Thursday, 3 July 2025
NEWS

รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตรวจเยี่ยมติดตามและมอบนโยบายให้จังหวัดแม่ฮ่องสอน

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตรวจเยี่ยมติดตามและมอบนโยบายให้จังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกในที่ดินทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาล หรือ คทช.ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 902 ราย เครือข่ายองค์กรชุมชนการจัดทรัพยากรธรรมชาติลุ่มน้ำจังหวัดแม่ฮ่องสอน ยื่นหนังสือขอคัดค้านโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล (แนวผันน้ำยวม)

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมเข้ารับฟังบรรยายสรุปและพบปะส่วนราชการ ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมี นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และส่วนราชการ ให้การต้อนรับ จากนั้น พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังห้องประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ครู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน พบปะกับประชาชนที่เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกในที่ดินทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาล หรือ คทช. ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 5 ป่า ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด ประกอบด้วย 'ป่าแม่สุรินทร์' 'ป่าแม่เงาและป่าแม่สำเพ็ง' 'ป่าสาละวิน' 'ป่าแม่ยวมฝั่งซ้าย (อำเภอขุนยวม)' และ 'ป่าแม่ยวมฝั่งขวา' เนื้อที่  7,762 ไร่ 52 ตารางวา 

พร้อมทั้งมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้กับประชาชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่เงา และป่าแม่สำเร็ง จำนวน 902  ราย ในพื้นที่ตำบลขุนยวม ตำบลแม่อูคอ ตำบลแม่เงา และตำบลแม่กิ๊ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน โดยมีผู้แทนประชาชน จำนวน 4 ราย เป็นตัวแทนรับมอบ และเยี่ยมชมนิทรรศการผลการดำเนินงานโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล ตามมาตรการป้องกันไฟป่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ของสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่งเสริม พัฒนาอาชีพและการตลาดให้กับประชาชนที่ได้รับการจัดที่ดินให้มี คุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป

เพื่อไทย มองการเลือกตั้งครั้งหน้าแข่งกันที่นโยบาย หาเสียงว่าตอบโจทย์ประเทศหรือไม่และความเชื่อถือของประชาชนว่าพรรคการเมืองใดพูดแล้วทำได้จริง  เล็งเดินสายพบประชาชนทยอยปล่อยนโยบายสำคัญก่อนเลือกตั้ง

เพื่อไทย มองการเลือกตั้งครั้งหน้าแข่งกันที่นโยบาย หาเสียงว่าตอบโจทย์ประเทศหรือไม่และความเชื่อถือของประชาชนว่าพรรคการเมืองใดพูดแล้วทำได้จริง  เล็งเดินสายพบประชาชนทยอยปล่อยนโยบายสำคัญก่อนเลือกตั้ง

นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รองประธานกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งหน้านั้น ปัจจัยสำคัญที่ประชาชนจะตัดสินใจเลือกผู้สมัครและพรรคใด มีอยู่ 2 เรื่องสำคัญคือนโยบายของพรรคที่ตอบโจทย์ประเทศและของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และเรื่องที่สองคือความเชื่อใจว่าพรรคการเมืองนั้นทำได้อย่างที่พูด มีผลงาน ซึ่งพรรคเพื่อไทยตระหนักในข้อนี้ และให้ความสำคัญกับนโยบายที่จะตอบโจทย์ประเทศและทำให้ชีวิตคนไทยดีขึ้นให้ได้ ส่วนตัวเห็นว่า

1. ปัญหาสำคัญที่ควรได้รับการแก้ไขเร่งด่วนคือ
1. เรื่องปากท้อง
2. ความยากจน
3. ความเหลื่อมล้ำ
และ 4. ความสามารถในการแข่งขันของประเทศซึ่งถดถอยลงไปมาก ถ้าไม่เร่งแก้ไข เราจะสู้เพื่อนบ้านไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุนมนุษย์ เสน่ห์ดึงดูดการลงทุน เป็นต้น

