Thursday, 19 June 2025
NEWS

‘สเปซเอ็กซ์’ ทะยานสู่อวกาศสำเร็จ ส่งเที่ยวบินพลเรือนชุดแรกโคจรรอบโลก

ไมอามี (เอพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - จรวดฟอลคอน 9 ของบริษัทสเปซเอ็กซ์ของอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันพุ่งทะยานสู่อวกาศจากรัฐฟลอริดาในสหรัฐฯ เมื่อวันพุธตามเวลาท้องถิ่น มีผู้โดยสารเป็นมหาเศรษฐีบริษัทพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-คอมเมิร์ซ และเพื่อนร่วมเดินทางอีก 3 ราย ที่เขาเลือกไว้ในเที่ยวบินท่องวงโคจรโลกครั้งแรกที่มีผู้โดยสารเป็นพลเรือนทั้งหมด

นักบินอวกาศพลเรือน 4 คนที่ร่วมเดินทางในเที่ยวบินท่องอวกาศดังกล่าว ได้แก่ จาเร็ด ไอแซกแมน ชาวอเมริกันผู้เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งบริษัทชิฟต์โฟร์เพย์เมนต์ อิงค์ (Shift 4 Payments Inc) วัย 38 ปี, เซียน พร็อกเตอร์ วัย 51 ปี, เฮย์ลีย์ อาร์เซนอกซ์วัย 29 ปี และคริส เซมโบรสกี วัย 42 ปี โดยเที่ยวบินนี้ได้ออกเดินทางในช่วงเช้ามืดวันพุธตามเวลาท้องถิ่น จากศูนย์อวกาศจอห์น เอฟ เคนเนดี ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือนาซา ที่แหลมคานาเวอรัลในรัฐฟลอริดา ขณะที่การถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์ของสเปซเอ็กซ์ เผยให้เห็นภาพไอแซกแมนและเพื่อนร่วมเดินทางนั่งรัดเข็มขัดนิรภัยอยู่ในห้องที่มีระบบปรับความกดดันอากาศของแคปซูลครูว์ดรากอน สีขาว โดยที่พวกเขาสวมชุดและหมวกนักบินอวกาศสีขาวกับดำ

ไอแซกแมนได้อ่านแถลงการณ์ท่ามกลางเสียงเชียร์ในศูนย์ควบคุมภารกิจของสเปซเอ็กซ์ ในขณะที่ยานอวกาศไต่ระดับขึ้นสูงเกือบ 200 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก ขอบคุณทุกคนที่มีส่วนร่วมทำให้การเดินทางสู่อวกาศอยู่ใกล้แค่เอื้อมและเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ของการเดินทางที่น่าตื่นเต้นและยังไม่ได้สำรวจ ซึ่งมีเพียงไม่กี่คนที่เคยมาและมีอีกหลายคนที่จะตามมาในเร็ว ๆ นี้

“บิ๊กตู่” เยือนชลบุรี อิทธิพล หอบ ส.ส.ต้อนรับ “สุชาติ” ไม่ห่างกาย “อ้อน” ร่วมมือเดินหน้าผลิกโฉมประเทศไทย

ที่สนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม. 2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ ออกเดินทางไปยังจุดจอด ฮ. ท่าเรือแหลมฉบัง ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีเพื่อตรวจเยี่ยมโรงงานตามโครงการ Factory Sandbox จังหวัดชลบุรี ณ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ จำกัด (แหลมฉบัง) ตำบลทุ่งสุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

จากนั้น เวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางถึงบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ จำกัด (แหลมฉบัง) โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นาย อิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรทั้งผู้บริหารบริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ จำกัด ให้การต้อนรับนอกจากนี้ ยังมี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จ.ชลบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง  ทั้ง นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี นายรณเทพ อนุวัฒน์ ส.ส.ชลบุรี นายสะถิระ เผือกประพันธ์ุ ส.ส.ชลบุรี ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี นายสมพงษ์ โสภณ ส.ส.ระยอง นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา และพ.ต.อ.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี  มาต้อนรับด้วย โดยทันทีที่พล.อ.ประยุทธ์มาถึงได้พูดคุยทักทายและถ่ายภาพร่วมกัน

นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่ง ว่า สิ่งหนึ่งที่เราต้องทำความเข้าใจร่วมกันคือการเดินหน้า ในการประกอบการและการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือและได้มอบแนวนโยบายพร้อมแนวทางไปแล้ว ซึ่งทุกคนต้องช่วยกันผลิกโฉมประเทศไทย ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นด้วย ซึ่งได้มีโอกาสโทรศัพท์พูดคุยกันแล้ว ซึ่งยินดีที่จะร่วมมือกับประเทศไทยต่อไปในวิธีการต่างๆ วันนี้ตน ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่เราเป็นมิตรกันมาอย่างยาวนาน ถือว่าเราเป็นมหามิตรซึ่งทุกคนทราบความหมายดีอยู่แล้ว วันนี้ถือเป็นอีกครั้งที่ได้มาพบกับข้าราชการ ผู้ประกอบการและนักธุรกิจ รวมทั้ง ส.ส.ผู้แทนประชาชน ซึ่งทุกคนมีสิทธิ์พบกันได้ทั้งหมด

“ วันนี้ต้องขอขอบคุณรอยยิ้มจากทุกๆคน โดยเฉพาะบรรดาลูกจ้าง พนักงาน ซึ่งแสดงว่าเจ้านายดูแลดีถึงสามารถยิ้มได้กันทั้งหมด ถือเป็นตัวอย่างที่ทำให้สถานประกอบการอื่นๆ ซึ่งต้องขอขอบคุณกับการต้อนรับที่อบอุ่น ขณะที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์ก็ได้ถ่ายรูปโรงงานทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเดือนหน้าทราบว่าจะมีโรงงานใหญ่ๆ เกิดขึ้นอีก ก็ขอให้ขยายกิจการออกไปพร้อมดูแลประชาชนคนไทยด้วย เราก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน ต้องช่วยเหลือกัน ซึ่งที่ผ่านมาก็ช่วยเหลือกันยาวนานมาหลาย 10 ปี รัหว่างญี่ปุ่น-ไทย เรามีความสัมพันธ์กันตั้งแต่สมัยศรีอยุธยา มีหมู่บ้านญี่ปุ่นเป็นหลักฐาน วันนี้ยินดีที่ได้มาพบกันซึ่งทุกคนต้องรวมพลังกันทั้งหมด จับมือกันให้มันเดินหน้าไปพร้อมๆกัน ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ….. รัฐบาลพร้อมที่จะแก้ไขให้มากที่สุด เราต้องช่วยกันพริกโฉมประเทศไทย เนื่องจากปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนโครงการ FactorySandbox โดยนายกรัฐมนตรี​ ได้พูดคุย​กับพนักงาน​ โดยระบุว่าขอทุกคนระวังโรค​ ร่างกายสำคัญที่สุด​ ต้องดูแลตัวเอง​ ออกกำลังกาย​ ไม่ไปในที่มีความเสี่ยง​ มีอันตราย​ ซึ่งการป้องกันดีกว่ารักษา​ ตนไม่อยากให้ใครต้องเข้าโรงพยาบาล​ ให้สอนลูกให้ออกกำลังกาย​ โหนต้นไม้​ ตัวจะได้ยาวๆ​ แข็งแรง

นายกรัฐมนตรี​ ยังได้มีการเดินทักทายพนักงาน พร้อมได้สอบถามว่าอยู่จังหวัดไหน​ ซึ่งนายกรัฐมนตรี​ บอกว่า​ ตัวเองเกิดที่โคราช​ และมารับราชการที่กรุงเทพ​ฯ​ จากนั้น​ ได้ถ่ายรูปร่วมกับพนักงานที่มาต้อนรับ
อย่างเป็นกันเอง

เกษตรฯ กระจายพันธุ์ฟ้าทะลายโจร 1 ล้านต้นลงพื้นที่ ส.ป.ก.

นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เปิดเผยว่า ส.ป.ก. ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และกรมพัฒนาที่ดิน จัดหาและกระจายพันธุ์ ฟ้าทะลายโจรให้เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อสร้างการพึ่งตนเองในระดับครัวเรือนและชุมชน และสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นรายได้เชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม โดยดำเนินโครงการขับเคลื่อนสมุนไพรฟ้าทะลายโจรต้านภัยโควิด-19 ในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อส่งเสริม สนับสนุนกล้าพันธุ์ องค์ความรู้ในการปลูก และใช้ประโยชน์สมุนไพรฟ้าทะลายโจร ให้แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินทั้งจังหวัด 72 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 1 ล้านต้น แก่เกษตรกร จำนวน 1 หมื่นราย 

อิตาลี บังคับ 'แรงงาน' โชว์บัตรฉีดวัคซีนโควิด หากฝ่าฝืน ต้องถูกปรับ - พักงาน แถมไม่ได้ค่าจ้าง

รัฐบาลอิตาลีเมื่อวันพฤหัสบดี (16 ก.ย.) เห็นชอบมาตรการต้านโควิด-19 บางอย่างที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก บังคับแรงงานทุกคนต้องแสดงข้อพิสูจน์ว่าฉีดวัคซีนแล้ว มีผลตรวจเป็นลบหรือเพิ่งหายป่วยจากการติดเชื้อมาไม่นาน หากฝ่าฝืนจะถูกปรับเงิน

รัฐบาลอิตาลีเมื่อวันพฤหัสบดี (16 ก.ย.) เห็นชอบมาตรการต้านโควิด-19 บางอย่างที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก บังคับแรงงานทุกคนต้องแสดงข้อพิสูจน์ว่าฉีดวัคซีนแล้ว มีผลตรวจเป็นลบหรือเพิ่งหายป่วยจากการติดเชื้อมาไม่นาน หากฝ่าฝืนจะถูกปรับเงินและพักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง แต่ไม่ถึงขั้นไล่ออก

กฎระเบียบใหม่นี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ตุลาคม ในความพยายามล่าสุดของรัฐบาลผสมที่นำโดยนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากิ ในการโน้มน้าวประชาชนเข้าฉีดวัคซีนและควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หนักหน่วงที่สุดชาติหนึ่งของโลก

แรงงานรายใดที่ไม่แสดงบัตรรับรองสุขภาพจะถูกพักงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง แต่ไม่ถึงขั้นไล่ออก รัฐมนตรีหลายคนเปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าว หลังรัฐบาลเห็นชอบมาตรการดังกล่าว

นอกจากนี้แล้วประชาชนที่เพิกเฉยและไปทำงานโดยไม่ใส่ใจต่อคำสั่ง จะถูกปรับเงินราว ๆ 600 ถึง 1,500 ยูโร (ราว 23,000 บาท ถึง 58,000 บาท) ส่วนนายจ้างจะถูกปรับเงิน 400-1,000 ยูโร (ราว 15,000 บาท ถึง 38,000 บาท)

"ไม่เคยมีมาก่อนในยุโรป เราวางตัวเองในแถวหน้าของนานาชาติ" เรนาโต บรูเนตตา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงบริหารรัฐกิจกล่าว พร้อมระบุรัฐบาลคาดหมายว่าจะคำสั่งนี้จะช่วยยกระดับการเข้าฉีดวัคซีนอย่างมหาศาล และก็น่าจะบรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการ ก่อนที่คำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ในอีก 1 เดือนข้างหน้า

ในขณะที่ประเทศในสหภาพยุโรปบางแห่ง บังคับเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขฉีดวัคซีน แต่ยังไม่มีชาติไหนที่บังคับใช้มาตรการที่เรียกว่า "กรีนพาส" กับแรงงานทุกคน นั่นทำให้อิตาลีจึงกลายเป็นเคสทดลองของทวีปไปโดยปริยาย

เบื้องต้นบัตรผ่านสุขภาพนี้มีเป้าหมายเพื่อผ่อนปรนด้านการเดินทางทั่วยุโรป แต่อิตาลีเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่เปลี่ยนแปลงแนวทางบังคับใช้ โดยกำหนดให้ต้องแสดงกรีนพาสครอบคลุมถึงบุคคลที่ต้องการเข้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ อาทิ พิพิธภัณฑ์ ศูนย์ออกกำลังกาย และร้านอาหารในร่ม

มีการประท้วงประปรายทั่วประเทศในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่อต้านความพยายามกดดันให้ฉีดวัคซีน แต่บรรดาพรรคการเมืองเกือบทั้งหมดเช่นเดียวกับสหพันธ์นายจ้างหลัก ๆ ต่างสนับสนุนความเคลื่อนไหวดังกล่าว ด้วยหวังว่ามันจะช่วยป้องกันไม่ให้ต้องล็อกดาวน์อีกครั้ง

ตำรวจบุกรวบนักศึกษาม.ขอนแก่น มือเผาพระบรมฉายาลักษณ์คาบ้านพัก

วันที่ 17 กันยายน 2564 เพจดาวดิน สามัญชน Daodin Commoners โพสต์ข้อความว่า ด่วน! นศ.มข. ถูกตร.จับกุมที่บ้านพักใกล้มข. ตอน 7.30 น.

