‘โบว์-ณัฏฐา’ กะเทาะอีกด้านกรณี ‘เดียร์ลอง’ ตัวแปรบีบคั้น สู่เส้นทางที่อาจไม่อยากเลือก

จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "เบลล์ ขอบสนาม" ที่ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมระบุข้อความแจ้งข่าวว่า ‘กวาง เดียร์ลอง’ ได้ตัดสินใจ ‘ย้ายประเทศ’ เพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เนเธอร์แลนด์ หลังจากที่ถูกมรสุมมากมายเข้ามาไม่ว่างเว้น จากการประกอบอาชีพเป็น ‘Sex Creator’ ของเธอ โดย ‘คุณโบว์ ณัฏฐา มหัทธนา’ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในรายการ Meet THE STATES TIMES ‘เดอะ ดีเบต’ ไว้อย่างน่าสนใจว่า... 

"กรณี ‘Sex Creator’ กับ ‘เดียร์ลอง’ ที่ถูกยกมาเป็นประเด็นอีกครั้งนึง เพราะว่ามีการเปิดเผยว่าเขาจะย้ายประเทศไปอยู่ต่างประเทศ คือไปอยู่ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเขาก็บอกว่ายังไม่ได้ย้ายไป แค่ไปดูลู่ทางไว้ก่อน แต่ในอนาคตก็คงอยากย้าย

ทั้งนี้ หากมองการกระทำของ ‘เดียร์ลอง’ ว่าผิดหรือไม่? เพราะสุดท้ายแล้วก็คือคนที่อัปโหลดคลิปลงในโลกอินเทอร์เน็ตเองนั้น

ส่วนตัวมีความเห็นว่า ถ้ามันผิดกฎหมายมันก็ผิดกฎหมายค่ะ เพราะว่าการเผยแพร่ข้อมูลลามกอนาจารยังผิดกฎหมายไทยอยู่ แต่ว่าโบว์คิดว่า เราต้องย้ำจริงๆ ว่า เขาอาจจะเป็นผู้ละเมิดกฎหมายไทยในปัจจุบัน แต่อันที่จริงเขา คือ ผู้ถูกละเมิดโดยอาชญากรอีกคน ซึ่งเป็นอาชญากรจริงๆ 

กลับกันสิ่งที่กวางทำ มันไม่ใช่อาชญากรรม เพราะเขาทำในสิ่งที่เป็นของเขาเอง เป็นคอนเทนต์ของเขาเอง แต่คนที่ไปเอาคลิปของเขามาแล้วไปเผยแพร่ในแพลตฟอร์มอื่น ทั้งที่เขาทำไว้ขาย อันนี้ คือ ‘การละเมิด’ ที่รุนแรงอย่างมาก นี่คือข้อแรกที่โบว์อยากให้เคลียร์กันก่อน

ต่อมา พอเขามีข่าวว่าจะออกไปอยู่เมืองนอก ก็มีคนเขาไปคอมเมนต์โจมตีเยอะ ไปพูดเหมือนว่าเขาจะไปขายตัวหรืออะไรแบบนี้ นั่นก็คือ ‘การถูกละเมิดซ้ำสอง’ ที่น้องกวางโดนจากโซเชียลมีเดีย ซึ่งบางคนก็ใช้ถ้อยคำหยาบคาย บางคนก็ใช้ถ้อยคำแบบที่เป็นการล่วงละเมิดทางเพศ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างมาก

โบว์มีโอกาสได้ไปหาคลิปสัมภาษณ์ของเขามาดู ซึ่งภายในเย็นวันเดียวเราคิดว่า รู้จักเขามากกว่า หลายๆ คนที่ไปวิพากษ์วิจารณ์เขาอีก เพราะมันมีมุมที่น่าสนใจเกี่ยวกับน้องกวาง ตั้งแต่ บทบาททั้งการเป็นนักร้อง ยูทูบเบอร์สาย ASMR ทำงานเกี่ยวกับเสียง และ Sex Creator ที่คนเรียกกัน

น้องกวางเริ่มจากการ ไปร้องเพลง แต่ก่อนที่เขาจะไปไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์เนี่ย เขาเป็นเด็กที่ไปทำงานในร้านอาหาร ไปทำงานร้องเพลงตั้งแต่ ม.5 ไปร้องเพลงตอนกลางคืน เพื่อที่จะหาเงินมาช่วยพ่อแม่ เพราะฉะนั้นข้อแรกคือ เขามีความขยันและตั้งใจทำงานของเขาอยู่ ซึ่งไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้

เช่นเดียวกันกับจุดเริ่มต้นในการที่เขาเข้าไปใน OnlyFans ตรงนี้ก็ไม่มีใครพูดถึงเลยอีกเช่นกัน!! 