สสสส.รุ่น 12 สกัด 5 บทเรียนแก้ปัญหาความขัดแย้งสู่สันติสุขอย่างยั่งยืน ด้านเลขาฯ สถาบันพระปกเกล้า สร้างค่านิยม KPI DNA มุ่งช่วยเหลือสังคม 

วันที่ 12 มิถุนายน ที่หัองประชุม โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีซรีสอร์ท หัวหิน ศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย
เลขาธิการ สถาบันพระปกเกล้า เป็นประธานปิดการปัจฉิมนิเทศนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (สสสส.) รุ่นที่ 12 โดยบรรยายพิเศษตอนหนึ่งถึงความคาดหวังให้นักศึกษาซึบซับความเป็นสถาบันพระปกเกล้าที่เรียกว่า KPI DNA ด้วยความผูกพันและตระหนักรู้ เป็นตัวอย่างที่ดี เป็นเมล็ดพันธุ์ เป็นพลังสมองที่ทรงคุณค่า คิดถึงประโยชน์ส่วนรวม คิดถึงคนอื่นเสมอ 

สำหรับกิจกรรมปัจฉิมนิเทศ สสสส.12 ได้ดำเนินการขึ้น ระหว่างวันที่ 10 -12 มิถุนายน มีการนำเสนอผลงานวิชาการของนักศึกษาทั้ง 5 กลุ่ม ประกอบด้วย 

3 โจรโจ๋ใจทราม กระทั่ง ‘พระธุดงค์’ ก็ไม่เว้น หลังชักมีดขู่ ปล้นเงินพระเกลี้ยงย่าม

3 โจรวัยรุ่นชักมีด ปล้นเงินพระธุดงค์หนุ่ม พระเผยไม่เอาเรื่อง ก่อนไปโจรขอพร จึงให้พรขอให้โชคดี ไม่พอโจรยังเตือนให้ระวังเศษแก้ว หวั่นพระเหยียบบาดเจ็บ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณตี 2 ของวันที่ 12 มิ.ย. 2565 ขณะที่พระครูวินัยธรธีรวัฒน์ สิริมังคโล วัย 31 ปี เจ้าสำนักอารามดงสามหมื่น ตำบลบ้านโฮ่ง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน กำลังปักกลดจำวัดอยู่ในพื้นที่อำเภอโกสัมพีนคร จังหวัดกำแพงเพชร ได้ถูก 3 โจรปล้นทรัพย์ จึงขอให้ผู้สื่อข่าวช่วยติดตามดูแล

พระครูวินัยธรธีรวัฒน์ เปิดเผยว่า ขณะที่กำลังปักกลดอยู่ในเขต อ.โกสัมพีนคร เวลาประมาณตี 2 มีผู้ชายวัยรุ่น 3 คนขับรถขี่รถจักรยานยนต์เข้ามองจอดที่บริเวณที่ปักกลด แล้วหนึ่งในนั้นก็ลงมายกไหว้ พร้อมโชว์มีดให้ดูและบอกว่านี่มีดนะ จากนั้นบอกว่าขอดูย่ามหน่อย เมื่อส่งย่ามให้ซึ่งในย่ามมีเงินสดประมาณ 400 บาทเศษ มีญาติโยมถวายมาเพื่อให้ได้ใช้ทำบุญในระหว่างทางที่เดินธุดงค์ไป คนร้ายจึงได้นำเงินไป พร้อมที่ชาร์จแบตโซล่าเซลล์ และไฟฉาย บอกว่าขอเอาไปนะ

และก่อนที่ทั้ง 3 โจรจะจากไปยังได้ขอให้พระอวยพรให้ด้วย ซึ่งพระก็อวยพรขอให้โชคดีในทางที่เดินไป ก่อนกลับออกไป 3 โจรยังบอกอีกว่าเดินไปอีก 3 เสาไฟฟ้าให้ระวังเศษแก้วที่พวกตนทำแก้วแตกไว้ด้วยนะ ผมเป็นห่วง พระครูเผยว่า ไม่ได้ถือโทษหรือโกรธเคือง เพราะเขามาขอดี ๆ ก็เมตตาให้ไปตามที่ขอ ส่วนผลกรรมที่เขาได้เลือกทำ ก็ต้องเป็นไปตามนั้น