ต่อมาเวลา 8.12 น. ตำรวจแจ้งว่าเป็นผู้ต้องหาเผาพระบรมฉายาลักษณ์ ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 13 กันยายน

จากนั้นโพสต์อีกว่า นักศึกษามหาลัยขอนแก่นที่ตำรวจอ้างว่าเป็นผู้ต้องหาเผาพระบรมฉายาลักษณ์ อยู่ข้างใน สภ. เมืองขอนแก่น ล่าสุดตำรวจปิด สภ.และซอยข้าง สภ.ไม่ให้ใครเข้าไป

ภาพขณะผู้ต้องหาที่ตำรวจอ้างว่าเป็นคนเผาพระบรมฉายาลักษณ์ หน้ารพ. ศรี เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ถูกตรวจค้นและนำตัวไปที่ สภ. อ. เมือง จ.ขอนแก่น

ด้านพ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่นชี้แจงว่า ขณะนี้แจ้งข้อหาเพียง 1 ข้อหา คือ การวางเพลิง แต่ยังไม่มีข้อหาตามมาตรา 112 

"ไม่ต้องห่วงนะครับ น้องปลอดภัยดี และสามารถใช้สิทธิประกันตัวได้ตามกระบวนการยุติธรรม" ผกก.สภ.เมือง กล่าว


ที่มา : https://www.facebook.com/daodincommoners

CNN เผย 'ประเทศไทย' ติดอันดับ 1 ใน 5 ประเทศทั่วโลก ประกาศนโยบาย 'อยู่ร่วมกับโควิด'

เอเจนซีส์ - หลังจากที่วิกฤตโควิด-19 พ่นพิษนานร่วม 18 เดือนทำให้หลายชาติตัดสินใจใช้นโยบายอยู่ร่วมโควิด-19 และเปิดประเทศ พบ “ไทย” กลายเป็น 1 ใน 5 ประเทศทั่วโลกที่ใช้นโยบายนี้ถึงแม้จะยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน

CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานวันนี้ (16 ก.ย.) ว่า มีหลายประเทศในโลกเริ่มหันมาใช้นโยบายอยู่ร่วมกับโควิด-19 หลังจากต้องปิดประเทศ สั่งล็อกดาวน์จนทำให้มีผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจ การตัดสินใจอยู่ร่วมโควิด-19 นอกจากนี้ มาจากอัตราการได้รับวัคซีนป้องกันของประชาชนในประเทศมีสูงขึ้น สื่อสหรัฐฯ ชี้

(1) เดนมาร์ก เป็นชาติในยุโรปที่ประกาศว่ามาตรการป้องกันต่าง ๆ ได้สิ้นสุดลงโดยรัฐบาลโคเปนเฮเกนยกเลิกมาตรการจำกัดทางโควิด-19 ที่เหลือทั้งหมดในวันที่ 10 ก.ย ที่ผ่านมา กล่าวว่า “โควิด-19 ไม่ใช่โรคที่เป็นภัยคุกคามต่อสังคมแดนโคนมอีกต่อไป”

และในเวลานี้ชาวเดนมาร์กสามารถเข้าไปใช้บริการในไนต์คลับได้โดยไม่ต้องแสดงบัตรการฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือการโดยสารระบบขนส่งสาธารณได้อย่างสะดวกใจโดยที่ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยให้อึดอัด และสามารถเข้าร่วมงานที่มีคนจำนวนมากโดยไม่มีข้อจำกัดเป็นการกลับคืนชีวิตปกติสุขเหมือนสมัยก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ระบาดทั่วโลก

CNN ชี้ว่า รัฐบาลเดนมาร์กมั่นใจถึงการอยู่ร่วมกับโควิด-19 เนื่องมาจากอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประชากรแดนโคนมมีสูง โดยตัวเลขล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ย พบว่า กว่า 74% ของประชากรเดนมาร์กได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดส อ้างอิงตัวเลขจากเว็บไซต์ ourworldindata.org

ด้านรัฐมนตรีสาธารณสุขเดนมาร์ก Magnus Heunicke ทวีตในวันพุธ (15 ก.ย.) ระบุว่า การระบาดยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม เขาเตือนประชาชนว่าอย่างชะล่าใจเพราะเดนมาร์กยังไม่พ้นจากวิกฤตโควิด-19 และเมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลแดนโคนมเห็นสัญญาณการกลับมาของวิกฤตจะไม่ลังเลที่จะจัดการ

(2) สิงคโปร์ ถือเป็นหนึ่งในชาติที่มีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 สูงที่สุดในโลกแต่ทว่ายังคงประสบปัญหาจากไวรัสกลายพันธุ์เดลตา ที่ผ่านมารัฐบาลสิงคโปร์ของนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ใช้นโยบายแข็งกร้าว “โควิดเป็น 0” ก่อนที่จะเปลี่ยนทิศทางและมีประชาชนแดนลอดช่องจำนวน 81% ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดส

ซึ่งนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศนโยบายการอยู่ร่วมกับโควิด-19 เป็นความพยายามเพื่อควบคุมการระบาดด้วยการแจกวัคซีนโควิด-19 และจับตาการรักษาพยาบาลมากกว่าการจำกัดการใช้ชีวิตของประชาชน

“ข่าวร้ายคือโควิด-19 อาจจะไม่มีวันหายไป แต่ข่าวดีก็คือเราสามารถใช้ชีวิตตามปกติอยู่ร่วมกับโควิด-19 ระหว่างพวกเราได้” เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านโควิด-19 ของสิงคโปร์เขียนผ่านบทบรรณาธิการในเวลานั้น

ตั้งแต่สิงหาคมเป็นต้นมา เจ้าหน้าที่สิงคโปร์เริ่มปลดล็อกมาตรการบางอย่าง อนุญาตให้ประชาชนที่ได้รับวัคซีนครบโดสสามารถนั่งทานอาหารในภัตตาคารและรวมกลุ่มสังสรรค์ได้สูงสุดถึง 5 คน เพิ่มจาก 2 คนก่อนหน้า

เจ้าหน้าที่ต่อต้านโควิด-19 ของสิงคโปร์กล่าวว่า จะใช้ความพยายามจำกัดการระบาดด้วยการตามหาผู้ที่เคยสัมผัสผู้ติดเชื้อ คลัสเตอร์ และบังคับการตรวจหาเชื้อเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มแรงงานที่มีความเสี่ยงสูง

(3) ไทย ถึงแม้ไทยจะมีความล่าช้าในการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ให้ประชาชน แต่รัฐบาลไทยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงเดินหน้าที่จะเปิดประเทศ

โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กล่าวว่ามีแผนการจะเปิดกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่น ๆ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนในเดือนตุลาคมที่จะถึง เพื่อหวังที่จะฟื้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศถึงแม้การติดเชื้อโควิด-19 ยังคงสูง

CNN รายงานว่า อัตราความสำเร็จของการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไทยยังตามหลังเพื่อนบ้าน พบว่ามีแค่ 18% ของประชากรไทยที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดส อ้างอิงจากตัวเลขเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ของเว็บไซต์ ourworldindata.org และมีจำนวน 21% ที่ได้รับแค่เข็มแรก

ภายใต้นโยบาย กรุงเทพฯ แซนด์บอกซ์ พบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดสและผ่านการตรวจของรัฐบาลจะได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ หัวหิน พัทยา และเชียงใหม่ ในเดือนตุลาคมนี้ อ้างอิงจากรอยเตอร์

(4) สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ รัฐบาลเคปทาวน์เริ่มต้นผ่อนคลายมาตรการจำกัดทางโควิด-19 เนื่องมาจากมีอัตราการติดเชื้อต่ำลงภายในประเทศ

