Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

ดับยกคัน!! เหตุสลด!! ‘รถพ่วง’ ยางแตกพุ่งชน ‘รถยนต์’ ดับ 5 ราย จนท. เร่งค้นหาคนขับรถพ่วงหนีหาย หลังเกิดเหตุ

สลด!ดับยกคัน 5 ศพ รถพ่วงยางแตกเหินข้ามเลนชนกระบะ

(9 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 18.20 น.วันที่ 8 มีนาคม 2566 เกิดเหตุการณ์สลดรถพ่วง 18 ล้อพุ่งชนรถยนต์ มีผู้เสียชีวิต 5 ราย โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบนถนนสายเอเชีย ฝั่งขาขึ้น ท้องที่หมู่ 3 ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง เจ้าหน้าที่กู้ภัยในพื้นที่เร่งช่วยกันงัดซากรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีดำ ทะเบียนพัทลุง ซึ่งถูกรถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกไม้ยางขนาดใหญ่ เสียหลักพุ่งข้ามฝั่งถนนมาชน เป็นเหตุให้มีคนในรถได้รับบาดเจ็บ 5 ราย หนึ่งในผู้บาดเจ็บเป็นเด็กหญิงอายุเพียง 9 ปี ซึ่งนั่งมาในรถยนต์กระบะทั้งหมด ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ต้องลำเลียงแยกส่ง ที่ รพ.ป่าบอน รพ.ตะโหมด และ รพ.บางแก้วแต่สุดท้ายทั้ง 5 ราย เสียชีวิตในเวลาต่อมา

แค่คอนเทนต์!! ‘เจ้าของร้านชาบู’ แจงหลังทัวร์ลง ปมใช้บาตรเป็นหม้อจุ่ม เผยแค่นำมาถ่ายรูปสร้างกระแส ไม่ได้นำใส่อาหารจริง

(9 มี.ค. 66) จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง โพสต์คลิปใช้บาตรพระทำหม้อชาบู จนกลายเป็นไวรัลที่ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันถึงเรื่องความเหมาะสม และสุขอนามัยสำหรับภาชนะที่ใส่อาหาร 

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 8 มี.ค. 66 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ร้าน ‘ไม่หมูก็เนื้อ’ ตั้งอยู่บริเวณคลองถนน ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามถึงที่มาของคลิปไวรัลในติ๊กต็อกที่นำบาตรพระมาใช้แทนภาชนะหม้อชาบู โดยผู้สื่อข่าวได้พบนายคิรินท์ ร.ฤทธิ์บุญ อายุ 28 ปี นายคณาทิพย์ คิริพันธุ์ อายุ 28 ปี และนายณัฐพล อ้นอินทร์ อายุ 28 ปี ทั้ง 3 คนเป็นเจ้าของร้านและหุ้นส่วนร้าน ‘ไม่หมูก็เนื้อ’ ที่เปิดมาเกือบ 3 เดือน 

นายคิรินท์ (ผมหยิก) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเป็นพนักงานประจำทำงานเกี่ยวกับ interior design ออกแบบภายใน ร้านทั้งหมดได้ไอเดียจากทุกคนที่ตั้งใจอยากจะเปิดร้านหมูกระทะด้วยกัน การออกแบบทั้งหมดก็ช่วยกันแต่ตนจะเป็นเมนหลักของเรื่องการออกแบบขึ้นมา ทางร้านเปิดมาได้ประมาณเกือบ 3 เดือน (ตั้งแต่ 16 ธ.ค. 65) มีเมนูอาหารตามชื่อร้านเลยคือ ‘ไม่หมูก็เนื้อ’ มีทั้งเมนูเซ็ตหมู เมนูเซ็ตเนื้อ สามารถทานได้ทั้งแบบชาบู หมูกระทะปิ้งย่าง ซิกเนเจอร์ของร้านเลยคือเมนูเซ็ตเนื้อ เพราะเนื้อของทางร้านเป็นเนื้อนำเข้าจาก U.S.A. วากิวสำหรับคอเนื้อโดยเฉพาะ

