู้บริโภค กทม.’ ค้านต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว 30 ปี

‘อรรถวิชช์’ รับหนังสือ ‘ศูนย์สิทธิผู้บริโภค กทม.’ ค้านต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว 30 ปี หวั่นเสียโอกาสลดค่าตั๋ว อย่าเอาหนี้มาเป็นเงื่อนไขสัมปทาน ขอรัฐคิดปกป้องผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก ยังเหลือเวลาทบทวนอีกหลายปีก่อนหมดสัญญาปี 2572

21 ก.พ. 65 เวลา 11.00 น. นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า รับมอบหนังสือจากตัวแทนศูนย์สิทธิผู้บริโภค จากหลายเขตใน กทม. ทั้งยานนาวา สาทร ลาดพร้าว ราชเทวี หลักสี่ ขอให้สนับสนุนเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคในการคัดค้านการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวไปอีก 30 ปี

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า พรรคกล้ายินดีร่วมต่อสู้บนแนวทางที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดยมองว่าถ้าเอาหนี้ไปแลกกับสัมปทาน เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาของรัฐ แต่ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน เพราะจะทำให้เงื่อนไขการคิดค่าบริการแพงสูงกว่า 1 ใน 4 ของค่าครองชีพขั้นต่ำ อยู่กับเราไปอีกจนถึงปี 2602 ซึ่งเป็นการต่อขยายเวลานานเกินไป และค่าบริการประเทศอื่นไม่สูงขนาดนี้ จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนให้ดี เพราะยังเหลือเวลาอีกหลายปีกว่าจะหมดสัญญาสัมปทานปี 2572 

‘วิโรจน์’ ร้อง ครม.ถอดวาระต่อสัมปทานสายสีเขียว หวั่น!! มัดมือชกค่าโดยสารแพงยาวอีก 30 ปี

‘ก้าวไกล’ ค้านสุดประตู เรียกร้อง ครม.ถอดวาระต่อสัญญาสัมปทาน รฟฟ.สายสีเขียว หวั่นมัดมือชกค่าโดยสารแพงอีก 30 ปี ย้ำ!! ต้องให้ผู้ว่าฯ จากการเลือกตั้งมีส่วนตัดสินใจ ท้า ‘อัศวิน’ เปิดสัญญาแจงต่อประชาชน

21 ก.พ. 65 ที่อาคารรัฐสภา ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการ และ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล รับหนังสือจาก ประจวบ ทิทอง ประธานศูนย์สิทธิผู้บริโภค เขตบึงกุ่ม พร้อมคณะ ในฐานะภาคประชาชนเครือข่ายผู้บริโภค ที่มีข้อเรียกร้องคัดค้าน ‘การต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว’ โดยคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้ 

ชัยธวัช กล่าวว่า ต้องขอบคุณเครือข่ายผู้บริโภคที่ช่วยกันผลักดันรณรงค์คัดค้านการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งไม่เหมาะสมอย่างยิ่งในเวลานี้ พรรคก้าวไกลมีจุดยืนชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการขยายสัมปทานและขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับภาคประชาสังคม เรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีถอดถอนวาระนี้ออกจากการประชุม และขอให้เร่งรัดให้มีการเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม.โดยเร็ว เพราะเรื่องนี้ควรมีการพิจารณาเมื่อมีผู้ว่าฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง รวมถึงมีรัฐบาลใหม่
.
“เราทราบกันดีว่ารัฐบาลชุดนี้ใกล้จะหมดอายุเต็มที เรื่องใหญ่ที่สร้างผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนขนาดนี้ เราไม่อยากเห็นการกระทำเหมือนตอนรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ 1 อีก นั่นคือแอบต่อสัญญาทิ้งทวนภายหลังจากที่มีการเลือกตั้งไปแล้ว ซึ่งขณะนั้นอยู่ระหว่างกำลังรอรัฐบาลชุดใหม่ เราไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกครั้ง 

“พรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เราจะช่วยกันกดดันเรียกร้องต่อรัฐบาลทุกวิถีทาง เพราะหากอนุญาตให้มีการต่อสัมปทานในขณะนี้ จะเป็นการมัดมือชกประชาชนให้จ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวในราคา 65 บาท ไปอีก 30 ปี และจะเป็นการสูญเสียโอกาสครั้งใหญ่ในการทบทวนสัมปทานและการทำสัญญากับเอกชนในทุกสาย เพื่อทำให้เกิดระบบตั๋วร่วมในการลดค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน จะกระทบเป็นลูกโซ่ ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ (22 ก.พ. 65) ที่จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี เราไม่อยากเห็นเรื่องนี้เข้าสู่การประชุม จึงขอให้มีการถอดถอนวาระออกโดยเร็ว” ชัยธวัช กล่าว