รัสเซีย โกยเงินขายพลังงานแล้ว 3.4 ล้านลบ. ช่วง 100 วันแรกของสงครามรุกรานยูเครน

รัสเซียทำเงินไปกว่า 93,000 ล้านยูโร (ราว 3.4 ล้านล้านบาท) ในช่วง 100 วันของการทำสงครามรุกรานยูเครน ผ่านการขายเชื้อเพลิงฟอสซิล แก่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตามรายงานของสกายนิวส์ สื่อมวลชนของอังกฤษในวันจันทร์ (13 มิ.ย.) อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันวิจัยทางพลังงานแห่งหนึ่ง

รายได้รวมอันมหาศาลนี้มีขึ้นแม้ว่าปริมาณการส่งออกเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซียลดลงอย่างมากในเดือนพฤษภาคม ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของประชาคมนานาชาติที่พยายามลดพึ่งพิงน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของมอสโก

รายงานของศูนย์วิจัยพลังงานและอากาศบริสุทธิ์ (CREA) พบว่า อียูรับอุปทานเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซีย คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 61% จากปริมาณการส่งออกทั้งหมดของรัสเซีย

ทั้งนี้ แม้ว่าน้ำมันรัสเซียถูกขายในราคาที่ลดกระหน่ำ สืบเนื่องจากแหล่งที่มาของมัน แต่ด้วยอุปสงค์เชื้อเพลิงฟอสซิลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกและราคาพลังงานที่พุ่งสูง มันจึงยังคงก่อรายได้งดงามแก่รัฐบาลประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และเป็นการช่วยมอบแหล่งเงินทุนสนับสนุนปฏิบัติการรุกรานยูเครนของผู้นำรายนี้

ลอริ มีลลีเวอร์ตา นักวิเคราะห์ชั้นนำของ CREA พูดถึงมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติที่กำหนดเล่นงานรัสเซียในปัจจุบันว่า "กระบวนการต่างๆ สำหรับมอบแรงสนับสนุนที่จำเป็นเร่งด่วนแก่ยูเครน จนถึงตอนนี้ยังเป็นไปด้วยความล่าช้า จำเป็นต้องมีความเคลื่อนไหวที่แข็งขันกว่านี้ในการตัดกระแสเงินสดที่ป้อนแก่รัสเซีย"

คนร้ายฆ่าโหดสองผัวเมียในไต้หวัน ส่อรอด ตร.ชี้ไทย-ไต้หวัน ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

ผู้การสอบสวนกลาง เผย สั่งติดตามคนร้ายฆ่ายัดศพเพื่อนรัก พร้อมเมียท้องลูกแฝด 5 เดือน ยัดรถเก๋งหรูในไต้หวัน ก่อนนั่งเครื่องบินหนีกลับไทย ชี้ เป็นคดีนอกราชอาณาจักร ประเทศไต้หวันกับประเทศไทย ไม่มีสนธิสัญญาผู้ร้ายข้ามแดน 

วันนี้ (12 มิ.ย.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.เปิดเผยถึงคดีคนร้ายไทยฆ่าสองสามีภรรยาชาวไทยด้วยกัน ที่กำลังตั้งท้องฝาแฝดได้ 5 เดือน หมกท้ายรถที่ไต้หวัน ว่า ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นได้สั่งให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป.จัดกำลังสืบสวนเรื่องนี้ พร้อมประสานไปยังตำรวจไต้หวัน เพื่อรับทราบข้อมูลต่าง ๆ อยู่

