Thursday, 18 April 2024
POLITICSQUIZ

กล้าพูดได้เต็มปาก! ‘เศรษฐา’ เลี่ยงตอบ “เก่งอย่างไร ให้มองที่ผลงาน” ย้ำ! “ตนเป็นคนตั้งใจ-พยายาม-ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค”

นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาเพื่อไทย ได้ตอบคำถาม ว่าถ้าหากคนที่เป็นนายกฯ ได้ตั้งคำถามถึงความเก่งของตน จะตอบว่าอย่างไร โดย นายเศรษฐา ได้ตอบคำถามนี้ว่า ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ ให้คนมองดูที่ผลงานของตนแทน 

ตนได้เข้ามาทำบทบาทในฐานะนักการเมืองได้ไม่นาน ยังไม่ได้ทำอะไรมากมายนัก ทำให้ยังไม่มีผลงาน แต่ขอให้จับตามองต่อไปว่าจะมีผลงานอะไรบ้าง

โบกมือลา ‘ธีราภา’ ลาออก กรรมการบริหาร ‘เพื่อไทย’ เหลือคณะกรรมการบริหารพรรค 13 คน

(2 มี.ค.66) - เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมืองเรื่อง การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย

ตามที่นายทะเบียนพรรคการเมืองได้มีประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง ลงวันที่๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย มีคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย จํานวน ๑๔ คน นั้น

บัดนี้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ตามมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ กรณี นางสาวธีราภา ไพโรหกุลลาออกจากตําแหน่งกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ตามหนังสือลาออกลงวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๕ โดยพรรคเพื่อไทยได้รับทราบการลาออกดังกล่าวในวันเดียวกัน ทําให้ความเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ. ๒๕๖๑ ข้อ ๕๒ (๒)

เสริมแกร่งแรงงานไทย!! ‘สุชาติ’ บินลัดฟ้า เจรจารัฐมนตรีออสเตรเลีย เพิ่มขีดจำกัดแรงงานไทย เพื่อขยายสู่ตลาดโลก

‘สุชาติ’ เจรจา 2 รัฐมนตรี เล็งเปิดตลาดแรงงานสาขาใหม่ในออสเตรเลีย

วันที่ 2 มีนาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นางสาวอาจารีย์ ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงแคนเบอร์รา และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าพบ ฯพณฯ เบรนดัน โอคอนเนอร์ รัฐมนตรีด้านทักษะและการฝึกอบรม กระทรวงการจ้างงานและแรงงานสัมพันธ์ ประเทศออสเตรเลีย และ ฯพณฯ แอนดริว ไจลส์ (Hon Andrew Giles) รัฐมนตรีด้านการตรวจคนเข้าเมือง สถานะพลเมือง และกิจการพหุวัฒนธรรม ประเทศออสเตรเลีย เพื่อหารือประเด็น ความต้องการแรงงานไทยในภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการอื่นๆ เพื่อขยายตลาดแรงงานไทยในออสเตรเลีย ณ นครเมลเบิร์น

นายสุชาติ กล่าวว่า ในวันนี้ตนพร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ได้เข้าเยี่ยมคารวะและหารือร่วมกับรัฐมนตรีด้านทักษะและการฝึกอบรม กระทรวงการจ้างงานและแรงงานสัมพันธ์ รวมถึงรัฐมนตรีด้านการตรวจคนเข้าเมือง สถานะพลเมือง และกิจการพหุวัฒนธรรม ของออสเตรเลีย ประเด็นความร่วมมือในการจัดส่งแรงงาน ไทยเข้ามาทำงานในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นรวมถึงส่งเสริมให้ออสเตรเลียเปิดตลาดสำหรับแรงงานจากไทยในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการมากขึ้น ซึ่งในส่วนของกระทรวงแรงงานมีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่เป็นหน่วยงานฝึกอบรมและทดสอบมาตรฐานฝีมือให้แก่แรงงานเพื่อเตรียมความพร้อมตั้งแต่ต้นทางก่อนไปทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการจัดให้เรียนภาษาอังกฤษ การอบรมเกี่ยวกับวัฒนธรรม ความเป็นอยู่และการใช้ชีวิตในต่างแดนให้แก่แรงงานก่อนเดินทางไปทำงาน ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพแรงงานไทยเพื่อไปทำงานต่างประเทศ เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมที่จะจัดส่งแรงงานภาคเกษตร ภาคการบริการ ภาคอุตสาหกรรมและภาคก่อสร้าง ที่มีศักยภาพสูง สามารถที่จะตอบสนองความต้องการแรงงานในออสเตรเลียได้

