Thursday, 10 July 2025
POLITICS

'กรณ์' ย้ำ!! น้ำมันแพง - ของแพง เป็นอำนาจกระทรวงพาณิชย์ เตือนสติต้องเดินหน้าแก้ปัญหา ไม่ใช่โบ้ยคนอื่น

นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการแก้ปัญหาของแพงว่า โดยทั่วไปเมื่อพูดถึงของแพงถามว่ากระทรวงไหนมีหน้าที่แก้ปัญหา  เชื่อว่าประชาชนต้องนึกถึงกระทรวงพาณิชย์  และในจิตสำนึกของผู้เป็นรัฐมนตรี ในสถานการณ์ข้าวยากหมากแพงยุคปัจจุบัน ควรจะต้องพยายามคิดหาทางออกเรื่องของแพงอยู่แทบจะทุกลมหายใจ

นายกรณ์ กล่าวว่า เมื่อน้ำมันแพง ต้นตอของแพง รัฐมนตรีพาณิชย์ ควรต้องใช้ทุกกฎหมายที่มี เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหา ไม่ใช่มาตีความกฎหมายเพื่อลดอำนาจ และความรับผิดชอบของตนเอง คนเราเวลาจริงใจกับการแก้ปัญหา เราต้องดิ้นรนหาทางแก้ ไม่ขยันแต่จะโบ้ยงานว่า "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน เป็นเรื่องของคนอื่น 

"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานกรรมการกำหนดราคากลางสินค้า หากจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของพลังงาน รัฐมนตรีพาณิชย์เองก็เป็นกรรมการกำหนดนโยบายพลังงานอยู่ด้วยอีก แถมมีปลัดพาณิชย์ นั่งใน กบง. บริหารนโยบายพลังงานอีกด้วยซ้ำ ประชาชนได้แต่เฝ้ารอครับ เมื่อไหร่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ตรงจุด ทางออกมีแน่นอน และปัญหาเศรษฐกิจของประเทศจะแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้ หากการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลขาดเอกภาพ และความร่วมมือกัน" หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว

อดีต รมว.คลัง กล่าวว่า สมัยที่ตนทำงานแก้วิกฤตเศรษฐกิจโลก รองนายกฯ เศรษฐกิจ ร่วมมือกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์กระทรวงพลังงาน และทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ทำงานสามัคคีร่วมกันหนักแน่น จนไทยเราฝ่าวิกฤตครั้งนั้นมาได้ และปัญหาใหญ่ของประเทศ เรื่องนี้ วันนี้ คือ 'ของแพง' หากไม่ใช่อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แล้วจะเป็นใคร 

‘ไทยสร้างไทย’ ล่าชื่อตรวจสอบจริยธรรม ส.ว. ยกเลิกอำนาจในการโหวตนายกรัฐมนตรี

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊ก โดยระบุเนื้อหาถึง การเปิดแพลตฟอร์ม D-vote ล่ารายชื่อเพื่อยื่นตรวจสอบ ส.ว. ที่แต่งตั้งเครือญาติเข้ามาทำงานในสภา พร้อมทั้งเปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 เพื่อปิดสวิตซ์อำนาจ ส.ว. แต่งตั้งในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

หลัง iLaw เปิดชื่อ ส.ว. แต่งตั้งญาติ 50 คนเป็นผู้ช่วยของตัวเอง และฝากเลี้ยงไว้กับ ส.ว. คนอื่น ทั้งยังพบทหาร คนใกล้ชิด คสช. อีกกว่าครึ่งพันมานั่งเป็นคณะทำงานของ ส.ว. ตามโควตา ส.ว. 1 คนต่อคณะทำงาน 8 คนตามข้อมูลเมื่อวันที่ (30 ก.ย. 63) ทำให้วุฒิสภาต้องใช้เงินภาษีของประชาชนจ่ายค่าตอบแทนทั้งตัว ส.ว. 250 คน คนละเป็นแสนต่อเดือน คณะทำงานหลักหมื่นต่อคน และยังไม่นับรวมสวัสดิการอื่น ๆ อีก เฉลี่ยปีละ 387.33 ล้านบาท

หลายฝ่ายออกมาแสดงความกังวล รวมทั้งพี่น้องประชาชน ภาควิชาการ และเรียกร้องให้มีการสอบจริยธรรม ส.ว. ที่เข้าข่ายดังกล่าว ขณะเดียวกันเหลือเวลาอีกไม่ถึงปี ที่สภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะสิ้นสุดลง แต่ ส.ว. ยังคงมีอำนาจในการโหวตเลือกนายกอยู่