ส่วนไอเดียเรื่องบาตรพระคือพวกตนไปเที่ยวงานวัดมาแล้วเจอจุดทำบุญ มีบาตรพระ เลยเกิดไอเดียเพื่อนำมาสร้างคอนเทนต์ให้กับร้านเท่านั้น ลูกค้าที่ไม่อยากทานแบบเซ็ตหมูหรือเนื้อ ก็สามารถสั่งเป็นแบบถาด เช่น หมูสามชั้นสไลด์ สันคอหมู สันนอกหมู น้ำจิ้มรสเด็ด มีดนตรีสดทุกวัน อยากให้ทุกคนมาชิมอาหารอร่อยและมาฟังเพลงเพราะๆ กับบรรยากาศสบายๆด้วยกัน 

หากใครสนใจมาลิ้มลองความอร่อย และหม้อชาบูไอเดียเก๋ๆ สามารถเดินทางมาได้ที่ร้าน “ไม่หมูก็เนื้อ” ทางร้านเปิดบริการทุกวัน (ไม่มีวันหยุด) ตั้งแต่เวลา 17.00-23.30 น. โดยสามารถติดต่อผ่านเพจร้าน “ไม่หมูก็เนื้อ” และติ๊กต็อก “Maimookornuer” การเดินทางมาที่ร้านสามารถดูโลเคชั่นได้ตาม Google Map เลย https://g.co/kgs/WQSsde หรือขับรถมาบริเวณเลียบคลองบางไผ่ เข้าทางวัดลาดปลาดุก เลยโรงเรียนกสินธรเซนต์ปีเตอร์มานิดนึง อยู่ด้านขวามือ หรือติดต่อได้ที่เบอร์ 091-499-1694 

ขัดตาชาวพุทธ!! ‘พระพยอม’ ติงร้านชาบู ใช้บาตรพระเป็นหม้อจุ่ม ชี้! ไม่เหมาะสม ควรเคารพสัญลักษณ์ศาสนา

จากคลิปไวรัลที่ตกเป็นที่สนใจของผู้คนในแอพพลิเคชั่น TikTok หลังมีร้านชาบูแห่งหนึ่งนำบาตรที่พระสงฆ์ใช้บิณฑบาต มาดัดแปลงเป็นหม้อจุ่มอาหาร จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องความเหมาะสม

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจร้านไม่หมูก็เนื้อชาบู ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ซึ่งนายคุณาทิป คินิพันธ์ อายุ 28 ปี, นายคิรินท์ ร.ฤทธิ์บุญ อายุ 28 ปี และนายณัฐพล อ้นอินทร์ อายุ 28 ปี ซึ่งทั้งหมดเป็นเจ้าของร้านที่ร่วมหุ้นกันเปิดร้านชาบูแห่งนี้

นายคุณาทิป คินิพันธ์ หนึ่งในหุ้นส่วนร้าน กล่าวว่า ร้านชาบูแห่งนี้ได้เริ่มต้นเปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ในคอนเซ็ปต์เป็นร้านชาบูบรรยากาศแบบแคมป์ปิ้ง ซึ่งต่อมายอดขายของทางร้านได้ตกลง เนื่องจากทางวัดลาดปลาดุกได้จัดงานวัดขึ้นหลายวัน ทำให้ลูกค้าเริ่มเข้าร้านบางตา จึงได้ปรึกษากับเพื่อนๆ ว่า สงสัยร้านชาบูเราจะโดนทำของ หรือคุณไสยใส่ จึงชักชวนกันไปทำบุญที่วัด เพื่อหวังจะนำน้ำมนต์จากวัดมาปะพรมที่ร้านเพื่อแก้เคล็ด

“จนไปเห็นน้ำมนต์อยู่ในบาตรพอดี จึงเกิดไอเดียขึ้นมาว่า ถ้านำบาตรมาเป็นภาชนะแทนหม้อจุ่มชาบูก็น่าจะสร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบไอเดียนี้ จึงได้ไปหาซื้อบาตรพระมา 2 ชนิดคือ บาตรดำแบบทั่วไป และบาตรแบบสแตนเลส ซึ่งมีมาตรฐานเดียวกับภาชนะทำอาหารทั่วไปมาทดลองทำคอนเทนต์ดู”