‘บิ๊กตู่’ เยือนราชบุรี ตรวจเยี่ยม ‘ศก.-ชุมชนไท-ยวน’ บอก สิ่งดีๆ ที่นี่มีเยอะ ขออย่าทำลายกัน

‘บิ๊กตู่’ บินราชบุรี ตรวจเยี่ยมการพัฒนาเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชุมชนไท-ยวน บอกสิ่งดี ๆ มีเยอะ อย่าทำลายกัน ขณะ โชว์ทำลายขลุ่ย ยอมรับเป็นคนใจร้อน ด้าน ‘กุลวลี ส.ส.พปชร.’ ต้อนรับ แต่ไร้เงาปารีณา

(19 ม.ค. 66) ช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกเดินทางจากสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม. 2 รอ. เขตพญาไท ไปยังจุดจอด ฮ. กรมการทหารช่าง (ค่ายภาณุรังษี) ตำบลพงสวาย อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี เพื่อตรวจราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมคณะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว. วัฒนธรรม, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ, นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกฯ, นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายสยาม บางกุลธรรม ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมลงพื้นที่ 

จากนั้นเวลา 15.00 น. นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมการพัฒนาเศรษฐกิจวัฒนธรรมชุมชน การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม วิถีวัฒนธรรมชุมชนไท-ยวน ที่ชุมชนคุณธรรม และกาดวิถีชุมชนคูบัว ที่วัดโขลงสุวรรณคีรี ตำบลคูบัว อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี มี นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ นายมานิต นพอมรวดี กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี และ น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ต้อนรับ อย่างไรก็ตามในจุดแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ไม่ปรากฎร่างของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดราชบุรี 4 สมัยนักการเมืองมาต้อนรับ

ทั้งนี้เมื่อมาถึงนายกรัฐมนตรีสักการะพระพุทธศรีสุวรรณภูมิ และนมัสการพระครูใบฎีกาสุพจน์ ธีรว์โส เจ้าอาวาสวัดโขลงสุวรรณคีรี พร้อมถวายจตุปัจจัยให้พระครูใบฎีกา ซึ่งพระครูใบฎีกาให้ศีลให้พร พร้อมมอบรูปหล่อจำลองขุนหญิงกวักทองมา พระแม่ผู้ปันโชคลาภ รุ่นบันดาลโชคลาภ ให้กับนายกฯ ซึ่งคนไทยนิยมเคารพบูชาโดยเชื่อว่าสามารถดลบันดาลโชคลาภให้แก่ผู้กราบไว้บูชา ค้าขายขึ้น และมีเสน่ห์มหานิยมแก่ผู้พบเห็น

ปราบม็อบแบบอเมริกัน ยิงก่อนถามทีหลัง สลายม็อบไทยใช้เพียงแก๊สน้ำตา – รถฉีดน้ำ

ชอบอ้างอเมริกากันจริง ๆ โดยเฉพาะตอนไปม็อบ แล้วโดนตำรวจเมืองไทยฉีดน้ำใส่ ร้องโอดโอยชักดิ้นชักงอเหมือนโดนน้ำมนต์ แล้วอ้างว่า ประเทศที่เจริญแล้วมีการควบคุมม็อบได้อย่างมีอารยธรรมมากกว่านี้  