ท่ามกลางมาตรการทั้งหลายด้านโควิด-19 พบว่าได้มีการปรับเวลาเคอร์ฟิวกลางคืนลดลงมาอยู่ที่ 23.00-04.00 น.แทน และยังเพิ่มจำนวนคนของการรวมตัวมาอยู่ที่ 250 คนสูงสุดสำหรับภายในอาคาร และจำนวน 500 คนสูงสุดที่นอกอาคาร และยังลดข้อจำกัดการขายเครื่องดื่มสุราอีกด้วย

การผ่อนคลายมาตรการทางโควิด-19 เหล่านี้ถูกประกาศขึ้นในวันทิตย์ (12 ก.ย.) โดยประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ ซีริล รามาโฟซา ที่ชี้ว่าแอฟริกาใต้ผ่านวิกฤตโควิด-19 มาได้เป็นส่วนใหญ่แล้วหลังจากใช้มาตรการอย่างเข้มงวด เป็นต้นว่า การใช้มาตรการระยะห่างทางสังคม และห้ามการรวมตัวของสาธารณะเว้นไว้แต่การเข้าร่วมงานศพในเวลานั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ยังต่ำ

รามาโฟซา ชี้ว่า การระบาดจากไวรัสเดลตาในประเทศยังคงไม่จบลงพร้อมกระตุ้นให้ประชาชนแอฟริกาใต้เร่งออกไปรับวัคซีนโควิด-19 พร้อมกับทำตามข้อจำกัดต่าง ๆ เพื่อทำให้แอฟริกาใต้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง

(5) ชิลี ชิลีได้รับเสียงชื่นชมจากนานาประเทศถึงความสำเร็จของโครงการแจกวัคซีนโควิด-19 ที่เป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ อ้างอิงจากกระทรวงสาธารณสุขชิลีพบว่า เกือบ 87% ของผู้มีสิทธิได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดส

และที่ผ่านมา รัฐบาลเซบาสเตียน พิเนรา ได้เริ่มแจกวัคซีนเข็มกระตุ้นซึ่งเป็นเข็มที่ 3 ให้ประชากรที่ได้รับวัคซีนครบโดส ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขชิลีในวันพฤหัสบดี (9 ก.ย.) ได้อนุมัติให้สามารถใช้วัคซีนซิโนแวคของจีนกับเด็กอายุ 6 ปีหรือสูงกว่า โดยการเริ่มต้นให้ภูมิคุ้มกันแก่เด็กเริ่มมาตั้งแต่วันจันทร์ (13 ก.ย.)

แต่ถึงแม้ว่าชิลียังคงประสบปัญหาจากการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตา ในวันพุธ (15 ก.ย.) พบว่ารัฐบาลชิลีประกาศความเคลื่อนไหวในการกลับมาเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง โดยจะเริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป ซึ่งบังเอิญเป็นช่วงเวลาของฤดูร้อนในทวีปอเมริกาใต้พอดี

ทั้งนี้ ชาวต่างชาติที่ไม่มีถิ่นพำนักถาวรจะสามารถเดินทางเข้ามาได้หากว่าพวกเขาผ่านคุณสมบัติและข้อกำหนดที่วางไว้ของรัฐบาลชิลีและทำการกักตัวเป็นเวลา 5 วันหลังเดินทางเข้าประเทศ

“เป็นความจริงที่ว่านักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเดินทางเข้าชิลี ถือเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับการพลิกฟื้นของการท่องเที่ยวในประเทศ” ปลัดกระทรวงท่องเที่ยวชิลี โฮเซ ลูอิส อูเรียอาเต (José Luis Uriarte) กล่าว


ที่มา : https://mgronline.com/around/detail/9640000092133
https://edition.cnn.com/2021/09/16/world/covid-countries-opening-up-cmd-intl/index.html

‘หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์’ ทรงกรุณาประทานยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร แด่เรือนจำกลางลพบุรี จำนวน 100,000 เม็ด

หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ทรงกรุณาให้ นางสาวชญาณิศา ฐาณิชณาณัณ กรรมการผู้จัดการบริษัท เดอะไบบูรี่ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นำเชิญยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรประทาน ให้ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางลพบุรี เพื่อใช้ช่วยเหลือบรรเทาภัยเบื้องต้นในสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัส (โควิด-19) ที่กำลังแพร่ะบาดในเรือนจำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ในเรือนจำ ผู้ต้องขังในเรือนจำกลาง และเรือนจำในเครือข่าย โดยมี นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล ผู้ช่วยเลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ เป็นผู้อ่านหมายหนังสือประทานยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ที่ทรงห่วงใยพสกนิกรทุกหมู่เหล่า

นายยุทธพงษ์ เอี้ยงอ้าย เลขานุการในองค์หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า โดยแต่เดิม หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ ทรงมีความห่วงใยต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่าเสมอมา ทรงจัดหาสิ่งของต่าง ๆ ที่พอจะช่วยเหลือ บรรเทาภัย และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้า และผู้ประสบภัยจากโรคระบาด โควิด-19 มาโดยตลอด ซึ่งตลอดช่วงเวลา 2 ปี ของการแพร่เชื้อโรคระบาดนี้ พระองค์ท่านมีรับสั่งให้คณะทำงานในส่วนพระองค์ แบ่งสายงานหาทางให้ความช่วยเหลือประชาชนทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และเขตปริมณฑล รวมทั้งต่างจังหวัดมาโดยตลอด

ต่อมาครั้งนี้ ทรงมีดำริถึงเรือนจำว่าน่าจะให้ความช่วยเหลือในเรื่องยาสมุนไพรไทย ฟ้าทะลายโจร ที่สามารถช่วยเหลือ รักษาอาการป่วยได้พอสมควร ทรงตรัสว่า “ควรหายาไปให้พวกเขานะ คนข้างนอกป่วยยังพอไปคลีนิค โรงพยาบาล ร้านขายยา รักษาอาการป่วยได้ แต่พวกเขาข้างในนั้น ไม่สามารถหายามารับประทานได้ หรือหากยาหมดก็ต้องรองบประมาณจากส่วนกลางส่งมา ซึ่งอาจใช้เวลานานไม่มากก็น้อย พวกเราควรหายาสมุนไพรที่กำลังเป็นที่นิยมแบ่งให้เจ้าหน้าที่เก็บไว้ เผื่อจะได้ใช้รักษาตนเองด้วย เพื่อความปลอดภัยของทุกคน” นับเป็นพระกรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ที่พระองค์ท่านทรงมีความห่วงใยต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า แม้จะทรงมีพระชันษามาก แต่ก็ยังทรงห่วงใยประชาชนชาวไทยตลอด…ทรงพระเจริญ

พันธมิตรจิตอาสา ห่วงใยชุมชนเอื้ออาทร รังสิตคลอง 2 หลังมีผู้ติดโควิดเกือบทั้งชุมชน ลงพื้นที่ตะลุยส่งข้าวปันอิ่ม ช่วยคลายทุกข์

