Saturday, 5 July 2025
NEWS

‘ไม่พิมพ์ แต่ลงมือทำ’ รวมเหล่าคนดัง ที่ลงมือช่วยเหลือผู้คนในวิกฤติโควิด-19 แบบทำจริง

กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกบันเทิง เมื่อเหล่าดารา ศิลปิน คนดัง ออกมาทำการ Call Out หรือส่งเสียงเรียกร้องประเด็นการบริหารงานของรัฐบาล

ถึงตรงนี้ เป็นสิทธิที่ทุกคน (แม้จะไม่ใช่ดารา คนดัง) สามารถทำได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เราทุกคนต้อง ‘เคารพ’ ในกฎหมาย และวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความเคารพในสิทธิของผู้อื่นด้วยเช่นกัน การเอาแต่ ‘ความสะใจ’ คงไม่เกิดผลดีในการแก้ปัญหาใด ๆ ที่เกิดขึ้น

ในกระแสที่ดารา คนดัง ออกมา Call Out นั้น ในมุมกลับกัน ยังมีผู้คนอีกมากมาย ที่ออกมา ‘ลงมือทำ’ ช่วยเหลือกันในยามวิกฤติ THE STATES TIMES รวบรวมเหล่าคนดังที่ร่วมมือร่วมใจในแบบที่เรียกว่า ‘ลงมือทำจริง’ ซึ่งนี่ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ยังมีอีกมากมายหลายคนที่ลงแรงแข็งขันในการช่วยเหลือครั้งนี้

เราขอคารวะในหัวจิตหัวใจอันดีงาม แต่อย่างไรก็ตาม ทุกคนมีสิทธิ์ ‘เลือกแสดงออก’ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใด ๆ หากว่าเป้าหมายสูงสุด เป็นเป้าหมายของการนำพาประเทศไทย ให้ก้าวออกจากวิกฤติที่กำลังเผชิญอยู่นี้

วาง ‘อารมณ์’ ลงก่อน ปลด ‘ความเกลียดชัง’ กันลงบ้าง พี่น้องชาวไทยทั้งหลาย ก่อนที่จะไม่เหลือใครให้ทะเลาะกัน...


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

แผนล้มจีน!! เมื่อเหล่ามหาอำนาจเก่า ปั้นเกมสกปรก ยก “Western Values” ยื้อความก้าวหน้าของ ‘จีน’ แต่สุดท้าย 'ไร้ผล' I Knowledge Times EP.4

???? รอบรู้แบบรู้ลึก ในรายการ ‘Knowledge Times’
???? แผนล้มจีน!! เมื่อเหล่ามหาอำนาจเก่า ปั้นเกมสกปรก ยก “Western Values” ยื้อความก้าวหน้าของ ‘จีน’ แต่สุดท้าย 'ไร้ผล'

ประเทศจีนในปัจจุบัน ถือเป็นประเทศที่ก้าวขึ้นมามีบทบาทและมีอำนาจอย่างมากในเวทีโลก จากการพัฒนาตนเองรอบด้าน ไม่ว่าจะในแง่ของความมั่นคงทางอาวุธยุทโธปกรณ์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ ภายใต้ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในชาติ

สร้างความมั่งคั่ง ร่ำรวย และความแข็งแกร่งที่มากพอจะก้าวออกสู่แผนที่โลก เพื่อต่อยอดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับประเทศ 

โดยจีนเริ่มยุทธศาสตร์การแผ่ขยายอำนาจเข้าไปในหลายพื้นที่ของแผนที่โลก ผ่านโครงการเชื่อมแผ่นดิน ทั้งทางบก ที่มี Belt and Road Initiative หรือเส้นทางสายไหมใหม่เป็นใบเบิกทาง หรือแม้แต่ String of Pearls โครงการที่มีจุดมุ่งหมายขยายอำนาจไปทั่วน่านน้ำมหาสมุทร

แน่นอนว่า การพัฒนาและแผ่ขยายอำนาจของจีน ดูจะไม่ถูกใจฝั่งชาติมหาอำนาจตะวันตกเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะกับสหรัฐฯ และชาติพันธมิตร

การ “แก้เกม” จึงเริ่มเห็นได้ชัดว่า ในช่วงระยะหลัง เหล่าบรรดาชาติตะวันตก ได้ร่วมโจมตีไปที่แกนกลางอำนาจของจีน ซึ่งก็คือ “พรรคคอมมิวนิสต์จีน” บ่อย ๆ 

โดยใช้อาวุธสำคัญที่เรียกว่า “Western Values” หรือการอวดอ้างคุณค่าของความเป็นชาติตะวันตก จากการที่มีประชาธิปไตย ความหลากหลายของพรรคการเมือง สิทธิมนุษยชน และการค้าเสรีในเรื่องของทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมยัดเยียดว่าจีนคือประเทศที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงและระเบียบโลก

ตัวอย่าง “Western Values” ที่ถูกนำมาใช้โจมตีประเทศจีนที่เห็นได้ชัดนั้น มีตั้งแต่การโจมตีระบอบสังคมนิยม ว่าขัดต่อหลักการประชาธิปไตย สังเกตได้จากการพยายามตีเรื่องสิทธิมนุษยชนในจีนผ่าน อุยกูร์ ทิเบต และซินเจียง ก็ดี 

หรือแม้แต่การโจมตีเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ที่จีนมักถูกอ้างว่าลอกเลียนเทคโนโลยีจากชาติตะวันตกบ่อย ๆ 

แม้ “Western Values” จะดูเป็นแผนการณ์ที่ดูสกปรก แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้จีนดูเลวร้ายในสายตาชาวโลก

แต่นั่นก็ไม่ได้กระทบ ต่อการพัฒนาและขยายอำนาจของจีนเลยแม้แต่น้อย 

นั่นก็เพราะ ฐานการปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีนใหม่ มีการปรับปรุงและพัฒนาจีนอย่างรอบด้าน ภายใต้การเรียนรู้ว่า โลกในปัจจุบันมีทั้งความหลายหลายและการเปลี่ยนแปลง การทำให้คนเท่าเทียมโดยใช้ระบบการวางแผนจากส่วนกลางแบบเดิม ๆ ของพรรคนั้น ไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป

ฉะนั้น พรรคคอมนิวนิสต์จีน จึงมีการนำ "ระบบทุนนิยม" เข้ามาปรับประยุกต์กับประเทศ โดยใช้พลังจากภาคเอกชนที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ มาแก้ปัญหาความยากจน พร้อมทั้งนำ "ระบบสังคมนิยม" มาแก้ปัญหาและรับฟังประชาชนอย่างทั่วถึง

อีกทั้ง จีนยังถอดบทเรียนจากข้อผิดพลาดในอดีตและนำมาแก้ไข ทำให้มีการยกระดับพัฒนาสังคมจีนขนานใหญ่ เศรษฐกิจก้าวหน้า คนจนค่อย ๆ หมดไปจากจีน

ดังนั้น การที่วันนี้ชาติมหาอำนาจตะวันตก พยายามโจมตีจีนด้วยการนำคุณค่าจาก ความเป็น “Western Values” มาใช้บ่อยครั้ง จึงดูไร้ความหมาย

ซ้ำร้าย ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความล้าหลังของชาติตะวันตก ที่วันนี้ไม่สามารถวัดพลังกับจีนได้ตรง ๆ หากแต่ทำได้แค่มองพัฒนาการและการแผ่ขยายอำนาจของจีนแบบตาปริบ ๆ

เป็นหนามยอกใจ ที่ใช้วิธีไหน ก็ถอนไม่ออกเสียที... 


