Saturday, 5 July 2025
NEWS

“บิ๊กป้อม”สั่ง “ธรรมนัส-ส.ส.” ช่วยปชช. พื้นที่แดงเข้ม มอบถุงยังชีพ-ข้าวกล่อง บรรเทาผลกระทบปชช.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ระบุว่า จากที่รัฐบาลยกระดับมาตรการขยายพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เป็น 13 จังหวัด เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงมอบหมายให้ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการ พปชร.และผู้อำนวยการ ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินสถานการณ์โควิด 19 (ศปฉ.พปชร.)และส.ส.พรรค ช่วยเหลือโดยมอบถุงยังชีพและสิ่งที่เป็นความจำเป็นในชีวิตประจำวัน และประสานส่งตัวผู้ป่วยเพื่อเข้ารับการรักษาในรพ.รัฐ-เอกชน รพ.สนาม และสถานพยาบาลในโรงแรม 

ซึ่งนับตั้งแต่เดือนเม.ยที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันศปฉ.พปชร. ช่วยประสานส่งต่อไปรักษากว่า 1,000 ราย มอบถุงยังชีพกล่องและข้าวกล่องไปยังพื้นที่จังหวัดต่างๆทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และลดค่าครองชีพให้กับประชาชนในพื้นที่เสี่ยง และจะเป็นศูนย์กลางส่งต่อความช่วยเหลือขยายพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนให้ครอบคลุมชุมชนต่างๆ ขณะนี้มีผู้ประกอบการ ร้านค้า และภาคเอกชน ที่ติดต่อเพื่อให้ความช่วยเหลือผ่านศูนย์ ศปฉ.พปชร.จำนวนมาก

ด้านร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนและทีมสมาชิกพรรคพปชร. ได้เร่งส่งมอบถุงยังชีพ และข้าวกล่อง ไปในพื้นที่ควบคุมสูงสุด และ พื้นที่เฝ้าระวัง อาทิ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี  นครปฐม ปทุมธานี  นครราชสีมา และเชียงใหม่ เป็นต้น และในสัปดาห์นี้ทางศูนย์ ศปฉ.พปชร. จะเร่งกระจายถุงยังชีพและข้าวกล่องเพิ่มเติมตามความต้องการของชุมชนในพื้นที่ต่างๆ หากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งความประสงค์ มาที่ ศปฉ.พปชร. ผ่านสายด่วน 02-939-1111 จำนวน 30 คู่สาย หรือ Inbox มาในเพจเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/PPRPThailand/

คัดสหกรณ์ทั่วไทยระดมปลูก “ฟ้าทะลายโจร” ป้อนตลาดสู้โควิด

น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ คัดเลือกสหกรณ์เข้าโครงการส่งเสริมปลูกสมุนไพรฟ้าทะลายโจรเพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบผลิตยาสมุนไพร ให้กับกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้มีความต้องการวัตถุดิบจำนวนมาก แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้  จึงเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะผลักดันให้สหกรณ์เข้ามามีบทบาทเรื่องนี้ หากสามารถทำได้ดีผลเป็นที่น่าพอใจ อนาคตจะขยายไปปลูกสมุนไพรสำคัญตัวอื่น ๆ เพื่อลดการนำเข้าคือขมิ้นและขิง และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและสหกรณ์ที่เข้าโครงการ

“โครงการปลูกฟ้าทะลายโจร จะต้องเดินหน้าจริงจัง เพราะขณะนี้มีปริมาณไม่พอต่อความต้องการ ที่สำคัญต้องเป็นชนิดที่มีสารแอนโดรกราโฟไลด์สูง ที่ทางการแพทย์ต้องการซึ่งกรมวิชาการเกษตรมี 2 พันธุ์ ดังนั้นเพื่อให้มีการขยายพันธุ์และขยายผลผลิตจึงต้องจับระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์กับกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ซึ่งเป็นผู้ใช้ให้เป็นคู่ธุรกิจกัน และอนาคตจะขยายไปยังสมุนไพรตัวอื่น เช่น ขมิ้น ขิง ซึ่งกรมแพทย์แผนไทยจะได้เป็นผู้ชี้ว่า ต้องการสมุนไพรตัวไหน เท่าไหร่ อย่างไร เพื่อที่จะได้คุมคุณภาพการผลิตเพราะต้องปลอดสารเคมี เนื่องจากใช้เป็นยา การจับมือกับกระทรวงสาธารณสุขจะทำให้มีความชัดเจนทั้งด้านการผลิตที่มีคุณภาพและตลาดรองรับ” น.ส.มนัญญา กล่าว

น.ส.มนัญญา กล่าวว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดสมุนไพรของไทยมีมูลค่ามหาศาล เพราะเทรนด์ของโลกได้หันมาให้ความสำคัญกับการรักสุขภาพมากขึ้น และการระบาดของไวรัสโควิด-19 ครั้งนี้ จะเห็นว่าสมุนไพรฟ้าทะลายโจรมีบทบาทที่สำคัญมาก เบื้องต้นโครงการนี้ จะเริ่มประมาณต้นส.ค. 54 คาดว่าจะได้กล้าพันธุ์ดีที่กรมวิชาการเกษตรสนับสนุนประมาณ 2 แสนกล้า เพื่อเป็นต้นพันธุ์ให้เกษตรกรที่เข้าโครงการ

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์  อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า กรมอยู่ระหว่างการคัดเลือกสหกรณ์ที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการปลูกฟ้าทะลายโจรในสถาบันเกษตรกร  4  แห่ง ภูมิภาคละ 1 แห่ง พื้นที่ดำเนินการ 500 ไร่ เมื่อได้สหกรณ์เป้าหมายแล้วจะมีการส่งเสริมให้สมาชิกสหกรณ์นั้นปลูก พื้นที่เป้าหมายเบื้องต้น 500 ไร่ ซึ่งต้นฟ้าทะลายโจรทั้งหมดของสมาชิกจะต้องขายให้สหกรณ์ทั้งหมด เพื่อให้สหกรณ์รวบรวมส่งให้กับกระทรวงสาธารณสุข  ซึ่งขณะนี้มีความต้องการมากเพื่อผลิตเป็นยาสมุนไพร แต่ยังขาดตัววัตถุดิบ 