(16 ก.ย.64)​ หมู่บ้านเอื้ออาทรรังสิตคลอง 2 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นายสมชาย จรรยา อุปนายก สมาคมผผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย พร้อมตัวแทนมูลนิธิสหชาติ ตัวแทนนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า หลักสูตรประกาศนียบัตรสิทธิมนุษยชนสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่น 1 (ปสม.) หลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข รุ่น 12 (สสสส.) หนังสือพิมพ์ ดีดีโพสต์ นิวส์ เวปไชต์ข่าว canchaonews.com รวมกลุ่มจากองค์กรต่างๆ ในนาม “พันธิมิตรจิตอาสา” เป็นสะพานบุญ ส่งมอบข้าวกล่องอุ่นร้อนพร้อมรับประทานโครงการ “ครัวปันอิ่ม ร้อยเรียงใจสู้ภัยโควิด-19” จากเครือบริษัท ซีพี และโลตัส ส่งต่อความห่วงใยถึงชาวบ้านในชุมชน โดยมี นายจักรกฤช วิเศษชัยวรรณ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกัน พร้อมตัวแทนชาวบ้าน รับมอบ เพื่อนำไปส่งต่อให้กับชาวบ้านกักตัว และที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด

นายจักรกฤช วิเศษชัยวรรณ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกัน เปิดเผยว่า ชุมชนบ้านเอื้ออาทรรังสิตคลองสอง มีผู้พักอาศัย 1,375 ครัวเรือน มีประชากรเกือบ 4,000 คน ล่าสุดมีผู้ที่ต้องกักตัวอยู่ภายในบ้าน 57 คน เสียชีวิตแล้ว 2 ราย และเมื่อ 2 เดือนที่แล้วพบมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เกือบทั้งชุมชน และได้ทำการรักษาจนดีขึ้นเป็นลำดับ 

ด้านนายสมชาย จรรยา เปิดเผยว่า จากภาวะวิกฤตโควิด-19 ที่แพร่ระบาดได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ส่งผลกระทบต่อการทำมาหากิน ส่งผลให้คนต้องตกงาน การแบ่งปันมื้ออาหารจากโครงการครัวปันอิ่ม ถือเป็นการส่งความห่วงใยให้กับคนในชุมชน กลุ่มพันธมิตรจิตอาสา มุ่งมั่นทำงานเพื่อสังคม ลงพื้นที่เติมความสุขแบ่งปันความรักในยามที่ทุกคนลำบาก เราจะก้าวไปพร้อมกันและจะไม่ทิ้งใครไว้ข้าวหลัง

‘ดีเอสไอ’ คว้า 4 รางวัลเลิศรัฐ ประจำปี พ.ศ. 2564 จากสำนักงาน ก.พ.ร. ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน 2564  สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) ได้จัดพิธีมอบรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี พ.ศ. 2564 ให้กับหน่วยงานที่มีผลการดำเนินการที่เป็นเลิศทั้งในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการภาครัฐ การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ และเปิดระบบราชการให้ภาคส่วนอื่นเข้ามามีส่วนร่วม ประกอบด้วย รางวัลเลิศรัฐ (4รางวัล) รางวัลบริการภาครัฐ (103 รางวัล) รางวัลการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม (78 รางวัล) และรางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (49 รางวัล) และจะจัดให้มีพิธีมอบรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี พ.ศ. 2564

โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำโดย พันตำรวจโท กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พันตำรวจโท ปกรณ์ สุชีวกุล / พันตำรวจโท สุภัทธ์ ธรรมธนารักษ์ / พันตำรวจเอก อัครพล บุณโยปัษฎัมภ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพันตำรวจโท วิชัย สุวรรณประเสริฐ ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ นายนิคม สุวรรณรุ่งเรือง ผู้อำนวยการกองนโยบายและยุทธศาสตร์ และนางสาวสุรวรรณ  บุญญาศิริรัตน์ ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร เป็นผู้แทนข้าราชการ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ารับรางวัล 4 รางวัล ได้แก่

1.รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ 4.0 ระดับก้าวหน้า

2.รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ หมวด 1 ด้านการนำองค์การและความรับผิดชอบต่อสังคม

3.รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ หมวด 2 ด้านการวางแผนยุทธศาสตร์และการสื่อสารเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ  และ

4. รางวัลบริการภาครัฐ ประเภทพัฒนาการบริการ ระดับดี ผลงาน รู้ทัน (ROOTAN) : มาตรการเชิงรุกรองรับอาชญากรรมไซเบอร์ในช่วงสถานการณ์โควิด ของกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวให้คำมั่นว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการขององค์กร พัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชน โดยจะขับเคลื่อนองค์กรให้ไปสู่ความเป็นเลิศและยั่งยืน เพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ในระบบการบริหารราชการไทย ต่อไป

‘สหรัฐ-อังกฤษ-ออสซี่’ ผนึกกำลัง ตั้งพันธมิตรอินโด-แปซิฟิก สู้ ‘จีน’

3 ประเทศนำโดยสหรัฐจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรด้านความมั่นคงในอินโด-แปซิฟิก และจะช่วยออสเตรเลียสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ด้านจีนแสดงท่าทีคัดค้านความร่วมมือดังกล่าวทันที

ผู้นำสหรัฐ อังกฤษ และออสเตรเลียแถลงร่วมกันหลังหารือทางไกลว่า ทั้ง 3 ประเทศจะจัดตั้งพันธมิตรด้านความมั่นคงในอินโด-แปซิฟิก ซึ่งจะทำให้ออสเตรเลียได้รับความช่วยเหลือในการต่อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ด้วย ในขณะที่อิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้กำลังแผ่ขยาย

ประธานาธิบดี โจ ไบเดน กล่าวว่า “เรากำลังก้าวไปสู่ประวัติศาสตร์อีกก้าวหนึ่งเพื่อสร้างความร่วมมือที่ลึกซึ้งและเป็นทางการระหว่างทั้งสามประเทศ เนื่องจากเราทุกคนตระหนักดีถึงความจำเป็นในการสร้างสันติภาพและความมั่นคงในอินโดแปซิฟิกในระยะยาว...เพราะอนาคตของทั้ง 3 ประเทศทั้งโลกขึ้นอยู่กับความเสรีและเปิดกว้างของอินโด-แปซิฟิก ยั่งยืนและเฟื่องฟูในทศวรรษหน้า”

นายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลียกล่าวว่า ออสเตรเลีย “จะไม่สะสมอาวุธนิวเคลียร์ และจะเดินหน้าปฏิบัติตามพันธสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์”

นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสันของอังกฤษกล่าวว่า “เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญสำหรับประเทศใด ๆ ก็ตามที่จะได้มาซึ่งความสามารถที่น่าเกรงขามในการครอบครองเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ และสำคัญเท่า ๆ กันสำหรับประเทศอื่น ๆ ที่จะเข้ามาช่วยเหลือ”

ด้านเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของรัฐบาลไบเดนเผยว่า กลุ่มพันธมิตรที่มีชื่อว่า "AUKUS" ที่มาจากชื่อของทั้ง 3 ประเทศ ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่เป็นการส่งเสริมผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ของกลุ่ม รักษาระเบียบตามกฎสากล และส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในอินโด-แปซิฟิก