นายคุณาทิป กล่าวว่า ปรากฎว่าระหว่างที่ทดลองทำคอนเทนต์ เพื่อลงคลิปในโซเซียล หม้อแบบสแตนเลสที่นำมาทดลองใช้เป็นภาชนะแทนหม้อจุ่มชาบูถ่ายภาพออกมาแล้วดูไม่สวย เพราะมีลักษณะเหมือนภาชนะหุงต้มทั่วไป จึงได้นำบาตรดำมาทดลองถ่ายทำคอนเทนต์แทน ปรากฎว่า ภาพออกมาสวยตามคอนเซ็ปต์ที่ตนกับเพื่อนๆ ต้องการ จึงได้ถ่ายคลิปกับภาพประกอบ และนำเนื้อหมูมาทดลองจุ่มดูเท่านั้น ไม่ได้มีการเสิร์ฟให้กับลูกค้าในร้านจริง ๆ อย่างที่ผู้คนในโซเซียลสงสัย เพราะตนก็ทราบดีว่าบาตรพระแบบรมดำ หรือเคลือบดำนั้นหากถูกความร้อนจะมีสารที่ไม่ปลอดภัยในการบริโภคปะปนออกมา จึงไม่ได้นำบาตรดำมาเสิร์ฟให้ลูกค้าเลย แต่หากมีลูกค้าต้องการใช้บาตรเป็นภาชนะสำหรับจุ่มอาหารจริง ๆ ทางร้านตนก็จะใช้บาตรสแตนเลส ซึ่งเป็นวัสดุที่ปลอดภัยเกรดเดียวกับภาชนะหึงต้มทั่วไปมาเสิร์ฟให้ลูกค้าแทน

กก.2 บก.สส.สตม. รวบหนุ่มจีนหนีหมายจับคดีข่มขืนกระทำชำเราในพื้นที่จังหวัดระยอง

ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. สั่งการให้ พ.ต.ท.ชัญญรัต บัวทองจันทร์ รอง ผกก.2 บก.สส.สตม. , พ.ต.ต.ภูริศ คำหมื่น สว.กก.2 บก.สส.สตม. พร้อม เจ้าหน้าที่ ชป.3 กก.2 บก.สส.สตม. ,ตม.จว.ระยอง ,สน.ประเวศ ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว MR.YAO KEQUAN (นายเย๋า เค่อฉวน) สัญชาติ จีน อายุ 47 ปีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.118/2566 ลงวันที่ 2 มี.ค.66 ความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเรา โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ฯ”


พฤติกาณ์การจับกุม กล่าวคือ เมื่อเดือนธันวาคม 2565 นายเย๋าฯได้ชักชวนหญิงผู้เสียหายชาวจีนไปทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ โดยระหว่างนั้นได้มีการดื่มแอลกอฮอล์จนกระทั่งผู้เสียหายเมามายไม่ได้สติ นายเย๋าฯ จึงฉวยโอกาสพาผู้เสียหายไปเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ภายในซอยศรีนครินทร์ 59 และได้ทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในขณะที่ยังเมาไม่ได้สติจนสำเร็จความใคร่ เมื่อผู้เสียหายรู้สึกตัว จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ประเวศและศาลอาญาพระโขนงได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา

 

จับตาเลือกตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 15 มี.ค.นี้

จับตาเลือกตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 15 มี.ค.นี้

เพื่อทำหน้าที่เกี่ยวกับบริหารงานบุคคลให้องค์กรกลางของข้าราชการตำรวจมีความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพและเป็นตัวแทนของข้าราชการตำรวจในการช่วยกำหนดกฎเกณฑ์ดูแลอำนวยความยุติธรรม ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการบริหารงานต่างๆ ของข้าราชการตำรวจทุกนาย

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (สง.ก.ตร.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท. อนุชา รมยะนันทน์ ผู้บัญชาการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ผบช.สง.ก.ตร.) กล่าวว่า จากที่ได้มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มีการประกาศให้คณะกรรมการข้าราชการตำรวจมีองค์ประกอบ ประกอบด้วย ก.ตร.โดยตำแหน่ง มีนายกรัฐมนตรี,ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ,รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ,เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ กพ.และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ ก.พ.ร.เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง และอีกส่วนคือ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 6 ท่าน ซึ่งเป็น ก.ตร.ที่มาจากการเลือกตั้งของข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผกก.หรือเทียบเท่าขึ้นไป ประมาณ 13,000 นาย ซึ่งในส่วนนี้เป็นองค์ประกอบที่กำหนดเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งเองและผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง โดยปรับจากเดิมที่เป็นข้าราชการระดับ ผกก.จำนวน 5 พันกว่านาย เพิ่มเป็น 13,000 นาย

