Sunday, 6 July 2025
NEWS FEED

ขี่ช้างหลบไป!! เท่เกิน! เด็กหญิง ป.4 เมืองตรัง ขี่ม้าไปโรงเรียน ช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มีสมาธิ-การเรียนดีขึ้น

เด็กหญิงชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านทุ่งส้มป่อย อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ขี่ม้าไปเรียนหนังสือโดยมีคุณพ่อคอยขี่ม้าอีกตัวตามประกบ นอกจากจะประหยัดค่าน้ำมันแล้วยังเป็นการออกกำลังกายและฝึกสมาธิได้อีกทางหนึ่งด้วย ด้านผู้อำนวยการโรงเรียนเผยหลังเลี้ยงม้าน้องกลายเป็นจิตอาสาและเด็กเรียน พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ

วันที่ 8 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.ตรัง รายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 65 หมู่ที่ 1 ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง พบ ด.ญ.สุกัลย์ชนก ชัยทอง หรือ น้องหยก อายุ 10 ขวบนักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านทุ่งส้มป่อย อ.นาโยง จ.ตรัง กำลังขึ้นขี่ม้าลูกผสมสีขาวหม่น อายุประมาณ 6 ปีเพื่อไปเรียนหนังสือ โดยระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนเกือบ 3 กิโลเมตร มีคุณพ่อคือนายจิระพงษ์ ชัยทอง อายุ 49 ปี ขี่ม้าสีน้ำตาล-ดำ คอยตามประกบ เพื่อระวังรถเวลาข้ามถนนให้กับลูกสาว สร้างความฮือฮาให้กับชาวบ้านได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นเด็กผู้หญิงคนแรกในจังหวัดตรังที่ขี่ม้าไปโรงเรียนได้อย่างแคล่วคล่อง ว่องไว โดยใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ขี่ม้าถึงโรงเรียนแล้วและเมื่อเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จแล้วคุณพ่อของน้องหยก จะพาม้าทั้งสองตัวกลับบ้าน ส่วนช่วงเย็นรถเยอะกลัวว่าไม่ปลอดภัยก็จะขับรถมารับน้องหยกแทน

น้องหยก เริ่มขี่ม้าไปโรงเรียนประมาณ 1 ปีแล้ว แต่ไม่ได้ขี่มาทุกวัน เนื่องจากคุณพ่อไม่ว่างตามมารับมาส่ง แต่หากมีเวลาคุณพ่อก็จะให้น้องหยกขี่ม้ามาโรงเรียนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับม้า ประหยัดค่าน้ำมันและได้ออกกำลังกายยามเช้า โดยตลอดสองข้างทาง มีชาวบ้านให้ความสนใจ แห่บันทึกภาพและชื่นชมในความสามารถที่เกินตัวของน้องหยกตลอดทางและที่โรงเรียน น้องหยกกลายเป็นฮีโร่ของเพื่อนๆ ที่ทุกคนต่างอยากจะขี่ม้า โชว์ความเท่เหมือนอย่างน้องหยกบ้าง

สำหรับม้าลูกผสมทั้งสองตัวนี้เจ้าของคือคุณพ่อของน้องหยก ซื้อมาจาก จ.กาญจนบุรี เมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยตัวแรกสีน้ำตาล-ดำ ชื่อซาร่า ซื้อมาในราคา 180,000 บาท ส่วนตัวสีขาวหม่นชื่อจัสติน ราคา 100,000 บาท เป็นม้าเพศเมียทั้งสองตัว อายุประมาณ 6 ปี นิสัยเชื่องมาก ไม่ดุร้าย อ่อนโยน โดยหลังซื้อม้ามาเลี้ยงเพิ่มอีก 2 ตัว น้องหยกก็ตั้งใจหัดขี่ม้าเรื่อยมา จนคุณพ่อวางใจและให้ขี่ม้ามาโรงเรียนได้ โดยน้องหยกยังทำหน้าที่ตัดหญ้าให้ม้า ป้อนหญ้าม้า และอาบน้ำให้ม้า จนกลายเป็นความรักความผูกพัน สมใจคุณพ่อที่อยากให้ลูกสาวทั้งสามคน มีสัก 1 คนที่ชื่นชอบม้าเป็นชีวิตจิตใจเหมือนกับตน ซึ่งที่บ้านของน้องหยก มีม้าทั้งหมด 4 ตัวเป็นม้าพันธุ์พื้นเมือง 2 ตัว และม้าลูกผสม 2 ตัว และน้องหยกขี่ม้ามาโรงเรียนได้ทั้งสองตัวคือจัสตินกับซาร่า

