Saturday, 5 July 2025
NEWS FEED

'Honda LPGA Thailand 2023 Charity Night' จัดงานประมูลของรักนักกอล์ฟหญิงระดับโลกรวมรายได้กว่า 1.6 ล้านบาท มอบแก่ศิริราชมูลนิธิ เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์และดูแลผู้ป่วย

(ชลบุรี) ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023 จัดกิจกรรมเพื่อการกุศล 'Honda LPGA Thailand 2023 Charity Night' เพื่อนำเงินรายได้ทั้งหมดจากการจัดประมูลไอเทมของนักกอล์ฟหญิงระดับโลก มอบให้แก่ศิริราชมูลนิธิ ได้แก่ ไม้กอล์ฟที่สั่งทำพิเศษพร้อมลายเซ็นเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2020 เนลลี่ คอร์ด้า เสื้อพร้อมลายเซ็นของ จินยอง โค ไดร์เวอร์คู่ใจที่ช่วยให้ นาสะ ฮาตาโอกะ คว้าแชมป์หลายรายการในอดีตธงและหมวกที่ใช้ในการคว้าแชมป์ซีเอ็มอี กรุ๊ปทัวร์ 2022 พร้อมลายเซ็นลิเดีย โค รวมถึงเวดจ์คู่ใจพร้อมลายเซ็นของอาฒยา ฐิติกุล นอกจากนี้ถุงกอล์ฟพร้อม 72 ลายเซ็นของเหล่าโปรกอล์ฟชั้นนำที่ร่วมแข่งขันในรายการ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2023 

สำหรับยอดเงินที่ได้จากการประมูลไอเทมของนักกอล์ฟในงาน 'Honda LPGA Thailand 2023 Charity Night' เมื่อรวมกับยอดเงินบริจาคสมทบของนายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานบริษัท สื่อสากล จำกัด จำนวนทั้งสิ้น 1,630,000 บาท จะนำไปบริจาคแก่ศิริราชมูลนิธิ เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์และช่วยเหลือผู้ป่วยที่ยากไร้ในโรงพยาบาลศิริราช ทั้งนี้ ศิริราชมูลนิธิมีส่วนช่วยในการพัฒนาแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์โดยสนับสนุนด้านการศึกษา การฝึกอบรม และการค้นคว้าวิจัยให้กับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล 

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.hondalpgathailand.com หรือติดตามผ่านทางเฟซบุ๊ค www.facebook.com/lpgaThailand และอินสตาแกรม https://www.instagram.com/hondalpgathailand 

โลกออนไลน์ร่วมส่งกำลังใจให้ ‘เฌอปราง BNK48’ หลังสูญเสีย ‘ฌาน อารีย์กุล’ น้องชายเพียงคนเดียว

(1 มี.ค. 66) จากกรณี พบศพ นายฌาน อารีย์กุล หรือ ‘ฌาณ’ อายุ 19 ปี อดีตนักกีฬาโบว์ลิ่งเยาวชนทีมชาติ และเป็นน้องชายแท้ ๆ ของ น.ส.เฌอปราง อารีย์กุล หรือ ‘เฌอปราง’ ผู้จัดการวง BNK48 พลัดตกจากที่สูงภายในคอนโดมิเนียม เขตคลองสาน กทม. เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา

ล่าสุด พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.น.8 เผยถึงความคืบหน้าว่า ทางพนักงานสอบสวน ได้เรียกญาติของผู้เสียชีวิตเดินทางเข้ามาให้ปากคำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นผู้ปกครอง ได้ดูภาพที่กล้องวงจรปิดของทางคอนโดมิเนียมบันทึกได้เป็นที่เรียบร้อย โดยไม่สงสัยสาเหตุการตาย เนื่องจากกล้องบันทึกภาพไว้ชัดเจน ขณะก่อนเกิดเหตุ ซึ่งตามปกติผู้ตายพักอยู่ในห้องบนชั้นที่ 9 แต่ขึ้นไปบนชั้นที่ 27 และกระโดดลงมา โดยไม่มีใครอยู่ด้วยในขณะนั้น