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

“ปริญญ์” เรียกร้อง ศบค. ทบทวนสั่งปิดร้านอาหารในห้าง พื้นที่สีแดงเข็ม หวั่นไม่เป็นผลดีต่อประชาชน - ซ้ำเติมเศรษฐกิจ แนะ 7 แนวทางแก้วิกฤติเร่งด่วน

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ให้ทบทวนมาตรการสั่งปิดร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้ มอลล์ ในพื้นที่ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม ห่วงไม่มีผลต่อการเพิ่มความปลอดภัยด้านสาธารณสุขเท่าไหร่นัก แต่สร้างผลกระทบหนักต่อประชาชนและเศรษฐกิจ

นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กล่าวว่า เข้าใจดีถึงเจตนารมณ์ของศบค. ที่อยากลดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ให้เร็วที่สุด แต่การสั่งปิดร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้ มอลล์ในพื้นที่สีแดงเข้ม เป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจและประชาชนครั้งใหญ่ เพราะเป็นการสั่งปิดแบบทันที ไม่มีการเยียวยาที่เหมาะสม รวมถึงยังไม่มีข้อมูลใดที่บ่งชี้ว่าร้านอาหารในห้างเป็นสาเหตุของการติดเชื้อได้มากกว่าร้านอาหารข้างนอก

โดยมาตรการในครั้งนี้ทำให้ผู้ประกอบการร้านอาหารต้องประสบกับปัญหาของค้างสต๊อก การขาดสภาพคล่องทางการเงิน เสี่ยงต่อการปิดกิจการ ส่วนลูกจ้างต้องว่างงานหรือตกงานกะทันหัน ในขณะที่ประชาชนทั่วไปก็หาร้านอาหารได้ยากขึ้น ต้องไปแออัดต่อคิวซื้อกลับบ้านตามร้านอาหารที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งอาจจะสร้างผลเสียให้กระบวนการทางสาธารณสุขมากกว่าจะเป็นผลดี จึงอยากเรียกร้องให้ศบค. เร่งทวบทวนมาตรการดังกล่าว และปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม อย่าปล่อยให้ประชาชนต้องเผชิญวิกฤติกลับไปกลับมาซ้ำ ๆ อย่างที่เป็น

นอกจากนี้ นายปริญญ์ยังได้เสนอ 7 มาตรการแก้วิกฤติขาดแคลนเตียงในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อย่างเร่งด่วน ถึงรัฐบาลและศบค. ดังนี้

1.) เร่งตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกและอนุมัติการนําเข้า Rapid Antigen Test Kits อย่างเร่งด่วน เพื่อให้ราคาในท้องตลาดถูกลง ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และควรแจกชุดตรวจฟรีถึงบ้าน

2.) ปรับเปลี่ยนสถานที่ เช่น โรงเรียนแพทย์ สถานที่ของกองทัพ และพื้นที่ของเอกชน มาเป็นศูนย์พักพิงแยกผู้ติดเชื้อออกมาจากชุมชนแออัด และมีมาตรการดูแลเชิงรุกก่อนส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล

3.) เร่งแจกฟ้าทะลายโจรแก่ผู้ป่วยติดเชื้อ ไม่ต้องศึกษาเพิ่มแล้ว เพราะตอนนี้มีการศึกษาวิจัยจำนวนมากที่ออกมายืนยันว่าใช้ยานี้กับผู้ป่วยได้ดีในจำนวนที่เหมาะสม รวมถึงควรเร่งจัดหายา Favipiravir และ Remdesivir ให้เพียงพอ อย่าให้มีคอขวดในการนําเข้าแบบตอนนี้ รวมทั้งควรสนับสนุนให้ผลิตยาดังกล่าวได้อย่างเสรีในประเทศไทย

4.) ปลดล็อกการจัดซื้อวัคซีนให้มีความคล่องตัว และโปร่งใสมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดหาวัคซีน mRNA และวัคซีนเทคโนโลยีใหม่ เช่น โนวาแวกซ์ (Novavax) ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ทัพหน้าและประชาชนในพื้นที่วิกฤติ รวมถึงสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาวัคซีนใบยาของจุฬาฯ ที่เป็นหนึ่งในความหวังสกัดเชื้อกลายพันธุ์อย่างปลอดภัย

5.) ปรับปรุงและพัฒนาการสื่อสารให้ชัดเจน ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย เช่น องค์ความรู้ด้านการกักตัวอยู่บ้าน (Home Isolation) การบริหารจัดการคิวฉีดวัคซีนให้มีความเป็นธรรมและเป็นไปอย่างเหมาะสม

6.) เยียวยากลุ่มธุรกิจที่ให้ความร่วมมือปิดกิจการเป็นอย่างดีมาโดยตลอดและได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น ฟิตเนส ร้านอาหาร อีเว้นท์ นักดนตรี ธุรกิจกลางคืน/บันเทิง ให้เหมาะสม ทันท่วงที โดยกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ควรจัดหาแหล่งเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่มีดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการ พักหนี้ทั้งต้นและดอกอย่างจริงจัง และจัดสรรงบฟื้นฟูเพื่อช่วยเพิ่มผลผลิต ไม่ใช่แค่แจกเงิน เช่น การพัฒนาศักยภาพและทักษะใหม่ ๆ ให้กับประชาชนผ่านสื่อออนไลน์เพื่อเพิ่มแรงงานฝีมือ และควรขยายผลโครงการที่ทำไปแล้วและได้ผลตอบรับที่ดี อาทิ โครงการกระจายความรู้ สู่ผู้ประกอบการยุคใหม่ (From Gen Z to be CEO) ของกระทรวงพาณิชย์ที่ท่านรองนายกฯ จุรินทร์ได้ริเริ่ม โครงการเรียนจบพบงาน ของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น

7.) ต้องช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนให้ได้อย่างจริงจัง โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น การประปาและการไฟฟ้าต้องยอมรับภาระต้นทุนในส่วนนี้เพื่อช่วยลดค่านํ้าค่าไฟให้กับประชาชนมากกว่าเดิม ภาครัฐต้องลดภาษีและค่าธรรมเนียมทุกชนิด รวมถึงบริษัทโทรคมนาคมต้องปรับลดค่าอินเตอร์เน็ตลงด้วย เพื่อสนับสนุนการทํางานและการศึกษาจากที่บ้าน (Work/Study From Home) โดยรัฐบาลอาจจัดสรรงบมาสนับสนุนด้วยได้

“พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะตัวแทนของประชาชน เราพยายามทําหน้าที่ในส่วนของเราให้ดีที่สุด ซึ่งที่ผ่านมา ท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และประธานมูลนิธิเสนีย์ ปราโมช ได้นําคณะรัฐมนตรีของพรรคปล่อยคาราวานรถ ‘ถุงนํ้าใจ ปชป. ส่งผู้รอเตียง’ จัดส่งอาหารถึงบ้านประชาชนในพื้นที่กทม. ปริมณฑล และภาคใต้ รวมถึงช่วยจัดหาเตียงให้ผู้ป่วยที่ทางศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด-19 พรรคประชาธิปัตย์ หรือ ศปฉ.ปชป. ได้ประสานงานไปแล้วกว่า 1,600 เตียง

อย่างไรก็ตาม ปชป. จะเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระด้านสาธารณสุขของไทย และเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน โดยคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลและศบค. จะเร่งดำเนินการแก้ไขวิกฤตินี้ตามที่ได้เสนอไป และมองที่ประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อพาประเทศฝ่าวิกฤติไปได้ด้วยกัน” นายปริญญ์ กล่าว