โดยพบว่าหลังจากที่น้องหยกได้ขี่ม้าและคลุกคลีอยู่กับม้าแล้ว ทำให้นิสัยของน้องเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น จากลูกคนสุดท้องที่ค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเอง ร้องไห้บ่อย กลายเป็นเด็กเรียน ใจเย็น มีสมาธิ มีจิตอาสาสูง ร่าเริงและกล้าแสดงออกมากขึ้น โดยพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว

นายจิระพงษ์ ชัยทอง คุณพ่อของน้องหยก กล่าวว่า ม้าสีขาวชื่อจัสติน ส่วนสีน้ำตาลชื่อซาร่า ส่วนลูกสาวฝึกขี่ม้ามาปีกว่าแล้ว ซึ่งลูกสาวเห็นตนเลี้ยงและดูเป็นตัวอย่าง ต่อมาจึงหัดขี่เองโดยขี่ไปโรงเรียนมานานเป็นปีแล้ว ซึ่งคุณพ่อต้องตามประกบ ส่วนสาเหตุที่น้องชอบขี่ม้าคงมาจากสายเลือด โดยระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนประมาณ 2 กิโลกว่า แต่ขี่ไม่ทุกวันเพราะนอกจากจะประหยัดแล้ว เด็กยังได้ออกกำลังกายไปด้วย โดยมีชาวบ้านชอบและสนับสนุนกันทุกคน ซึ่งเวลาตนไม่อยู่ น้องก็จัดการเองหมด

ส่วน ด.ญ.สุกัลย์ชนก ชัยทอง หรือน้องหยก กล่าวว่า ที่ชอบขี่ม้าเพราะมันคุ้นและน่ารักดี ซึ่งตนก็ต้องเลี้ยงม้าด้วยการอาบน้ำและป้อนหญ้าให้กินด้วย โดยตัวสีขาวที่ขี่ชื่อจัสติน ซึ่งการขี่ม้าทำให้ได้ออกกำลังกายและประหยัดค่าใช้จ่ายไปด้วย ชาวบ้านเห็นแล้วขอถ่ายรูปเยอะมาก ซึ่งจะขี่มามาโรงเรียนนานเท่าไหร่นั้นไม่แน่ใจ แต่ชอบ โดย 1 อาทิตย์จะขี่ม้ามาโรงเรียน 2 ครั้ง ซึ่งตอนแรกก็กลัว แต่ตอนนี้มั่นใจขึ้นมากแล้ว
 

‘กรมทางหลวง’ สั่งผู้รับเหมา หยุดงาน 3 วัน หลังเกิดเหตุ ‘รถเครน’ ล้มขวางถนนพระราม 2

กรมทางหลวง สั่งผู้รับเหมาหยุดงาน 3 วัน ปมเครนสร้างทางยกระดับพระราม 2 ล้มขวางถนน
.
(8 มี.ค.66) รายงานข่าวจาก กรมทางหลวง (ทล.) ระบุว่า จากกรณีเกิดเหตุเครนของโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 หรือ M82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ล้มขวางถนนพระราม 2 ฝั่งขาออกกรุงเทพฯ ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566
.
จากการตรวจสอบพบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ในโครงการ M82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ตอน 3 ขณะนี้ นายเจษฎา พยงค์ศรี นายช่างโครงการดังกล่าว สำนักก่อสร้างสะพาน ได้ส่งหนังสือถึงผู้จัดการ กิจการร่วมค้าวีเอ็น ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับเหมา เรื่อง ขอให้ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย
.
โดยหนังสือระบุว่า โครงการดังกล่าวเริ่มต้นสัญญาวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 15 มกราคม 2568 ระยะเวลา 1,080 วัน วงเงิน 1,910,300,000 บาทนั้น
.
ตามที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 เวลา 22.50 น. ขณะที่มีการปิดจราจรในทางหลักเพื่อทำงานนั้น ผู้รับจ้างใช้รถเครนยกรถแบคโฮที่จมเลน โดยระหว่างที่ยกนั้นสะลิงของรถเครนได้หลุดออกจากรถแบคโฮ ทำให้บูมรถเครนเหวี่ยงและหักขวางทางคู่ขนาน ช่วง กม.25+500 ด้านขาออก
 