ด้าน พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งให้ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3.บก.ป.และ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4.บก.ป.ตรวจสอบเบาะแสและทำข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นและตัวคนร้ายที่หนีกลับมาประเทศไทยไว้แล้ว แต่เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักรประเทศไทย ไม่มีสนธิสัญญาเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดน รวมทั้งทางตำรวจไต้หวันเอง ยังไม่มีการประสานเรื่องมาให้กับตำรวจไทย ขณะนี้จึงทำได้แค่รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ไว้ เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ตลอดเวลา

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวทางสถานีวิทยุแห่งชาติไต้หวัน (Radio Taiwan International; RTI) รายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่่ 10 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา เวลา 09.00 น. สถานีตำรวจจงลี่ได้รับแจ้งมีกลิ่นเหม็นเน่าคล้ายกลิ่นศพโชยมาจากลานจอดรถหน้าสถานีรถไฟความเร็วสูงเถาหยวน ตำรวจรุดไปที่เกิดเหตุ พบรถสปอร์ตเอสยูวีหรูสีขาว ยี่ห้อ BMW X4 จอดอยู่และมีน้ำเหลืองไหลออกจากท้ายรถ เปิดดูเป็นศพของชายหญิงคู่หนึ่ง โดยสันนิษฐานเสียชีวิตมาแล้ว 2 วัน บนศีรษะและตามร่างกายมีรอยถูกตีด้วยของแข็ง สันนิษฐานว่า ผู้ตายทั้งสองถูกทำร้ายจนเสียชีวิตจากที่อื่น จากนั้นผู้ร้ายนำศพยัดใส่ท้ายรถของผู้ตายขับไปจอดทิ้งไว้ในลานจอดรถหน้าสถานีรถไฟความเร็วสูง

ผู้ประกอบการรถเมล์ ยอมรับลดเที่ยววิ่ง หลังผู้โดยสารร้อง หลัง 2 ทุ่ม รถเมล์วิ่งน้อย

เพจ ‘รถเมล์ไทยแฟนคลับ Rotmaethai’ เผยเสียงสะท้อนจากประชนชนผู้ใช้บริการรถเมล์ ร้องหลัง 20.00 น. รถวิ่งน้อยลง ด้าน ขสมก.ยอมรับบรรดาผู้ประกอบการต้องลดเที่ยววิ่ง เหตุราคาน้ำมันพุ่ง แบกรับต้นทุนไม่ไหว

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. เพจ ‘รถเมล์ไทยแฟนคลับ Rotmaethai’ ได้ออกมาโพสต์เสียงสะท้อนจากประชนชนผู้ใช้บริการรถเมล์ ร้องหลัง 20.00 น.รถเมล์หายไปไหนหมด อยากให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยลงมาดู หรือลองมาใช้บริการรถเมล์กลับบ้านอย่างประชาชนดู จะได้รู้ถึงความทุกข์ ความลำบากของประชาชนผู้ใช้บริการ รถมาเต็ม! ขึ้นไม่ได้ วันไหนฝนตก ลำบากสุด ๆ และรถเมล์บางเส้นทาง ขสมก.เคยมีวิ่งกะสว่าง พอขนส่งให้เอกชนมาเดินรถแทน กะสว่างกลับหายไปก็มี เพจรถเมล์ไทยแฟนคลับขอเป็นสื่อส่งเสียงสะท้อนถึงหน่วยงานที่ดูแล และผู้มีอำนาจ ช่วยสั่งการช่วยเหลือประชาชนหน่อยนะครับ เพราะประชาชนผู้ใช้บริการรถเมล์ไม่ได้มีรายได้สูง พอที่จะจ่ายค่าแท็กซี่ได้ทุกวัน ถ้าโพสต์นี้ถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ช่วยประชาชนด้วยครับ

ต่อมา นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย ได้ออกมาชี้แจงว่า ในนามสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางไทยจึงขอเป็นตัวแทนในการกล่าวขอโทษประชาชนผู้โดยสารที่มีความจำเป็นต้องใช้บริการรถโดยสารในชีวิตประจำวัน ว่าผู้ประกอบการรถโดยสารจะพยายามยืนหยัดเพื่อเคียงข้างการให้บริการให้ดีที่สุดเท่าที่สามารถดำเนินการได้ โดยระหว่างที่ยังไม่มีทางออกในการแบกรับต้นทุนนี้ อาจต้องส่งผลให้ผู้โดยสารได้รับผลกระทบในความไม่สะดวกในการใช้บริการ

