ทางด้าน ดร.เวทิน ชาติกุล นักวิชาการสถาบันทิศทางไทย ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กสะท้อนต่อท่าทีดังกล่าวว่า...
ทำไมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงต้องถอดถอนปริญญา ณัฐพล ใจจริง?/ ดร.เวทิน ชาติกุล
1.) ประเด็นปัญหาของวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกของณัฐพลนั้นอยู่ที่ วิธีวิทยา (methodology) ที่ณัฐพลอ้าง คือ การตีความทางประวัติศาสตร์ โดยคำนึงถึงบริบทต่างๆ ที่แวดล้อมอยู่
2.) ดังปรากฏในการอ้างของณัฐพลว่าเป็นการตีความตามบทความ "ตอบไชยันต์ ไชยพร เรื่องวิธีวิทยาทางประวัติศาสตร์"
3.) แต่สิ่งที่ณัฐพลทำจริงมิใช่การตีความประวัติศาสตร์ตามหลักฐานและบริบทที่ปรากฏเป็นจริง
4.) แต่กลับการเอาทัศนคติส่วนตนเข้าไปบิดเบือน “หลักฐาน” หรือ ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ที่ไม่มีให้ปรากฎมีขึ้นเพื่อนำมาสนับสนุนสมมุติฐานที่ตนตั้งเอาไว้ตามทัศนคติส่วนตัวตั้งแต่แรก
5.) ประเด็นที่ อ.ไชยันต์ ได้ท้วงติงที่เป็นสาระสำคัญก็คือ มีอะไรเป็น “หลักฐาน” ระบุว่า บทบาทของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาถนเรนทร ใช้อำนาจในฐานะผู้สำเร็จราชการฯ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพื่อจะสนับสนุนสมมุติฐานกระทบคราดไปถึงสถาบันฯ ที่อาจใช้อำนาจแทรกแซงนั้นผ่านผู้สำเร็จราชการฯ
6.) ในเมื่อสิ่งที่นำมา "อ้างอิง" ว่าเป็น “หลักฐาน” นั้นไม่ปรากฏการระบุดังกล่าว สิ่งที่เป็นอยู่นี้จึงมิใช่การตีความ (interpretation) โดยตรงตามหลักฐานจริงที่ปรากฎจริง แต่ถ้าจะนับว่าเป็นการตีความก็เป็นการตีความด้วยการปลอมแปลงหลักฐานหรือ “สร้าง” หลักฐานเท็จขึ้นมานั่นเอง
7.) แม้ณัฐพลจะยอมรับผิดแต่อ้างว่าเป็น "ความผิดพลาด" (error) หากแต่ในทางจรรยาบรรณทางวิชาการนั้นความผิดพลาดดังกล่าวถือเป็นการกระทำผิดที่ก้ำกึ่งระหว่าง "การปลอมแปลงข้อมูล" (data falsification) กับ "การตบแต่งข้อมูล" (data fabrication) ซึ่งถือเป็นความผิดทางวิชาการร้ายแรงเช่นเดียวกับ "การลอกหรือขโมยผลงานทางวิชาการ" (plagiarism)
8.) ซึ่งไม่มีวงวิชาการใดในโลกยินยอมให้มี "เสรีภาพทางวิชาการ" เช่นนี้ได้ โดยเฉพาะในการเสนอหัวข้อวิจัย (dissertation) ในระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต
9.) ย้ำว่าโดยเฉพาะการทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโท ปริญญาเอก มิฉะนั้น ต่อไปภายภาคหน้าผู้ที่ทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโท ปริญญาเองทุกคนก็จะเขียนอะไรมา ด้วยวิธีการอะไร ก็ได้แล้วกล่าวอ้างแบบเดียวกับณัฐพลเมื่อเกิดความผิดพลาดทางวิชาการใดๆ ที่ตนเองได้ก่อขึ้น
10.) ที่สำคัญในกรณีนี้อาจถือได้ว่ามีความร้ายแรงกว่าการลอกผลงาน
11.) เพราะการลอกผลงานทำไปโดยเห็นแก่ตัวเป็นความผิดเฉพาะตัวของผู้ลอกแต่ผู้รับสารไม่ได้รับสารที่ผิดพลาด แต่กรณีณัฐพลอาจถือได้ว่าจงใจผิดพลาด ปลอมแปลง บิดเบือนหลักฐานที่ส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสังคมในวงกว้าง