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"คณะก้าวหน้า" จับมือ "บริษัท ส้มจี๊ด เอนเตอร์ไพรส์" สนับสนุนเกษตรกรภาคใต้ ซื้อ "นมแพะมาจู" ช่วยเหลือผู้ประสบภัยโควิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะก้าวหน้า พร้อมด้วย บริษัท ส้มจี๊ด เอนเตอร์ไพรส์ ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลสนามเอราวัณ 2 ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนามสำหรับผู้ในพื้นที่เขตหนองจอก เพื่อมอบ "มาจู" นมแพะคุณภาพสูงจากเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 500 ขวด เพื่อสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยที่กำลังเข้ารับการรักษาและเจ้าหน้าที่ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างหนัก ซึ่งคุณประโยชน์ของนมแพะจะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ดีขึ้น และย่อยง่ายกว่านมวัวทั่วไป และนมแพะก็ประกอบด้วยวิตามินจำเป็นหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี และแร่ธาตุอีกหลายชนิด จึงเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับดื่มเพื่อบำรุงร่างกายในช่วงการระบาดโควิด-19

ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกและกรรมการบริหารคณะก้าวหน้า กล่าวว่า การมอบนมแพะให้กับผู้ป่วยและบุคลากรที่กำลังต่อสู้กับโควิด เป็นการช่วยเหลือทั้งสองทาง ทางแรก คือ การช่วยให้เกษตรกรนมแพะในชายแดนใต้ยังมีรายได้ เพราะในภาวะที่เกิดการระบาดรุนแรง ชายแดนใต้เป็นพื้นที่สีแดงเข้มเช่นเดียวกับกทม. ทำให้เศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วจากความขัดแย้งในพื้นที่เลวร้ายลงอีก บริษัทส้มจี๊ดจึงตัดสินใจรับซื้อนมแพะจากเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่สามารถจำหน่ายนมได้เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์และกำลังซื้อในพื้นที่ลดลง เพื่อพยุงรายได้ของเกษตรกรและนำนมที่ผลิตได้มาแจกจ่ายให้กับผู้เดือดร้อน ซึ่งเป็นการช่วยทางที่สอง ให้คนที่ลำบากหรือป่วยไข้ได้อิ่มท้อง มีอาหารที่คุณค่าทางโภชนาการสูง นมแพะถือเป็นอาหารที่นิยมใช้เยี่ยมไข้ หรือให้ผู้ฟื้นไข้ และแม่ลูกอ่อนรับประทานเพื่อบำรุงกำลัง เนื่องจากนมแพะย่อยง่าย ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ไว และโปรตีนสูง จึงเหมาะกับผู้ที่มีร่างกายไม่แข็งแรง

น.ส.พรรณิการ์ กล่าวอีกว่า นอกจากการสนับสนุนเฉพาะหน้าในครั้งนี้ คณะก้าวหน้า และ บริษัท ส้มจี๊ด เอ็นเตอร์ไพรส์ มีความเห็นร่วมกันถึงอนาคตหลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ว่า จำเป็นที่จะต้องจัดเตรียมพัฒนาทักษะอาชีพให้กับประชาชนที่ประสบปัญหาจากพิษเศรษฐกิจ ตกงาน กลับคืนสู่บ้านเกิดตามจังหวัดต่างๆ โมเดลนมแพะมาจู ซึ่งเป็นการตั้งโรงงานผลิตนมแพะ รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยคาดหวังให้โรงงานและเกษตรกรเติบโตไปพร้อมๆกัน และให้เกษตรกรได้ร่วมกันเป็นเจ้าของโรงงานในอนาคต ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางการสนับสนุนภาคประชาชน ให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับวิถีชีวิตและต้นทุนทรัพยากรในพื้นที่ และในอนาคตจะสร้างงาน สร้างอาชีพ รองรับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจบการศึกษา รวมถึงคนวัยทำงานที่ตกงานจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำช่วงโควิด-19

นายเกร็ก แอบบอตต์ ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส เปิดเผยว่า เขาจะไม่บังคับใช้มาตรการสวมหน้ากากอนามัยใหม่ทั่วรัฐ แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อและผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งก็ตาม

นายแอบบอตต์ แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า “รัฐเท็กซัสผ่านพ้นช่วงเวลาของการบังคับใช้มาตรการของรัฐบาล และขณะนี้เป็นเวลาที่ประชาชนจะต้องรับผิดชอบตนเอง”

ก่อนหน้านี้ นายแอบบอตต์ ได้แสดงความคิดเห็นในทำนองเดียวกัน ในขณะให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น KPRC โดยระบุว่า “จะไม่มีมาตรการบังคับสวมหน้ากากอนามัย และเหตุผลก็คือ มีคนจำนวนมากที่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคโควิด-19 ไม่ว่าจะมาจากการฉีดวัคซีน หรือมาจากการติดเชื้อและฟื้นตัวได้เอง ซึ่งจะได้รับภูมิคุ้มกันเช่นกัน”

นอกจากนี้ นายแอบบอตต์กล่าวว่า “มันอาจไม่เหมาะสมที่จะบังคับให้ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอยู่แล้วสวมหน้ากากอนามัย”

กระทรวงสาธารณสุขของรัฐเท็กซัส เปิดเผยว่า เมื่อไม่นานมานี้ อัตราการติดเชื้อโควิด-19 ในรัฐเท็กซัสสูงเกินเกณฑ์ 10% ที่กำหนดไว้ ขณะที่จำนวนผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั่วทั้งรัฐเพิ่มขึ้นในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ข้อมูลเมื่อวันที่ 19 ก.ค. ระบุว่า ประมาณ 43% ของชาวเท็กซัสได้รับการวัคซีนครบโดสแล้ว ขณะที่ผลการสำรวจของมหาวิทยาลัยเท็กซัสร่วมกับสำนักข่าวเดอะ เท็กซัส ทรีบูน พบว่า เกือบครึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐเท็กซัสได้กลับมาใช้ชีวิตก่อนการแพร่ระบาด แต่จำนวนของการฉีดวัคซีนปรับตัวลดลงในแต่ละเดือนตั้งแต่เดือนเม.ย. เป็นต้นมา


ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2021/109198


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เหอหนานประสบอุทกภัยหนักในรอบพันปี ประชาชนกว่าสองแสนคนไร้ที่อยู่ รัฐบาลจีนเร่งจัดการดูแลประชาชน

ปักกิ่ง (รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์/ซีซีทีวี) รายงานพื้นที่ราบลุ่มในมณฑลเหอหนาน ในภาคกลางของจีนถูกน้ำท่วมหนัก เมืองเจิ้งโจว เมืองเอกของมณฑลได้รับผลกระทบรุนแรง หลังฝนถล่มหนักมาก ถึงขั้นเจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาระบุว่า เป็นฝนตกหนักที่สุดในรอบ 1,000 ปี ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 18 ศพ ไร้ที่อยู่อาศัยอีกมากกว่า 200,000 คน

สำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นว่า เมืองเจิ้งโจว ซึ่งมีประชากรมากกว่า 12 ล้านคน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเหลือง มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 18 ศพแล้ว ท่ามกลางสถานการณ์น้ำท่วมอย่างหนักและประชาชนราว 100,000 คน ต้องอพยพจากบ้านไปยังสถานที่ปลอดภัย ชาวบ้านไร้ที่อยู่อาศัยอีกมากกว่า 200,000 คน ประชาชนหลายล้านคนในมณฑลเหอหนานได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่มีฝนตกอย่างหนักตั้งแต่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสาขาต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าวว่า สถานีรถไฟใต้ดินในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ถูกน้ำท่วมทะลักเข้าไปถึงด้านในสถานีสร้างความตื่นตกใจให้กับผู้คน นอกจากนี้ น้ำยังทะลักเข้าไปในขบวนรถไฟด้วย ซึ่งระดับน้ำสูงประมาณ 1 เมตร ขณะที่ท้องถนนกลายสภาพเป็นแม่น้ำมีรถยนต์จอดเสียหายจำนวนมาก เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน

ขณะที่เมื่อช่วงคืนวันอังคารที่ผ่านมา ปริมาณน้ำฝนทำให้เกิดรอยแตกความยาว 20 เมตรที่เขื่อนแห่งหนึ่งในเมืองลั่วหยาง ทางตะวันตกของเมืองเจิ้งโจวและเขื่อนสามารถจะแตกและพังทลายได้ทุกเวลา ในขณะเดียวกัน สำนักงานควบคุมน้ำท่วมของเมืองเจิ้งโจว กล่าวว่าอ่างเก็บน้ำเกาเจียซุยของเมืองเจิ้งโจวก็เกิดการแตกร้าวเช่นกัน

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กล่าวปราศรัยถึงสถานการณ์อุทกภัยที่เผยแพร่ทางโทรทัศน์ทั่วประเทศในวันนี้ว่า สถานการณ์การป้องกันน้ำท่วมรุนแรงมากและอยู่ในขั้นวิกฤติ แม่น้ำหลายสายมีระดับน้ำสูงเกินกว่าระดับมาตรฐานแล้วและเขื่อนหลายแห่งก็แตกเสียหาย รถไฟหลายสายต้องหยุดให้บริการและเที่ยวบินต้องยกเลิก นอกจากนั้น ยังทำให้ทรัพย์สินเสียหายและประชาชนเสียชีวิต เขากล่าวด้วยว่า ความพยายามในการป้องกันน้ำท่วมกลายเป็นเรื่องยากลำบากมาก ๆ แต่ได้สั่งให้ทุกหน่วยงานจัดลำดับความสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้คนและทรัพย์สินของพวกเขาอย่างเต็มกำลัง

ตั้งแต่เมื่อค่ำวันเสาร์จนถึงเย็นวันอังคาร มีฝนตกวัดปริมาณได้ 617.1 มิลลิเมตรในเมืองเจิ้งโจวซึ่งเกือบเท่ากับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยใน 1 ปีที่ 640.8 มิลลิเมตร ส่วนเมืองผิงติ่งซานมีปริมาณน้ำฝนมากที่สุด วัดได้ 400.8 มิลลิเมตร


ที่มา : https://www.naewna.com/inter/589408


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร สั่งเดินหน้าศูนย์พักค่อย แยกผู้ติดเชื้อรักษาตัว ลั่น ความเป็นตายสำคัญกว่าระเบียบ

22 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 (ข้อมูลวันที่ 21 ก.ค. 64 เวลา 24.00 น.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 975 ราย แบ่งเป็นการค้นหาเชิงรุก 199 ราย Bubble & Sealed โรงงาน/เรือนจำ 10 ราย Walk in ในโรงพยาบาล 766 ราย ผู้เสียชีวิต 4 ราย ผู้ติดเชื้อสะสม 38,325 ราย

ขณะที่เตียงในโรงพยาบาลหลัก ยังคงเต็มอย่างต่อเนื่อง ส่วนเตียงในโรงพยาบาลสนามทั้ง 7 แห่ง จำนวน 2,815 เตียง เหลือเตียงว่างจำนวน 189 เตียง ขณะที่เตียงในศูนย์พักคอยคนสาคร หรือ โรงพยาบาลสนามชุมชน Community Isolation ทั้งหมด 33 แห่ง ครอบคลุม 3 อำเภอ จำนวน 4,008 เตียง เปิดให้บริการแล้ว 21 แห่ง มีเตียงพร้อมใช้งาน 2,439 เตียง มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้าใช้งานแล้ว 487 เตียง ส่วนที่เหลืออีกทั้งหมดกำลังเร่งทยอยเปิดใช้งาน คาดว่าประมาณต้นสัปดาห์หน้าจะเปิดใช้งานศูนย์พักคอยคนสาครได้ครบทุกแห่ง

ด้านนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้สั่งการปรับการทำงานของศูนย์พักคอยผู้ป่วย "โควิด-19" จ.สมุทรสาคร ใหม่ เนื่องจากผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวันมีมาก และจะเริ่มให้ load ผู้ป่วยเข้าไปรักษาตัวทันที จะให้รอขั้นตอนทุกอย่างของ สธ.บางครั้งไม่ทันการ ฉะนั้น จะมอบให้เจ้าหน้าที่คัดกรอง และนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่กระบวนการรักษาก่อน

"ศูนย์พักคอย คือ ศูนย์ที่นำผู้ติดเชื้อมาพักรักษาตามอาการ ต่างจากโรงพยาบาลสนาม เพราะไม่มีแพทย์ แต่จะใช้กระบวนการคนในชุมชน ดูแลกันเอง และจะส่งต่อโรงพยาบาลเมื่อเตียงว่าง แต่หากรายใดอาการหนักจะรักษาก่อน...

...ทุกวันนี้ขั้นตอนที่เราจะนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ศูนย์พักคอย มีมาตรการเยอะมาก โดยเฉพาะการนำผู้เข้าศูนย์จะต้องตรวจ X-ray ปอด ตามข้อกำหนดของ สธ. และอาจจะไม่ทันเวลาสำหรับโรคระบาดที่มีผู้ติดเชื้อมากแต่ละวัน ถ้ารอขนาดนั้น การที่เราจะแยกโรคออกจากคน คงไม่ทันการ"

นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ยังบอกอีกว่า เราจะให้ปรับลดข้อกำหนดของคนเข้าศูนย์พักคอยลง เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกจากชุมชนและครอบครัวเข้าไปรักษา และจะขอให้ ทีมแพทย์ตรวจคัดกรองในศูนย์

อย่างน้อยคนป่วยก็มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง คนไม่ป่วยก็ไม่ต้องกังวลและถ้าเตียงในโรงพยาบาลมี จึงจะนำเข้ารักษาตามระบบโดยเร็วที่สุด สิ่งสำคัญ บุคลากรทางการแพทย์ที่สมุทรสาคร ตอนนี้ทำงานแทบไม่มีวันหยุด และหลายคนก็ติดเชื้อโควิด-19 ภายใต้บุคลากรที่มีอยู่อย่างจำกัด เราเชื่อว่าคนสมุทรสาครจะร่วมมือกันเพื่อก้าวผ่านโควิด-19 ครั้งนี้ไปด้วยกัน

ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ย้ำว่า "ถ้าระเบียบทำให้ประชาชนต้องตายเพราะไม่มีที่กักตัว โปรดจงก้าวข้ามระเบียบนั้นแล้วบอกว่า ต้องทำเพราะผมเป็นคนสั่งเอง ให้มันรู้ไปว่า ระเบียบกับความตาย อะไรสำคัญกว่า"


ที่มา : https://www.naewna.com/local/589485

https://www.komchadluek.net/news/regional/475450


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

นพ.มนูญ โพสต์เฟซบุ๊ก แอตร้าฯ - ไฟเซอร์ เหมาะเป็นเข็ม 3 เสนอ ควรหยุดซื้อวัคซีนซิโนแวครุ่นปัจจุบันเพิ่ม จนกว่าจะมีวัคซีนรุ่นใหม่ที่ครอบคลุมเชื้อกลายพันธุ์ทุกชนิด

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ว่า...