อยากจะบอกว่าตำรวจคุมม็อบของไทยน่ะ นิ่มนวลกว่าตำรวจฝั่งยุโรปและอเมริกาเยอะ บ้านเรายังมีการเตือน พูดเพราะ ๆ ฉีดน้ำก็ออกแนวเล่นสงกรานต์ พวกที่ชอบบอกว่าตำรวจอเมริกาหรือยุโรปมีการจัดการฝูงชนที่มาประท้วงได้ดีกว่าไทย ควรไปศึกษางานด้วยตัวเองจริงๆ อย่างเวลาปราบม็อบด้วยน้ำ น้ำที่พุ่งใส่ที่ทำให้คนกระเด็นหวือ ส่วนมากไม่มีการเตือนล่วงหน้าด้วย ยิ่งตำรวจอเมริกายิ่งโหด แก๊สน้ำตาไม่ผสมน้ำหรอก ยกกระป๋องแก๊สน้ำตาฉีดใส่เลย ตามด้วยฟาดไม่ยั้งด้วยตะบอง บางหนก็เอาเข่ากดคอจนตายเป็นข่าวอยู่บ่อย ๆ

ก่อนจะเปรียบเทียบ ควรรู้ข้อเท็จจริงว่าตำรวจอเมริกันนั้นอย่างโหด อย่าว่าแต่การประชุมระดับนานาชาติเลย เอาแค่การประชุมในชาตินี่แหละ แถมใช้นโยบาย ‘ยิงก่อนถามทีหลัง’ เสมอ

ถ้าไม่เชื่อ เดี๋ยวยกตัวอย่างให้ชัด ๆ เพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เองคือเมื่อปีกลาย อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเวทีปลุกเร้าบรรดาผู้สนับสนุนใกล้ทำเนียบขาว พูดย้ำไปมาว่าตัวเองนั้นถูกโกงชัยชนะในการเลือกตั้ง พร้อมทั้งยุม็อบแห่ไปที่อาคารรัฐสภา ซึ่งเป็นสถานที่สภาคองเกรสกำลังประชุมรับรองโจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีคนใหม่

กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลายพันคนเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ภายหลังฟังคำปลุกระดมของทรัมป์ เลยยกขบวนไปยังอาคารรัฐสภา บุกฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่จนเข้าไปภายในอาคาร ห้องทำงานและห้องประชุมสภาได้ ทั้งนี้เพราะต้องการขัดขวางการประชุมลงมติของสมาชิกรัฐสภา เพื่อรับรองผลคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งจากมลรัฐต่าง ๆ ว่าโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต คือผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี ด้วยจำนวนคณะผู้เลือกตั้ง 306 ต่อ 232 คะแนน

ผู้สนับสนุนทรัมป์ปะทะกับเจ้าหน้าที่ บางคนทำลายข้าวของ ทุบกระจกแตก และมีภาพที่ผู้สนับสนุนทรัมป์คนหนึ่งซึ่งสวมกางเกงยีนส์และหมวกเบสบอลนั่งเก้าอี้ของนางแนนซี เพโลซี ประธานรัฐสภาพรรคเดโมแครต ยกขาข้างหนึ่งพาดโต๊ะทำงาน บนโต๊ะมีกระดาษข่มขู่วางทิ้งไว้ ขณะที่ผู้ก่อจลาจลคนอื่น ๆ ปีนอัฒจันทร์ที่จัดไว้เพื่อรองรับพิธีสาบานตนรับตำแหน่งของไบเดน พร้อมกับป้ายข้อความว่า ‘พวกเราประชาชนจะทำให้ ดี.ซี.คุกเข่า’ และ ‘เรามีอำนาจ’

‘อัษฎางค์’ ตบหน้า ‘ฝ่ายค้าน’ ปลุกปั่นรัฐกู้จนถังแตก ทั้งที่ทุนสำรองอยู่สูงกว่าหนี้ต่างประเทศถึง 3 เท่า

(4 พ.ย. 65) นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ ‘ฝ่ายค้านเบี่ยงประเด็นหรือไม่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจการเงิน’