“ประวิตร”กำชับ 5หน่วยงานหลัก  เร่งกำจัด-แปรรูป วัชพืช ปลื้มคนริมคลอง ร่วมมือแก้ปัญหา

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาผักตบชวา ผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ 

โดยที่ประชุมฯเห็นชอบแนวทางการสนับสนุนการแปรรูปผักตบชวาเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ของม.สงขลานครินทร์ ด้วยรับทราบผลการดำเนินการกำจัดผักตบชวา และวัชพืช ของ 5 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า คณะทำงานฯระดับจังหวัด และกทม.ดำเนินการจัดเก็บผักตบชวาในเดือนมิ.ย.รวมทั้งสิ้น 4,513,836 ล้านตัน และในลุ่มน้ำภาคกลางและภาคตะวันออก 19 จ.จัดเก็บได้ทั้งสิ้น 511,912 ตัน รวมทั้งกำจัดผักตบชวาโดยชมรมคนริมคลอง ซึ่งกรมการปกครอง รับผิดชอบดำเนินกิจกรรม ขณะนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 7,653 ชมรม ดำเนินกิจกรรมแล้ว 20,719 กิจกรรม โดยเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ จำนวน 1,582 ลำ ได้ใช้จัดเก็บผักตบชวาแล้ว จำนวน 1,899 แหล่งน้ำ ตามแผนงานโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงได้รับทราบความคืบหน้า การขอขึ้นทะเบียน สารชีวภัณฑ์ เพื่อนำมาใช้ในการกำจัดผักตบชวาโดย ม.เกษตรศาสตร์ ที่จะต้องผ่านการประเมินประสิทธิภาพ และความปลอดภัยก่อน จึงจะนำไปใช้ในพื้นที่ได้

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาผักตบชวาและวัชพืช และเน้นย้ำ 5 หน่วยงานหลัก ต้องเร่งรัดกำจัดและการแปรรูป เพื่อนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุ้มค่า ต่อประชาชนชุมชน  และขอบคุณชมรมคนริมคลอง ที่ได้เสียสละร่วมแรงร่วมใจ มาอย่างต่อเนื่อง ที่จะช่วยกันกำจัดผักตบชวาและวัชพืช เพื่อให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทยให้ได้ โดยเร็วที่สุด เพื่อให้สะดวกสัญจร และป้องกันน้ำท่วม พร้อมขอให้ทุกคนปลอดภัยจากโควิด-19 ในขณะปฏิบัติหน้าที่ภายใต้มาตรการที่ ศบค.กำหนด อย่างเคร่งครัด

กองทัพบกอนุเคราะห์ฌาปนสถานในการประกอบพิธีฌาปนกิจแก่ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ช่วยคลายความเดือดร้อนให้ประชาชน

พันโทหญิง นุชระวี แจ่มจำรัส ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่นี้ มีความรุนแรงมากกว่าครั้งที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มมากขึ้น และจำนวนผู้เสียชีวิตเริ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้ กองทัพบกขออาสาเป็นส่วนหนึ่งสู้วิกฤตเคียงข้างประชาชนตราบจนวาระสุดท้าย ในการอนุเคราะห์ฌาปนสถานเพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจให้แก่ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รวมถึงอำนวยความสะดวกให้กับญาติและครอบครัว ในการรับศพและเคลื่อนย้ายศพจากโรงพยาบาลมายังฌาปนสถาน เพื่อประกอบพิธีฌาปนกิจสวดหน้าไฟและบังสุกุลให้แก่ผู้เสียชีวิตตามหลักพุทธศาสนา

ทั้งร่วมบริจาคหีบศพและถวายปัจจัยอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้วายชนม์ พร้อมวางพวงหรีดเพื่อแสดงความเคารพและไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตเป็นครั้งสุดท้ายโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งศาสนสถานของกองทัพบก ประกอบไปด้วย วัดอาวุธวิกสิตาราม, วัดโสมมนัสวรวิหาร, วัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต และวัดสุทธจินดา (ทภ.2) นั้น มีความพร้อมด้านบุคคลากร และสถานที่ที่สามารถปฏิบัติได้ตามมาตรการที่กรมควบคุมโรคกำหนด โดยตั้งแต่ 4 พ.ค. 64 ที่ผ่านมากองทัพบกได้อนุเคราะห์ฌาปนสถานในการประกอบพิธีฌาปนกิจให้กับผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวน 414 ราย และจะให้การอนุเคราะห์ต่อไปเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และคลายความโศกเศร้าให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุด 
 

ทั้งนี้ หากครอบครัวผู้เสียชีวิตมีความประสงค์จะประกอบพิธีฌาปนกิจในศาสนสถานของกองทัพบก สามารถติดต่อผ่านศูนย์ประสานงานต้านภัยโควิด ทบ. ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-270-5685-9 ตลอด 24 ชม. ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตให้ก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

‘หมอประกิต’ แนะ คนไทยใช้สติให้ความยุติธรรม ‘วัคซีนซิโนแวค’ หลังสังคมด้อยค่าเกินจริง ชี้หากไม่ฉีดช่วงที่ผ่านมา คนไทยอาจตายมากกว่านี้ ระบุวัคซีนทุกชนิด ลดการป่วยหนักและเสียชีวิต แม้ว่าจะไม่ 100%

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ศาสตราจารย์นายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ได้ทวิต หัวข้อ ‘ให้ความจริงและความเป็นธรรมกับวัคซีนซิโนแวค’ โดยมีเนื้อหา ดังต่อไปนี้

ผมคิดว่าจะไม่เขียนเรื่องวัคซีนโควิด-19 แล้วเชียว เพราะมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากสื่อสารกับสังคมตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่เมื่อคืนก็ยังมีคนโทรมาปรึกษา ว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวค ควรจะไปฉีดหรือ ‘ควรรอวัคซีนที่ดีกว่านี้’