ด้าน สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคณะกรรมาธิการคมนาคม ประเด็นนี้เคยมีการเรียกหน่วยงานมาชี้แจงในคณะกรรมาธิการหลายครั้ง ซึ่งในกรรมาธิการมีทั้ง ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน มีมติชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยต่อการขยายสัญญาที่ไม่ชอบธรรมฉบับนี้ ล่าสุดเรามีการจัดสัมมนา โดยเชิญทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมาร่วม ฝ่ายรัฐบาล เราเชิญตัวแทนรัฐมนตรีคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงก็มีการส่งตัวแทนมา พร้อมกันนั้นเราเชิญตัวแทนทุกพรรคการเมืองด้วย แต่ปรากฏว่า ในเสวนาดังกล่าวกลับไม่มี ส.ส.คนใด หรือพรรคใด กล้าพูดเปิดอกกับประชาชนว่าเห็นด้วยกับการขยายสัมปทานฉบับนี้ต่อหน้าสาธารณชน ไม่มีใครกล้าบอกว่าจะสนับสนุนเรื่องดังกล่าว กรณีนี้จึงเป็นการขยายสัมปทานอย่างน่าเกลียดที่สุด เป็นเรื่องที่จะส่งผลเสียหายอย่างมหาศาลหลายแสนล้านบาท นาทีนี้ประชาชนจะต้องเห็นความสำคัญและมาร่วมกันเรียกร้องในการหยุดการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว” สุรเชษฐ์ ระบุ 

ขณะที่ วิโรจน์ กล่าวว่า ความพยายามต่ออายุสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นการรวบรัด หักคอไม่เคารพคนกรุงเทพมหานคร หากปล่อยให้มีการต่ออายุสัมปทานฉบับนี้ออกไป หมายความว่า ตั้งแต่วันนี้จนถึง พ.ศ. 2602 ซึ่งมีเวลานานเท่ากับ 1 ชั่วอายุการทำงานของคนหนึ่งคน เช่น ในวันนี้ อายุ 23 ปี เริ่มอายุการทำงาน ในปี 2602 จะครบอายุ 60 ปี หรือเกษียณอายุจากการทำงานก็ยังต้องจ่ายค่าเดินทางแพง เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาการเก็บค่าแรกเข้าซ้ำซ้อนหรือเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะระหว่างรถไฟฟ้ากับรถเมล์ได้เลยตลอดอายุสัญญานี้

‘โบว์-ณัฏฐา’ กะเทาะอีกด้านกรณี ‘เดียร์ลอง’ ตัวแปรบีบคั้น สู่เส้นทางที่อาจไม่อยากเลือก

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "เบลล์ ขอบสนาม" ที่ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความแจ้งข่าวว่า ‘กวาง เดียร์ลอง’ ได้ตัดสินใจ ‘ย้ายประเทศ’ เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เนเธอร์แลนด์ หลังจากที่ถูกมรสุมมากมายเข้ามาไม่ว่างเว้น จากการประกอบอาชีพเป็น ‘Sex Creator’ ของเธอ โดย ‘คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา’ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในรายการ Meet THE STATES TIMES ‘เดอะ ดีเบต’ ไว้อย่างน่าสนใจว่า... 

"กรณี ‘Sex Creator’ กับ ‘เดียร์ลอง’ ที่ถูกยกมาเป็นประเด็นอีกครั้งนึง เพราะว่ามีการเปิดเผยว่าเขาจะย้ายประเทศไปอยู่ต่างประเทศ คือไปอยู่ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเขาก็บอกว่ายังไม่ได้ย้ายไป แค่ไปดูลู่ทางไว้ก่อน แต่ในอนาคตก็คงอยากย้าย

ทั้งนี้ หากมองการกระทำของ ‘เดียร์ลอง’ ว่าผิดหรือไม่? เพราะสุดท้ายแล้วก็คือคนที่อัปโหลดคลิปลงในโลกอินเทอร์เน็ตเองนั้น