สำหรับ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภท (ก) เป็นอดีตข้าราชการตำรวจที่ดำรงตำแหน่งระดับ ผบช.ขึ้นไป และพ้นจากความเป็นข้าราชการตำรวจไปแล้วไม่น้อยกว่า1ปี ซึ่งเปิดรับสมัครตั้งแต่ 22 พ.ย.-5 ธ.ค.65 มีผู้รับสมัครเข้าทำการเลือกตั้ง จำนวน 23 ราย จะต้องเลือกให้เหลือ 3 ราย เพื่อทำหน้าที่เป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภท (ก)

ในส่วนของ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท (ข) ได้รับการสรรหาโดยคณะกรรมการ ก.ตร.โดยตำแหน่งคัดเลือกให้ได้ 6 ราย จากนั้นทั้ง 6ราย จะถูกส่งรายชื่อไปพร้อมกับ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท (ก) สมัครรับเลือกตั้งไปให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.เพื่อให้ข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผกก.หรือเทียบเท่าขึ้นไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งจาก 6 รายให้เหลือ 3 ราย รวมจะได้ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 2 ประเภท จำนวน 6 ราย

พล.ต.ท.อนุชา กล่าวว่าในส่วนของการเลือกตั้งจะดำเนินการโดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ทำหน้าที่เป็นกรรมการกลางในการเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ได้มีระเบียบและหลักเกณฑ์วิธีการในการเลือกตั้ง และกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 15 มี.ค.66 สามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30น.

สำหรับข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผกก.หรือเทียบเท่าขึ้นไป ดำรงตำแหน่งมีพื้นที่อยู่ในจังหวัดใด จะใช้สิทธิ์จังหวัดนั้นเป็นเขตเลือกตั้ง ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งรายชื่อข้าราชการตำรวจผู้มีสิทธิ์พร้อมเขตเลือกตั้งสถานที่ใช้สิทธิ์ไปให้ข้าราชการตำรวจระดับ รอง ผกก.หรือเทียบเท่าขึ้นไปทราบเรียบร้อยแล้ว

จึงขอเชิญชวนข้าราชการตำรวจที่มีสิทธิ์ทุกนายไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณทั้งประเภท (ก) และประเภท (ข) ประเภทละ 3 ราย เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ช่วย ก.ตร.โดยตำแหน่ง ทำหน้าที่เกี่ยวกับบริหารงานบุคคลให้องค์กรกลางของข้าราชการตำรวจมีความเข้มแข็ง มีประสิทธิภาพและเป็นตัวแทนของข้าราชการตำรวจในการช่วยกำหนดกฎเกณฑ์ดูแลอำนวยความยุติธรรม ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการบริหารงานต่างๆ ของข้าราชการตำรวจทุกนาย

ในส่วนของ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้ง 2 ประเภท มีสัดส่วนของความเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาที่รับรู้งานของข้าราชการตำรวจเป็นอย่างดี กับ ก.ตร.ผู้ทรงวุฒิประเภท (ข) จะเป็นผู้ทรงวุฒิสาขาต่างๆ เช่น เป็นอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ,อาจารย์ในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ หรือผู้เชี่ยวชาญที่เคยทำงานเกี่ยวกับด้านประชาสังคมหรือสื่อสารมวลชนเทคโนโลยีสารสนเทศ ส่วนนี้จะมาช่วยกันในการพัฒนาองค์กรกลางของข้าราชการตำรวจอำนวยความยุติธรรมให้ตำรวจ ซึ่งผู้ที่จะทำหน้าที่ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ส่วนหนึ่งจะไปเสริมการทำงานของ ก.ตร.โดยตำแหน่ง อำนวยความยุติธรรมให้กับข้าราชการตำรวจตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะมีสิทธิ์เลือกตั้งหรือไม่ก็ตาม

"องค์กรกลางมีความสำคัญในการกำหนดกฎเกณฑ์การบริหารงานบุคคล เพื่อช่วยในการทำงานและอำนวยความยุติธรรม กรณีที่ท่านอาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินการต่างๆ ด้านบริหารงานบุคคล องค์กรส่วนนี้ก็จะได้ช่วยดูแลเกี่ยวกับความจำเป็นพื้นฐานของท่านให้ท่านสามารถปฏิบัติหน้าที่ดูแลประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด" พล.ต.ท.อนุชา กล่าว

