‘ชัยวุฒิ’ ซัด ก.ล.ต. ปล่อยปละละเลย Forex 3D  ลั่น “หากไม่ทำ จะทำเอง” เล็งขอเพิ่มอำนาจดีอีเอส

‘ชัยวุฒิ’ ยัน ซัดเป็นหน้าที่ ก.ล.ต. ตรวจสอบการจดทะเบียน เปิดบริษัทระดมทุน Forex 3D ลั่น “หากไม่ทำ จะทำเอง” ขอเพิ่มอำนาจดีอีเอส เตรียมเรียกประชุม คกก.อาชญากรรมออนไลน์ปิดเว็บ 

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไม่มีอำนาจในการเข้าไปกำกับดูแล คดี Forex 3D เพราะว่าฟังแล้วรู้สึกเสียใจเพราะต้องมีหน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องนี้ หากปล่อยให้บริษัทตั้งขึ้นมาลงทุน แล้วมาระดมทุนจากประชาชนผ่าน เครือข่ายการแชร์ลูกโซ่หรือโซเชียลมีเดียเป็นพันล้าน หมื่นล้าน หลอกลวงให้ประชาชนเสียหาย จะไม่มีคนรับผิดชอบ

ส่วนที่ ก.ล.ต. ระบุว่าคดีนี้เป็นเรื่องการหลอกลวงต้องเป็นคดีอาญานั้น ตนจะนัดประชุมคณะกรรมการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ หากพบเป็นช่องโหว่กฎหมาย ให้สามารถเปิดบริษัทแล้วหลอกลวงประชาชนมาลงทุนผ่านโซเชียลมีเดีย หรือเครือข่ายต่างๆ ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตแสดงว่ากฎหมายไทยไม่ทันสมัยต้องมีการปรับปรุง ซึ่งตนอยากปิดเว็บ และช่องทางเหล่านี้ จะต้องเพิ่มอำนาจให้กระทรวงดีอีเอสเข้ามาดู 

หาก ก.ล.ต.ไม่ทำตนจะทำเอง แต่ต้องเพิ่มอำนาจให้ ต้องแก้กฎหมาย พรบ.คอมพิวเตอร์ พร้อมยืนยัน ว่า เรื่องนี้ ก.ล.ต. ต้องเข้าไปดูแลการลงทุนของประชาชน เพราะโดยปกติแล้วหากจะเปิดบริษัทระดมทุนรวม หรือระดมทุนจากประชาชนต้องขออนุญาต ขึ้นทะเบียนจาก ก.ล.ต. เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น หากมีการระดมทุนไม่ขออนุญาต และพบเห็น ก.ล.ต. ต้องทำงานเชิงรุกโดยการแจ้งเตือนประชาชนไม่ใช่ปล่อยให้มีการหลอกลวงประชาชน จนเสียหายเป็นพัน เป็นหมื่นล้าน แล้วตามเงินคืนไม่ได้

นอกจากนี้ นายชัยวุฒิ ยังกล่าวถึง กรณีการนำถุงกระดาษใส่ขนมที่ทำมาจากเอกสารประวัติผู้ป่วย รวมถึงใบรับรองการเสียชีวิต (ใบมรณบัตร) ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี ว่า ตามกฎหมายถือว่ามีความผิด แต่ในช่วงแรกยังไม่เน้นเอาผิด บังคับใช้กฎหมาย เพราะยังมีการผ่อนผันอยู่ แต่ตนขอฝากไปถึงผู้ประกอบการที่มีข้อมูลของลูกค้า ที่อาจไม่ตั้งใจ เช่น กระดาษสำเนาบัตรประชาชน ใบสมัครงาน เอกสารต่างๆ ที่มีข้อมูลส่วนบุคคล ต้องเก็บรักษาให้ดีอย่าให้รั่วไหล ถ้าจะทิ้งต้องทำลายด้วยการฉีกหรือเผาตามกระบวนการที่ถูกต้อง อย่านำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าเพื่อนำไปใช้ต่อ เพราะข้อมูลเหล่านี้ หากรั่วไหลไปถือว่าผิดกฎหมาย ผู้ประกอบการต้องรับทราบข้อกฎหมายตรงนี้ด้วย และข้อมูลส่วนบุคคลไม่สามารถนำไปทิ้งขยะได้ ส่วนกรณีเจ้าตัวมีสิทธิ์ฟ้องร้องได้ ซึ่งย้ำว่าในช่วงแรกยังเป็นช่วงตักเตือนและผ่อนผันอยู่