จากการสอบสวนเพื่อนหญิง ที่อยู่กับผู้ตายเป็นคนสุดท้าย ได้ให้การว่า ผู้ตายมีปัญหากับแฟนสาวเมื่อไม่นานมานี้ สำหรับช่วงเวลาเกิดเหตุ เพื่อนสาวได้เข้าห้องน้ำอยู่ และเมื่อออกมาจากห้องน้ำก็ไม่พบตัวผู้ตาย จึงออกจากห้องไปตามหา และมาทราบในภายหลังว่า ผู้ตายเสียชีวิตแล้ว

ส่วนสาเหตุทราบข้อมูลจากทางญาติเพียงคร่าว ๆ ว่า ผู้ตายน่าจะมีปัญหาส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องความรัก ซึ่งตนได้สั่งให้พนักงานสอบสวน เร่งดำเนินการเรื่องผลชันสูตรพลิกศพ และออกเอกสารให้ญาตินำไปขอรับศพที่สถาบันนิติเวช รพ.จุฬาฯ กรณีนำร่างผู้เสียชีวิตไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบผู้ตายเดินออกจากห้องพักชั้น 9 ก่อนขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 27 แล้วเดินไปที่ดาดฟ้า ก่อนนั่งริมระเบียงประมาณ 5 นาที จากนั้นก็หงายหลังตกตึกลงมาเสียชีวิต ส่วนการตรวจสอบประวัติการรักษาทางการแพทย์ต่าง ๆ ของผู้ตายนั้น ขณะนี้รายละเอียดยังอยู่ในสำนวน

ด้าน น.ส.เฌอปราง อารีย์กุล อดีตกัปตัน ที่ผันตัวมาเป็นผู้จัดการวงไอดอลชื่อดังอย่าง BNK48 ได้โพสต์ข้อความบนพื้นหลังสีดำ ว่า

“วันนี้เฌอไม่ได้ไปร่วมงานนะคะ (Admin A)”

โดยงานที่ น.ส.เฌอปรางกล่าวถึง เมื่ออ้างอิงตามตารางงาน วันนี้ (1 มี.ค. 66) เฌอปรางมีกำหนดเข้าร่วมงาน แฟชั่นโชว์แบรนด์กระเป๋าเดินทาง ที่แฟชั่นฮอลล์ สยามพารากอน ในเวลาประมาณ 14.00 น.เป็นต้นไป

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จัดพิธีทําบุญในโอกาสครบรอบ 35 ปี การดําเนินงาน

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จัดพิธีทําบุญในโอกาสครบรอบ 35 ปี การดําเนินงาน ทั้งนี้จํานวนผู้โดยสารและเที่ยวบินมีอัตราเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยการให้บริการในภาพรวมกลับคืนมาแล้วกว่าร้อยละ 63 เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โรคโควิด-19

วันที่ 1 มีนาคม 2566 นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผู้อํานวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) เป็นประธานพิธีทําบุญเนื่องในโอกาสวันครบรอบ 35 ปี การดําเนินงานท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยมี นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการ บริษัทสายการบิน ผู้บริหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงสื่อมวลชน ให้เกียรติร่วมพิธีและร่วมแสดงความยินดีในโอกาสดังกล่าวโอกาสนี้ คณะผู้บริหารท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงผลการดําเนินงานของท่าอากาศยานเชียงใหม่

โดยนายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผู้อํานวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ท่าอากาศยาน เชียงใหม่ มีอัตราการเจริญเติบโตในทิศทางขาขึ้นมาโดยตลอด  มีจํานวนผู้โดยสารสูงสุดเมื่อปี 2562 ถึงกว่า 11 ล้าน 3 แสนคน และมีอัตราเที่ยวบินและผู้โดยสารลดลงเป็นครั้งแรกในปี 2563 ต่อเนื่องจนถึงปี 2564 ซง่ึ เป็นช่วงที่มีการระบาด ของโรคโควิด-19 แต่หลังจากรัฐบาลไทยและทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการการเดินทาง ทําให้ในปี 2565 ที่ผ่านมา ท่าอากาศยาน เชียงใหม่ มีอัตราการเพิ่มขึ้นของจํานวนเที่ยวบินและผู้โดยสารอีกครั้ง มีผลการดําเนินงาน มีอากาศยานพาณิชย์ ขึ้น-ลง 39,027 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ 90.88  มีจํานวนผู้โดยสาร 5.46 ลา้ นคน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ 209.72
มีปริมาณการขนถ่ายสินค้า 5,588 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ร้อยละ 68.42

ด้านนายณัฐวุฒิ ทาอินต๊ะ รองผู้อํานวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (สายปฏิบัติการ) กล่าวว่า ปัจจุบัน ท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีสายการบินที่ให้บริการทั้งหมด 24 สายการบิน ใน 30 เส้นทาง เป็นสายการบินภายในประเทศ 12 เส้นทาง ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค และมีเส้นทางบินตรงระหว่างประเทศ 18 เส้นทาง ซึ่งเมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนเกิด สถานการณ์โควิดถือว่าการให้บริการในภาพรวมกลับคืนมาแล้วกว่าร้อยละ 63 โดยเส้นทางล่าสุดที่คาดว่าจะเปิดให้บริการ ในตารางฤดูร้อนคือช่วงปลายเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ได้แก่ เส้นทาง คุนหมิง-เชียงใหม่

ขณะที่ นายสรายุทธ จําปา รองผู้อํานวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (สายสนับสนุนธุรกิจ) เปิดเผยถึง ผลประกอบการด้านการเงินว่า เป็นไปในทิศทางเดียวกับจํานวนผู้โดยสารและผู้ใช้บริการ โดยท่าอากาศยานเชียงใหม่ เคยมีกําไรสูงสุดในปี 2562 และขาดทุนครั้งแรกในปี 2564 ต่อเนื่องจนถึงปี 2565 ทั้งนรี้ ายได้ที่ลดลงจํานวนมากคือรายได้ จากส่วนแบ่งผลประโยชน์ ซึ่งเป็นรายได้หลักจากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบินหรือ Non Aero เนื่องจาก ทอท.ได้มีนโยบาย ช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 และปัจจุบันก็ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ซึ่งหากสถานการณ์ต่างๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ร้านค้าต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการเต็มพื้นที่ ผลประกอบการก็คาดว่าจะกลับมาเป็นเชิงบวกได้ภายในปีนี้

สําหรับโครงการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ 1 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณารายงานวิเคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งดําเนินการควบคู่ไปกับการจ้างออกแบบและจัดหาผู้รับจ้าง โดยคาดว่าจะได้ผู้รับจ้าง ภายในปีงบประมาณ 2566 นอกจากนี้ยังมีงานเร่งด่วนบรรเทาความแออัด ซึ่งเป็นงานก่อสร้างกลุ่มอาคารทดแทน ได้แก่ อาคารดับเพลิง อาคารคลังสินค้า และลานจอด GSE โดยอยู่ระหว่างเตรียมเข้ากระบวนการจัดหาภายในปีงบประมาณ 2566 นี้เช่นกัน

สมาคมแม่บ้านตำรวจ บุกขึ้นดอยเยี่ยมโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเวียงแหง จ.เชียงใหม่ ชมการปลูกกาแฟคุณภาพ มุ่งสร้างรายได้ให้ชุมชน และครอบครัวตำรวจ ต่อยอดขยาย สาขาร้านปันรักษ์คาเฟ่

เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมด้วย คุณจันทร์ทิพา หลักบุญ พล.ต.ต.หญิงวิรญา พรหมายน กรรมการบริหารสมาคมฯ เยี่ยมชมโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนเบญจมะ1 บ้านสามหมื่น ต.เมืองแหง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ เพื่อประชุมหาแนวทางในการปรับเพิ่มผลผลิตและคุณภาพเมล็ดกาแฟ เตรียมพร้อมในการขยายสาขาร้านปันรักษ์คาเฟ่ 