กก.2 บก.สส.สตม. รวบหนุ่มจีนหนีหมายจับคดีข่มขืนกระทำชำเราในพื้นที่จังหวัดระยอง

ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม. สั่งการให้ พ.ต.ท.ชัญญรัต บัวทองจันทร์ รอง ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.ต.ภูริศ คำหมื่น สว.กก.2 บก.สส.สตม. พร้อม เจ้าหน้าที่ ชป.3 กก.2 บก.สส.สตม., ตม.จว.ระยอง, สน.ประเวศ

ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว MR.YAO KEQUAN (นายเหยา เค่อฉวน) สัญชาติ จีน อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.118/2566 ลงวันที่ 2 มี.ค.66 ความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเรา โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ฯ”

พฤติกาณ์การจับกุม กล่าวคือ เมื่อเดือนธันวาคม 2565 นายเหยาฯได้ชักชวนหญิงผู้เสียหายชาวจีนไปทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ โดยระหว่างนั้นได้มีการดื่มแอลกอฮอล์จนกระทั่งผู้เสียหายเมามายไม่ได้สติ นายเหยาฯ จึงฉวยโอกาสพาผู้เสียหายไปเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ภายในซอยศรีนครินทร์ 59 และได้ทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในขณะที่ยังเมาไม่ได้สติจนสำเร็จความใคร่ เมื่อผู้เสียหายรู้สึกตัว จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ และศาลอาญาพระโขนงได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมการอบรมสัมมนาพนักงานสอบสวนและทีมสหวิชาชีพ เสริมศักยภาพปราบปรามแรงงานบังคับ-ค้ามนุษย์

(8 มี.ค.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ได้เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมและสังเกตการณ์ การอบรมสัมมนาพนักงานสอบสวนและทีมสหวิชาชีพ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการคุ้มครองแรงงานต่างด้าว และการป้องกันการละเมิดสิทธิตามกฎหมายแรงงาน อันจะนำไปสู่ปัญหาการค้ามนุษย์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ซึ่งจัดอบรมในช่วงระหว่างวันที่ 5-10 มี.ค.66 ณ โรงแรมแคนทารี่ ฮิลส์ เชียงใหม่ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่

การอบรมสัมมนาพนักงานสอบสวนและทีมสหวิชาชีพนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความรู้เกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง กระบวนการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และแรงงานบังคับ วิธีการปฏิบัติต่อผู้เสียหาย รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับผู้ปฏิบัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการบังคับใช้กฎหมายและการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายจากการบังคับใช้แรงงาน โดยมีผู้ร่วมรับการอบรมเป็นพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน และเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมจำนวน 100 คน ซึ่งในปีงบประมาณ 2566 นี้มีการจับอบรมทั้งหมด 5 รุ่น กระจายใน 5 จังหวัดครอบคลุมทุกภาค เพื่อเป็นการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการบูรณาการปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

กสทช. จัดกิจกรรมปั้นแม่ไก่สร้างเด็กและเยาวชน 'ฅนทันสื่อ'

ชัยภูมิ - เมื่อเร็วๆ นี้ ที่หอประชุมโรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ได้จัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะความรู้เท่าทันสื่อของประชาชนกลุ่มเด็กและเยาวชน “ฅนทันสื่อ” ให้กับโรงเรียนมัธยมศึกษาของจังหวัดชัยภูมิ โดยเชิญวิทยาการผู้สื่อข่าวจังหวัดชัยภูมิ และเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความรู้และป้องภัยอันตรายจากสื่อโซเซียล

นายทรงกลด หิรัญเกิด ผู้อำนวยการโรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา กล่าวว่า นักเรียนโรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา ได้รับโอกาสจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ให้เข้าร่วมกิจกรรมเสริมสร้างทักษะความรู้เท่าทันสื่อของประชาชนกลุ่มเด็กและเยาวชน “ฅนทันสื่อ”เป็นจุดเริ่มต้นส่วนหนึ่ง ที่จะได้นำความรู้จากวิทยากรที่มีความรู้ ความสามารถมาให้ความรู้ แก่เยาวชนเพื่อให้มีทักษะในการเข้าถึงสื่อ และสามารถ วิเคราะห์ ประเมินสื่อ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับ เยาวชน และเป็นการปกป้องเยาวชนจากภัยร้ายที่แฝงมากับสื่อและเทคโนโลยีการสื่อสารรูปแบบใหม่ โดยผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การบรรยายให้ความรู้จาก นายชาตรี ทวีนาท ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ และ พ.ต.ท.สุอารีย์ สาแก้ว รอง ผกก.สืบสวน สภ.แวงใหญ่ จ.ขอนแก่น และการกิจกรรมกลุ่มการเข้าฐานความรู้ เกมการศึกษาการเสวนาและอภิปรายจากผู้เข้าร่วม โดยมีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 100 คน  