พรรคยืนยันไม่เห็นด้วยกับบทเฉพาะกาลที่ระบุให้ระหว่าง 5 ปีแรก ส.ว. มีสิทธิ์ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ เพราะคนเหล่านี้คือ ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้ง และหาก ส.ว. ชุดนี้อยู่ครบวาระก็เท่ากับว่าจะเลือกนายกรัฐมนตรีได้ถึง 2 คน เพราะสภาผู้แทนราษฎรมีอายุเพียง 4 ปีเท่านั้น หาก ส.ว. ทั้ง 250 คนไม่มีเสียงแตก การเลือกตั้งสมัยหน้าประชาชนก็อาจจะได้กลุ่มคนเผด็จการเช่นเดิมมาบริหารประเทศ

อนุสรณ์ ขอบคุณคนอีสาน สะท้อนผ่านอีสานโพล สนับสนุนพรรคเพื่อไทย พร้อมแนะ กัญชาเสรี ต้องรอบคอบ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี อีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน ม.ขอนแก่น เปิดผลสำรวจความเห็นประชาชนเรื่อง “คนอีสานกับการปลูกกัญชาเสรี” พบ ยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ว่า พรรคเพื่อไทยขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวอีสาน ที่ยังเชื่อมั่นพรรคเพื่อไทย แต่เราจะไม่ลิงโลดใจ หรือ ชะล่าใจ จะมุ่งเน้นทำงานหนักเพื่อนำเสนอนโยบายที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาของประเทศชาติและประชาชน จะให้ความสำคัญกับการผลักดันนโยบายที่ทำให้ชีวิตคนไทยดีขึ้น ผ่านนโยบายสำคัญ อาทิ ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจอาหารโลกเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารของโลก (food security) พลิกโฉมภาคการเกษตรด้วยเทคโนโลยี ระบบน้ำ ดิน ทุน ออกแบบกระบวนการสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งระบบ ปรับหนี้เกษตรกร ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เช่น รถไฟความเร็วสูง ซึ่งจะสร้างรายได้ให้กับประชาชนอย่างก้าวกระโดด

เพื่อไทยชูแนวคิดสร้างเงินจากดิน - รดน้ำที่ราก พลิกวิกฤตอาหารโลก เป็นโอกาส ฟื้นเศรษฐกิจไทย

นางสาวสกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร และคณะทำงานด้านนโนบายการเกษตร กล่าวถึงแนวทางการดำเนินนโยบายด้านการเกษตรพรรคเพื่อไทย ในหัวข้อ อินทรีย์-เคมี โอกาสของไทยภายใต้วิกฤตอาหารโลก จัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ตัวแทนนักการเมืองจากประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ก้าวไกล นักวิชาการ และข้าราชการด้านการเกษตร ว่าพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับนโยบายการเกษตร และทราบดีว่าท่ามกลางวิกฤตอาหารโลก การยกเครื่องภาคการเกษตร รดน้ำที่ราก คือโอกาสรอดของประเทศไทย 

นางสาวสกุณา กล่าวว่า การพลิกวิกฤตเป็นโอกาส โดยสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคการเกษตร คือโจทย์ที่ท้าทาย ปัจจุบันภาคการเกษตรไทยใช้ทรัพยากรแรงงานและที่ดินกว่า 40% แต่กลับสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้เพียง 8% ของ GDP ประเทศ รัฐบาลปัจจุบันอุดนุนสินค้าเกษตรปีละกว่าแสนล้าน แต่ผลสุดท้ายเกษตรกรยังคงเป็นหนี้ครัวเรือนละกว่า 2 แสนบาท เพราะปัญหาใหญ่คือประเทศไทยยังผลิตสินค้าเกินความต้องการ และสินค้าที่ผลิตนั้นยังไม่เป็นที่ต้องการของตลาด

ดังนั้นจึงถึงเวลาแล้วที่การเกษตรของประเทศไทยต้องเปลี่ยนทั้งโครงสร้าง เปลี่ยนทั้งวิธีคิด โดยใช้ ‘ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ฟื้นเศรษฐกิจไทย’ ตัวอย่างเช่น ประเทศไทยมีความต้องการพืชอาหารสัตว์ปีละ 19 ล้านตัน และยังคงต้องนำเข้ากว่า 14 ล้านตัน แต่ถ้าหากเราผลิตตามความต้องการเพื่อทดแทนการนำเข้า ทั้งพืชอาหารคน พืชอาหารสัตว์ และพืชพลังงาน ประกอบกับการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม ทำให้เกษตรกรเข้าใจธุรกิจ และเข้าถึงแหล่งทุน ก็จะสามารถเปลี่ยนชีวิตพลิกฟื้นเกษตรกรไทยได้

‘พิธา’ รับฟังความเห็นตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ ยัน!! ร่วมผลักดัน พ.ร.บ.สภาชนเผ่าพื้นเมือง

กลุ่มตัวแทนชาติพันธุ์หวังสร้างความเปลี่ยนแปลง เตรียมดัน ร่าง พ.ร.บ.สภาชนเผ่าฯ ให้ผ่านสภา ‘พิธา’ เผย ‘ก้าวไกล’ พร้อมสนับสนุนการโอบรับความหลากหลายเต็มที่