เนื่องจากบรรดาผู้ประกอบการต้องลดเที่ยววิ่งลงและทยอยหยุดการให้บริการในบางเส้นทาง ซึ่งเป็นทางเลือกทางสุดท้ายก่อนที่อาจต้องปิดกิจการถาวรในที่สุด และขอขอบคุณประชาชนผู้โดยสารทุกท่าน ที่เข้าใจและเป็นกำลังใจในการประกอบการเดินรถโดยสารของไทยมาโดยตลอด

บุกค้นบ้านคนใกล้ชิด ล่าจับ ‘สุนทร วิลาวัลย์’ แต่คว้าน้ำเหลว ลุ้นคดีรุกเขาใหญ่หมดอายุความวันนี้

บุกค้นบ้านครูโอ๊ะ-สจ.โต้ง ล่าจับนายกฯสุนทร ตร.ปูพรม5จุดปราจีนคว้าน้ำเหลว-ไหวตัวหนี ลุ้นคดีรุกป่าเขาใหญ่หมดอายุความวันนี้

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) สั่งการให้ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.), ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) กระจายกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 5 จุด ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เพื่อตามจับกุมตัว นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ลงวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ รักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล บิดาของ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใน จ.ปราจีนบุรี พื้นที่กว่า 150 ไร่ ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี

ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ อยู่ที่บ้านเลขที่ 21/1 ถ.วัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี บ้านพักของนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลูกสาวนายสุนทร , บ้านเลขที่ 43 ถ.วัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี สำนักงานของนายสุนทร, โรงแรมบางปะกง เลขที่ 41 ถ.วัดโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี และบ้านพักของ นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือชื่อเดิมคือ นายเต็มพงษ์ ฤทธิ์เดช หรือ ส.จ.โต้ง อายุ 46 ปี ผู้กว้างขวางในพื้นที่และมีความใกล้ชิดกับนายสุนทร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เบื้องต้นจากการเข้าตรวจค้นและตรวจสอบ ยังไม่พบตัวนายสุนทร คาดว่าไหวตัวทัน ชิงหลบหนีออกจากพื้นที่ไปได้ไม่นาน จากการสอบถามบุคคลใกล้ชิด ส่วนใหญ่อ้างว่าไม่พบเห็นหรือติดต่อกับนายสุนทรมานานกว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหน้าออกหมายจับ แต่เจ้าหน้าที่เองก็ยังไม่ปักใจเชื่อ พร้อมกระจายกำลังลงพื้นที่ไล่สืบหาเบาะแสเพื่อแกะรอยติดตามตัวให้ได้ก่อนที่คดีดังจะหมดอายุความลงในวันที่ 13 มิถุนายน

กรมแพทย์ทหารเรือ มอบประกาศนียบัตร ผู้สำเร็จการศึกษาอบรมหลักสูตร แพทย์ประจำบ้าน 5 สาขา

กรมแพทย์ทหารเรือ พัฒนาศักยภาพด้านการแพทย์อย่างไม่หยุดยั้ง จนได้การรับรองให้เป็นสถาบันผลิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพิ่มมากขึ้น เพื่อรับใช้สังคมไทย

นาวาโทหญิง ชะรอยบุญ ศาสตรสุข โฆษกกรมแพทย์ทหารเรือ ได้เปิดเผยว่า พลเรือโท ชลธร สุวรรณกิตติ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ เป็นประธานในพิธี มอบประกาศนียบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาอบรมหลักสูตรแพทย์ประจำบ้าน 5 สาขา ประกอบด้วยสาขาศัลยศาสตร์ สาขาอายุรศาสตร์ สาขาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน สาขาเวชศาสตร์ป้องกันแขนงเวชศาสตร์ทางทะเล และสาขาศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา รวมทั้งสิ้น 15 นาย ซึ่งเป็นแพทย์ในส่วนของกองทัพเรือ 3 นาย และนอกกองทัพเรือ 12 นาย เมื่อวันที่ 9  มิถุนายน ที่ผ่านมา 