ส่วนตัวมีความเห็นว่า ถ้ามันผิดกฎหมายมันก็ผิดกฎหมายค่ะ เพราะว่าการเผยแพร่ข้อมูลลามกอนาจารยังผิดกฎหมายไทยอยู่ แต่ว่าโบว์คิดว่า เราต้องย้ำจริงๆ ว่า เขาอาจจะเป็นผู้ละเมิดกฎหมายไทยในปัจจุบัน แต่อันที่จริงเขา คือ ผู้ถูกละเมิดโดยอาชญากรอีกคน ซึ่งเป็นอาชญากรจริงๆ 

กลับกันสิ่งที่กวางทำ มันไม่ใช่อาชญากรรม เพราะเขาทำในสิ่งที่เป็นของเขาเอง เป็นคอนเทนต์ของเขาเอง แต่คนที่ไปเอาคลิปของเขามาแล้วไปเผยแพร่ในแพลตฟอร์มอื่น ทั้งที่เขาทำไว้ขาย อันนี้ คือ ‘การละเมิด’ ที่รุนแรงอย่างมาก นี่คือข้อแรกที่โบว์อยากให้เคลียร์กันก่อน

ต่อมา พอเขามีข่าวว่าจะออกไปอยู่เมืองนอก ก็มีคนเขาไปคอมเมนต์โจมตีเยอะ ไปพูดเหมือนว่าเขาจะไปขายตัวหรืออะไรแบบนี้ นั่นก็คือ ‘การถูกละเมิดซ้ำสอง’ ที่น้องกวางโดนจากโซเชียลมีเดีย ซึ่งบางคนก็ใช้ถ้อยคำหยาบคาย บางคนก็ใช้ถ้อยคำแบบที่เป็นการล่วงละเมิดทางเพศ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างมาก

โบว์มีโอกาสได้ไปหาคลิปสัมภาษณ์ของเขามาดู ซึ่งภายในเย็นวันเดียวเราคิดว่า รู้จักเขามากกว่า หลายๆ คนที่ไปวิพากษ์วิจารณ์เขาอีก เพราะมันมีมุมที่น่าสนใจเกี่ยวกับน้องกวาง ตั้งแต่ บทบาททั้งการเป็นนักร้อง ยูทูบเบอร์สาย ASMR ทำงานเกี่ยวกับเสียง และ Sex Creator ที่คนเรียกกัน

น้องกวางเริ่มจากการ ไปร้องเพลง แต่ก่อนที่เขาจะไปไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์เนี่ย เขาเป็นเด็กที่ไปทำงานในร้านอาหาร ไปทำงานร้องเพลงตั้งแต่ ม.5 ไปร้องเพลงตอนกลางคืน เพื่อที่จะหาเงินมาช่วยพ่อแม่ เพราะฉะนั้นข้อแรกคือ เขามีความขยันและตั้งใจทำงานของเขาอยู่ ซึ่งไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้

เช่นเดียวกันกับจุดเริ่มต้นในการที่เขาเข้าไปใน OnlyFans ตรงนี้ก็ไม่มีใครพูดถึงเลยอีกเช่นกัน!! 

แต่โบว์ไปเจอคลิปสัมภาษณ์อันนึง มันเกิดขึ้นจากการที่เขาเคยถ่ายรูปเซ็กซี่ของตัวเอง แล้วก็โหลดเอาไว้ในคอมพิวเตอร์ของตัวเองไม่ได้เอาไปเผยแพร่ที่ไหนเลย แต่วันนึงเขาถูกมิจฉาชีพแฮกไอคลาวน์ แล้วคนที่แฮ็กก็เอามาแบล็กเมลตัวเขาแล้วบอกว่าให้จ่ายเงินมาสิแล้วจะไม่เอาไปเผยแพร่

ซึ่งน้องกวางก็ได้จ่ายเงินไป คราวนี้ เขาจ่ายเงินไปแล้วแต่ก็อยู่กับความหวาดกลัวไม่สบายใจมาตลอดว่าเมื่อไหร่คนๆ นี้จะเอาภาพเขาไปเผยแพร่ และคนในครอบครัวจะคิดยังไง พอตอนหลังเขามารู้จักกับ OnlyFans เขาก็เลยรู้สึกว่า ยังไงตัวเขาก็ชอบถ่ายภาพแนวนี้อยู่แล้ว ทำไมเขาไม่ไปมีแพลตฟอร์มของตัวเขาในเว็บไซต์นี้ แล้วมันจะทำให้คนที่เข้ามาดูคือคนที่จ่ายค่าสมาชิก ส่วนมิจฉาชีพคนนั้นก็จะไม่กล้าเอาภาพของเขามาเปิดเผยอีกแล้วเพราะสิ่งที่ใส่ไปใน OnlyFans มันหนักกว่า 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top