(22 มิ.ย.65) อาคารสัปปายะสภาสถาน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ และ มานพ คีรีภูวดล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สัดส่วนชาติพันธุ์ เปิดห้องรับรองตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย เพื่อทำความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นจากการที่กลุ่มชาติพันธุ์เตรียมผลักดัน ร่างพ.ร.บ.สภาชนเผ่าพื้นเมือง ในสภาผู้แทนราษฎร

พิธา กล่าวว่า พันธกิจของพรรคก้าวไกล คือ การโอบรับความหลากหลายและพยายามเข้าไปดูแลด้านงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องชาติพันธุ์เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ ในรอบเดือนที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลสามารถผลักดันกฎหมายหลายฉบับที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนให้ผ่านวาระแรกได้สำเร็จในรอบเดือนที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นกฎหมายสุราก้าวหน้าและสมรสเท่าเทียม 

“แม้กฎหมายทั้งสองฉบับจะไม่เกี่ยวข้องต่อพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์โดยตรง แต่เชื่อว่าการผลักดันกฎหมายเหล่านี้จะช่วยปลดล็อกด้านเศรษฐกิจสังคม และเปิดโอกาสให้พี่น้องชาติพันธุ์ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น โดยสามารถต่อยอดจากศักยภาพและทรัพยากรของกลุ่มชาติพันธุ์ เช่น การใช้พืชพื้นถิ่นเพื่อผลิตสุราที่สามารถยกระดับและเป็นโอกาสในการทำกินได้ นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังมีภารกิจเร่งด่วนที่ต้องการทำให้สำเร็จอีกหลายประการ ไม่ว่าเรื่องปัญหาสัญชาติ ที่ดินทำกิน การศึกษา และสาธารณสุขให้กับพี่น้องชาติพันธุ์ ส่วน พ.ร.บ.สภาชนเผ่าพื้นเมือง ก็จะต้องผลักดันกฎหมายให้เกิดขึ้นเช่นกัน ซึ่งเร็ว ๆ นี้จะเดินทางไปยังประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากได้รับเชิญให้ไปร่วมงานด้านชาติพันธ์ุ หวังว่าจะได้แนวทางในการสนับสนุนเพื่อพี่น้องชาติพันธ์ในระดับต่อไป”

‘ชนินทร์’ โว!! อีสานใต้กระแสดี อยากได้ ‘เพื่อไทย’ เป็นรัฐบาล

ครอบครัวเพื่อไทยอีสานใต้กระแสดี เหตุรัฐบาลนี้ทำคนสิ้นหวัง ‘ชนินทร์’ เผยชาวสุรินทร์ลำบากหนัก อยากได้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล โต้!! คนโจมตีรถไฟความเร็วสูงขนทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษของอุ๊งอิ๊ง ถามรถไฟความความเร็วสูงประยุทธ์ สร้าง 5 ปี ได้มา 3.5 กม. เมื่อไหร่คนไทยได้ใช้ประโยชน์ 

นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกิจกรรมของครอบครัวเพื่อไทยในพื้นที่อีสานตอนใต้ เช่นที่สุรินทร์ และศรีสะเกษ ในช่วงที่ผ่านมาว่า จากการลงพื้นที่ในวันงานกิจกรรมทั้งที่จังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ พบว่าเสียงตอบรับจากพี่น้องประชาชนในทุกพื้นที่อยู่ในระดับที่ดีมาก พี่น้องทุกกลุ่มต่างให้กำลังใจและมีความมั่นใจว่าหากมีการเลือกตั้งรอบหน้า จะเทคะแนนให้พรรคเพื่อไทยเท่านั้น ไม่แบ่งใจให้ใครอย่างแน่นอน เพราะมีความเชื่อมั่นในแนวคิดของพรรคเพื่อไทยที่มีความมุ่งหวังตั้งใจในการทำให้คนไทยกลับมามีเงินในกระเป๋า หนี้สินลดลง และจะมีการใช้เทคโนโลยีในการเกษตร ลดการเกษตรแบบยถากรรม สร้างมูลค่าด้วยผลผลิตที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด  ซึ่งจากนี้ไปมั่นใจว่าพรรคจะทยอยปล่อยหมัดเด็ดออกมาอย่างแน่นอน  ทั้งนี้ในฐานะที่เป็นคนสุรินทร์ที่อาสาเข้ามาร่วมรับฟังปัญหาพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง พบว่า พี่น้องชาวสุรินทร์อยากให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลที่แข็งแรง ชูธงนำประชาธิปไตย และปิดสวิทช์ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีให้ได้ 

ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การปราศรัยของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เรื่องการใช้รถไฟฟ้าความเร็วสูงเพื่อขนส่งทุเรียนนั้น ส่วนตัวเห็นด้วยว่าควรทำและควรได้รับการสนับสนุนตั้งแต่สมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกว่า 3 ปี แต่ได้เสนอแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อโครงการสร้างอนาคตไทย 2020 เพื่อเพิ่มศักยภาพการคมนาคมและขนส่ง ช่วยคนขนและพืชผลทางการเกษตรไปสู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศและเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศได้ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ได้วางแผนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจาก กทม. แผ่กระจายไปเชียงใหม่ หนองคาย สงขลา และระยอง วางงบประมาณก่อสร้างรวมทั้ง 4 เส้นทาง 7.83 แสนล้านบาท และจะแล้วเสร็จในปี 2563  

จากใจ 'กอยยิมสามกีบชังชาติ' เคยโจมตี 'พ่อหลวง ร.9' หันมาศึกษา 'ศาสตร์พระราชา' จนปรับใช้กับชีวิตได้จริง

'ดร.สุวินัย' เปิดคำสารภาพของอดีต 'กอยยิมสามกีบชังชาติ' เคยเชื่อบทความต่างประเทศที่โจมตีพ่อหลวง ร.9 เรียนเรื่องระบบการเงินโลก เพื่อจะได้รวย ๆ เริ่มเข้าใจความน่ากลัว จึงมาศึกษาศาสตร์พระราชา ได้เข้าใจสิ่งที่พ่อหลวงสร้างทางรอดไว้ให้คนไทย สามารถปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ๆ

ดร.สุวินัย ภรณวลัย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง 'คำสารภาพของอดีตกอยยิมชังชาติคนหนึ่ง' เนื้อหา ว่า...

ในฐานะที่เราเคยเป็นกอยยิมชังชาติ เชื่อบทความต่างประเทศที่โจมตีพ่อหลวง ร.9 มาก่อน

หลุดพ้นมาได้ เพราะกุศโลบายอยากรวย เราเลยไปเรียนเรื่องระบบการเงินโลก ...

อยากรวย อยากเทรดเก่ง อยากลงทุนเก่ง เลยตั้งใจเรียน ...

กลายเป็นว่าของเข้า !

เราเริ่มเข้าใจระบบเศรษฐกิจขับเคลื่อนด้วยหนี้ (Debt Based Economy)

เราเริ่มเข้าใจความน่ากลัวและความทรงพลังของมัน

เราเริ่มเข้าใจว่ามีกลุ่มคนที่ควบคุมระบบนี้อยู่ และใช้มันเพื่อสร้าง 'ทาสระบบหนี้' (Debt Slave)

พอเข้าใจแล้วเราจึงมาศึกษาศาสตร์พระราชาอย่างตั้งใจจริง (เพื่อให้ครอบครัวเรารอด)

โดยเอาความรู้ฟากระบบทุนนิยมที่เราศึกษามาเป็นที่ตั้ง
 

'ปิยบุตร' เปิด 8 ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ หลังถูกแจ้งความดำเนินคดีผิด ม.112

(21 มิ.ย.2565) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล หัวข้อ เปิด 8 โพสต์ปิยบุตร ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ถูกแจ้งความดำเนินคดีผิด ม.112

ในช่วงปี 2564 สถานการณ์การเมืองเข้มข้น การแสดงออกของม็อบเยาวชนและข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์กำลังเป็นไปอย่างดุเดือดแหลมคม มีการสลายการชุมนุมอย่างรุนแรง มีผู้ถูกจับกุมดำเนินคดีจำนวนมากจากการแสดงออกถึงสถาบันกษัตริย์

ผมเองอยากให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ ต้องเปิดพื้นที่พูดคุยกันได้อย่างปลอดภัย เอาใจเขามาใส่ใจเรา พูดคุยกันด้วยเหตุผลและวุฒิภาวะ ผมจึงประมวลข้อเสนอปฏิรูปสถาบันกษัตริย์เพื่อให้อยู่คู่กับสังคมไทยได้ในยุคปัจจุบัน แต่การกระทำของผมเช่นนี้กลับถูกกล่าวหา นำไปสู่การดำเนินคดีตามมาตรา 112

โดยข้อเท็จจริงทั้งหมด ตามนี้:

“เปิดร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม หมวด 2 พระมหากษัตริย์ เดินหน้าปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ พร้อมแนบเอกสารร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พุทธศักราช….” โพสต์เมื่อ (10 ส.ค.64) https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/posts/3076450455972150

2.“ข้อเรียกร้องแห่งยุคสมัย ทำไมต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” โพสต์เมื่อ (17 ส.ค. 64) https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/photos/a.2260389780911559/3081844162099446/ 

3.“กษัตริย์กับนายกรัฐมนตรี ใครมีอำนาจแต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่งกันแน่?” โพสต์เมื่อ (17 ก.ย. 64) https://www.facebook.com/PiyabutrOfficial/photos/a.2260389780911559/3105582616392267/