ซึ่งภายหลังสำเร็จการอบรมแล้ว แพทย์ที่ผ่านการอบรมจะต้องออกไปปฎิบัติหน้าที่แพทย์เฉพาะทางในโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งในและนอกกองทัพเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่างจังหวัดได้แก่ จังหวัดเลย, ชัยภูมิ, พิษณุโลก, ราชบุรี, ชลบุรี และตราด

แน่นแฟ้น!! สานสัมพันธ์ 'กองทัพเรือ' และ 'สื่อมวลชน'

กองเรือยุทธการ ร่วมกับหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ทัพเรือภาคที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ ประจำปี งป.65

(9 มิ.ย.65) พลเรือเอก สุวิน แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เป็นประธาน มีผู้บังคับบัญชา หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองเรือยุทธการ ผู้บังคับบัญชาหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ทัพเรือภาคที่ 1 หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ร่วมจัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัมพันธ์ ในปี งป.65  

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและพัฒนาความสัมพันธ์อันดี ระหว่างผู้บังคับบัญชา ของกองทัพเรือ กับ สื่อมวลชนสาขาต่างๆ ที่ได้ให้ความร่วมมือกับกองเรือยุทธการ และกองทัพเรือ ด้วยดีเสมอมา อันจะทำให้ได้รับการส่งเสริม สนับสนุน และได้รับความร่วมมือ ในการเผยแพร่การประชาสัมพันธ์ ผลงาน ภารกิจ หน้าที่ และกิจกรรมที่สำคัญของกองเรือยุทธการ และกองทัพเรือ

'อินเดีย-เวียดนาม' ประสานพันธมิตร 2 ฟากทะเล ขยายศักยภาพการป้องกันทางทะเลเพื่อสกัดจีน

เมื่อ 9 มิ.ย. 65 ทางรัฐบาลอินเดียได้ส่งมอบเรือตรวจการณ์ความเร็วสูงจำนวน 12 ลำให้แก่ เวียดนาม หลังจากที่ทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงเซ็นข้อตกลงร่วมด้านโลจิสติกส์ ที่จะทำให้ทั้งอินเดีย และเวียดนามสามารถใช้ฐานทัพร่วมกันได้ 

โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การขยายศักยภาพในการป้องกันดินแดน และความมั่นคงภายใน ต้านการแผ่อิทธิพลของจีน และข้อตกลงนี้จะมีผลผูกพันไปจนถึงปี 2030 ที่จะทำให้อินเดียเข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นในเขตทะเลจีนใต้ ไม่ใช่เฉพาะแค่ในฝั่งมหาสมุทรอินเดีย

สำหรับเรือทั้ง 12 ลำใช้งบก่อสร้างราว ๆ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย 5 ลำแรกจะต่อในโรงงานที่อินเดีย ส่วนอีก 7 ลำจะต่อที่อู่ต่อเรือในเมืองฮอยอัน ในเวียดนาม 

ด้านนายรัชนาถ ซิงห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอินเดีย ซึ่งได้เดินทางมาเวียดนาม เพื่อลงนามในข้อตกลงร่วมทั้ง 2 ประเทศ และส่งมอบเรือตรวจการณ์สัญชาติอินเดียในครั้งนี้ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมการป้องกันภัยและความมั่นคงของอินเดีย ภายใต้สโลแกน 'Make in India, Make for the World' ที่เราจะไม่ได้สร้างยุทโธปกรณ์เพียงเพื่อป้องกันดินแดนของอินเดียเท่านั้น แต่พร้อมจะเสริมกำลังความมั่นคงให้แก่นานาชาติด้วย 