โดยมี พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 และคุณพิยดา ต๊ะวิชัย ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธร ภ.5  พ.ต.อ.รังสิมันต์ สงเคราะห์ธรรม 
รอง ผบก.ตชด.ภ.3ให้การต้อนรับ

ในโอกาสนี้ได้มอบเครื่องอุปโภค บริโภค และของใช้ที่จำเป็นให้กับ สภ. เวียงแหง เพื่อสร้างขวัญและกำลังให้กับข้าราชการตำรวจโดย พ.ต.อ.ชาญชาย เพ็ญไชยา ผกก.สภ.เวียงแหง เป็นผู้รับมอบ

เมื่อคณะสมาคมแม่บ้านฯ เดินทางถึง รร.ตชด.เบญจมะ 1 พ.ต.อ.ผดุงเกียรติ ปัณฑรนนทกะ ผกก.ตชด.33 ด.ต.หญิง รำพึง ต่อปัญญา ครูใหญ่ ได้นำคณะครูและนักเรียนมาต้อนรับ พร้อมจัดการแสดงของนักเรียน และบรรยายสรุปความเป็นมาของโรงเรียน จุดเริ่มต้นในการปลูกกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า จนมาเปิดเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ภายใน โรงเรียน และการฝึกนักเรียนให้เป็นบาริสต้าน้อย 

หลังจากนั้น คณะสมาคมฯ เดินทางไปยังสวนกาแฟ เพื่อชมกระบวนการผลิตกาแฟ ตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก การเก็บเมล็ดกาแฟ การคัดเมล็ด การสี การตาก จนถึงการคั่วกาแฟ และบด แบบครบวงจร พร้อมทั้งเลี้ยงอาหารกลางวันคณะครูและนักเรียน จำนวนกว่า 80 คน

กาฬสินธุ์พร้อมเปิดเมืองร่ำรวยวัฒนธรรมร่วมใจวิ่งใจเกินร้อยพิชิตภูสิงห์

จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดกาฬสินธุ์ และอำเภอสหัสขันธ์ พร้อมภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เชิญชวนประชาชน นักท่องเที่ยว นักวิ่ง คนรักสุขภาพ ร่วมกิจกรรมวิ่งใจเกินร้อยพิชิตภูสิงห์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา ต่อเนื่องความร่ำรวยสุขภาพ ร่ำรวยวัฒนธรรม ร่ำรวยน้ำใจ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนหลังเปิดเมืองเต็มรูปแบบ ที่บริเวณลานบันไดสวรรค์ วัดพุทธาวาสภูสิงห์ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็นประธานแถลงข่าวโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.กาฬสินธุ์ กิจกรรมหลักส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยว จ.กาฬสินธุ์ กิจกรรมย่อยวิ่งใจเกินร้อยพิชิตภูสิงห์ โดยมีนายอุทัย สิงห์ทอง พัฒนาการ จ.กาฬสินธุ์ นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ นายสุรพล มิ่งชัย ท่องเที่ยวและกีฬา จ.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ปรมินทร์ ปัดทุมแฝง  ผกก.ฝ่ายอำนวยการตัวแทน ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ นายกฤช โชติการณ์ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มแถลงข่าว ได้ชมการแสดง 'รำวงมหาดไทยเพื่อคนไทย อำเภอสหัสขันธ์' ซึ่งเป็นทีมรำวงที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดรำวงมหาดไทยเพื่อคนไทย จ.กาฬสินธุ์ จากการคัดเลือก 18 อำเภอ ก่อนที่จะจบรายการด้วยการรำวงคองก้า ซึ่งเป็นชุดการแสดงประจำของกลุ่มสตรีแม่บ้านเขตเทศบาลตำบลโนนบุรี ในการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ถนนไดโนโรด โดยนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ นายสำเริง ม่วงสังข์ รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ และนายธนภัทร ณ ระนอง ปลัด จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกับนางรำซึ่งเป็นตัวแทนจากส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มสตรี แม่บ้าน ร่วมกันฟ้อนรำด้วยความสนุกสนาน

นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในการขับเคลื่อนนโยบายพัฒนาจังหวัด ได้ชูนโยบาย 3 ร่ำรวยประกอบด้วยร่ำรวยวัฒนธรรม ร่ำรวยน้ำใจ และร่ำรวยสุขภาพ ภายใต้กรอบการทำงาน 3 ใจคือเข้าใจ ไว้ใจกันและร่วมใจกันพัฒนากาฬสินธุ์ เพื่อนำพาประชาชนมีความอยู่ดีกินดีและมีความสุข โดยในปี 2566 จ.กาฬสินธุ์ได้เริ่มเปิดบ้าน เปิดเมือง ต้อนรับความร่ำรวย ด้วย 3 ใจมาตั้งแต่การจัดงานมหกรรมผู้ไทนานาชาติ “โฮมรากเหง้าเผ่าผู้ไท” ที่อ.เขาวง ต่อเนื่องด้วยการจัดงานบุญคูณลานทุกอำเภอทั้ง 18 อำเภอ และต่อด้วยการจัดงานมหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาด จ.กาฬสินธุ์ ประจำปี 2566 ซึ่งผลตอบรับมีมากเกินความคาดหมาย ทั้งในส่วนของการจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์โอทอปและจำนวนคนมาเที่ยวงาน

'จักริน' 'ศักดิ์ชัย' เยี่ยมชมหม้อแปลงลดค่าไฟ ลดคาร์บอน ตอบโจทย์สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่และผู้ประกอบการภาคเหนือ

บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด ขอขอบคุณ นายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช  รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, นายจักริน วังวิวัฒน์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่, คุณศิริพร ตันติพงษ์ ประธานกิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่และ นายอาคม ศุภางค์เผ่า รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ที่ให้เกียรติเยี่ยมชมหม้อแปลงลดค่าไฟ ลดคาร์บอน บูธของบริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด หม้อแปลงบริหารระบบจัดการพลังงานสิ้นเปลือง ลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้า 5-20% ลดมลพิษ ลดคาร์บอน และลดก๊าซเรือนกระจก สร้างความมั่นคงพลังงานอย่างยั่งยืน ให้โรงงานอุตสาหกรรม อาคาร สถานประกอบการ สอดคล้อง พันธกิจ พพ. ส่งเสริม สนับสนุนการผลิต และการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน

นวัตกรรมหม้อแปลงลดค่าไฟ ลดคาร์บอน นอกจากจะช่วยประหยัดพลังงานลดค่าไฟ ลดคาร์บอน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว นวัตกรรมของคนไทยชิ้นนี้ ได้รับรางวัลเป็นเครื่องการันตีในคุณภาพมากมาย รางวัลของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน รางวัลกระทรวงพลังงาน Energy Award, ตีพิมพ์วารสาร IEEE ที่ประเทศสิงคโปร์, รางวัลนวัตกรรมสินค้าสนับสนุนส่งเสริมสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA, สินค้า มอก. 384 และใบประกาศเกียรติคุณ โครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) TGO และรางวัล ASEAN Outstanding Engineering Achievement Project Award และ ASEAN Outstanding Engineering Contribution Award การันตี ทำคุณประโยชน์ในงานด้านวิศวกรรมในระดับประเทศ ASEAN Federation of Engineering Organization (AFEO) ที่ประเทศกัมพูชา

ครม.ไฟเขียว ชู ‘ผ้าขาวม้า’ ขึ้นทะเบียนยูเนสโก ยกให้เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้

(1 มี.ค. 66) ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบการเสนอผ้าขาวม้า : ผ้าอเนกประสงค์ในวิถีชีวิตไทย ให้เป็นรายการตัวแทนต่อยูเนสโก ตามที่ กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ซึ่งจะมีการยื่นเสนอต่อยูเนสโกภายในห้วงเดือนมีนาคม 2566