ผมจึงขอแสดงความคิดเห็นที่อาจจะเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะ ‘ให้ความจริง และความเป็นธรรมกับวัคซีนซิโนแวค’ รวมทั้งให้ความสบายใจกับคนที่ได้รับการฉีด หรือกำลังจะได้รับการซิโนแวคในอนาคต

ผมเป็นแพทย์โรคทางเดินหายใจ แต่ด้วยอายุมากจึงไม่ได้เป็นแพทย์ ‘ด่านหน้า’ ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 แต่ผมก็ติดตามการทำงานงานของลูกศิษย์ โดยเฉพาะหมอทางโรคปอดด้วยความเป็นห่วง เพราะลำบากสาหัสทั้งคนไข้ และทีมแพทย์ พยาบาล ที่ดูแลผู้ป่วย โควิด-19 อาการหนักในไอซียู

ในภาวะวิกฤตที่สังคมไทยกำลังเผชิญ ผมพยายามช่วยสิ่งที่จะลดจำนวนคนไข้ที่จะติดโควิด-19 ด้วยการเชียร์ให้คนไปฉีดวัคซีน ผมเองได้รับการฉีดแอสตราเซเนกาเมื่อปลายเดือนมี.ค. ตามเกณฑ์สำหรับคนอายุมากกว่า 60 ปี

ผมรู้สึกว่า คนในสังคมไม่น้อย มีอคติกับวัคซีนซิโนแวคมาก อย่างไม่ได้สัดส่วนกับความเป็นจริง ถึงขนาดบอกว่าเป็นวัคซีนประสิทธิภาพต่ำ ไม่อยากรับ คนได้รับแล้วก็เสียดายที่ได้วัคซีนนี้

เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวว่า จนถึงวันที่ 10 ก.ค. มีบุคลากรทางการแพทย์ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคไปแล้ว เกือบ 700,000 ราย มีคนที่ติดเชื้อโควิด-19 รวม 880 ราย

ในจำนวนนี้เสียชีวิต 7 ราย

- 5 รายยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

- 1 รายได้รับการฉีดซิโนแวค 1 เข็ม

- 1 รายที่ได้รับซิโนแวค 2 เข็ม

นั่นหมายความว่า เสียชีวิต 1 ราย จากจำนวนคนที่ได้รับการฉีดครบ 2 เข็ม เกือบ 7 แสนคน

นพ.โสภณ ยังให้ข้อมูลที่เปิดเผยโดยศูนย์ควบคุมโรค CDC สหรัฐอเมริกาว่า จนถึงวันที่ 25 มิถุนายน 2564 มีคนอเมริกาที่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม เสียชีวิต 750 ราย โดยที่อเมริกาใช้แต่วัคซีน mRNA เกือบทั้งหมด นั่นคือ คนที่ฉีดซิโนแวคหรือคนที่ฉีดวัคซีน mRNA ก็มีการเสียชีวิตเหมือนกัน

ที่สรุปกันตอนนี้คือ วัคซีนทุกชนิด ลดการป่วยหนักและเสียชีวิต แม้ว่าจะไม่ 100% และวัคซีนซิโนแวคจะป้องกันการติดเชื้อ/แพร่เชื้อได้น้อยกว่าวัคซีนที่ทำด้วยเทคนิคแบบใหม่

จะไม่พูดถึงการเมืองเรื่องการจัดหาวัคซีน เพราะมีคนพูดกันมากอยู่แล้ว

แต่อยากให้ลองคิดว่า หากในช่วงเวลาที่ผ่านมา หากประเทศไทยไม่ได้มีวัคซีนซิโนแวค ฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนอื่น ๆ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งประชากรกลุ่มอื่น ๆ จะเป็นอย่างไร จะมีคนตายมากกว่านี้อีกเท่าไร

ลองคิดดูว่าวัคซีนที่เราจะมีโอกาสได้มาใช้ในจำนวนที่มากพอและเร็วที่สุด คือ แอสตราเซเนกา เราหามาได้เร็วและมากเท่าซิโนแวคที่เราใช้ไปแล้วหรือไม่ ไม่ต้องพูดถึงว่าวัคซีนพวก mRNA เราจะได้มาเมื่อไร และเท่าไร

เราจึงควรให้ความยุติธรรม และยอมรับคุณค่ากับสิ่งที่วัคซีนซิโนแวคได้ทำประโยชน์แก่สังคมไทยส่วนรวมไปแล้ว ในสภาพการณ์และสถานการณ์จริงในช่วงเวลานั้น ๆ

ส่วนเมื่อสถานการณ์การระบาดของโรคเปลี่ยนไป เชื้อโรคมีการกลายพันธุ์ ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนเปลี่ยนไป วัคซีนที่เหมาะสมในสถานการณ์ใหม่ จะเป็นตัวไหนอย่างไร เป็นเรื่องที่เราต้องว่ากันไปตามเหตุและผล เพื่อแสดงถึงวุฒิภาวะของสังคมไทยว่า เราใช้สติ ไม่ใช่เพียงอคติในการวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย


ที่มา : https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_2835786


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์’ เรียกร้องรัฐใช้กฎอัยการศึก ย้ำจำเป็นต้องใช้ความเด็ดขาด ระบุประเทศไทยต้องใช้ปืนควบคุม ถึงเวลาทหารออกมารักษาระเบียบวินัยคนไทย ก่อนระบบสาธารณสุขล่ม

ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า สถานการณ์โควิด-19 ในตอนนี้ รัฐบาลจำเป็นต้องประกาศกฎอัยการศึก เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด โดยข้อความระบุว่า

อำนาจรัฐนั้นก็อยู่ที่ปลายกระบอกปืน รัฐประหารโควิดจำเป็นครับ

อีกไม่กี่วันก็สองหมื่น จะมีคนตายเกินกว่าวันละ 200 ระบบสาธารณสุขจะล่ม ถ้ายังไม่ทำอะไรให้เด็ดขาด