ธนาคารแห่งประเทศไทยยืนยันว่า ประเทศไทยยังมีฐานะทางการเงินที่ดี จากระดับเงินสำรองฯ ที่อยู่ประมาณ 2.4 แสนล้านดอลลาร์ 

ทำให้ไทยเป็นประเทศที่มีเงินสำรองฯ มากที่สุดเป็นอันดับที่ 12 ของโลก 

และเมื่อเทียบเงินสำรองฯ ต่อ GDP จะคิดเป็น 48% ของ GDP ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 6 ของโลก 

รวมถึงยังสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นของไทยถึงเกือบ 3 เท่า

ที่ออกมายุยง ปลุกปั่นว่า ‘กู้จนถังแตก’ นั้นคือ ยอดหนี้ 10 ล้านล้านบาทใช่มั้ย

แล้วที่รัฐบาลมีเงินสำรองฯ อยู่ 2.4 แสนล้านดอลลาร์ (ย้ำว่า หน่วยคือ แสนล้านดอลลาร์) คืออะไร...ทำไมไม่พูดถึง?

เรามีเงินทุนสำรองฯ อยู่สูงกว่าหนี้ต่างประเทศถึงเกือบ 3 เท่า...ทำไมไม่พูด?

การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่อุบัติขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2019 ได้สร้างผลกระทบรุนแรงทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ, สังคม ความเป็นอยู่ของผู้คน

IMF รายงานว่า สภาวการณ์ที่เศรษฐกิจชะลอและถดถอยไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในเมืองไทย แต่กระทบไปทั่วโลก โดยส่งผลให้ภาระหนี้เอกชนและภาครัฐในหลายประเทศทั่วโลกเพิ่มขึ้น 35% หรือกว่า 355% ของ GDP

ภาระหนี้สิ้นทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้นนี้มาจากภาครัฐเกินครึ่งหนึ่ง อันเป็นผลจากการใช้มาตรการในหลายด้าน ทั้งการสนับสนุนทางการเงินให้กับระบบสุขภาพ การเยียวยาให้กับภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ รวมทั้งการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและการจ้างงานที่ลดลง

สำหรับประเทศไทย หนี้รัฐบาลก็เป็นเงินกู้เพื่อใช้ในมาตรการรับมือกับโควิด เช่น การสนับสนุนทางการเงินให้กับระบบสุขภาพ การเยียวยาให้กับภาคครัวเรือนและเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ 

ฝ่ายค้านไร้ความรู้ในเรื่องเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองแบบนี้ ประชาชนยังหลงเชื่อให้ทำหน้าที่บริหารประเทศอยู่ได้อย่างไร

หรือว่าฝ่ายค้านรับรู้สถานการณ์อย่างดี แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้และพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อยุยง ปลุกปั่นให้ประชาชนหลงเชื่อ ว่ารัฐบาลกู้เงินมาผลาญ หรือบริหารราชการผิดพลาดจนล้มละลาย จะได้ล้มรัฐบาลลงโดยง่าย

‘ชัยวุฒิ’ ซัด ก.ล.ต. ปล่อยปละละเลย Forex 3D  ลั่น “หากไม่ทำ จะทำเอง” เล็งขอเพิ่มอำนาจดีอีเอส

‘ชัยวุฒิ’ ยัน ซัดเป็นหน้าที่ ก.ล.ต. ตรวจสอบการจดทะเบียน เปิดบริษัทระดมทุน Forex 3D ลั่น “หากไม่ทำ จะทำเอง” ขอเพิ่มอำนาจดีอีเอส เตรียมเรียกประชุม คกก.อาชญากรรมออนไลน์ปิดเว็บ 

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไม่มีอำนาจในการเข้าไปกำกับดูแล คดี Forex 3D เพราะว่าฟังแล้วรู้สึกเสียใจเพราะต้องมีหน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องนี้ หากปล่อยให้บริษัทตั้งขึ้นมาลงทุน แล้วมาระดมทุนจากประชาชนผ่าน เครือข่ายการแชร์ลูกโซ่หรือโซเชียลมีเดียเป็นพันล้าน หมื่นล้าน หลอกลวงให้ประชาชนเสียหาย จะไม่มีคนรับผิดชอบ