การให้วัคซีนกระตุ้นภูมิเข็มที่ 3 แก่บุคลากรการแพทย์ด่านหน้าและเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคแล้ว 2 เข็ม มีความจำเป็น แต่ไม่ได้หมายความว่าวัคซีนซิโนแวคไม่มีประสิทธิภาพ

วัคซีนซิโนแวคเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตายฉีดคนละ 2 เข็มตามที่มีการขึ้นทะเบียนไว้ ถึงแม้จะป้องกันการติดเชื้อและการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตาได้น้อยกว่าวัคซีนเทคโนโลยีใหม่...ในชีวิตจริง ซิโนแวคยังมีประสิทธิภาพลดการป่วยหนักและเสียชีวิต แม้ว่าจะไม่ถึง 100% แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ฉีดเลย

หลังจากฉีดซิโนแวค 2 เข็ม เวลาผ่านไปหลาย ๆ เดือน ภูมิคุ้มกันแอนติบอดี้ในเลือดจะลดลงตามธรรมชาติ การกระตุ้นภูมิคุ้มกันบูสเตอร์เข็ม 3 ด้วยวัคซีน Adenovirus vector เช่น วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า หรือวัคซีนเทคโนโลยี mRNA เช่น วัคซีนไฟเซอร์ นอกจากจะกระตุ้นภูมิต้านทานแอนติบอดี้ให้สูงขึ้น เพื่อจับไวรัสไม่ให้เข้าสู่เซลล์ของเราแล้ว ยังทำให้เกิดภูมิคุ้มกันชนิดที่เราเรียกว่าเม็ดเลือดขาว T cell เพื่อกำจัดเซลล์ของเราที่เชื้อไวรัสเข้าเซลล์ได้ด้วย

ช่วงนี้จะทราบข่าวบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ในทุกโรงพยาบาลจำนวนไม่น้อย บางรพ.เป็นหลักร้อย บางรพ.เป็นหลักสิบ ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (Breakthrough infection) ถึงแม้ว่าได้รับซิโนแวคครบแล้ว 2 เข็ม แต่ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง

เป็นที่ทราบกันดีบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไปหลายเท่า เมื่อติดเชื้อ สามารถแพร่เชื้อให้ผู้ป่วยที่เป็นคนสูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัว และเจ้าหน้าที่ร่วมงานหลาย ๆ คน รวมทั้งคนที่บ้านตนเอง ต้องหยุดงานกักตัว 14 วัน ทำให้ขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์อย่างหนัก ผมเองได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มเมื่อเดือนเมษายน ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเข็ม 3 แล้ว

สำหรับประชาชนที่ฉีดซิโนแวคครบ 2 เข็มแล้วจำนวนกว่า 7 ล้านกว่าคน การฉีดเข็ม 3 บูสเตอร์ควรจะให้ในภายหลังเมื่อมีวัคซีนเพียงพอ โดยให้คนอายุมากกว่า 60 ปี และคนที่มีโรคประจำตัวก่อนคนอื่น เนื่องจากยังมีคนอีก 40-50 ล้านคนยังไม่ได้วัคซีนแม้แต่เข็มแรกเลย

เป็นที่ทราบว่าประเทศไทยสั่งจองวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 61 ล้านโดส วัคซีนซิโนแวค 19 ล้านโดส วัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส ทยอยส่งในปีนี้ ผมเสนอให้ไทยควรหยุดสั่งซื้อเพิ่มวัคซีนซิโนแวครุ่นปัจจุบัน จนกว่าจะมีวัคซีนรุ่นใหม่ที่ครอบคลุมเชื้อกลายพันธุ์ทุกชนิด


ที่มา: https://www.facebook.com/604030819763686/posts/1993203404179747/


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘นายกฯ’ โพสต์หารือ ’ศธ.-อว.’ กำหนดมาตรการลดภาระ ค่าใช้จ่าย ’ผู้ปกครอง-ครู-นักเรียน’ เตรียมนำเข้าครม.อังคารหน้า คาดนักศึกษา 1.75 ล้านคน มีเฮเคาะเกณฑ์ลดค่าเทอมสูงสุด 50% ส่วน ม.เอกชน หัวละ 5 พัน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha’ ระบุว่า ได้ประชุมกับกระทรวง ศธ.และ อว. เพื่อกำหนดมาตรการช่วยเหลือในระยะเร่งด่วนในการช่วยลดภาระ/ค่าใช้จ่าย ให้กับผู้ปกครอง ครู และนักเรียน/นักศึกษาให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มด้อยโอกาสยากจนและกลุ่มผู้พิการ โดยมีแนวทางในด้านต่าง ๆ เช่น

1.) มาตรการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเรียน

2.) ขอความร่วมมือให้ลด หรือชะลอการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จากผู้ปกครองในโรงเรียนเอกชน

3.) สนับสนุนค่าใช้จ่ายแก่สถานศึกษา เพื่อรองรับการเรียนแบบออนไลน์

4.) ช่วยเหลือผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้างงาน

ที่ประชุมได้มอบหมายให้ อว.และ ศธ. จัดทำรายละเอียดและขั้นตอนในการดำเนินการในมาตรการต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จ เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า

ด้านนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยหลังประชุมร่วมกับนายกฯ ว่า นายกฯ ได้รับหลักการมาตรการตามที่ อว.เสนอ คือ

1.) สถาบันอุดมศึกษาภาครัฐ จะลดค่าเล่าเรียน และค่าธรรมเนียมการศึกษา โดยกำหนดเป็น 3 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 ส่วนที่ไม่เกิน 50,000 บาท ลดค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษา ร้อยละ 50 ขั้นที่ 2 ตั้งแต่ 50,001-100,000 บาท ลดร้อยละ 30 และขั้นที่ 3 ตั้งแต่ 100,001 บาทขึ้นไป ลดร้อยละ 10 โดยรัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณสำหรับส่วนลดนี้ ร้อยละ 60 และสถาบันอุดมศึกษาสมทบ ร้อยละ 40

2.) สถาบันอุดมศึกษาเอกชน รัฐบาลจะสนับสนุนลดค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษา คนละ 5,000 บาท และให้ทางสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแต่ละแห่งพิจารณาลดค่าเล่าเรียนเพิ่มเติม และสนับสนุนมาตรการอื่น ๆ เช่น ขยายเวลาผ่อนชำระหรือผ่อนจ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษา ตั้งกองทุนสนับสนุนการศึกษา จัดหาอุปกรณ์/โปรแกรมคอมพิวเตอร์ สำหรับนักศึกษายืมเพื่อใช้ในศึกษาออนไลน์ ส่วนลดค่าหอพักนักศึกษา จัดสวัสดิการพิเศษกรณีนักศึกษาป่วยด้วยโรคโควิด-19 เป็นต้น

ทั้งนี้มาตรการนี้จะเริ่มใช้ทันทีในภาคศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2564 โดยจะมีนิสิต นักศึกษาที่ได้รับประโยชน์เป็นจำนวนถึง 1,750,109 คน


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พล.อ.ประวิตร  ประชุม กกท. ชวนคนไทยส่งแรงเชียร์นักกีฬาโอลิมปิก/พาราลิมปิก Tokyo 2020  กำชับสมาคมฯ  ดูแลนักกีฬา/เจ้าหน้าที่ใกล้ชิด  ป้องกันโควิด-19  รับรายงานนักกีฬา มีขวัญกำลังใจดี พร้อมแข่งขัน  TV ถ่ายทอดสด   คนไทยได้ชมตลอดการแข่งขัน

พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำรอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 10.00น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ครั้งที่ 6/2564  ผ่านระบบ Video Conference  