ผ้าขาวม้าที่ไทยจะนำเสนอยูเนสโกนั้น จัดเป็น ‘ผ้าอเนกประสงค์ในวิถีชีวิตไทย’ ผ้าขาวม้าเป็นผ้าที่ใช้โดยทั่วไป และใช้ได้สารพัดประโยชน์ในสังคมเกษตรกรรม ในชนบททางภาคเหนือและภาคอีสาน และก็ได้แพร่หลายไปยังภาคกลางและภาคใต้ ตามการอพยพย้ายถิ่นฐานของผู้คนและกลุ่มชาติพันธุ์ ทำให้เกิดชุมชนทอผ้าขาวม้าเป็นจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศ สำหรับพื้นที่และขอบเขตอาณาบริเวณ คือ ทั่วประเทศ

แต่จังหวัดที่มีความโดดเด่นของการผลิต และการใช้ประโยชน์ของผ้าขาวม้า แยกตามภาค คือ

ภาคเหนือ : เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์
ภาคอีสาน : นครพนม บึงกาฬ บุรีรัมย์ มหาสารคาม ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู อุดรธานี อุบลราชธานี
ภาคกลาง : กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สุโขทัย
ภาคใต้ : สงขลา พัทลุง

สำหรับคุณสมบัติของผ้าขาวม้า ที่ตรงตามหลักเกณฑ์การพิจารณาของ UNESCO ได้แก่

1.) เป็นผ้าที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนไทยมาแต่อดีต ทั้งในการปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม และงานเทศกาล เช่น ใช้เป็นเครื่องแต่งกาย ผ้าปูโต๊ะ ใช้ในพิธีแต่งงาน พิธีศพ เป็นต้น
2.) เป็นภูมิปัญญาความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมชาติเนื่องจากสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและยั่งยืน โดยสามารถนำกลับมาใช้ใหม่และใช้หมุนเวียนซึ่งจะเปลี่ยนหน้าที่และประโยชน์ใช้สอยไปตามสภาพ
3.) เป็นงานช่างฝีมือดั้งเดิมเนื่องจากเป็นผ้าทอพื้นฐานที่ใช้เทคนิคการทอที่ธรรมดาไม่ซับซ้อนจึงสามารถทอใช้กันเองได้ในครัวเรือนและชุมชน

มาตรการสงวนรักษาผ้าขาวม้า ในฐานะมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ มี 4 แนวทางคือ

1.) โรงเรียนในท้องถิ่นหลายแห่งในไทยได้มีการสอนทอผ้าเป็นรายวิชาหนึ่งในหมวดของงานหัตถ์ศิลป์ท้องถิ่น

ครม. วาง 4 ยุทธศาสตร์พัฒนา ‘รบ.ดิจิทัล’ ปี 66-70 มุ่งดันดัชนี EGDI ไทย ขึ้นอันดับ 40 ของโลก

ครม.เห็นชอบแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ.66-70 ตั้งเป้าดันดัชนี EGDI ไทยขึ้นอันดับ 40 ของโลก กำหนด 4 ยุทธศาสตร์ ยกระดับบริการภาครัฐสะดวก โปร่งใส ทันสมัย ตอบโจทย์ประชาชน

ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบและอนุมัติ (ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทย พ.ศ. 2566 - 2570 เพื่อกำหนดกรอบและทิศทางการบริหารงานภาครัฐและการจัดทำบริการสาธารณะในรูปแบบของเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการพัฒนาประเทศต่อไป

(ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลฯ เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนการบริหารงานของภาครัฐไปสู่ระบบดิจิทัล และสามารถยกระดับการให้บริการประชาชนให้มีความสะดวกและเปิดเผยมากขึ้น โดยมีแนวทางการพัฒนาที่มุ่งเน้นความสำคัญ (Focus Area) 10 ด้าน 