4.ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “ในสังคมหนึ่ง ความคิดคนแต่ละคนแตกต่างกันมากมาย มีคนรัก คนเฉย ๆ คนไม่ชอบ ถึงบังคับยังไงก็ไม่เปลี่ยนความคิดเลย แต่ทำอย่างไรที่เราจะอยู่ในสังคมเดียวกันได้ เหลือทางเดียวคือเปิดให้มีเสรีภาพในการแสดงออก แล้วอดทนอดกลั้นซึ่งกันและกันต่อความเห็นที่แตกต่าง” https://twitter.com/Piyabutr_FWP/status/1457578245369393154

5.ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “ประยุทธ์ตบหัวลูกน้องอ้างว่าทำด้วยความเอ็นดู ดังนั้น ประยุทธ์ก็ยอมให้ลูกพี่ตนเองตบหัวด้วยความเอ็นดูเช่นกัน ปัญหามีอยู่ว่าในสายตาของประยุทธ์ ประชาชนไม่ใช่ลูกพี่ของเขา แล้ว “ลูกพี่” ของเขาคือใคร? ต้องไปดูว่า “ใคร” ที่ตบหัวสั่งประยุทธ์ แล้วเขาไม่หือ ยิ้มรับ และยอมทำตามสั่ง” https://twitter.com/Piyabutr_FWP/status/1443897877030334465

*6.ข้อความทวิตเตอร์กล่าวว่า “สภาพสังคมปัจจุบันนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะอยู่ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราย์จำแลงได้อย่างสันติ แต่การปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ กองทัพ ศาล เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่รักษาสถาบันกษัตริย์ไว้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญต่างหากที่เป็นไปได้และทำให้ทุกคนอยู่อย่างสันติ #ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” https://twitter.com/Piyabutr_FWP/status/1452124952828678144

บริหารเชิงรุกไม่รอตั้งรับ เพื่อไทย ย้ำ โรคอุบัติใหม่ในสัตว์ ต้องมีแผนรับมือใหม่ คิดล่วงหน้าปฏิบัติเจน ไม่วิ่งไล่ปัญหา 

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา ประธานคณะทำงานนโยบายเกษตรพรรค นางสาวสกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร และนายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ คณะทำงานนโยบายเกษตรพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการจัดการโรคระบาดในสัตว์ล้มเหลว เพราะใช้แผนแบบเก่า ตั้งรับไม่รุก ไม่มีทางก้าวทันปัญหา นำพาประเทศรอดพ้นวิกฤต

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับคำร้องเรียนการแพร่ระบาดของโรคลัมปีสกินมากมาย ติดตามสอบถามไปยังเกษตรกร ปศุสัตว์จังหวัดหลายพื้นที่ให้การตรงกันคือ ไม่มีวัคซีนมาถึงมือ จึงอยากสอบถามกระทรวงเกษตรไปว่า วัคซีนลัมปีสกินที่ได้แจกจ่ายไปแล้ว ทำไมไม่ถึงมือเกษตรกร เป็นวัคซีนทิพย์ โฆษณาชวนเชื่อ แต่ไม่มีอยู่จริงใช่หรือไม่

นางสาวสกุณา กล่าวเสริมว่า วัฎจักรการระบาดโรคในสัตว์กลับมาระบาดอีกครั้ง ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยอมรับความจริง ว่าการทำงานของท่านล้มเหลวในการจัดการปัญหาโรคระบาดอย่างสิ้นเชิง สถานการณ์ตอนนี้แค่เพียงวิ่งตามปัญหาเดิมยังไม่ทัน แล้วจะหวังให้จัดการโรคระบาดระลอกใหม่ได้อย่างไร 

นายสัตวแพทย์ชัย กล่าวอีกว่า ความรวดเร็วคือหัวใจสำคัญในการจัดการโรคระบาด ตัวอย่างโรคลัมปีสกิน แม้จะเป็นโรคอุบัติใหม่ในประเทศไทย แต่หลายประเทศหลายจุดทั่วโลก อาทิ ตุรกี โมร็อกโก โรมาเนีย อียิปต์ สามารถผลิตวัคซีนที่ได้มาตรฐาน สามารถนำเข้าและกระจายปูพรมฉีดภายในเดือนเดียวรู้เรื่อง แต่น่าเสียดายที่โรคระบาดทั้ง ASF ในสุกร ลัมปีสกินในโคกระบือ ยังยืดเยื้อควบคุมการระบาดไม่ได้ แสดงให้เห็นความล้มเหลว เพราะปล่อยให้โรคเกิดขึ้นและกระจายทั่วประเทศ

'ธีรรัตน์' โต้ 'ธนกร' หยุดท่องจำวาทกรรมเดิมทำร้ายฝ่ายตรงข้าม แนะต้องยอมรับความจริงให้ได้ 'ประยุทธ์' ทำเศรษฐกิจแย่ คนแก้ต้องเพื่อไทยเท่านั้น