ภายหลังจากการส่งมอบเรือตรวจการณ์ 12 ลำ รวมถึงที่อินเดียเคยให้วงเงินกู้แก่เวียดนาม 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ร่วมกันกับอินเดียนั้น ทางด้านเวียดนามก็เล็งที่จะซื้อขีปนาวุธพิสัยกลาง รุ่น BrahMos ที่มีความเร็วเหนือเสียง เป็นการตอบแทนด้วย

น้องสาว 'น้ำพุ' โพสต์ดึงสติ 'กัญชาฟีเว่อร์' จุดจบพี่ชายก็เริ่มจาก 'กัญชา' นี่แหละ

เป็นกระแสที่ได้รับความนิยมอยู่ในตอนนี้สำหรับพืชอย่าง "กัญชา" หลังรัฐบาลได้มีการประกาศปลดล็อคจากการเป็นสิ่งเสพติดไปหมาด ๆ

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่คนในสังคมออนไลน์เองต่างก็มีการพูดถึงเรื่องนี้ในวงกว้าง และส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเห็นแต่ด้านดี ๆ ของกัญชา ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Benya Nandakwang ซึ่งเป็นของ

"เบญญา นันทขว้าง" อดีตผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทยก็ได้มีการโพสต์ข้อความเตือนสติถึงเรื่องนี้ โดยระบุว่า...

"น้ำพุ พี่ชายฉันที่เสียชีวิตไป ก็เริ่มจากกัญชานี่ละค่ะ ไม่จำเป็นก็อย่าลองจะดีที่สุด"

"น้ำพุ" เป็นชื่อเล่นของ "วงศ์เมือง นันทขว้าง" เกิดเมื่อวันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2499 เป็นบุตรของ สุวรรณี สุคนธา นักเขียน, นักประพันธ์นวนิยายชื่อดัง กับ ทวี นันทขว้าง อาจารย์ประจำคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 253

โดยเจ้าตัวเป็นลูกชายคนเดียวจากจำนวนพี่น้อง 4 คน (มีพี่สาว 1 คน น้องสาว 2 คน) ซึ่งหลังจากพ่อแม่หย่าจากกัน น้ำพุก็ได้ไปอาศัยอยู่กับมารดา

'ชาติยุโรป' จำนน!! ร่วมกลไกชำระเงินรูเบิล รัสเซียคาดคงไม่ต้องตัดก๊าซใครเพิ่มอีก

รัสเซียระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (9 มิ.ย.) คาดหมายว่าทางก๊าซพรอม บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของพวกเขา คงไม่ต้องตัดการส่งก๊าซธรรมชาติแก่บรรดาผู้โภคยุโรปอื่นอีก และบอกว่ากลไกบังคับชำระค่าก๊าซเป็นสกุลเงินรูเบิลกำลังได้ผลตามแผนที่วางเอาไว้

ก๊าซพรอม ได้ตัดการจ่ายก๊าซให้แก่ Orsted บริษัทเดนมาร์ก และเชลล์ เอเนอร์จี สำหรับสัญญาป้อนก๊าซแก่เยอรมนี เช่นเดียวกับ GasTerra ผู้ซื้อสัญชาติเนเธอร์แลนด์ รวมถึง บัลแกเรีย โปแลนด์ และฟินแลนด์ โทษฐานปฏิเสธชำระเงินค่าก๊าซธรรมชาติของรัสเซียเป็นสกุลเงินรูเบิล ภายใต้กลไกการชำระเงินแบบใหม่

การชำระเงินภายใต้กลไกแบบใหม่ ซึ่งถูกกำหนดขึ้นมาตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรของตะวันตก ครบกำหนดชำระแล้วในงวดเดือนเมษายนและพฤษภาคม

เจ้าอาวาสไอเดียล้ำ!! เนรมิตจุดเช็กอินหน้าห้องน้ำ สร้างความสุขให้ญาติโยมนั่งพักผ่อนหลังปลดทุกข์