ที่ประชุม ได้มีการพิจารณาเรื่องสำคัญ เพื่อการพัฒนาการกีฬาของไทย โดยได้เห็นชอบ ร่างตัวชี้วัดการบันทึกข้อตกลง ประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปี2565 อาทิ การสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ การพัฒนากีฬาเพื่อการอาชีพ  การใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของนักกีฬา สู่ความเป็นเลิศ เป็นต้น ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ กกท.ให้จัดทำแผนการยกระดับกิจกรรม และการแข่งขันกีฬาเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ของเป้าหมายในปี2565 เพื่อเรียกความเชื่อมั่น ภายหลังสถานการณ์ โควิด-19  พร้อมเน้นย้ำให้ใช้ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา เป็นหลักในการพัฒนานักกีฬา อย่างจริงจัง ด้วย

สำหรับการแข่งขันกีฬา โอลิมปิกเกมส์ และพาราลิมปิกเกมส์ Tokyo 2020 ณ  ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งยังอยู่ในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโควิด-19  พล.อ.ประวิตร จึงได้ขอให้สมาคมกีฬาแต่ละประเภท กำกับ ดูแลนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน การแพร่ระบาดของโค-19 ของประเทศเจ้าภาพ โดยเคร่งครัด และในการประชุมวันนี้  ได้รับรายงานความคืบหน้า จาก นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬา และ รองศาสตราจารย์ ดร. สุพิตร สมาหิโต รอง หัวหน้าคณะฯ ซึ่งอยู่ ณ ประเทศญี่ปุ่น ได้เข้าร่วมประชุมด้วย โดยยืนยันความพร้อมของนักกีฬาทีมชาติไทย และมีขวัญกำลังใจที่ดี ก่อนการแข่งขัน   พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำ ขอให้ดูแลเรื่องความเป็นอยู่  สวัสดิการ  และให้กำลังใจนักกีฬา พร้อมเจ้าหน้าที่ ทุกคน อย่างเต็มที่ด้วย 

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวเพิ่มเติม เชิญชวนคนไทย ร่วมส่งแรงเชียร์นักกีฬาโอลิมปิก และพาราลิมปิก ไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นกำลังใจ ให้แก่นักกีฬาทุกคน ทุกประเภท ซึ่งจะทำการแข่งขันในห้วงวันที่ 23 ก.ค.- 8 ส.ค.64 โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ให้ประชาชนได้รับชม ตลอดการแข่งขันเพื่อให้กองทัพนักกีฬาทีมชาติไทย พิชิตชัยชนะ และสร้างชื่อเสียงกลับสู่ประเทศไทยได้ อย่างภาคภูมิใจ เหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา

"ครูโอ๊ะ" โชว์ความสำเร็จ “จดอนุสิทธิบัตร” ผ้าทอมือผักตบชวา-กรรมวิธี พร้อมผลิตภัณฑ์ผักตบกว่า 30 ชนิด ฝีมือศูนย์ฝึกมีชีวิต กศน.อำเภอภาชี พระนครศรีอยุธยา ตามนโยบาย กศน.WOW เพื่อฝึกอาชีพสร้างรายได้แก่ชุมชนหนองน้ำใสอย่างยั่งยืน

นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำผลิตภัณฑ์ผ้าทอมือผักตบชวากว่า 30 ชนิด ที่ได้รับการจดอนุสิทธิบัตรเป็นสมบัติของสมาชิกศูนย์ฝึกมีชีวิต กศน.อำเภอภาชี พระนครศรีอยุธยา ร่วมกับสมาชิกตำบลหนองน้ำใส ตามนโยบาย กศน.WOW ร่วมโชว์ในรายการแซ่บพาซ่าส์ “ศูนย์รวมความแซ่บ กิน เที่ยว สร้างงาน สร้างอาชีพ” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เมื่อเร็ว ๆ นี้

รมช.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งว่า เมื่อรับตำแหน่งและได้รับมอบหมายให้ดูแลสำนักงาน กศน. ก็ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหา โดยเลือกลงไปในที่เล็ก ๆ อย่างเช่น กศน.ตำบล กศน.อำเภอ เพื่อรับฟังปัญหาในพื้นที่และพัฒนาให้เกิดสิ่งดี ๆ ร่วมกัน ซึ่งก็ได้รับเสียงสะท้อนจากครู กศน.ตำบลหนองน้ำใส กศน.อำเภอภาชี ที่ได้ร่วมคิด ร่วมทดลอง พัฒนากรรมวิธีเปลี่ยนวัชพืชลอยขวางทางน้ำ เป็นผลิตภัณฑ์ผ้าและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างรายได้ โดยร่วมกับสมาชิกกลุ่มศูนย์ฝึกมีชีวิต กศน.อำเภอภาชี ที่ส่วนใหญ่เป็นประชาชนในตำบลหนองน้ำใส ซึ่งเมื่อพัฒนามาระดับหนึ่ง ก็มีชาวต่างประเทศเข้ามาดูงานมากมาย จึงต้องการที่จะรักษาสิ่งที่พัฒนาขึ้นมานี้ เพื่อให้เป็นสมบัติของชาวภาชีอย่างยั่งยืน

“เมื่อได้รับทราบปัญหาเช่นนี้ จึงได้ประสานและหารือร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เพื่อหาทางจดอนุสิทธิบัตร ทั้งผลิตภัณฑ์เส้นใยผักตบชวาและกรรมวิธีการผลิต โดยใช้ระยะเวลาเพียง 1 ปีก็สามารถจดอนุสิทธิบัตรได้สำเร็จ ซึ่งหลัก ๆ เลยเกิดจากการที่เราได้พัฒนา ครู กศน.ให้มีความรู้และทักษะความสามารถด้านต่าง ๆ สร้างศรัทธาให้ประชาชน สามารถที่จะเข้าถึงและไว้วางใจ ภายใต้ความร่วมมือกับ Good partnership (เครือข่ายการทำงานที่ดี) ตามนโยบาย WOW ของครูโอ๊ะ เพื่อให้การพัฒนาวิชาชีพและอาชีพมีความต่อเนื่องและยั่งยืน ตลอดจนเป็นหน้าที่ของชาว กศน.อยู่แล้ว ที่จะต้องส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้กับประชาชนในทุกพื้นที่ 

อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์ผักตบชวาที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้กว่า 30 ชนิด เกิดจากการพัฒนาและใช้ประโยชน์ผักตบชวาในทุกส่วน ทั้งลำต้น เป็นส่วนที่ยาวที่สุด ใช้สำหรับทำใยทอผ้า "ผ้าทอมือผักตบชวา" ผ่านนวัตกรรมการตีแยกเส้นใย ทำให้นุ่มก่อนนำมาทอ ย้อมสีธรรมชาติเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ทั้งนำผ้ามาตัดเย็บเป็นหน้ากาก เสื้อผ้าสำเร็จรูปทั้งบุรุษและสตรี ส่วนต้นสั้น ใช้ทำกันกระแทก เศษที่เหลือใช้ทำกระถาง ราก ใช้ทำปุ้ยแห้ง-ปุ้ยน้ำ ส่วนใบใช้ทำจาน ภาชนะย่อยสลายได้ ทดแทนการใช้โฟม และที่สำคัญ ต้นอ่อน ใช้ทำอาหาร “บะหมี่หยกชวา” และน้ำพริกผักตบชวา ทั้งนี้ ชาว กศน.ยังได้ออกแบบตราสัญลักษณ์ ONIE ซึ่งหมายถึงการพัฒนาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ด้วยความสมานสามัคคีร่วมกัน โดยจะนำตราไว้บนผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นฝีมือของชาว กศน.ตามนโยบาย WOW ของครูโอ๊ะ

ขอเชิญชวนผู้สนใจมาอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของตำบลหนองน้ำใส ปลอดภัย รักษาสิ่งแวดล้อม และมีราคาจับต้องได้ เพื่อเป็นการส่งเสริมอาชีพในชุมชนและการสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตของชาวตำบลหนองน้ำใส อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ” รมช.ศธ.กล่าว 