อัยการศึกต้องประกาศใช้ครับ ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ทำไงก็ต้องมีคนตาย ความเด็ดขาดจำเป็นแล้ว ไม่มีปืนคุมอะไรไม่ได้หรอกครับ สำหรับประเทศไทย

ในวิกฤติมหาโรคระบาดเช่นนี้ หากปราศจากความเด็ดขาดในการควบคุม สุดท้ายจะตายกันเกลื่อน โรงพยาบาลระบบล่ม คนจะนอนตายตามบ้านมากมาย

ไม่มีกฎอัยการศึก คนไทยไม่กลัว เรื่อง social media ก็ต้องทำให้สงบด้วยกฎอัยการศึก

ภาวะนี้ผมยืนยันว่าการประกาศกฎอัยการศึกจำเป็น เรากำลังอยู่ในมหาสงครามโรคระบาด

พ.ร.บ. กฎอัยการศึก ใช้ในภาวะสงคราม มีภัยอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ในเวลานี้จำเป็นและเหมาะสมที่สุดแล้ว

ทหารต้องออกมารักษาระเบียบวินัย ชาติจะรอดต้องรอดด้วยวินัยเท่านั้นครับเวลานี้ วินัยคือวัคซีนที่ดีที่สุดครับ


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

จัดทีม CCRT เร่งตรวจคัดกรองเชิงรุกค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชน 

นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมทีมปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 เชิงรุก Comprehensive Covid-19 Response Team (CCRT) เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 เชิงรุกในชุมชน โดยการตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit โดยมี นางป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย นายนันทพงศ์ แก้วศรี ผู้อำนวยการเขตบึงกุ่ม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักอนามัย สำนักงานเขตบึงกุ่ม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจเยี่ยมและให้ข้อมูล ณ ศูนย์สาธารณสุข 56 (ทับเจริญ) เขตบึงกุ่ม 

ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีความห่วงใยในสถานการณ์ผู้ป่วยโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน โดยมอบหมายให้สำนักอนามัย จัดทีมปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาโควิด-19 เชิงรุก Comprehensive Covid-19 Response Team (CCRT) โดยร่วมกับสำนักงานเขต ศูนย์บริการสาธารสุข 69 แห่ง ประสานฝ่ายความมั่นคง ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) องค์กร NGO ภาคประชาชน และจิตอาสา ลงพื้นที่ชุมชน 69 แห่ง เพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชน ได้แก่ ผู้ป่วยโควิด ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ โดยการตรวจคัดกรองด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit พร้อมให้การรักษาพยาบาลเบื้องต้นก่อนส่งต่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และให้คำแนะนำในการแยกกักที่บ้าน หรือ HI : Home Isolation มอบชุด HI แก่ผู้ป่วยที่สามารถกักตัวที่บ้านได้ โดยการจ่ายยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดออกซิเจน สำหรับผู้ที่ไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้ ทีมจะนำผู้ป่วยนำส่งศูนย์พักคอย หรือ Community Isolation

ซึ่งกรุงเทพมหานครได้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อแล้ว 24 ศูนย์ ในพื้นที่ 23 เขต เปิดบริการรับผู้ป่วยแล้ว 14 ศูนย์ โดยจะเปิดเพิ่มอีกให้ครบทั้ง 50 เขต นอกจากนี้ทีม CCRT จะดำเนินการกักกันผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่บ้าน และมอบชุด HQ : Home Quarantine หรือส่งเข้า LQ : Local Quarantine สำหรับวันนี้กรุงเทพมหานคร ได้นำชุดตรวจโควิด-19 Antigen Test Kit ซึ่งได้รับมอบจากไทยรัฐกรุ๊ป และพันธมิตรภาคเอกชน โดยนำมาใช้เป็นครั้งแรก เพื่อตรวจคัดกรองค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาชน บริเวณศูนย์สาธารณสุข 56 (ทับเจริญ) เขตบึงกุ่ม โดยมีเป้าหมาย จำนวน 70 ราย รวมถึงบริการฉีดวัคซีนแก่ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ทั้งนี้ ทีม CCRT ได้กำหนดเป้าหมายในการลงพื้นที่ทั้ง 50 เขต เพื่อตรวจคัดกรองเชิงรุกค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในชุมชนให้ครอบคลุมและทั่วถึงมากที่สุด

หน่วยสกัดกั้นยาเสพติดท่าอากาศยาน (AITF) จับไอซ์เตรียมส่งอิสราเอล ลุยเข้มงวดส่งพัสดุในประเทศและต่างประเทศ 

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.)  เผย หน่วยสกัดกั้นยาเสพติดท่าอากาศยาน หรือ Airport Interdictoin Task Force (AITF) ประกอบด้วย สำนักงาน ป.ป.ส. ศุลกากร บช.ปส. และ ศรภ. ตรวจยึด ไอซ์ 1,034 กรัม ซุกซ่อนในกระติกเก็บความเย็นขนาดเล็ก 3 ใบ ณ ศูนย์ไปรษณีย์ขาออก สุวรรณภูมิ ส่งมาจากจังหวัดเชียงราย เตรียมส่งออกไปปลายทางประเทศอิสราเอล ผลการตรวจสอบ พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไอซ์ (เมทแอมฟาตามีน) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 1,034 กรัม ซุกซ่อนอยู่ภายในผนังกระติกน้ำแข็งขนาดเล็ก เก็บความเย็น  จำนวน 3 กล่อง กล่องที่ 1 น้ำหนัก 342 กรัม กล่องที่ 2 น้ำหนัก 350 กรัม กล่องที่ 3 น้ำหนัก 342 กรัม  จึงร่วมกันทำการตรวจยึด และรวบรวมพยานหลักฐาน และจะนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และสืบสวนขยายผลผู้ส่งยาเสพติดต่อไป 