ที่วัดปุณณาวาส หรือวัดลำใน ตำบลบ้านนา อำเภอศรีนครินทร์ จังหวัดพัทลุง อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในตัวอำเภอศรีนครินทร์ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลหมากรากไม้ตามฤดูกาล มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่ประมาณ 6 รูป โดยมีพระปลัดสำเริง ฐิตญาโณ อายุ 56 ปี เลขานุการเจ้าคณะตำบลลำสินธุ์ พระนักพัฒนาดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส และได้สร้างความฮือฮาให้กับญาติโยมด้วยการสร้างจุดเช็คอินหน้าห้องน้ำ ทำเอาประชาชนทั้งในและต่างจังหวัดเดินทางไปถ่ายรูปเช็คอินกันอย่างมากมาย

พระปลัดสำเริง เล่าว่า แรงบันดาลใจที่ทำให้ตนได้คิดสร้างห้องน้ำเป็นจุดปลดทุกข์และพักผ่อนหย่อนใจเพราะตนไปเห็นห้องน้ำวัดเกือบทุกวัดไม่ค่อยมีใครสนใจ ส่วนมากแวะปล่อยทุกข์แล้วจากไป บางแห่งผุพัง เลยคิดทำห้องน้ำที่เป็นมากกว่าห้องน้ำ เพราะนอกจากจะเป็นที่ปลดทุกข์ให้กับทุกคนแล้วอยากให้ทุกคนได้นั่งพักผ่อนก่อนจะเดินทางกลับ เลยคิดสร้างห้องน้ำเป็นจุดเช็คอิน มีการพัฒนารอบๆบริเวณหน้าห้องน้ำให้สวยงามมีสถานที่นั่งพักผ่อน มีปลาสวยงามนานาชนิดให้ทุกคนได้เพลิดเพลิน และจ้างแม่บ้านดูแลความสะอาดอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ญาติโยมเดินทางมาแล้วได้มีความประทับใจ อย่าให้เหมือนห้องน้ำในวัดวาอารามหลายๆสถานที่ บางครั้งญาติโยมเห็นแล้วไม่กล้าเข้า

โฆษก ทร.เผย บริษัท CSOC ต้อง กำหนดระยะเวลาในการส่งมอบเรือดำน้ำให้ กองทัพเรือ พิจารณา ภายใน 60

โฆษก ทร.เผยผลการประชุมหารือเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำหรับเรือดำน้ำของกองทัพเรือ

เมื่อ 9 มิ.ย.65 เวลา 18.00 น. พลเรือโท ปกครอง  มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ  เปิดเผยถึงผลการประชุมท้ายเรือ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าระหว่าง กองทัพเรือ กับ บริษัท CSOS โดยมี พลเรือเอก เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ เป็นประธานฝ่ายไทย และ Mr.  Liu Song รองประธาน บริษัท CSOC เป็นประธานฝ่ายจีน และมีรองผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร ประจำสถานเอกอัครราชทูตจีน/กรุงเทพ ร่วมในการประชุม ซึ่งจัดให้มีขึ้น ณ ห้องประชุม อาคารส่วนบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน  เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

โดย บริษัท CSOC แจ้งว่าได้ใช้ความพยายามในการเจรจา กับบริษัท MTU สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ทั้งในระดับ บริษัท-บริษัท รัฐบาล-รัฐบาล และ ช่องทางทางการทูต ในการจัดหาเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า แต่ไม่สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามข้อตกลงได้

ทั้งนี้ บริษัท CSOC ได้เสนอเครื่องยนต์ดีเซล ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้ารุ่น CHD 620 ให้ กองทัพเรือพิจารณาทดแทนรุ่น MTU 396 แต่อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือ ได้แจ้งยืนยันความต้องการใช้ เครื่องยนต์ดีเซลขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า MTU 396 ตามข้อตกลงเนื่องจากเครื่องยนต์ CHD620 ที่ บริษัท CSOC เสนอ ไม่เคยมีการใช้งานในเรือดำน้ำของประเทศใดมาก่อน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top