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส. กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้พรรคเพื่อไทยย้อนดูว่าประเทศต้องเจอกับสถานการณ์และเศรษฐกิจอย่างทุกวันนี้ เพราะรัฐบาลไหนทุจริตคอร์รัปชันมโหฬารชนิดที่อดีตนายกฯ ต้องหนีออกนอกประเทศ และหาก 8 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เข้ามาแก้ไขปัญหา ประเทศคงถูกการทุจริตกัดกร่อนพรุนยิ่งกว่าบ้านถูกปลวกแทะไปนานแล้วนั้น สิ่งที่นายธนกรพูดนั้นเป็นเรื่องที่น่าละอายมาก หากจะถามว่ารัฐบาลชุดไหนที่ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำย่ำแย่มาตลอดหลายปีที่ผ่านมาจนหนี้สินประเทศที่ทุกคนต้องใช้หนี้ร่วมกันพุ่งชนเพดานที่ 10 ล้านล้านบาทนั้น ก็ล้วนเป็นฝีมือการบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งสิ้น เหตุใดนายธนกรจึงมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์เข้ามากู้เศรษฐกิจ ทั้งที่ปัญหาประเทศทั้งหมดเกิดขึ้นมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ เองที่มีเพียงตำแหน่งทางการทหาร และไร้ความสามารถในการเป็นผู้นำประเทศ

ส่วนการทุจริตคอร์รัปชั่นที่กัดกร่อนประเทศตามที่นายธนกรกล่าวอ้างนั้น ความจริงปรากฎและสาธารณชนรับรู้โดยทั่วกันว่า ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ยอมรับว่ายุค “คสช.-ประยุทธ์” เงินแผ่นดินรั่วไหลเฉียด 3 แสนล้านบาท ส่วนดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันปี 2564 ของไทยคะแนนลดลง จาก 36 เหลือ 35 คะแนน อันดับร่วงลงจากอันดับที่ 104 ในปี 2563 มาอยู่อันดับที่ 110 ในปีนี้  ตัวเลขที่หน่วยงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศรายงาน ล้วนเป็นฝีมือการบริหารของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งสิ้น ทั้งหมดคือข้อเท็จจริง และเป็นความจริงที่นายธรกรต้องยอมรับให้ได้ ไม่ใช่เอาแต่ท่องจำวาทกรรมเดิมๆ และยังมีความพยายามเชื่อมโยงเรื่องราวให้ผู้ที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารเข้าใจผิดได้ อดีตนายกรัฐมนตรีที่นายธนกรกล่าวถึงถูกโค่นล้มไล่ล่าในทางการเมือง ถูกกล่าวหาในหลายคดีความอย่างไม่ยุติธรรม ไม่ยึดหลักประชาธิปไตย สุดท้ายทั้งสองท่านถูกรัฐประหาร ซึ่งประเทศที่เจริญแล้วทั่วโลก ไม่ยอมรับวิธีนี้ 

พท. ซัด รบ. จัดการโรคระบาดในสัตว์ล้มเหลว ชี้ ต้องบริหารเชิงรุก ไม่ปล่อยปชช.จมกองทุกข์

เพื่อไทย ย้ำโรคอุบัติใหม่ในสัตว์ ต้องมีแผนรับมือใหม่ คิดล่วงหน้าปฏิบัติเจน ไม่วิ่งไล่ปัญหา ชี้ รัฐบาลต้องบริหารเชิงรุก ไม่รอตั้งรับ ไม่ปล่อยให้ปชช.จมกองทุกข์

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา ประธานคณะทำงานนโยบายเกษตรพรรค นางสาวสกุณา สาระนันท์ ส.ส.สกลนคร และนายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ คณะทำงานนโยบายเกษตรพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการจัดการโรคระบาดในสัตว์ล้มเหลว เพราะใช้แผนแบบเก่า ตั้งรับไม่รุก ไม่มีทางก้าวทันปัญหา นำพาประเทศรอดพ้นวิกฤต

นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับคำร้องเรียนการแพร่ระบาดของโรคลัมปีสกินมากมาย ติดตามสอบถามไปยังเกษตรกร ปศุสัตว์จังหวัดหลายพื้นที่ให้การตรงกันคือ ไม่มีวัคซีนมาถึงมือ จึงอยากสอบถามกระทรวงเกษตรไปว่า วัคซีนลัมปีสกินที่ได้แจกจ่ายไปแล้ว ทำไมไม่ถึงมือเกษตรกร เป็นวัคซีนทิพย์ โฆษณาชวนเชื่อ แต่ไม่มีอยู่จริงใช่หรือไม่

นางสาวสกุณา กล่าวเสริมว่า วัฏจักรการระบาดโรคในสัตว์กลับมาระบาดอีกครั้ง ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยอมรับความจริง ว่าการทำงานของท่านล้มเหลวในการจัดการปัญหาโรคระบาดอย่างสิ้นเชิง สถานการณ์ตอนนี้แค่เพียงวิ่งตามปัญหาเดิมยังไม่ทัน แล้วจะหวังให้จัดการโรคระบาดระลอกใหม่ได้อย่างไร 