ช่องทางการติดต่อ “ผ้าทอมือผักตบชวา” 
เฟซบุ๊ก : กศน.ตำบลหนองน้ำใส อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โทร : 088-2187448

ทหารจิตอาสา ร.15 พัน.1 จัดชุดช่างซ่อมแซมบ้านผู้ยากไร้ ตามโครงการ "ซ่อมบ้านทั่วไทย ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้กับผู้ยากไร้และด้อยโอกาส"

พ.อ.ธนพล นุ้ยสุข ผบ.ร.15 พัน.1 จัดกำลังพลชุดช่างของหน่วย ร่วมกับ กอ.รมน.จว.กระบี่ สำนักงานสัสดีจังหวัดกระบี่ และบ้านพักเด็ก พร้อมครอบครัวจังหวัดกระบี่ เข้าดำเนินการซ่อมแซมบ้านให้กับนายโสม ชูกุล อายุ 84 ปี บ้านเลขที่ 150 ม.6 ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งเป็นผู้ยากไร้ ตามโครงการ "ซ่อมบ้านทั่วไทย ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้กับผู้ยากไร้และด้อยโอกาส"  โดยได้ดำเนินการปรับปรุงบ้านดังนี้

1.ปรับปรุงโถส้วมแบบนั่งยอง เป็นแบบชักโครก

2.เปลี่ยนหลังคาสังกะสีที่รั่วและทรุดโทรม

3.เปลี่ยนพื้นชานบ้าน จากไม้เป็นแผ่นยิปซัม

โดยวัตถุประสงค์ของโครงการนี้เพื่อให้ความสำคัญของผู้ยากไร้และด้อยโอกาส และเป็นการพัฒนา ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนกลุ่มเหล่านี้ในเรื่องที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้นต่อไป


ภาพ/ข่าว  มโนธรรม ใจหาญ จ.กระบี่ รายงาน

ทบ. เผยตรวจพบทหารใหม่ติดเชื้อก่อนเข้าประจำการ 69 นาย พร้อมดูแลรักษา ตามมาตรการสธ. อย่างดี ระบุ  ฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ทหารใหม่แล้ว 96 % มั่นใจมีภูมิ 

ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิงซิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพยก เปิดเผยว่ส จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19  ซึ่งพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้หน่วยฝึกทหารใหม่ทุกหน่วยของกองทัพบก ได้ดำเนินการตามแนวทางการป้องกันควบคุมโรค เพื่อดูแลทหารกองประจำการผลัด 1/2564 ที่เพิ่งเข้าประจำการใน 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา และเรื่องมาตรฐานการฝึก พร้อมกำหนดมาตรการพิทักษ์พลเป็นการเฉพาะไว้หลายด้าน ที่สำคัญคือการตรวจคัดกรองเชื้อ COVID-19 และเตรียมการด้านการแพทย์รองรับ รวมถึงแผนการฉีดวัคซีนให้กับทหารใหม่ในสัปดาห์แรกที่เข้าประจำการเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรค

โดยตั้งแต่วันที่ 6 -20 ก.ค.64 โรงพยาบาลสังกัดกองทัพบกในพื้นที่ค่ายทหารทั้ง 37 แห่งได้ดำเนินการฉีดวัคซีนโควิดเข็มแรกให้กับทหารใหม่ตามแผนที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนจาก ศบค.  มีการลงทะเบียนข้อมูลในระบบสาธารณสุข  ประเมินสภาพร่ายกายผู้ที่จะเข้ารับการฉีด  ประวัติสุขภาพ  พร้อมให้คำแนะนำสังเกตอาการหลังฉีด  

ทั้งนี้ช่วง14 วันที่ผ่านมากองทัพบกได้ฉีดวัคซีนCOVID-19ให้ทหารใหม่ไปแล้ว  33,561 นาย คิดเป็น 96% ของผู้ที่เข้ามาประจำการ โดยมีทหารใหม่บางนายได้รับวัคซีนมาแล้วก่อนเข้าประจำการ  ส่วนผู้ที่มีข้อจำกัด สาเหตุจากร่างกายยังไม่พร้อมในขั้นต้นหน่วยฝึกทหารใหม่ได้ชะลอการฉีดและให้เข้ารับวัคซีนเมื่อพร้อมในลำดับต่อไป  ในภาพรวมการฉีดวัคซีนทหารใหม่ในครั้งแรกนี้ดำเนินการได้อย่างเรียบร้อย ทหารใหม่ส่วนใหญ่ดีใจที่ได้รับการฉีดวัคซีน ทำให้มั่นใจในสุขภาพและการสร้างภูมิคุ้มกันโรคของตนเอง  ช่วยคลายความกังวลของครอบครัว และมีความพร้อมที่จะเข้ารับการฝึกฝน เรียนรู้เพื่อทำหน้าที่ทหารของชาติต่อไป

มาตราการป้องกันโรคอีกเรื่อง ที่กองทัพบกได้ดำเนินการคือ การตรวจคัดกรองหาเชื้อCOVID-19 กับทหารใหม่ทันทีก่อนเข้าหน่วยฝึก โดยตั้งแต่วันแรกของการรายงานตัว โรงพยาบาลค่ายประจำพื้นที่ได้เข้าทำการคัดกรองอย่างเป็นระบบด้วยการตรวจร่างกาย  ซักประวัติ  แยกประเภทกลุ่มเสี่ยง การตรวจหาเชื้อ และการส่งตรวจซ้ำด้วยวิธี RT- PCR  จากนั้นมีการคัดแยกประเภทของกลุ่มทหารใหม่ตามประวัติ อาการ และความเสี่ยง  ก่อนส่งทหารใหม่เข้ารับการกักตัวเพื่อสังเกตุอาการ 14วันตามมาตรการที่กองทัพบกกำหนดไว้ทุกนาย  ส่วนทหารใหม่ที่มีอาการ มีผลตรวจเป็นบวกหรือพบการติดเชื้อได้ถูกส่งเข้ารับการรักษาที่ รพ.ค่าย หรือ รพ.สนาม ที่จัดเตรียมไว้ เมื่ออาการกลับสู่ปกติและตรวจไม่พบการติดเชื้อ ก็จะส่งตัวเข้าหน่วยฝึกทหารใหม่เพื่อรับการฝึกต่อไป  

สำหรับผลการตรวจหาเชื้อไวรัสกับทหารใหม่ผลัด1/2564 จำนวน 34,822 นาย  ตรวจพบทหารใหม่ติดเชื้อCovid-19 มาก่อนเข้าประจำการจำนวน 69 นาย  คิดเป็น 0.19% ของทหารใหม่ผลัดนี้ทั้งหมด โดยตรวจพบในวันแรกที่เข้าหน่วยจำนวน 41นาย และตรวจพบเพิ่มในระหว่างกักตัวสังเกตุอาการอีก 28นาย ซึ่งหน่วยฝึกได้นำทั้งหมดเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลค่ายประจำพื้นที่ เรียบร้อย ปัจจุบันมียอดทหารใหม่ที่ติดเชื้อและยังอยู่ในระหว่างรับรักษา 54 นาย( 21 กค.64) 

อย่างไรก็ตาม ยอดการติดเชื้อของทหารใหม่ดังกล่าวนับว่ามีจำนวนน้อย อยู่ในเกณฑ์ตามที่กองทัพบกประเมินไว้ ประกอบกับการวางแผนดูแลและกำหนดมาตรการเฉพาะไว้อย่างครบวงจร ทำให้ตรวจพบผู้ติดเชื้อได้ตั้งแต่เริ่มเข้าหน่วยทหาร และนำเข้าสู่กระบวนการรักษาตามระบบการแพทย์ที่เตรียมไว้  สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ นอกจากนี้การตรวจพบทหารใหม่ติดเชื้อก่อนประจำการดังกล่าว ยังเป็นผลดีต่อทหารใหม่ที่จะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ลดภาระของตนเองและครอบครัว ลดการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ภายนอก ช่วยลดภาระของหน่วยงานสาธารณสุข และหน่วยฝึกทหารใหม่ยังถือได้ว่าเป็นจุดคัดกรองโรคอีกทางหนึ่งด้วย

และไม่ว่าทหารใหม่จะมีการติดเชื้อมาก่อนหรือไม่มีการติดเชื้อก็ตาม นโยบายของกองทัพบกยังคงให้ความสำคัญสูงสุดต่อการปฎิบัติตนตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ในระดับบุคคล หน่วยทหาร ทั้งในระหว่างการฝึก การปฎิบัติภารกิจ หรือการดำรงชีวิตประจำวัน อย่างเคร่งครัดตามแนวทาง ศบค.