ได้แก่ (1) ด้านการศึกษา (2) ด้านสุขภาพและการแพทย์ (3) ด้านการเกษตร (4) ด้านความเหลื่อมล้าทางสิทธิสวัสดิการประชาชน (5) ด้านการมีส่วนร่วม โปร่งใส และตรวจสอบได้ของประชาชน (6) ด้านการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (7) ด้านสิ่งแวดล้อม (8) ด้านแรงงาน (9) ด้านท่องเที่ยว และ (10) ด้านยุติธรรม โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

1. วัตถุประสงค์ 3 ข้อ คือ 
(1) เพื่อพัฒนาบริการดิจิทัลสาธารณะของรัฐที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ สามารถอำนวยความสะดวกในการให้บริการและเป็นที่ยอมรับของประชาชน 

(2) เพื่อเป็นแนวทางสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐ นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการยกระดับการบริหารจัดการและการดำเนินงานภาครัฐให้มีความยืดหยุ่นคล่องตัว มีการบูรณาการแบบไร้รอยต่อ เปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน 

(3) เพื่อเป็นกรอบทิศทางให้หน่วยงานภาครัฐจัดทาแผนการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ พ.ร.บ. การบริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. 2562 และสร้างความต่อเนื่องในการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของไทย

2. ตัวชี้วัดความสำเร็จและค่าเป้าหมาย คือ ระดับความพึงพอใจของประชาชนต่อการใช้บริการออนไลน์ภาครัฐไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 และอันดับดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E - Government Development Index: EGDI) ของไทยไม่ต่ำกว่าอันดับที่ 40 ของโลก ซึ่งปัจจุบันอันดับของไทยอยู่ที่ 55 ของโลก

3. กลไกการขับเคลื่อนนโยบายไปสู่การปฏิบัติจะต้องอาศัยกลไกการขับเคลื่อนสำคัญ คือ 
(1) กลไกด้านนโยบาย ที่จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล 

(2) กลไกการทำงานร่วมกัน เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินกิจกรรม หรือโครงการร่วมกันภายใต้แผนดังกล่าว

(3) กลไกด้านงบฯ กำหนดเกณฑ์ในการอนุมัติงบฯ เพื่อให้การจัดสรรงบฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด 

(4) กลไกการติดตามและประเมินผลโครงการ มีการพัฒนาชุดข้อมูลการดำเนินโครงการฯ ต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวในการรวบรวมข้อมูล เพื่อตรวจสอบติดตามและประเมินผลโครงการของแผนรัฐบาลดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4. ยุทธศาสตร์ 4 ข้อสำคัญ คือ
- ยุทธศาสตร์ที่ 1 ยกระดับการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลภาครัฐ เพื่อการบริหารงานที่ยืดหยุ่น คล่องตัว และขยายสู่หน่วยงานภาครัฐระดับท้องถิ่น เช่น ภาครัฐดำเนินการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันผ่านศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลาง โดยภายในปี 2570 ร้อยละความสำเร็จของการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลในด้านสำคัญคิดเป็นร้อยละ 100 ประกอบด้วยการพัฒนาที่สำคัญ 2 ด้าน ได้แก่ ด้านบริการพื้นฐาน (Common Services) และด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Foundation) รวม 14 โครงการ เช่น โครงการบริการระบบคลาวด์กลางภาครัฐ โครงการพัฒนาศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางภาครัฐ

- ยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาบริการที่สะดวกและเข้าถึงง่าย เพื่อประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการต่าง ๆ ของหน่วยงานภาครัฐได้อย่างครบถ้วน ณ จุดเดียว (One - Stop Service) โดยภายในปี 2570 ระดับความสำเร็จในการพัฒนาแพลตฟอร์มบริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จในด้านสำคัญคิดเป็นร้อยละ 100 ประกอบด้วยแนวทางการพัฒนาที่มุ่งเน้นความสำคัญ (Focus Area) 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการศึกษา ด้านสุขภาพและการแพทย์ ด้านความเหลื่อมล้ำทางสิทธิสวัสดิการประชาชน และด้านสิ่งแวดล้อม รวม 8 โครงการ เช่น โครงการแพลตฟอร์มระบบสุขภาพดิจิทัลแห่งชาติ โครงการแผนที่สิ่งแวดล้อม โครงการพัฒนาระบบแพลตฟอร์มอัจฉริยะเพื่อการบริหารจัดการข้อมูลด้านกำลังคนและการพัฒนาสมรรถนะด้วยการเรียนรู้ตลอดชีวิตของไทย (E - Workforce Ecosystem) โครงการพัฒนาระบบบูรณาการข้อมูลสิทธิสวัสดิการเพื่อการวิเคราะห์และอำนวยความสะดวกในการให้บริการ

- ยุทธศาสตร์ที่ 3 สร้างมูลค่าเพิ่มและอานวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจ เพื่อผู้ประกอบการได้รับความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการดิจิทัลของภาครัฐ โดยภายในปี 2570 ระดับความสำเร็จในการพัฒนาแพลตฟอร์มบริการภาคธุรกิจแบบเบ็ดเสร็จในด้านสำคัญ คิดเป็นร้อยละ 100 ประกอบด้วยแนวทางการพัฒนาที่มุ่งเน้นความสำคัญ (Focus Area) 4 ด้าน ได้แก่ ด้านเกษตร ด้าน SMEs ด้านแรงงาน และด้านท่องเที่ยว รวม 7 โครงการ เช่น โครงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลการเกษตร โครงการหนึ่งรหัสหนึ่งผู้ประกอบการ (One Identification : ID One SMEs)

‘ชัยวุฒิ’ ถกหน่วยงานด้านเทคโนโลยีระดับโลก ดึงนานาชาติร่วมแก้ปัญหา online scams

‘ชัยวุฒิ’ ผลักดันแก้ปัญหา online scams ในเวทีการประชุมระหว่างประเทศด้านเทคโนโลยี ณ เมืองบาร์เซโลน่า

เมื่อวานนี้ (28 ก.พ.66) ในระหว่างการประชุม GSMA Ministerial Programme ภายใต้งาน Mobile World Congress 2023 (MWC 2023) ณ เมืองบาร์เซโลนา ราชอาณาจักรสเปน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้หารือกับผู้บริหาร GSMA และผู้บริหารบริษัท OneWeb เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือในอนาคตระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในด้านการพัฒนาโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีดิจิทัลในประเทศไทยตลอดจนได้ผลักดันแนวทางความร่วมมือในการแก้ปัญหา online scams 

‘อุ๋ย บุดด้าเบลส’ โร่แจ้งความ สน.ทองหล่อ หลังถูกตัดต่อคลิปโปรโมตเว็บพนันออนไลน์

อุ๋ย บุดด้าเบลส เดินทางเข้าแจ้งความ สน.ทองหล่อ หลังถูกตัดต่อคลิป โปรโมตในเว็บพนันออนไลน์ เผยรู้ชื่อของบัญชีม้าแล้ว ตร.เร่งตามตัวดำเนินคดี

จากกรณีเว็บพนันออนไลน์ที่กำลังเป็นกระแสข่าวอยู่ในขณะนี้ จนนำไปสู่การกวาดล้างเครือข่ายเว็บรายใหญ่ และสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องได้หลายรายนั้น

ล่าสุด นายนที เอกวิจิตร หรือ อุ๋ย บุดดาเบลส นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดัง ได้โพสต์คลิปวิดีโอผ่านเพจเฟซบุ๊ก Oui Bddhabless ที่ถูกเว็บไซต์พนันออนไลน์แห่งหนึ่ง นำคลิปในรายการ ‘คุยกับอุ๋ย’ EP.28 ซึ่งมี ‘โค้ช เคี้ยง เอกภพ’ เป็นแขกรับเชิญ ไปตัดต่อเพื่อนำไปโปรโมตในเว็บพนันออนไลน์


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top