หวั่นสูญพันธุ์!! ‘กลุ่มอนุรักษ์’ วอนช่วยกันดูแล ‘ลูกปูม้า’ หลังพบโพสต์ขายว่อนโซเชียล เพียงตัวละ 5 บาท

เศร้าใจพบการโพสต์ขาย “ลูกปูม้า” ว่อนโซเชียลแค่ตัวละ 5 บาท เชื่อนำเข้าจากต่างจังหวัดแถวภาคกลาง ขณะที่ในพื้นที่ จ.ตรัง พบบ้างประปรายตามตลาดสดต่าง ๆ ด้านกลุ่มอนุรักษ์วอนดูแล หวั่นปูม้าสูญพันธุ์ในอนาคต

เศร้าใจพบมีการโพสต์ขายลูกปูม้าสดว่อนโซเชียล ตัวละ 5 บาท ซึ่งเป็นไซส์ขนาด 30 กว่าตัวโล ซึ่งถือว่าเป็นลูกปูที่ขนาดตัวยังเล็กมาก เชื่อนำเข้าจากต่างจังหวัด โดยเฉพาะจากแถวตลาดมหาชัย จ.สมุทรสาคร จึงมีสินค้าให้สามารถโพสต์ขายเป็นล่ำเป็นสัน โดยบางคนแสดงความคิดเห็นว่า พบเห็นมีการวางขายตามตลาดสดในหลายจังหวัด เช่น สงขลา นครศรีธรรมราช และเชื่อว่ามีทุกจังหวัดที่อยู่ติดชายทะเล

สำหรับใน จ.ตรัง พบการจับลูกปูขายบ้างเช่นกัน เช่น ชาวบ้านที่ไม่ได้เป็นชาวประมงอาชีพ แต่ออกไปวางอวนจับปลา เพื่อนำไปทำอาหาร หรือขายบ้าง หรือบางส่วนออกไปจับโดยใช้วิธีส่องด้วยตะเกียงในเวลากลางคืน ทำให้มีลูกปูม้าถูกนำไปวางขายบ้างประปรายตามตลาดสดต่าง ๆ โดยชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกจังหวัดที่อยู่ติดชายฝั่งทะเล ให้กวดขันจับกุมคนทำประมงที่ใช้เครื่องมือขนาดเล็กกว่าขนาดที่กฎหมายกำหนด และขอความร่วมมือให้ผู้บริโภคหยุดการสั่งซื้อ หยุดบริโภค เพราะจะทำให้ปูม้าสูญพันธุ์ในอนาคต

ทั้งนี้ จากการที่ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พบกับชาวประมงพื้นบ้านที่มีอาชีพวางอวนจับปูในพื้นที่ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง ซึ่งใช้อวนที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยปกติปูม้าจะจับได้ชุกชุมในช่วงฤดูมรสุม แต่เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงหน้าแล้ง จำนวนปูม้าจึงลดลง ทำให้ราคาดี มีเท่าไรไม่พอขาย ซึ่งปูม้าไซส์ใหญ่สุดตอนนี้มีราคา กก.ละ 300-350 บาท ไซส์ขนาดกลาง กก.ละ 250 บาท และไซส์ขนาดเล็ก กก.ละ 170 บาท

‘บิ๊กป้อม’ แจ้งชาวนา “ปีนี้ทำนาได้ น้ำไม่ท่วม” ด้านชาวบ้านเฮสนั่น!! ตะโกนเชียร์นั่งนายกฯ

(8 มี.ค.66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะประกอบด้วย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้า แผนบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ลุ้มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างและแผนงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่วัดสะตือพุทธไสยาสน์ ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ โดยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยาของ พปชร.ทั้ง 3 เขต นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.สิงห์บุรี พปชร. รวมถึงนางสมทรง เจริญพันธุ์วรกุล นายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา มาคอยให้การต้อนรับ