นายสัตวแพทย์ชัย กล่าวอีกว่า ความรวดเร็วคือหัวใจสำคัญในการจัดการโรคระบาด ตัวอย่างโรคลัมปีสกิน แม้จะเป็นโรคอุบัติใหม่ในประเทศไทย แต่หลายประเทศหลายจุดทั่วโลก อาทิ ตุรกี โมร็อกโก โรมาเนีย อียิปต์ สามารถผลิตวัคซีนที่ได้มาตรฐาน สามารถนำเข้าและกระจายปูพรมฉีดภายในเดือนเดียวรู้เรื่อง แต่น่าเสียดายที่โรคระบาดทั้ง ASF ในสุกร ลัมปีสกินในโคกระบือ ยังยืดเยื้อควบคุมการระบาดไม่ได้ แสดงให้เห็นความล้มเหลว เพราะปล่อยให้โรคเกิดขึ้นและกระจายทั่วประเทศ

'อดีตบิ๊ก ศรภ.' วิเคราะห์ศึกซักฟอกหนสุดท้าย ยก 3 ปัจจัย การันตี 'บิ๊กตู่ - 10 รมต.' ชนะฉลุย

‘อดีตบิ๊ก ศรภ.’ รู้ทันฝ่ายค้านเทหมดหน้าตักหวังชนะศึกซักฟอก ยก 3 ปัจจัย มั่นใจ ‘บิ๊กตู่’ กับ 10 รมต. ผ่านฉลุย ต่างกันแค่เสียงโหวตไว้วางใจ เย้ยดูวอลเล่ย์สนุกกว่าเยอะ

(20 มิ.ย.65) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์­ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้สำคัญมากกว่าทุกครั้ง จนถึงขั้นพรรคเพื่อไทย ออกมาลั่นว่า “ต้องตีให้ตายคาสภา” โดยมีความมั่นใจมาจากสาเหตุดังนี้

1. นายกฯลุงตู่ ไม่สามารถยุบสภาหนีได้ ดังนั้น ส.ส.พรรคเล็ก จึงเป็นอิสระมากขึ้น “ไม่ต้องกลัวถูกยุบสภา แล้วตกงาน” สามารถไปต่อรองโหวตให้ใครก็ได้ที่ตัวเองชอบ หรือได้รับผลประโยชน์

2. ฝ่ายค้านมีข้อมูลในการอภิปรายมากกว่าทุกครั้ง

3. เป็นการอภิปรายครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ชนะ รัฐบาลจะอยู่ไปยาวอีกเกือบ 10 เดือน จึงจะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ซึ่งเป็นโอกาสให้รัฐบาลสามารถทำอะไรได้อีกมาก จนอาจกลับมาครองเสียงประชาชนได้อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น ฝ่ายค้านจึงจำเป็นต้องทุ่มเท “ทุกวิถีทาง” เพื่อเอาชนะให้ได้

ทริปล่ม!! ไบเดนกลับท่าที บอกยังไม่ตัดสินใจบินไปซาอุฯ | NEWS GEN TIMES EP.56

✨ ‘โบว์ ณัฏฐา’ เตือนม็อบและกองเชียร์ หากมีหลักการจริง ต้องกล้าพูดว่าอะไรผิด และควรแยกการ ‘ชุมนุม’ ออกจาก ‘จลาจล’

✨ ทริปล่ม!! ไบเดนกลับลำ!! บอกชัดยังไม่ตัดสินใจบินไปซาอุฯ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าเขาคงต้องไปเยือน เพื่อหวังให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อการแก้ไขปัญหาราคาพลังในสหรัฐฯ

✨โชว์ 'แอคหลุม' มาซะ! Elon Musk บีบ Twitter ระบุจำนวน ‘บัญชีปลอม’ ทั้งหมด หากอยากให้เขาปิดดีลซื้อ Twitter

NEWS GEN TIMES ชวนคิด กับ กิตติธัช

โดย อ.ต้อม - กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระและอาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรม ศิลปะและการออกแบบ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

‘ชัชชาติ’ ชม ‘บิ๊กตู่’ มองประโยชน์ปชช.เป็นที่ตั้ง ฟาก ‘สุพัฒนพงษ์’ เสริม ให้หนุนเรื่องไหนบอก

‘ชัชชาติ’ ออกปากชมนายกฯ เป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตา เผย ‘บิ๊กตู่’ ขอให้จับมือร่วมกันทำงานยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมเผยไม่ติดใจปมคลุมถุงดำ-มัดมือ ช่วงรัฐประหาร คสช. ขอทิ้งอดีต มองไปที่อนาคตข้างหน้า พร้อมลงพื้นที่ร่วมกัน