โดยนโยบายการดูแลทหารกองประจำการข้างต้น กองทัพบกมุ่งสร้างให้ทหารกองประจำการมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็ง เป็นพื้นฐานในการเรียนรู้  ฝึกฝน ทักษะความสามารถทางทหารและงานด้านความมั่นคง เพื่อให้พร้อมกับการปฏิบัติงานในภารกิจเพื่อประเทศชาติและประชาชนที่รออยู่ข้างหน้าได้อย่างสมบูรณ์ต่อไป

ผปค.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ยิ้มได้ รัฐบาลสนับสนุนลดค่าเล่าเรียน/ ค่าธรรมเนียมการศึกษา คนละ 5,000 บาท ก่อนนำมาตรการลดค่าเทอมนักเรียน-นักศึกษา เข้า ครม.

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วานนี้ (21 ก.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เห็นชอบในหลักการแนวทางลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของนักเรียนและนักศึกษา ในปีการศึกษา 2564 ตามทีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ซึ่งทางกระทรวงศึกษาฯ ได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายต่างๆของนักเรียน ครู และผู้ปกครองในสถานการณ์โควิด ซึ่งจะครอบคลุมทั้งโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) โรงเรียนสังกัดกทม.และโรงเรียนในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ขณะที่ ทางกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ได้เตรียมมาตรการซึ่งครอบคลุมสถาบันอุดมศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน  โดยสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐ จะมีการลดค่าเล่าเรียน และค่าธรรมเนียมการศึกษา โดยกำหนดเป็น 3 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 ส่วนที่ไม่เกิน 50,000 บาท ลดค่าเล่าเรียน/ค่าธรรมเนียมการศึกษา ร้อยละ 50 ขั้นที่ 2 ตั้งแต่ 50,001-100,000 บาท ลดร้อยละ 30 และขั้นที่ 3 ตั้งแต่ 100,001 บาทขึ้นไป ลดร้อยละ 10 โดยรัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณสำหรับส่วนลดนี้ ร้อยละ 60 และสถาบันอุดมศึกษาสมทบ ร้อยละ 40

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน รัฐบาลจะสนับสนุนลดค่าเล่าเรียน/ ค่าธรรมเนียมการศึกษา คนละ 5,000 บาท และให้ทางสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแต่ละแห่งพิจารณาลดค่าเล่าเรียนเพิ่มเติม และสนับสนุนมาตรการอื่นๆ เช่น ขยายเวลาผ่อนชำระ หรือผ่อนจ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษา ตั้งกองทุนสนับสนุนการศึกษา จัดหาอุปกรณ์/ โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับนักศึกษายืมเพื่อใช้ในศึกษาออนไลน์ ส่วนลดค่าหอพักนักศึกษา จัดสวัสดิการพิเศษกรณีนักศึกษาป่วยด้วยโรคโควิด-19 เป็นต้น

“การช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของบุตรหลานจะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองได้อย่างมาก ซึ่งเป็นอีกมาตรการเร่งด่วนที่นายกรัฐมนตรีเร่งรัดให้เกิดผลในทางปฏิบัติ ทั้งนี้ มาตรการที่ท่านนายกได้เห็นชอบในหลักการครั้งนี้ จะนำเข้าให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 27 ก.ค.ต่อไป” นางสาวรัชดาฯ กล่าว

“บิ๊กตู่”  ร่วมส่งกำลังใจเชียร์นักกีฬาไทย เข้าแข่งขันในโอลิมปิกและพาราลิมปิก “Tokyo 2020 Olympics” ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามกำหนดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 และพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พร้อมให้กำลังใจนักกีฬา และเชิญชวนชาวไทยส่งแรงเชียร์นักกีฬาไทยให้คว้าชัยชนะในการแข่งขันครั้งนี้ สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 32 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 2564 และพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 24 สิงหาคม -  5 กันยายน 2564 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ “Tokyo 2020 Olympics” ซึ่งมีนักกีฬาจาก 206 ประเทศ จำนวนกว่า 11,000 คนเข้าร่วมการแข่งขัน จัดการแข่งขันทั้งหมด 33 ชนิดกีฬา ในสนามกีฬา 42 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น และประเทศไทยจัดทัพนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย 

“นายกรัฐมนตรีได้ฝากกำลังใจ และอวยพรไปยังทัพนักกีฬาทุกคนและทีมงานที่เกี่ยวข้องจะเดินทางไปเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ขอบคุณความตั้งใจ ความมุ่งมั่น ที่ร่วมกันฝึกซ้อมแม้ในสถานการณ์ที่มีความท้าทายมากกว่าสถานการณ์ปกติ ขอให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้เพื่อนำชื่อเสียงกลับมาสู่ประเทศไทย และไม่ว่าจะได้รับเหรียญจากการแข่งขันหรือไม่ก็ตาม นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่า นักกีฬาไทยทุกคนจะเป็นต้นแบบ เป็นแรงผลักดันให้แก่เยาวชนในด้านความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสามารถและฝึกฝนตนเองต่อไปในอนาคต พร้อมเน้นย้ำให้นักกีฬาปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขของประเทศเจ้าภาพอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประเทศอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน” นานอนุชา กล่าว

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 มีกีฬา 5 ชนิดที่เพิ่งได้รับการบรรจุเข้ามาหรือได้รับการบรรจุกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง ได้แก่ 1. เบสบอล(ชาย)/ซอฟต์บอล(หญิง) 2. คาราเต้ 3. ปีนหน้าผา (sport climbing) 4. กระดานโต้คลื่น (surfing) และ 5. สเก็ตบอร์ด (skateboarding) และในส่วนของ กีฬาพาราลิมปิกเกมส์ 2020 มีกีฬา 2 ชนิดที่บรรจุเข้ามาใหม่ ได้แก่ เทควันโด และแบดมินตัน ทั้งนี้ ประเทศไทยจัดทัพนักกีฬาโอลิมปิกไทยซึ่งผ่านการควอลิฟาย (Qualify) โอลิมปิกเกมส์ จำนวน 41 คน เป็นนักกีฬาชาย 15 คน นักกีฬาหญิง 26 คน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 74 คน ในครั้งนี้

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการกีฬาที่จะจำกัดจำนวนผู้เข้าชมและใช้การถ่ายทอดสดการแข่งขันเป็นหลัก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจะมีพิธีเปิด Tokyo 2020 Olympics และเริ่มการแข่งขันในวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 เป็นวันแรก ได้แก่ โปรแกรมการแข่งขันกีฬาขี่ม้า , เรือพาย และยิงปืน ซึ่งประชาชนสามารถรับชมและให้กำลังใจนักกีฬาไทยได้ผ่านช่องทางต่างๆ 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top