แต่โบว์ไปเจอคลิปสัมภาษณ์อันนึง มันเกิดขึ้นจากการที่เขาเคยถ่ายรูปเซ็กซี่ของตัวเอง แล้วก็โหลดเอาไว้ในคอมพิวเตอร์ของตัวเองไม่ได้เอาไปเผยแพร่ที่ไหนเลย แต่วันนึงเขาถูกมิจฉาชีพแฮกไอคลาวน์ แล้วคนที่แฮ็กก็เอามาแบล็กเมลตัวเขาแล้วบอกว่าให้จ่ายเงินมาสิแล้วจะไม่เอาไปเผยแพร่

ซึ่งน้องกวางก็ได้จ่ายเงินไป คราวนี้ เขาจ่ายเงินไปแล้วแต่ก็อยู่กับความหวาดกลัวไม่สบายใจมาตลอดว่าเมื่อไหร่คนๆ นี้จะเอาภาพเขาไปเผยแพร่ และคนในครอบครัวจะคิดยังไง พอตอนหลังเขามารู้จักกับ OnlyFans เขาก็เลยรู้สึกว่า ยังไงตัวเขาก็ชอบถ่ายภาพแนวนี้อยู่แล้ว ทำไมเขาไม่ไปมีแพลตฟอร์มของตัวเขาในเว็บไซต์นี้ แล้วมันจะทำให้คนที่เข้ามาดูคือคนที่จ่ายค่าสมาชิก ส่วนมิจฉาชีพคนนั้นก็จะไม่กล้าเอาภาพของเขามาเปิดเผยอีกแล้วเพราะสิ่งที่ใส่ไปใน OnlyFans มันหนักกว่า 

นี่เป็นตัวเลือกของน้องที่เลือกจะย้อนเกล็ด เพื่อทำให้คนที่มาแบล็กเมลเขาไม่ต้องมีทางทำมาหากิน หรือมีหนทางมาไถเงินจากน้องอีกต่อไป

ซึ่งในบทสัมภาษณ์ของน้องกวางนั้น เขาก็พูดยอมรับว่า ณ จุดที่ตัดสินใจเขา “ไม่ได้คิดอะไรมาก” คือ คิดแค่นี้เองว่าแบบเหมือนจะย้อนเกล็ดคนที่มาแบล็กเมล แล้วก็รู้สึกว่าตัวเองก็เอนจอยกับสิ่งนี้ เพราะฉะนั้นก็ทำไปเลยแล้วกัน 

แต่ในท้ายบทสัมภาษณ์นี้ น้องก็พูดสิ่งที่เด็กทุกคนควรได้ฟัง น้องเดียร์บอกว่า ไม่ใช่ว่าการเข้าไปในวงการแบบนี้มันจะดีเสมอไป มันมีราคาที่ต้องจ่าย แล้วเป็นราคาที่สูงมาก ซึ่งคงนึกกันออกไม่ว่าจะครอบครัว หน้าที่การงานในอนาคต อย่างสิ่งที่น้องเผชิญอยู่ในตอนนี้คือแรงปะทะจากสังคมที่มันสูงมาก

หากจะว่าไปแล้ว เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่แค่ในเมืองไทยค่ะ ที่ต่างประเทศก็มี เช่น มีคนที่อยู่ที่ออสเตรเลีย เขาก็เคยแชร์ประสบการณ์มาว่า มีเพื่อนบ้านเคยทำหนังผู้ใหญ่ใน OnlyFans เขาทำอย่างนี้ได้เงินเยอะมากด้วย แล้ววันหนึ่งเขาจะเอาลูกไปเข้าโรงเรียน แล้วเขาเอาลูกไปเข้าที่แบบโรงเรียนดี โรงเรียนอีลีท ปรากฏว่าผู้ปกครองในโรงเรียนพอมีคนไปรู้ว่าคนนี้ทำงานในอุตสาหกรรมแบบนี้ ผู้ปกครองในโรงเรียนรวมตัวกันแล้วบอกโรงเรียนว่าไม่ให้รับเด็กเข้าเรียน ซึ่งน่าเห็นใจมาก

นี่คือราคาที่เกิดขึ้น แล้วก็ใครที่จะตัดสินใจเข้าไปทำเนี่ย ต้องคิดให้รอบด้าน แล้วถ้าคุณคิดรอบด้านแล้ว คิดว่าจะรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาได้ เข้าไปแล้วจะได้ไม่เสียใจ เราไม่ตัดสินว่ามันถูกหรือมันผิด แต่คนที่มีประสบการณ์มาแล้ว อย่างตัวน้องกวางเองเขาก็พูดแบบนี้

เนื่องจากเมืองไทยยังไม่เคยมีสิ่งเหล่านี้ ก็มีการจินตนาการแล้วคิดว่ามันจะดี แต่ในขณะเดียวกันถ้าเราได้เข้าไปอ่านคอนเทนต์จากเมืองนอก คนที่เคยอยู่ในอุตสาหกรรมเหล่านี้จำนวนมาก จะออกมาเล่าว่ามันมีผลกับสภาพจิตกับชีวิตยังไง ถึงแม้มันจะถูกกฎหมายในประเทศนั้นๆ แต่หลังจากพอเข้าไปทำแล้ว มันไม่ได้สนุก บางทีมันมีผลกับสภาพจิตกับร่างกายแล้วก็เป็นผลพวงระยะยาวต่อไปในชีวิต 

จริงๆ สาเหตุที่มาคุยเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งเพราะว่าอยากจะซัพพอร์ตแล้วก็ให้กำลังใจน้องด้วยค่ะ เพราะพูดตรงๆ ยังไงน้องก็เป็นผู้หญิงที่อายุแค่ 25 ปี แล้วต้องรับแรงปะทะขนาดนี้มันหนัก มันหนักเกินไปสำหรับคนๆ หนึ่ง...ดีใจที่ได้พูดถึงประเด็นนี้"