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “การส่งออกยาเสพติดไปยังอิสราเอล จะถูกส่งไปยังกลุ่มแรงงานไทย ในอิสราเอล ซึ่งมีการแพร่ระบาดของการใช้ โดยที่ผ่านมาการส่งมี 2 รูปแบบ คือ แบบแรกโดยซุกซ่อนอำพรางไปกับแรงงานซึ่งเดินทางไปยังประเทศอิสราเอล และแบบที่สอง คือ การซุกซ่อนอำพรางกับสิ่งของและส่งผ่านพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศ

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า การตรวจสอบพัสดุที่จะส่งไปยังต่างประเทศ รวมถึงในประเทศ ต้องเข้มงวดเป็นพิเศษทั้งระบบ เนื่องจากเป็นช่องทางที่มีโอกาสถูกใช้สูง เหตุจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่การเดินทางต่างๆ ทำได้ยากขึ้น ทั้งนี้ ข้อกำหนดการส่งพัสดุทุกคนต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือเดินทาง (กรณีเป็นชาวต่างประเทศ) ทุกครั้งก่อนการฝากส่งสิ่งของทางพัสดุทุกประเภท เพื่อให้สามารถตรวจสอบไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการฝากส่งสิ่งของผิดกฎหมายได้ทันที จึงขอฝากถึงบริษัทขนส่งพัสดุให้เข้มงวดตรงจุดนี้ด้วย “

รมว.สุชาติ ลงพื้นที่ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ประกันตน ณ จุดบริการตรวจโควิด-19 โรงเรียนชลราษฎรอำรุง (ชลชาย) จังหวัดชลบุรี

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดบริการตรวจโควิด-19 เชิงรุก ให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 และประชาชนทั่วไป ณ โรงเรียนชลราษฎรอำรุง (ชลชาย) อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี โดยมี นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พลตำรวจตรีนันทชาติ ศุภมงคล ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน นายนิยม สองแก้ว รองปลัดกระทรวงแรงงาน นายประทีป ทรงลำยอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ในการนี้นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้มอบหมายให้นายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย โดยมีนายธวัชชัย ศรีทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นาวาตรีวิทวัส กู้ประเสริฐ ประกันสังคมจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ กระทรวงแรงงาน และคณะเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับ


นายสุชาติ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และท่านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ได้มีความห่วงใยพี่น้องผู้ใช้แรงงาน และประชาชนทั่วไปจากสถานการณ์การระบาด ของโรคโควิด-19 ที่มีการติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง จึงกำชับให้ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ดูแลลูกจ้าง ผู้ประกันตนอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดจุดคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุก แก่ผู้ประกันตน เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม ผมจึงได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานประกันสังคมดำเนินการบูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทยกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดำเนินการเปิดจุดคัดกรองโควิด-19 ขึ้น ให้แก่พี่น้องผู้ประกันตน และประชาชนทั่วไป ได้มาใช้บริการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด- 19

นายสุชาติ กล่าวต่อไปว่า ในวันนี้ ผมและคณะผู้บริหาร ได้มีโอกาสลงพื้นที่ชลบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจแก่บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ประกันตน ณ จุดบริการตรวจโควิด-19 เชิงรุก โดยได้รับ ความร่วมมือเอื้อเฟื้อสถานที่ตรวจคัดกรองฯ จากโรงเรียนชลราษฎรอำรุง (ชลชาย) และโรงพยาบาลวิภาราม แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี มาให้บริการตรวจคัดกรอง ทั้งนี้ ผู้ประกันตน และประชาชนทั่วไป ที่ต้องการเข้ารับการตรวจคัดกรอง สามารถลงทะเบียนผ่านทาง https://sso.icntracking.com โดยผู้ประกันตน และประชาชนทั่วไปไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจ หลังจากการตรวจแล้วทางโรงพยาบาลจะแจ้งผลการตรวจคัดกรองโควิด-19 ผ่านทาง QR Code ทาง SMS และทางโทรศัพท์ หากพบผู้ติดเชื้อก็จะต้องเข้าสู่กระบวนการควบคุมดูแลรักษาตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดอย่างทันท่วงที โดยจุดคัดกรองฯ นี้ สามารถรองรับการตรวจได้วันละ 1,000 คน ทั้งนี้ ผู้ประกันตนจะต้องพกบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมสำเนา 1 ชุด เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการตรวจด้วย หากในวันดังกล่าวเต็มแล้วให้มารับบริการตรวจคัดกรองในวันถัดไป

“จุรินทร์” พร้อมคณะ ปล่อยขบวน“ถุงน้ำใจ ปชป.ส่งผู้รอเตียง” กระจายทุกชุมชนใน กทม.-ปริมณฑล ส่วนภาคใต้เตรียมถุงน้ำใจ 15,000 ถุง พร้อมข้าวกล่องเดลิเวอรี่กว่า 5 หมื่นชุด ย้ำตรวจเข้มราคาสินค้าห้ามฉวยโอกาสซ้ำเติมประชาชนช่วงล็อกดาวน์ 

ที่บริเวณลานด้านหน้าห้างแม็คโครสาขาสามเสน กรุงเทพฯ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานมูลนิธิหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมท พร้อมด้วย นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ และนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมปล่อยขบวนคาราวาน “ถุงน้ำใจ ปชป.ส่งผู้รอเตียง” เพื่อนำถุงน้ำใจไปมอบให้กับผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ระหว่างรอเตียง 