โครงการแรกคือ การหารือความเป็นไปได้ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการจัดหาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ให้ออสเตรเลีย โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐเน้นย้ำว่าไม่เกี่ยวข้องกับการจัดหาอาวุธนิวเคลียร์แก่ออสเตรเลีย เรือดำน้ำเหล่านี้จะไม่ติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ แต่เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์จะช่วยให้กองทัพเรือออสเตรเลียปฏิบัติการใต้น้ำได้ยาวนานขึ้น เงียบขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ดีลสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ดังกล่าวส่งผลให้สัญญาต่อเรือดำน้ำ 12 ลำ มูลค่าราว 66,000 ล้านเหรียญสหรัฐที่ออสเตรเลียทำไว้กับ Naval Group บริษัทต่อเรือของกองทัพเรือฝรั่งเศสเมื่อปี 2016 สิ้นสุดลง สร้างความไม่พอใจให้ฝั่งฝรั่งเศส

ฌอง อีฟ เดอ ดริยอง รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสและโฟลฮงซ์ ปาลี รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมออกแถลงการณ์ร่วมว่า “ทางเลือกของสหรัฐที่ผลักดันพันธมิตรยุโรปและหุ้นส่วนอย่างฝรั่งเศสออกจากการเป็นหุ้นส่วนกับออสเตรเลียในเวลาที่เรากำลังเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก...แสดงให้เห็นถึงการขาดความเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน ซึ่งฝรั่งเศสทำได้เพียงยอมรับและเสียใจ”

ด้านจีนแสดงท่าทีคัดค้านความร่วมมือนี้เช่นกัน หลิวเผิงอวี่ โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนในกรุงวอชิงตันดีซีเผยว่า สหรัฐ อังกฤษ และออสเตรเลียไม่ควรสร้างกลุ่มเฉพาะที่พุ่งเป้าหรือเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของประเทศที่สาม ทั้ง 3 ประเทศควรสลัดความคิดและอคติทางอุดมการณ์ทิ้งเสียก่อน

'จุรินทร์” เผย ไทม์ไลน์ 'เจาะตลาด' ขยายการค้า 'ไทย-ไห่หนาน' นำการค้าไทย 'ลุย' ตลาดจีน

(16 ก.ย. 64) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ลงนาม MOU ด้านการค้ากับมณฑลไห่หนาน ประเทศจีน เมื่อปลายเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็น MOU ฉบับประวัติศาสตร์ และเป็นฉบับแรกที่ไทยทำกับระดับมณฑลของจีน ตามนโยบายการเร่งรัดการเจรจาการค้าภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ

โดยกระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจระหว่างไทยกับไห่หนานในช่วงปลายปี 2564 ในรูปแบบของการจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ หรือ Online Business Matching: OBM และวิธีการส่งเฉพาะสินค้าตัวอย่างไปจัดแสดงในงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ หรือ Mirror & Mirror โดยจะเลือกโมเดลที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และก้าวข้ามขีดจำกัดในยุค New Normal

“นอกจากนี้ สำหรับในปี 2565 ยังมีแผนกิจกรรมที่จะสร้างโอกาสในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างกันอีกมาก ทั้งการจัดงาน Top Thai Brand ไห่หนาน ซึ่งจะเป็นการยกทัพสินค้าแบรนด์ดังระดับโลกของไทยไปร่วมจัดแสดงในงาน Hainan Expo อีกครั้งเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมธุรกิจบริการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งไทยมีโอกาสผลักดันทั้งสินค้าและบริการเชิงสุขภาพเข้าไปให้บริการในไห่หนาน อาทิ การนวดแผนไทย สปา ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย และการให้บริการสุขภาพแบบองค์รวม” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

ทั้งนี้ นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุด้วยว่าหลังจากที่รัฐบาลจีนได้มีนโยบายและประกาศให้มณฑลไห่หนานเป็นเมืองท่าการค้าเสรีเชื่อมโยงประเทศที่อยู่ในแนวหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ยิ่งกระตุ้นให้ภาคธุรกิจให้ความสำคัญกับมณฑลไห่หนานมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของประเทศไทยได้เริ่มมีสินค้าไทยเข้าไปขยายตลาดในมณฑลไห่หนานแล้ว สำหรับมูลค่าการค้าระหว่างไทย - ไห่หนาน ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 มีมูลค่ารวม 3,623 ล้านบาท โดยไทยส่งออกไปไห่หนาน 2,482 ล้านบาท และไทยนำเข้าจากไห่หนาน 1,142 ล้านบาท เป็นเบื้องต้น

และการทำข้อตกลงนี้ เป็นนโยบายการค้ายุคใหม่ของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเมื่อ 20 สิงหาคม 2564 นายจุรินทร์ได้เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจด้านความร่วมมือทางการค้าไทย-ไห่หนาน ระหว่างนายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับนายเฉิน ซี อธิบดีกรมพาณิชย์ไห่หนาน ผ่านระบบทางไกล

"การลงนาม MOU เมื่อเดือนก่อนจะเป็นกลไกที่สำคัญในการส่งเสริมการค้าและการพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันได้อย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต และรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พาณิชย์ให้แนวทางไว้ว่าความร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้ ถือเป็น Mini-FTA ฉบับแรกที่ไทยทำกับมณฑลในประเทศจีน ซึ่งเป็นนโยบายที่ให้ไว้กับกระทรวงพาณิชย์ว่าให้ทำความตกลงการค้าฉบับเล็ก หรือจะเรียกว่า Mini-FTA ก็ได้ โดยทำกับรัฐต่าง ๆ ที่บางรัฐมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าหรือมีจำนวนประชาชนมากกว่าประเทศไทย

"โดยไห่หนานเป็นตัวอย่างแรกที่เกิดขึ้นกับประเทศจีน และยังมีแผนที่จะเดินหน้าทำกับมณฑลอื่น ๆ ของจีนเพิ่มขึ้น เช่น มณฑลกานชู ที่มีชาวมุสลิมอยู่มาก เพื่อเป็นลู่ทางในการส่งเสริมการค้าสินค้าฮาลาลของไทย รวมถึงมณฑลอื่น ๆ ที่เห็นว่าเป็นโอกาส ทั้งนี้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาล โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ท่านจุรินทร์ " รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าว

ด้าน นางสาวสุภาวดี แย้มกมล ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 1 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับเนื้อหาความร่วมมือนั้น ทางรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ให้ไว้ประกอบด้วย 5 ด้าน ได้แก่... 