ส่วนที่ ก.ล.ต. ระบุว่าคดีนี้เป็นเรื่องการหลอกลวงต้องเป็นคดีอาญานั้น ตนจะนัดประชุมคณะกรรมการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ หากพบเป็นช่องโหว่กฎหมาย ให้สามารถเปิดบริษัทแล้วหลอกลวงประชาชนมาลงทุนผ่านโซเชียลมีเดีย หรือเครือข่ายต่างๆ ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตแสดงว่ากฎหมายไทยไม่ทันสมัยต้องมีการปรับปรุง ซึ่งตนอยากปิดเว็บ และช่องทางเหล่านี้ จะต้องเพิ่มอำนาจให้กระทรวงดีอีเอสเข้ามาดู 

'แรมโบ้' ฟาด 'ปิยบุตร' อาศัยอยู่ในไทยแต่เรียกร้องแก้ ม.112 ซัด!! อย่าหน้าไม่อาย อยากทำผิดกม. แต่ไม่อยากถูกลงโทษ

'แรมโบ้' ฟาด 'ปิยบุตร' อย่าหน้าไม่อาย เป็นคนไทย อาศัยอยู่ประเทศไทย แต่ยังมาเรียกร้องให้แก้ม.112 เพราะอยากทำผิดกฎหมายแต่ไม่อยากถูกลงโทษ ย้ำไล่ออกนอกประเทศพร้อมลูกสมุนสามกีบ

เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2565 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ประธานที่ปรึกษาหมูบ้านเทิดไท้องค์ราชันย์ กล่าวถึงนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ลักษณะเรียกร้องให้นักการเมืองเลิกมาตรา 112 โดยย้ำว่าการมีกฎหมาย ม.112 คนส่วนใหญ่ทั้งประเทศก็ให้การยอมรับ ซึ่งหากไม่อยากให้ถูกลงโทษ ก็ไม่ควรที่จะทำผิดกฎหมายไม่ว่าจะมาตราใดก็ตาม

นายเสกสกล มองว่าการที่นายปิยบุตรออกมาเคลื่อนไหวเรื่องม.112 มีเจตนาไม่ดีที่จะกระทำการใดเกี่ยวกับสถาบันหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็มีพฤติกรรม วิพากษ์วิจารณ์สถาบันไม่หยุด แต่คงกลัวจะถูกดำเนินคดี จึงมีความพยายามที่จะแก้กฎหมายดังกล่าว 

'เพื่อไทย' ห่วง 'ประยุทธ์' อยู่เกิน 8 ปี แสดงถึงการยึดติดอำนาจ  จะพาเศรษฐกิจชาติล่มจม ชี้ ความน่าเชื่อถือทางกฎหมาย เป็นเรื่องสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ แนะ มีจิตสำนึกเห็นชาติสำคัญกว่าตัวบุคคล

 

นายพชร นริพทะพันธุ์  กรรมการบริหาร และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นหนังสือถึงประธานสภาฯ เพื่อพิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยในประเด็นครบกำหนด 8 ปีในการดำรงตำแหน่งของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น พลเอกประยุทธ์น่าจะต้องรู้ดีว่า การออกแบบจำกัดเวลาให้ ผู้มีอำนาจ อยู่จำกัดไว้ที่ 8 ปีก็เพื่อ เสถียรภาพ และ ดุลยภาพของประเทศ เกินจากนี้ ระบบราชการจะถดถอย จะยึดติดตัวบุคคล ไม่มีการพัฒนา ลดทอนขีดความสามารถในการแข่งขันซึ่งปรากฏให้เห็นแล้วจากการจัดลำดับความสามารถแข่งขันของ IMD สวิตเซอร์แลนด์ 