(17 มิ.ย.65) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ให้สัมภาษณ์หลังพูดคุยกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พาชมตึกภักดีบดินทร์ หลังจบประชุมศบค.ว่า นายกฯพาดูตึกใหม่ ที่ยังไม่เคยเห็นเพราะเพิ่งสร้าง และนายกฯได้แสดงความยินดีกับตน และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยขอให้ร่วมมือกันทำงาน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ และตนเคยเจอนายกฯเมื่อนานมาแล้ว เห็นว่าเป็นผู้ใหญ่ที่มีความเมตตา ท่านขอให้เน้นการทำงานและประสานงานร่วมกัน โดยกทม.ต้องร่วมงานกับรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย

นายชัชชาติ กล่าวว่า นอกจากนั้นยังได้พูดคุยกับ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ถึงความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ และการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถ้ากทม.กับรัฐบาลร่วมมือกันได้ เช่น เรื่องมาตรการประหยัดพลังงาน เป็นต้น และตนได้แจ้งว่า กทม.อยากจัดงานถนนคนเดินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยนายสุพัฒนพงษ์ บอกว่าสนใจเรื่องนี้เช่นกัน และให้เอารายละเอียดโครงการมาพูดคุย เพื่อดูว่ารัฐบาลจะสนับสนุนเรื่องไหนได้บ้าง ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะ กทม.เป็นองค์กรท้องถิ่น ที่จะต้องยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะสุดท้ายประโยชน์จะอยู่ที่ประชาชน

ควันหลง ‘นายกฯ’ ลงพื้นที่ ‘สกลนคร’ รับฟังปัญหาด้วยตัวเอง – เร่งบรรเทาความเดือดร้อนปปช.

เก็บตกจากสกลนคร! ‘บิ๊กตู่’ ได้หารือนอกรอบ ผู้ว่าฯ จุรีรัตน์ เพื่อรับฟังปัญหาในพื้นที่ พร้อมให้เร่งแก้ความเดือดร้อนประชาชน

หลายคนอาจค่อนขอดการลงพื้นที่จังหวัดสกลนคร ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่า เป็นการลงพื้นที่เพื่อสำรวจคะแนนนิยม แต่ในความเป็นจริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงมาเพื่อรับรู้ถึงปัญหาของประชาชนในพื้นที่ พร้อมกับสั่งการให้แต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าสำรวจและช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างเร่งด่วน

ขณะที่ในแต่ละจุดที่ นายกรัฐมนตรี ได้แวะเยี่ยมเยือน ยังได้สั่งการอย่างเป็นระบบอีกด้วย 

โดยจุดที่ 1 ที่ได้ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย โดยใช้ระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า (TPMAP) และโอกาสความก้าวหน้าของสกลนครในการเป็นศูนย์กลางสมุนไพร ณ รพ.พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร อ.พรรณานิคม ได้สั่งการให้

1) การใช้ประโยชน์จากข้อมูล TPMAP โดยให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแนวทางในการยกระดับการเก็บข้อมูลประชากรให้มีความถูกต้อง แม่นยำ และนำข้อมูลดังกล่าวมากำหนดแนวทางในการวางแผนโครงการและการดำเนินงาน เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

2) การยกระดับและพัฒนาคุณภาพการผลิตสมุนไพร ให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษาฯ และกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงองค์ความรู้จากงานวิจัยมาพัฒนา มาช่วยยกระดับคุณภาพการผลิตสมุนไพรให้ครอบคลุมทั้งห่วงโซ่การดำเนินการ และผลักดันการพัฒนาศักยภาพของผู้ปลูกสมุนไพรไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้ 

3) การส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการรายย่อยทางโลจิสติกส์ โดยให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมการรวมกลุ่มทางโลจิสติกส์ของผู้ประกอบการสมุนไพรรายย่อย เพื่อลดต้นทุนในการขนส่ง

4) การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติกัญชาที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมสร้างการรับรู้กับประชาชนเกี่ยวกับคุณประโยชน์และโทษของกัญชา เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาได้อย่างถูกต้อง และป้องกันการนำกัญชาไปใช้จนเกิดโทษแก่ร่างกาย 

ขณะที่ จุดที่ 2 เยี่ยมชมโครงการพระราชดำริ ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.เมืองสกลนคร ได้มอบหมายให้

1) การส่งเสริมการพัฒนาสายพันธุ์ปศุสัตว์ และนวัตกรรมทางการเกษตร 
    - ให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาและสร้างความหลากหลายของสายพันธุ์ปศุสัตว์ต่างๆ ให้มีคุณภาพที่สูงขึ้น และตรงความต้องการของตลาดและผู้บริโภค
    - ให้ กระทรวงเกษตร กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการขยายการเพาะพันธุ์กระต่ายให้มากขึ้นโดยอาจดำเนินการในรูปแบบของธนาคารกระต่าย
    - ให้ กระทรวงเกษตร กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงดิจิทัลฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมให้มีการจดลิขสิทธิ์ทางปัญญาพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรที่มีการพัฒนาขึ้นใหม่ ตลอดจนกำกับดูแลเพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาอย่างเคร่งครัด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top