1.) ความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลและมาตรการสนับสนุน SMEs เช่น การลงทุน การจัดตั้งตัวแทนการค้าร่วมกัน 
2.) ส่งเสริมเชื่อมโยงธุรกิจ เพื่อยกระดับความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมของ SMEs เช่น การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ พัฒนาสินค้า ขยายโอกาสสู่ตลาดที่สาม 
3.) อำนวยความสะดวกในกิจกรรมทางการค้า เช่น งานสัมมนา งานแสดงสินค้า จับคู่ธุรกิจ คณะผู้แทนการค้า เป็นต้น 
4.) ด้านการมุ่งขยายมูลค่าการค้าใน 3 สินค้าหลัก ประกอบด้วย สินค้าทางด้านการเกษตร สินค้าอาหาร และสินค้าอุตสาหกรรม 
5.) ส่งเสริมความร่วมมือด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และจับคู่ธุรกิจออนไลน์

“และที่เมืองไห่หนานนั้นมี นางสาวอรนุช วรรณภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว พร้อมทีมเซลล์แมนประเทศ หรือทีมทูตพาณิชย์ เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ประจำสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ดำเนินการประสานงานในพื้นที่ โดยทางฝ่ายไทยมี สำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 1 ประสานดำเนินงานตามพันธกิจนี้” นางสาวสุภาวดี กล่าว

ทบ. โดย พล.ปตอ. และ มทบ.11 แจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ ภายใน  17 - 28ก.ย. 64 

กองทัพบก โดยกองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน แจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ ของกองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 5 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1  เพื่อออกทำการฝึกเป็นหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วของ กองทัพบก ประจำปี 2564 ณ พื้นที่ฝึกศูนย์การทหารปืนใหญ่ จ.ลพบุรี (ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19) ในวันที่ 17 ก.ย. 64 เวลา 03.00 น. เคลื่อนย้ายทางรถยนต์และทางรถไฟจาก กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 5  กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1 – ถ.แจ้งวัฒนะ – ถ.วิภาวดีรังสิต – ถ.พหลโยธิน – ถ.เลี่ยงเมืองสระบุรี ปลายทาง พื้นที่ฝึกศูนย์การทหารปืนใหญ่ จ.ลพบุรี และเคลื่อนย้ายกลับ กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 5 กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่ 1  ตามเส้นทางเดิม ในวันที่ 25 ก.ย. 64 เวลา 22.00 น.

กองทัพบก โดยมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) แจ้งเคลื่อนย้ายกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ และยานพาหนะ ของ กองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11เพื่อออกทำการฝึกเป็น หน่วย หมู่ ตอน หมวด ประจำปี 2564 ณ พื้นที่ฝึกเขาแหลม บ้านพุพรหม ต.ลาดหญ้า อ. เมือง จ.กาญจนบุรี (ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19)  ในวันที่ 17 ก.ย. 64 เวลา 05.30 น. เคลื่อนย้ายจาก กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11  – ถ.แจ้งวัฒนะ – ถ.ชัยพฤกษ์– สะพานพระราม 4 – แยกนพวงศ์  ถนนหมายเลข 346 - สามแยกกำแพงแสน  - ถนนหมายเลข 346 - สามแยกพนมทวน - ถนนหมายเลข 324 ปลายทาง พื้นที่ฝึกเขาแหลม บ้านพุพรหม ต.ลาดหญ้า อ. เมือง จ.กาญจนบุรี และเคลื่อนย้ายกลับ กองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 ตามเส้นทางเดิม ในวันที่ 28 ก.ย. 64 เวลา 09.00 น.

จึงขอแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบ และขออภัยในความไม่สะดวกในวันปละเวลาดังกล่าว

สงขลา-บิ๊กโจ๊กลงพื้นที่หาดใหญ่ ติดตามความคืบหน้าโครงการ “สมาร์ท เชฟตี้ โซน 4.0” (SMART SAFETY ZONE 4.0)

สภ.หาดใหญ่ เป็น 1 ใน 15 แห่งในพื้นที่นำร่องทั่วประเทศ พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์ประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ.9) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยม สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็น 1 ใน 15 สถานีตำรวจนำร่องในโครงการ “สมาร์ท เชฟตี้ โซน 4.0” (SMART SAFETY ZONE 4.0) โดยมี พล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 , พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา , พ.ต.อ.อัครวุฒ ธานีรัตน์ ผกก.สภ.หาดใหญ่ , นายชวกิจจ์ สุวรรณคีรี นายอำเภอหาดใหญ่ , พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ , พ.อ.กุดั่น ทองคำ หัวหน้ากองยุทธการมณฑลทหารบกที่ 42 รวมทั้งส่วนราชการ ภาคเอกชนและท่องเที่ยวในเมืองหาดใหญ่ และภาคประชาชน เข้าร่วม

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ.9) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า สำหรับโครงการ “สมาร์ท เชฟตี้ โซน 4.0” (SMART SAFETY ZONE 4.0) มีขึ้นตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากหลักความคิดของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ว่า “จะทำอย่างไรให้ประชาชนต้องไม่เกิดความหวาดระแวงภัยอาชญากรรม หากสามารถทำให้ผู้หญิงคนหนึ่ง สามารถเดินคนเดียวได้อย่างสบายใจบนถนนตอนกลางคืน”

กระทั่งนำมาสู่ป้องกันอาชญากรรมในรูปแบบบูรณาการทุกภาคส่วน โดยใช้นวัตกรรม และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางตามแนวคิดเรื่อง “เมืองอัจฉริยะ” นำไปสู่ความปลอดภัยจากอาชญากรรมอย่างยั่งยืนด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม เข้ามาสร้างความเชื่อมั่น อุ่นใจ ปลอดภัยในชุมชน รวมทั้งพัฒนาการทำงานของตำรวจควบคู่ไปด้วย ซึ่งล่าสุดได้นำร่องไปแล้วในพื้นที่ 15 สถานีตำรวจ ทั่วประเทศ

ทั้งนี้ “สมาร์ท เชฟตี้ โซน 4.0” (SMART SAFETY ZONE 4.0) หรือ “พื้นที่สันติสุข” ของ สภ.หาดใหญ่ มีพื้นที่ในความรับผิดชอบ 0.47 ตร.กม. และทาง สภ.หาดใหญ่ ได้นำนวัตกรรมมาใช้ ในการป้องกันอาชญากรรมทั้งหมด 12 อย่าง คือ 1.Application Police 4.0 , 2.Application Police I lert U , 3.กล้อง Face detection เชื่อมโยงระบบหมายจับ , 4.ศูนย์กล้อง CCTV กอ.รมน. และกล้องวรจรปิดในพื้นที่ 617 ตัว พร้อมกล้อง Plates , 5.กล้องบันทึกวิดีโอขณะปฏิบัติหน้าที่ของสายตรวจ , 6.รถตู้ CCTV เคลื่อนที่พร้อมระบบปฏิบัติการ Face Detection , 7.โดรนตรวจการ , 8.Line Official Account สภ.หาดใหญ่ , 9.กลุ่มไลน์ภาคีเครือข่ายภาคเอกชนในพื้นที่ , 10.ห้อง CCOC Command and Control Operation Center , 11.ระบบ GPS real-time สำหรับติดตามสายตรวจ และ 12.โปรแกรม Crime On mobile

นอกจากนี้ภายหลังการประชุมแล้วเสร็จ ทาง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ.9) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคณะ ยังได้เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมศูนย์กล้องซีซีทีวี สภ.หาดใหญ่ รวมทั้งรถตู้ซีซีทีวีเคลื่อนที่พร้อมระบบปฏิบัติการ และพบปะเยี่ยมเยียนกำลังพล ก่อนเดินทางไปยังสถานรถไฟชุมทางหาดใหญ่ และย่านร้านทองในบริเวณดังกล่าว

เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วน รวมทั้งผู้ประกอบการต่างๆ และประชาชนในพื้นที่ ได้รับทราบถึงการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวอย่างทั่วถึงกัน และจะติดตามความคืบหน้าในการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการป้องกันอาชญากรรม เพื่อให้การป้องกันอาชญากรรมในโครงการดังกล่าวมีประสิทธิภาพสูงสุด

7 มาตราการ เปิดเรียนอย่างปลอดภัย

กระทรวงสาธารณสุข กำหนดรูปแบบการเรียนการสอนในโรงเรียนตามมาตรการ Sandbox ในโรงเรียน : Sandbox Safety Zone in School ซึ่งจะเป็นแนวทางให้โรงเรียนที่มีความพร้อมเปิดเรียนได้ตามปกติ โดยเพิ่ม 7 มาตรการเข้มสำหรับสถานศึกษา (โรงเรียนไป - กลับ) เพื่อให้เกิดความปลอดภัยเมื่อเข้า - ออกโรงเรียน

1.) สถานศึกษาประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน Thai Stop Service Plus และรายงานการติดตามประเมินผล

2.) ทำกิจกรรมร่วมกันในรูปแบบ Small Bubble (เน้นกลุ่มเล็ก)

3.) จัดระบบให้บริการอาหารตามหลักสุขาภิบาลและหลักโภชนาการ

4.) จัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน

5.) จัดให้มี School Isolation แผนเผชิญเหตุ และซักซ้อมอย่างเคร่งครัดหากพบผู้ติดเชื้อ

6.) ควบคุมดูแลการเดินทางไปกลับของนักเรียน เช่น รถส่วนบุคคล รถโดยสารสาธารณะ

7.) จัดให้มี School Pass สำหรับนักเรียน ครูและบุคลากรในสถานศึกษา ประกอบด้วย ผลการตรวจ ATK ภายใน 7 วัน หรือประวัติการรับวัคซีน

อย่างไรก็ตาม จะต้องประเมินความเสี่ยงตามสถานการณ์การระบาดในแต่ละพื้นที่ที่โรงเรียนตั้งอยู่ และต้องได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อของจังหวัดหรือกรุงเทพมหานครก่อนที่จะเปิดเรียน

นายกรัฐมนตรี เผย ภาพรวมปริมาณน้ำอยู่ในระดับ ทรงตัว ไม่น่าเป็นห่วง เหมือนปี 2554 พร้อมย้ำรัฐบาลเตรียมแผนเผชิญเหตุ รับมือสถานการณ์น้ำอย่างเป็นระบบ

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทาง Facebook ว่า หลังได้ลงพื้นที่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ โดยเฉพาะที่มาจากภาคเหนือ และอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ภาคกลางของประเทศ รวมถึง กทม. ซึ่งได้รับข้อมูลว่าปัจจัยสำคัญของปริมาณน้ำในช่วงนี้มาจากพายุ 2 ลูก ที่เพิ่งผ่านพ้นไป ส่งผลกระทบในบางพื้นที่ แต่ในภาพรวมปริมาณน้ำอยู่ในระดับ "ทรงตัว" แล้ว และจากการประเมินของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สถานการณ์น้ำในปีนี้ "ไม่น่าเป็นห่วง" เหมือนปี 2554 แต่อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้มีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องจนหมดหน้าฝน โดยให้หน่วยงาน เตรียมพร้อมรับสถานการณ์จุดเสี่ยงต่าง ๆ อย่างเต็มที่ ตามแผนเผชิญเหตุ โดยคำนึงเสมอว่านอกจากระบายน้ำลงทะเลเพื่อป้องกันน้ำท่วมแล้ว ยังต้องคำนวณการเก็บกักน้ำไว้ใช้หน้าแล้งด้วย

พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ยืนยันด้วยว่า รัฐบาลมีแผนการรับมือสถานการณ์น้ำอย่างเป็นระบบ ในแต่ละลุ่มน้ำ แต่ละภูมิภาค ในช่วงมรสุมของทุก ๆ ปี ตั้งแต่ระบบติดตามระดับน้ำ พร้อมทั้งพยากรณ์ปริมาณน้ำล่วงหน้า ซึ่งจะกำหนดเกณฑ์ปลอดภัย เกณฑ์ตัดสินใจเพิ่มการระบายน้ำในแต่ละจุด แต่ละพื้นที่ โดยคำนวณผลกระทบล่วงหน้า การเตรียมพื้นที่รองรับน้ำ มีหน่วยงาน/ผู้รับผิดชอบตามระดับผลกระทบ มีอนุกรรมการและคณะกรรมการกำกับดูแล มีขั้นตอนการปฏิบัติที่ชัดเจน รวมทั้งแผนเผชิญเหตุแยกเป็นพื้นที่และเป็นภาพรวม ระบบและช่องทางสื่อสารแจ้งเตือนภัย และการตระเตรียมพื้นที่อพยพและพื้นที่ปลอดภัย เป็นต้น

ที่ผ่านมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบความแข็งแรงโครงสร้างเขื่อน-ประตูน้ำ ขุดลอกคูคลองสาขา จัดระเบียบที่อยู่อาศัยชุมชนที่รุกล้ำลำคลองสาธารณะ และกำจัดผักตบชวาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 19 จังหวัด ภาคกลางและตะวันออก รวมกำจัดผักตบชวากว่า 5 ล้านตัน

หลักการสำคัญที่รัฐบาลเน้นย้ำมาตลอดคือ การแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำอย่างยั่งยืน โดยมีการจัดทำแผนบรรเทาอุทกภัยในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ประกอบด้วย การเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน การปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก การบริหารจัดการพื้นที่รับน้ำนองและพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลักดันโครงการก่อสร้างคลองระบายน้ำหลากสายใหม่ ทั้งคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร ที่จะแล้วเสร็จในปี 2566 คลองระบายน้ำหลากชัยนาท-ป่าสัก-อ่าวไทย (เพื่อรองรับน้ำท่วมที่รอบปี 50 ปี) และคลองระบายน้ำควบคู่กับถนวงแหวนรอบที่ 3 (เพื่อรองรับน้ำท่วมที่รอบปี 100 ปี) ทั้งนี้เป้าหมายหลัก นอกจากเพื่อลดปัญหาน้ำท่วมแล้ว ยังเป็นการสนับสนุนพื้นที่เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมของประเทศด้วย

ตนจึงขอให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการที่รัฐบาลได้วางแผนไว้แล้ว และขอความร่วมมือในการอุปโภคบริโภคอย่างสมดุล พื้นที่เพาะปลูกก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้องกับทรัพยากรน้ำ และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ตามนโยบาย “ตลาดนำการผลิต” ด้วย ซึ่งรัฐบาลพร้อมจะเข้าไปส่งเสริมและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง เพื่อความยั่งยืนของทรัพยากรน้ำของประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top