อีกทั้ง การออกแบบให้ผู้บริหารในระบบราชการเองก็มีระเบียบวาระในการดำรงตำแหน่ง เช่นปลัดกระทรวง และ อธิบดีก็มีวาระ ที่จำกัดไว้เพื่อไม่ให้เกิดการฝังราก การที่ นายก ยิ่งลักษณ์ ต่อวาระ ผบ ทบ ในช่วง พลเอก ประยุทธ์ เป็น ผบ ทบ เองก็ได้เห็น การปฎิวัติ รัฐประหาร เป็นตัวอย่าง ของผลลัพท์ ที่เกิดจาก การบิดกฎ เพื่อสนองความต้องการ ของบุคคล ทั้งที่สามารถโยกย้ายและควรจะโยกย้ายแล้ว และถ้าทำตอนนั้น ก็จะไม่เกิดการปฏิวัติรัฐประหารแล้ว 

ดังนั้น การที่จะให้ พลเอก ประยุทธ์ อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ ทั้งๆที่ รัฐธรรมนูญเขียน ไว้ชัดเจน ลึกไปถึง เจตนารมณ์ของ ประธาน กรธ และ สมาชิก ก็บันทึกไว้ชัดเจน ผมเองก็อยู่ในเหตุการณ์ตอนอาจารย์เธียรชัย ณ นคร หนึ่งในคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมาเล่านายพิชัย นริพทะพันธุ์ เรื่องเจตนาของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ต้องการให้พลเอกประยุทธ์อยู่เกิน 8 ปี เมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังจะมีความพยายามการกดดันให้ศาลตัดสิน ตามความต้องการของตนนั้น ย่อมส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับการดึงดูดการลงทุนรายใหม่ เพราะกระบวนการยุติธรรม คือรากฐานของความน่าเชื่อถือ เป็น rule of law  ต่างชาติต้องเชื่อได้ว่า ทุกธุรกรรม และ ทุกการลงทุน ต้องได้รับความยุติธรรมจากระบบยุติธรรมในประเทศ แม้กระทั่งนักท่องเที่ยวเองก็ต้องผูกความศิวิไลซ์ของประเทศ กับระบบยุติธรรมของแต่ละประเทศ การกดดันศาลและความพยายามเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบ ความเจริญของประเทศอย่างแน่นอน

‘ปกรณ์วุฒิ’ จ่อยื่นป.ป.ช.ตรวจสอบ ‘ศักดิ์สยาม’ ปมโอนหุ้นเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่

"ปกรณ์วุฒิ"  ชี้ "ศักดิ์สยาม" แจงไม่เคลียร์ แสดงหลักฐานขายหุ้น 120 ล้าน แต่ หจก. ยังเป็นหนี้ 69 ล้านเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ทั้งที่หุ้นส่วนผู้จัดการเปลี่ยนมือ - เชื่อไม่มีการซื้อขาย เป็นธุรกรรมอำพรางชัดเจน

ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวตอบโต้ภายหลังศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงกรณีถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องส่อทุจริตซุกหุ้น โดยให้นอมินีถือหุ้นกิจการแทน ว่า ท่านรัฐมนตรีได้แสดงหลักฐานว่ามีการจ่ายเงิน โอนหุ้นของห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) จริงๆ ในราคา 120 ล้านบาทโดยประมาณ เรื่องนี้ตนได้อภิปรายไปว่า หจก.ที่มีสินทรัพย์ มีรายได้มากขนาดนี้ การซื้อขายที่ 120 ล้านบาท หรือเป็นราคาทุนนั้น ดูไม่สมเหตุสมผล เพราะหลังจากที่ขายไปแล้วก็พบว่า หจก.นี้ก็กลับมาได้งานของกระทรวงคมนาคมที่ท่านดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี มูลค่าเป็น 1,000 ล้านบาท หากจะบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่จะขายกิจการเท่าไหร่ ตรงนี้ก็เคารพ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ แต่ส่วนที่ว่าจะสมเหตุสมผลหรือไม่ ประชาชนคงจะตัดสินได้เอง ว่าการกระทำธุรกรรมครั้งนี้เป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่

ปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า อีกประเด็นที่ตนเองได้ทิ้งไว้ในการอภิปรายคือ ถ้ามีการโอนเงิน 120 ล้านบาท แล้วมันหายไปไหนจากบัญชีทรัพย์สินของท่าน เพราะการซื้อขายนั้น เกิดขึ้นประมาณ 16 เดือนก่อนที่จะมีการยื่นบัญชีทรัพย์สินเท่านั้น และอีกประเด็นที่น่าสนใจคือ มีการโอนเงินค่าหุ้นงวดแรกก่อนที่จะโอนหุ้นจริงๆ ถึง 5 เดือน ซึ่งเป็นการซื้อขายที่แปลกมาก คือ จ่ายเงินก่อน แต่ยังไม่มีการโอนหุ้นให้กัน ต้องเชื่อใจกันมากแน่ 

และอีกประเด็นที่น่าสนใจคือ หจก.แห่งนี้ ท่านรัฐมนตรีขายหรือโอนออกไปต้นปี 2561 ซึ่งถ้าย้อนไปดูปลายปี 2560 หจก.แห่งนี้เป็นเจ้าหนี้หุ้นส่วนผู้จัดการ 69 ล้านบาท คือหมายความว่าก่อนที่จะโอนหุ้นออก คุณศักดิ์สยามเป็นหนี้ห้างหุ้นส่วนแห่งนี้ 69 ล้านบาท แต่พอถึงสิ้นปี 2561 จำนวนหนี้ยังเขียนเหมือนเดิมว่า เป็นเจ้าหนี้หุ้นส่วนผู้จัดการอยู่ 69 ล้านบาท ทั้งที่หุ้นส่วนผู้จัดการเปลี่ยนชื่อไปแล้ว ก็เลยสงสัยว่ามีการโอนหนี้ออกไปหรือเปล่าตอนที่มีการขายหุ้นกัน

"ผมแบ่งเป็น 3 กรณี คือ 1.ถ้าขาย 120 ล้านบาท ถ้าโอนหนี้ให้กับผู้จัดการคนใหม่ แปลว่าท่านได้กำไรจากการขายกิจการ 69 ล้าน ต้องยื่นภาษี แต่ท่านไม่ได่ยื่น 2. ถ้าท่านไม่ได้โอนหนี้ออกไป แปลว่าหนี้นี้ เป็นหนี้สินส่วนตัวของท่าน ก็ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ซึ่งท่านก็ไม่ได้ยื่น 3.ถ้ามีการบอกว่าเอาเงินที่ขายหุ้นไปใช้หนี้ ตัวเลขมันแปลกมากที่สิ้นปี 2560 กับสิ้นปี 2561  ตัวเลขในงบการเงินแสดงฐานะของกิจการ ยังเป็น 69 ล้านบาทเท่าเดิม ซึ่งสุดท้ายแล้วผมเข้าใจว่าตัวเลขตัวนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และไม่มีการจ่ายหนี้อะไรกันเลย ไม่มีการโอนหนี้เลย และหนี้นี้ต้องเป็นของท่านที่ติดหนี้ หจก.อยู่ และท่านก็ไม่ได้แสดงในบัญชีทรัพย์สินด้วย ผมว่าเรื่องนี้ท่านไม่มีทางออกแล้ว สิ่งที่พูดมา หลักฐานที่อภิปรายไป หลักฐานงบการเงินทั้งหมด ค่อนข้างมัดตัวได้แน่น จากนี้ผมคิดว่าเตรียมพูดคุยกับฝ่ายกฎหมายของพรรค และพรรคร่วมฝ่ายค้านที่อภิปรายเรื่องนี้ ยื่นเรื่องไปยัง ป.ป.ช. เพื่อทำการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน การถือครองธุรกิจที่ใช้นิติกรรมอำพรางเพื่อเอาผิดต่อไป" ปกรณ์วุฒิ กล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top