โดย พล.อ.ประวิตร ได้เข้ารับฟังบรรยายสรุปแผนบรรเทาอุทกภัยพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่าง และแผนการโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ จากนั้น ได้นั่งรถกอล์ฟเพื่อจะไปไหว้พร้อมกับปิดทองพระพุทธไสยาสน์ แต่ปรากฎว่าระหว่างรถกอล์ฟไฟฟ้าออกตัว ได้ออกตัวแรงทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นถึงกับตกใจ ซึ่งนายวิรัช รัตนเศรษฐ ที่นั่งอยู่ด้านหลังว่า รถไม่เสถียร แต่คนเสถียร ภายหลังไหว้พระเสร็จแล้ว พล.อ.ประวิตร ได้เข้าไปกราบนมัสการ และถวายดอกไม้และปัจจัยต่อเจ้าอาวาสวัดสะตือ ขณะที่เจ้าอาวาสได้มอบรูปหล่อพระพุทธไสยาสน์ ผ้ายันต์คาถาชินบัญชร ของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ให้แก่ พล.อ.ประวิตร

ขณะที่ภายในงานมีประชาชนที่มารอต้อนรับต่างตะโกนเชียร์ให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป พร้อมกับตะโกน “รักลุงป้อม” โดย พล.อ.ประวิตร มีสีหน้าอารมณ์ดี และยิ้มหลายครั้ง

ต่อมา พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนมาติดตามเรื่องน้ำที่ จ.พระนครศรีอยุธยาหลายครั้ง ขอบคุณที่มาต้อนรับตน จะสังเกตเห็นว่า รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทั้งอุทกภัย วาตภัย น้ำหลาก น้ำลด รัฐบาลจะเยียวยาให้ประชาชนจนได้รับค่าชดเชยกันตลอด ไม่เคยว่างเว้น เพราะเราเห็นใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

ไม่รับข้อเสนอ!! ‘บิ๊ก’ ผู้ต้องหาคดี ‘มาเก๊า 888’ ประสานขอมอบตัว ยื่นเงื่อนไขต้องได้ประกันตัว ฟาก ตร. ปฏิเสธรับเงื่อนไข

(8 มี.ค. 66) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าเครือข่ายคดีมาเก๊า 888 โดยระบุว่า นายกิตติพงษ์ ขจรบุญถาวร หรือบิ๊ก หนึ่งในพี่น้องตระกูล 4 บ. 1 ใน 7 หมายจับรอบล่าสุด พยายามติดต่อเข้ามาขอมอบตัว โดยยื่นเงื่อนไขจะต้องได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน แต่ตำรวจไม่สามารถรับเงื่อนไขนี้ได้ ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆ ยังไม่มีการติดต่อเข้ามาอย่างเป็นทางการเหมือนที่มีการนำเสนอข่าวออกไป

ส่วนหมายจับผู้ต้องหาที่เหลือ ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามตัว คาดได้ตัวผู้ต้องหาบางส่วนเร็วๆ นี้ และมีข้อมูลว่าผู้ต้องหา 2 คน มีการเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านผ่านช่องทางธรรมชาติหลายครั้ง ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นที่หลบหนีหมายจับ ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัว

ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนเรียกพยานมาสอบปากคำแล้วหลายสิบปาก คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนผู้ต้องหา 4 ใน 13 หมายจับรอบแรก ที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างติดตามจับกุม ยังไม่มีใครประสานเข้ามาขอมอบตัว

'ก้องศักด' เผยยังไร้ข้อสรุปยิงสดซีเกมส์ หลัง ‘กัมพูชา’ คิดค่าลิขสิทธิ์ไทยแพงกว่าเพื่อน

หลังจากก่อนหน้านี้ คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 5-17 พ.ค.2566 ปฏิเสธไม่ได้เรียกค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดมหกรรมกีฬาดังกล่าวกับประเทศไทยสูงถึง 800,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 24 ล้านบาท

ล่าสุด ‘บิ๊กก้อง’ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ออกมาเปิดเผยว่า "ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างพูดคุยเพื่อหาทางออก เนื่องจากตัวเลขที่ถูกเรียกค่าลิขสิทธิ์มานั้นตนคงไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขได้ แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงตามรายงานข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งถือว่าสูงเกินไป"

'วัดราชบูรณะ' พิษณุโลก เตรียมแจกข้าวสาร 14 ตัน มอบให้ ปชช.คนละ 5 กิโลกรัม วันที่ 14 มี.ค.นี้

วัดราชบูรณะจังหวัดพิษณุโลกร่วมกับคณะศิษย์จากประเทศไต้หวันเตรียมข้าวสาร 14 ตันแจกให้กับประชาชนคนละ 5 กิโลกรัม วันที่ 14 มีนาคมนี้