โดย นายจุรินทร์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในกรุงเทพฯและปริมณฑลในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งที่ผ่านมามูลนิธิฯและพรรคประชาธิปัตย์ได้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจพรรคประชาธิปัตย์ในการช่วยหาเตียงให้กับผู้ป่วย ซึ่งสามารถดำเนินการไปแล้ว 1,600 เตียง รวมถึงยังมีโครงการข้าวกล่องเดลิเวอรี่กว่า 50,000 ชุด และวันนี้ในสภาวะที่ประชาชนอยู่ในช่วงมาตรการล็อกดาวน์ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรอเตียงอยู่ที่บ้าน และไม่สามารถเดินทางออกมาหาซื้ออาหารไ้ด้ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายของโครงการนี้ โดยได้มีการจัดรถบริการทั้งหมด 30 คัน เพื่อนำถุงน้ำใจไปส่งถึงบ้าน ซึ่งประชาชนที่ป่วยและอยู่ระหว่างการรอเตียงสามารถประสานมายังพรรคประชาธิปัตย์ได้โดยตรง หรือผ่านช่องทางออนไลน์ สื่อโซเซียลมีเดียทุกช่องทาง รวมถึงสามารถประสาน ส.ส. อดีตส.ส. อดีตส.ก. อดีตส.ข. สาขาพรรค ตัวแทนจังหวัดได้ทุกช่องทาง โดยโครงการนี้จะดำเนินการจัดส่งถุงน้ำใจไปจนกว่าผู้ป่วยจะหาเตียงได้และพ้นจากสถานการณ์นี้ไป และจนกว่าจะสิ้นสุดมาตรการล็อกดาวน์ของ ศบค.

ส่วนใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีการล็อกดาวน์เหมือนกันนั้น ได้มีการมอบหมายให้นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ดำเนินการจัดถุงน้ำใจจำนวน 15,000 ถุง เพื่อกระจายไปยังพื้นที่ทั้ง 4 จังหวัด โดยจะเริ่มในวันที่ 18 ก.ค. เป็นต้นไป

นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ ว่า สิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือการจัดรถโมบายพาณิชย์จำหน่ายสินค้าลดราคาช่วยประชาชนจำนวน 300 คัน เพื่อกระจายไปจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้กับประชาชนในพื้นที่ 10 จังหวัดที่มีการล็อกดาวน์ รวมถึงจะมีการจับมือกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับร้านสะดวกชื้อใกล้บ้านจัดอาหารปรุงสำเร็จพร้อมรับประทานในราคาพิเศษลดสูงสุดถึง 50% โดยจะเริ่มโครงการในสัปดาห์หน้า

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเร่งรัดการตรวจราคาสินค้าต่างๆให้เป็นไปตามกฎหมาย หากมีการฉวยโอกาสซ้ำเติมสถานการณ์โดยการจำหน่ายเกินราคาหรือกักตุนก็ได้สั่งการพาณิชย์จังหวัดไปทุกจังหวัดแล้วให้ดำเนินการเด็ดขาด และทุกมาตรการณ์ของกระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการไปจนกว่าจะสิ้นสุดมาตรการล็อกดาวน์ของ ศบค.

รมว.เฮ้ง ลงพื้นที่ให้กำลังใจผู้ประกอบการทำข้าวกล่อง และคนงานในแคมป์ก่อสร้างย่านลาดพร้าว

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประกอบการร้านอาหารที่ทำอาหารกล่องส่งแคมป์คนงาน รวมทั้งติดตามขั้นตอนการลำเลียงข้าวกล่องไปส่งที่แคมป์ พร้อมให้กำลังใจคนงานในแคมป์ที่ถูกสั่งปิดตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19ณ ร้านข้าวป๊าจ๋า มีนายสำเนียง ฤทธิ์ศักดิ์ เป็นเจ้าของร้าน ตั้งอยู่เลขที่ 152/1 ซอยลาดพร้าว 80 แยก 21 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นร้านค้าบริเวณแคมป์คนงานในความรับผิดชอบของสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 4 โดยมี นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และกระทรวงแรงงานภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีความห่วงใยบรรดากลุ่มผู้ค้าหาบเร่แผงลอย ผู้ขับขี่รถรับจ้าง และร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 และการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคของ ศบค. จึงได้สั่งการกระทรวงแรงงานให้ความช่วยเหลือแรงงานนอกระบบ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ค้าหาบเร่แผงลอย และผู้ประกอบการร้านอาหารให้มากที่สุด ทั้งย้ำเตือนให้ดูแลแรงงานทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงแรงงาน ได้มีการเชิญประธานชมรมหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานคร สมาคมผู้ขับขี่รถรับจ้างแห่งประเทศไทย และสมาคมภัตตาคารไทย รวมถึงบรรดาร้านค้าบริเวณแคมป์ก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบมาพูดคุยเพื่อรับฟังสภาพปัญหาที่กระทรวงแรงงาน จนเกิดความคิดช่วยเหลือผู้ค้ากลุ่มดังกล่าว พร้อมบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาหารแก่แรงงานภายในแคมป์ที่ถูกปิดตามคำสั่งปิดสถานที่ก่อสร้างไปพร้อมกัน โดยกระทรวงแรงงานจะเป็นผู้สนับสนุนค่าอาหาร และรับอาหารจากกลุ่มผู้ค้าไปแจกจ่ายให้แรงงานในแคมป์ก่อสร้าง จนครบกำหนดตามประกาศ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 – 27 กรกฎาคม 2564 โดยท่าน รมว.แรงงาน ได้ให้กรมการจัดหางานรับผิดชอบดูแลในเรื่องนี้

“ในวันนี้ผมและคณะได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประกอบการร้านอาหารที่ทำอาหารกล่องส่งแคมป์คนงาน ณ บริเวณซอยลาดพร้าว 80 แยก 21 ซึ่งเป็นร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกับแคมป์คนงาน รวมทั้งได้ติดตามขั้นตอนการลำเลียงข้าวกล่องไปส่งที่แคมป์ และให้กำลังใจคนงานในแคมป์ที่ถูกสั่งปิดตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19” นายสุชาติ กล่าวในท้ายสุด