12.) ซึ่งจุฬาลงกรณ์ได้พิจารณาลงโทษสถานเบาแล้ว คือ ออกคำสั่งระงับเผยแพร่วิทยานิพนธ์ดังกล่าว แต่ณัฐพลและพวกได้ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวของจุฬาลงกรณ์ เจตนาที่จะนำเอาข้อมูลเท็จแบบเดียวกับที่ปรากฎในวิทยานิพนธ์ให้ปรากฎสู่สาธารณะอย่างต่อเนื่องในรูปแบบต่างๆ
13.) แม้ณัฐพลจะอ้างว่าเป็นผิดพลาดแต่ในระยะเวลา 2 ปีก็มิได้ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อแสดงเจตนาที่จะแสดงให้สังคมได้เห็นถึง "ความผิดพลาด" ที่เกิดขึ้นแล้วของตนซึ่งได้รับการเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง อย่างที่จะแสดงให้เห็นได้ว่าตนเองนั้นสำนึกรับผิดชอบในความผิดพลาดของตนเอง อย่างจริงใจ
14.) จนเป็นมูลเหตุให้ทางราชสกุลรังสิตต้องดำเนินการฟ้องร้องเองต่อณัฐพล และผู้ร่วมเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวในทางแพ่งถึง 50 ล้านบาทเพื่อปกป้องพระเกียรติของกรมพระยาชัยนาทนเรนธร และเพื่อมิให้มีการดำเนินการบิดเบือนประวัติศาสตร์ในเรื่องความเข้าใจต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้ขยายวงกว้างออกไป
15.) ในเมื่อความผิดที่สำเร็จแล้วของณัฐพลเป็นที่ประจักษ์ในข้อเท็จจริง เหลือเพียงข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณากันไปตามกระบวนการยุติธรรม การตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อถอดถอนปริญญาของณัฐพลจึงเป็นหน้าที่และอำนาจโดยชอบธรรมที่ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะสามารถกระทำได้ตามระเบียบกฎเกณฑ์ที่มีอยู่
16.) ตรงกันข้ามการไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดนั้น เท่ากับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะต้นทางของเรื่องทั้งหมด กำลังปฏิเสธความรับผิดชอบต่อสังคมและมีส่วนรับรองต่อความผิดพลาด ความเสียหาย ที่เกิดขึ้นกับวงวิชาการ สังคมและประเทศชาติไปโดยปริยาย
17.) ด้วยฐานความผิด การปลอมแปลง-บิดเบือนหลักฐาน ซึ่งผิดจริยธรรมทางวิชาการที่ร้ายแรง ซึ่งเจ้าตัวรับสารภาพแล้ว
18.) ด้วยเจตนาและจงใจที่จะฝ่าฝืนคำสั่งระงับการเผยแพร่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
19.) ด้วยความไม่สำนึกในการที่จะแจ้งต่อสังคมให้ประจักษ์ต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้วโดยบริสุทธิ์ใจ
20.) ถ้าเป็นไปตามที่กล่าวมาข้างต้นก็ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะไม่ดำเนินการถอดถอนปริญญาณัฐพล เพราะนั่นเป็นบทลงโทษที่เหลืออยู่ ที่จะสามารถดำเนินการได้เพื่อปกป้องชื่อเสียง เกียรติยศ เกียรติภูมิของมหาวิทยาลัยมิให้เสียหายมากไปกว่านี้
.
ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3017731715172306&id=100008065207896
สนับสนุนข่าวโดย : รับข้อเสนอพิเศษมอเตอร์โชว์ ในงาน Mazda Motor Show สัมผัสปิกอัพใหม่ All-New Mazda BT-50 และยนตรกรรมสกายแอคทีฟจากมาสด้า ดอกเบี้ยต่ำสุด 0%* รับประกันคุณภาพรถสูงสุด 5 ปี* และบัตรเติมน้ำมัน 10,000 บ.* 24 มี.ค. 64 - 4 เม.ย. 64 ที่บูธและโชว์รูมทั่วประเทศ