วันที่ 8 มีนาคม 2566 พระครูสิทธิธรรมภิวัช เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะอำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลกเปิดเผยว่าในวันอังคารที่ 14 มีนาคม 2566 คณะลูกศิษย์จากประเทศไต้หวันมีกำหนดการมาทำพิธีพุทธาภิเษกท้าวมหาพรหม ณ วิหารหลวงพ่อทองดำ วัดราชบูรณะ และในโอกาสนี้คณะลูกศิษย์จากประเทศไต้หวันได้เตรียมข้าวสาร 14 ตัน เพื่อแจกให้กับประชาชนชาวพิษณุโลกเป็นการทำบุญถวายกุศล

นายหัวออกโรง ‘ชวน’ ลั่น!! หลังยุบสภาจะช่วยหาเสียงเต็มที่ งง ‘จุรินทร์’ เป็นคนเก่ง แต่ไฉนรั้งท้ายโพลตลอด

(8 มี.ค. 66) ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่อดีตสมาชิกพรรค ปชป. ที่ออกไปอยู่พรรคการเมืองอื่นระบุว่า มีการซื้อเสียงกรรมการบริหารพรรค 200 ล้าน ตรงนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์หรือไม่ ว่า กระทบแน่นอน เรื่องที่เป็นด้านลบก็กระทบ แต่ในระบบพรรค ปชป. สมาชิกต้องมีความรู้สึกระลึกถึงบุญคุณพรรค การแต่งตั้งตำแหน่งต่าง ๆ ในพรรคไม่เคยใช้เงิน

ทั้งนี้ ตนยืนยันได้ว่าการเป็นรัฐมนตรีไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท เช่น นายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ดังนั้นคนในพรรคจะต้องมีความรู้สึกผูกพันกับสิ่งที่พรรคให้ เช่น การให้เกียรติ

“ผมมาเป็นหัวหน้าพรรคได้ก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ระบบพรรค ปชป. ที่ยอมรับเสียงข้างมากว่าคนไหนเหมาะสม ผมก็ใช้เวลาพิสูจน์ 22 ปี ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นหัวหน้าพรรคได้ เมื่อชนะเลือกตั้ง ผมก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้จ่ายเงินสักบาท บุญคุณเหล่านี้ ในชีวิตนี้ก็ใช้ไม่หมด การที่มาจากเลือกตั้งโดยไม่ใช้เงิน บุญคุณที่มีกับชาวบ้านในชีวิตนี้ก็ใช้ไม่หมด ผมจึงคิดว่าในช่วงปลายของชีวิตผม จะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อขอบคุณคนที่เคยช่วยเหลือผมที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อเป็นการตอบแทนผ่านการทำงานอย่างซื่อสัตย์ และสุจริต ทั้งต่อหน้าและลับหลัง คนในพรรค ปชป. ต้องระลึกว่า คุณได้อะไรไปจากพรรคบ้าง” นายชวน กล่าว

อย่าหลงเชื่อ ขนส่งฯ เตือน!! 100 เพจปลอม อ้างรับทำ ‘ใบขับขี่’ ชี้!! ใครปลอมแปลงเอกสารราชการ มีโทษหนัก

ขนส่งฯ เผย ‘100 เพจปลอม’ หลอกลวง อย่าเชื่อมิจฉาชีพอ้างรับทำ ‘ใบขับขี่’ ได้

(8 มี.ค.66) เพจเฟซบุ๊ก ‘กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News’ เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ ระบุว่า กรมการขนส่งทางบก เผยรายชื่อเพจมิจฉาชีพทำใบขับขี่ปลอมทางออนไลน์กว่า 100 เพจ สามารถตรวจสอบได้ที่คิวอาร์โค้ดของกรมการขนส่งทางบก เตือน!!! ประชาชนอย่าหลงเชื่อและอย่าโอนเงินโดยเด็ดขาด ย้ำหากพบการปลอมแปลงใบขับขี่หรือแอบอ้างอบรมต่ออายุใบขับขี่แทน จะดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนขั้นสูงสุดทุกราย

นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกขอเตือนประชาชนที่ต้องการทำธุรกรรมด้านใบขับขี่กับกรมการขนส่งทางบก หลังพบเพจเฟซบุ๊กปลอมรับทำและรับอบรมต่อใบขับขี่ปลอมเป็นจำนวนมาก โดยพฤติกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพจะนำรูปตราสัญลักษณ์กรมการขนส่งทางบกมาใส่ในรูปโปรไฟล์ หรือนำรูปภาพของผู้ที่ได้รับใบขับขี่มาแอบอ้าง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยจะโฆษณาหลอกลวงว่าสามารถออกใบขับขี่โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักงานขนส่ง และมีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอยู่ที่ประมาณ 1,000 - 6,000 บาท

เมื่อผู้เสียหายโอนเงินไปแล้วจะเรียกร้องให้โอนเงินเพิ่มอีกและเงียบหาย ไม่สามารถตามคืนได้หรือจะได้รับใบขับขี่ปลอม รวมทั้งยังมีการแอบอ้างในการอบรมต่ออายุใบขับขี่แทน โดยกลุ่มมิจฉาชีพมีพฤติกรรมแอบอ้างว่าจะอบรมต่ออายุใบขับขี่แทนผู้เสียหายและจองคิวให้ผู้เสียหายเข้ามาถ่ายรูปทำใบขับขี่ ณ สำนักงานขนส่ง พร้อมหลอกให้ผู้เสียหายส่งหน้าบัตรใบขับขี่และโอนเงินไปให้ หรือโฆษณาหลอกลวงว่า “ใบขับขี่หมดอายุ ไม่มีเวลาอบรม รับจองคิวพร้อมอบรมต่ออายุใบขับขี่ทุกชนิด เจ้าตัวต้องเข้าไปถ่ายรูปทำบัตรด้วยตนเองที่สำนักงานขนส่ง”

กรมการขนส่งทางบกขอเตือนประชาชนว่าอย่าหลงเชื่อหรือทำธุรกรรมกับเพจเหล่านี้เด็ดขาด!!! จะทำให้สูญเสียทรัพย์สินและเอกสารส่วนบุคคล และเสี่ยงได้รับใบขับขี่ปลอม ซึ่งผู้หลงเชื่อจะมีความผิดฐานปลอมแปลงหรือใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มีโทษถึงขั้นจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน – 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท

บุคคลที่แอบอ้างว่าสามารถอบรมต่ออายุใบขับขี่แทนได้ก็เข้าข่ายเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดซึ่งจะมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานปลอมแปลง หรือใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้น

นอกจากนี้ บุคคลที่จัดทำเพจเฟซบุ๊กปลอมรับทำและรับอบรมต่อใบขับขี่ปลอม ซึ่งถือเป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ก็จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อไปว่า กรมการขนส่งทางบกได้ตรวจสอบเพจปลอมที่แอบอ้างรับทำใบขับขี่และติดตามดำเนินการทางกฎหมายในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแจ้งเรื่องร้องเรียนหรือเบาะแสมายังกรมการขนส่งทางบก และทางกรมฯได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 52 ราย รวมถึงยังพบเพจปลอมมากกว่า 100 เพจ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่ https://bit.ly/3YvPwdb หรือ คิวอาร์โค้ด ตามแนบ ทั้งนี้ หากประชาชนท่านใดพบเพจเฟซบุ๊กปลอมขอให้กดรายงานบัญชีหรือเพจเฟซบุ๊ก (report) หรือสามารถแจ้งเบาะแสมายังกรมการขนส่งทางบกได้โดยตรง หรือโทรสายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง

รอง ผบ.ตร.สั่งดำเนินคดีเด็ดขาด ครูข่มขืนเด็กนักเรียนในจังหวัดเชียงใหม่

จากกรณี มีผู้เสียหายที่เป็นผู้ปกครองเข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับครูโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่
ซึ่งกระทำล่วงละเมิดทางเพศ ต่อเด็กนักเรียน จำนวนหลายราย  จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่าครูคนดังกล่าวคือ นาย รุ่งชาย (ขอสงวนนามสกุล) ครูสอนวงโยธวาทิต 
พฤติการณ์ในคดีทราบว่า นายรุ่งชายฯ ได้พานักเรียนของตนเองไปข่มขืนกระทำชำเราที่ม่านรูดแห่งหนึ่ง จำนวน 3 ครั้ง ในเขตพื้นที่ อ.สันปาตอง จว.เชียงใหม่ ซึ่งทางผู้ปกครองเด็กได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับ พงส.สภ.สันป่าตอง เรียบร้อยแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top