นายสำเนียง ฤทธิศักดิ์ ผู้ประกอบการร้านอาหารที่ได้ทำข้าวกล่องส่งแคมป์คนงาน เจ้าของร้านป๊าจ๋า ย่านซอยลาดพร้าว 80 กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากโควิด ทำให้เงียบเหงา ในแต่ละวันไม่ค่อยมีลูกค้า แต่ก็ไม่ได้หยุดร้านเสียทีเดียว เพราะถ้าหยุดไปลูกค้าขาประจำก็จะไปรับประทานร้านอื่นหมด ปัจจุบันที่ร้านขายหลายเมนู ทั้งอาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว เย็นตาโฟ โครงการทำข้าวกล่องส่งแคมป์คนงานนี้ดี เป็นการช่วยเหลือร้านอาหารรายย่อยในชุมชนได้มีรายได้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ และช่วยเหลือคนงานในแคมป์ดีใจที่รัฐบาลและกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการร้านอาหารในระดับล่าง เป็นการกระจายรายได้ให้ชุมชน โดยในช่วงเช้าเวลา 07.30 – 08.00 น. จะทำข้าวกล่องวันละ 200 กล่อง ส่งแคมป์คนงานจำนวน 9 แคมป์

ด้าน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางานจะให้ความช่วยเหลือด้านอาหารวันละ 1 มื้อ ตั้งแต่วันที่ 12 – 27 กรกฎาคม 2564 เป้าหมายแคมป์คนงานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 520 แห่ง 750,000 กล่อง และปริมณฑล จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครปฐม จังหวัดสมุทรปราการ รวมจำนวน 797 แห่ง 500,000 กล่อง โดยมีผู้ร่วมโครงการ ได้แก่ ชมรมหาบเร่แผงลอยกรุงเทพมหานคร สมาคมผู้ขับขี่รถรับจ้างแห่งประเทศไทย สมาคมภัตตาคารไทย และร้านค้าบริเวณแคมป์ก่อสร้าง รวม 132 แห่ง

“รัฐศาสตร์-นิเทศศาสตร์” ม.กรุงเทพธนบุรี จัดสัมมนาพิเศษในระบบ ZOOM หัวข้อ “SANDBOX MODEL ก้าวแรกการท่องเที่ยว สู่การเปิดประเทศในก้าวต่อไป” 18 ก.ค.นี้

คณะรัฐศาสตร์ ร่วมกับ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ร่วมกันจัดสัมมนาพิเศษในระบบออนไลน์ (ZOOM) ในหัวข้อ “SANDBOX MODEL ก้าวแรกการท่องเที่ยว สู่การเปิดประเทศในก้าวต่อไป” โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ คุณนัทธี ถิ่นสาคู สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดภูเก็ต และ รองประธานคณะกรรมาธิการ การท่องเที่ยว, คุณธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต และคุณรัตนชัย สุทธิเดชานัย ที่ปรึกษานายกเมืองพัทยา

ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.กมลพร กัลยาณมิตร คณบดีคณะรัฐศาสตร์ และ รศ.ดร.สุกัญญา บูรณเดชาชัย คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี โดยมี ธนภณ โอภาสธัญกร (ต้อม นิรันดร์) และ แอปเปิ้ล-กิรษา หอมเสียง เป็นพิธีกร ในวันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมรับฟังการสัมมนาพิเศษในครั้งนี้ได้ที่

Join Zoom Meeting

https://us02web.zoom.us/j/9989764605?pwd=djI3NERTU3c2NW8rVEJKWFdJZlBjdz09

ใส่รหัสผ่าน ห้องประชุม

Meeting ID: 998 976 4605

Passcode: 654321

เลขาธิการสภากาชาดไทยยืนยันประสานผู้ผลิตในการจัดซื้อวัคซีนทางเลือก 1 ล้านโดส ฉีดให้บุคลากรการแพทย์ และประชาชนด้อยโอกาสฟรี

รายงานจาก​ เลขาธิการสภากาชาดไทยยืนยัน ประสานผู้ผลิตในการจัดซื้อวัคซีนทางเลือก 1 ล้านโดส โดยองค์การเภสัชกรรมทำสัญญากับบริษัทโมเดอร์นา โดยคาดว่า จะได้รับวัคซีนในไตรมาส 4 ของปีนี้ ฉีดให้บุคลากรการแพทย์ และประชาชนด้อยโอกาสฟรี

นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย กล่าวว่า วัคซีนที่สภากาชาดไทยจัดซื้อเป็นวัคซีนทางเลือกแบบ mRNA ซึ่งทางสภากาชาดไทยประสานกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนโมเดอร์นาตั้งแต่เดือนเมษายน

แต่ทางบริษัทระบุในขณะนั้นว่า จะทำสัญญากับหน่วยงานรัฐ ซึ่งล่าสุดทางองค์การเภสัชกรรมจะทำสัญญาซื้อ-ขายจำนวน 5 ล้านโดส โดยองค์การเภสัชกรรมแจ้งว่า จะกันให้สภากาชาดไทย 1 ล้านโดส​ เนื่องจากเป็นองค์กรการกุศลที่เจรจาซื้อไว้ก่อนแล้ว ส่วนอีก 4 ล้านโดสขึ้นกับองค์การเภสัชกรรมว่า จะจัดสรรให้หน่วยงานใด

ทั้งนี้ ทางบริษัทแจ้งว่า จะส่งมอบได้ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ เมื่อได้รับ ทางสภากาชาดไทยคาดว่า จะดำเนินการฉีดวัคซีนได้ช่วงปลายปี โดยฉีดให้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง หญิงมีครรภ์ ป่วย ผู้ดูแลประจำศูนย์เด็กเล็ก และบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ห่างไกลซึ่งยังไม่ได้รับวัคซีน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

นายเตชกล่าวต่อว่า งบประมาณในการจัดซื้อวัคซีน 1 ล้านโดสนี้ ทางสภากาชาดไทยมีงบประมาณส่วนหนึ่ง กำลังขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล และเตรียมขอรับการสนับสนุนจากประชาชนด้วย ซึ่งจะแจ้งช่องทางบริจาคสมทบทุนจัดซื้อวัคซีนหลังจากการประชุมคณะกรรมการในช่วงบ่ายนี้


ที่มา : https://tna.mcot.net/latest-news-739793


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

10 จังหวัดในประเทศที่ฉีดวัคซีนโควิดมากที่สุด

ประเทศไทย ยังทยอยฉีดวัคซีนโควิดอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด จากข้อมูล MOPH Immunization Center พบว่า จำนวนการได้รับวัคซีนในประเทศไทย สะสม ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ - 14 กรกฎาคม 2564 มีทั้งสิ้น 13,533,717 ล้านโดส

แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 10,163,340 ล้านโดส และเข็มที่ 2 จำนวน 3,370,377 ล้านโดส

ส่วน 10 จังหวัดที่ฉีดวัคซีนโควิด มีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เปิดตัวโครงการ Covid Home Care ช่วยผู้ป่วยโควิดกักตัวที่บ้าน 'ธีระชัย' นำร่องบริจาค 4.5 แสน

เครือข่าย “เราดูแลกัน” เปิดตัวโครงการ Covid Home Care ช่วยผู้ป่วยโควิดที่ต้องกักตัวที่บ้านแบบไม่มีค่าใช้จ่าย ด้านนักธุรกิจรุ่นใหม่ “ธีระชัย” นำร่องบริจาค 4.5 แสนบาท เพื่อจัดซื้อเวชภัณฑ์และชุดตรวจโควิด พร้อมเชิญชวนเพื่อนนักธุรกิจร่วมสนับสนุน เผยโครงการมีทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่ประเมินอาการ 24 ชั่วโมง พร้อมส่งเวชภัณฑ์ดูแลตัวเองเบื้องต้น ประเดิม กทม.แห่งแรก

เมื่อเร็ว ๆ นี้สมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุและเครือข่ายเราดูแลกัน ซึ่งเป็นความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดตัวโครงการ Covid Home Care เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดที่ต้องกักตัวที่บ้านและลดภาระให้กับบุคลากรทางการแพทย์

นายแพทย์ฆนัท ครุฑกูล นายกสมาคมสมาพันธ์สถานประกอบการเพื่อสุขภาพและผู้สูงอายุ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Covid Home Care เปิดเผยว่า สถานการณ์ในปัจจุบันที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก เรามีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นหมื่นรายต่อวัน ทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่ไม่พอ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากต่างประเทศพบว่า ผู้ป่วย 70-80% สามารถดูแลตนเองที่บ้านได้

ดังนั้น สมาพันธ์ฯ และเครือข่ายเราดูแลกัน หรือ we care network ซึ่งเป็นความร่วมมือองค์กรภาครัฐภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำโครงการ Covid Home Care เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดที่ต้องกักตัวที่บ้าน ให้สามารถดูแลตนเองที่บ้านได้อย่างปลอดภัยซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระแก่บุคลากรทางการแพทย์อีกทางหนึ่ง

สำหรับช่องทางติดต่อโดยเปิดช่องทางติดต่อผ่าน Line : @ covidhomecare ให้ผู้ป่วยโควิดเข้ามาลงทะเบียน และจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไป เพื่อส่งมอบ Covid Care Box ที่มีเวชภัณฑ์ในการดูแลรักษาตัวเอง

ซึ่ง Line : @ covidhomecare จะเสมือนเป็นคลินิกออนไลน์ ที่จะมีทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่คอยประสานข้อมูลกับผู้ป่วยตลอด 24 ชั่วโมง และจะช่วยประเมินอาการผู้ป่วยว่ายังอยู่ในเกณฑ์สีเขียว สีเหลือง หรือสีแดง นอกจากนั้น ยังมีระบบฉุกเฉินที่จะประสานโรงพยาบาลในการรับส่งต่อผู้ป่วยต่อไปโดยทั้งหมดเป็นการช่วยเหลือประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

ขณะนี้ได้เตรียมจัดทำ Covid Care Box ไว้แล้ว 1,000 กล่อง ซึ่งมีเวชภัณฑ์สำหรับดูแลรักษาตัวเอง อาทิ เครื่องวัดออกซิเจนในเลือด เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย ยาฟ้าทะลายโจร ยาละลายเสมหะ ยาพ่นคอ รวมถึงมีชุดตรวจ Rapid Antigen Test แอลกอฮอล์เจล และหน้ากากอนามัย ทั้งหมดนี้จะส่งต่อไปให้ประชาชนที่ยังไม่สามารถเข้าสู่ระบบการรักษาในโรงพยาบาลได้ ซึ่งโครงการทั้งหมดจะเริ่มนำร่องในพื้นที่ กทม.ก่อน

“เราคาดหวังว่าโครงการนี้จะช่วยลดความแออัดที่โรงพยาบาล ลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์ หากผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง เราจะพยายามประสานหาโรงพยาบาลเพื่อรับส่งต่อผู้ป่วยต่อไป” นายแพทย์ฆนัท กล่าวทิ้งท้าย

นายธีระชัย รัตนกมลพร ประธาน บริษัท อาร์ยู แอสเซท ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ดีจะสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดที่กักตัวอยู่ที่บ้านระหว่างรอเตียง ให้สามารถดูแลตนเองที่บ้านได้อย่างปลอดภัยซึ่งเป็นการแบ่งเบา ภาระแก่บุคลากรทางการแพทย์ ตามมาตรฐานกรมการแพทย์กำหนด

ตนจึงยินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่โดยนำร่องบริจาคเงินจำนวน 450,000 บาท เพื่อจัดซื้อเวชภัณฑ์ จำนวน 500 ชุด และชุดตรวจโควิด จำนวน 3,000 ชุด ซึ่งก่อนหน้านี้ตนก็ได้ร่วมบริจาคเพื่อซื่อเครื่องช่วยหายใจให้กับโรงพยาลศิริราชจำนวนเงิน 3 แสนบาท

“อย่างไรก็ตามโครงการ Covid Home Care ยังต้องการการสนับสนุนอีกมากตนจึงอยากจะขอเชิญชวนนักธุรกิจและผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเพื่อช่วยพี่น้องคนไทยที่กำลังประสบชะตากรรมฝ่าวิตกฤติและฝ่าความมืดครั้งนี้ไปด้วยกัน” นายธีระชัย กล่าว


ที่มา : https://www.naewna.com/local/588096


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top