ผศ.นารีนารถ ปานบุญ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา หัวหน้าทีมกิจกรรม กล่าวว่า การจัดกิจกรรมครั้งนี้ ได้รับงบประมาณสนับสนุน จาก กสทช. และ มรภ.สวนสุนันทา เราได้คัดเลือกมหาวิทยาทั่วทุกภูมิภาค จำนวน 9 แห่ง เพื่อมาอบรมที่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นแม่ไก่ขยายผลสู่เครือข่ายของแต่ละมหาวิทยาลัยฯ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือสถานศึกษาที่ได้รับการพิจารณาจากมหาวิทยาลัยแม่ไก่ ทั่วทั้งประเทศสถานศึกษาจะได้รับการพิจารณาคัดเลือกเข้าร่วมจัดกิจกรรมรวม 18 โรงเรียน ซึ่งวัตถุประสงค์หลักๆก็คือ ต้องการให้นักเรียนได้มีความรู้ความเข้าใจเข้าใจด้านสื่อ ไม่ตกเป็นเหยื่อของสื่อ และที่สำคัญน้องๆที่เข้าร่วมกิจกรรม จะสามารถนำความรู้ไปขยายผลสู่เพื่อน สถาบันของตนเอง พร้อมทั้งครอบครัว และชุมชน ขยายผลต่อไปเรื่อยๆ 

ส่วน ผศ.ดร.สุนันท์ สีพาย มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ได้มีโอกาสขับเคลื่อนร่วมกับมหาวิทยาลัยสวนสุนันทา ในการจัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะความรู้เท่าทันสื่อของประชาชนกลุ่มเด็กและเยาวชน “ฅนทันสื่อ” ในครั้งนี้ เป็นโรงเรียนที่ 2 (แห่งที่โรงเรียนแก้งคร้อวิทยา) เราได้ปั้นทีมแม่ไก่ โดยมีคณาจารย์และนักศึกษา เข้ารวมเป็นพี่เลี้ยงให้ความรู้แก่น้องๆ โดยผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย และที่สำคัญโรงเรียนที่ผ่านกิจกรรมทั้ง 2 โรงเรียน จะต้องไปขยายผลให้กับโรงเรียนอีกโรงเรียนละ 100 คน นำความรู้ไปขยายผลสู่เพื่อน ครอบครัว และชุมชนต่อไป

ด้านตัวแทนนักเรียนโรงเรียนนาหนองทุ่มวิทยา ที่เข้าร่วมกิจกรรม ได้แสดงความรู้สึกจากการเข้าร่วมกิจกรรมโดยภาคเช้าได้รับรับรู้ถึงช่องทางสื่อและข้อกฏหมายที่พึงระวังไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิชฉาชีพ ส่วนภาคบ่ายได้เข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอย่างสนุกสนาน ได้ข้อคิด ได้ความรู้ พร้อมที่จะนำไปขยายผลสู่เพื่อนๆ ครอบครัว ชุมชนให้พึงระวังและไม่เปิดโอกาสให้กับสื่อและมิชฉาชีพที่จะมาหลอกลวงเราได้

กฎหมายต้องไม่ล้าหลัง!! ‘ชัยวุฒิ’ ชี้ ปิดกั้นบุหรี่ไฟฟ้าต่อไปไม่ได้แล้ว ย้ำชัด ถึงเวลาทำให้ถูก กม. ช่วยแก้ปัญหารีดส่วย

ชัยวุฒิ’ ซุ่มร่วมเวทีเสวนา กัญชาเสรีแล้ว บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมายยัง? ย้ำกฎหมายต้องไม่ล้าหลัง

วันนี้ (8 มีนาคม 2566), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตจังหวัดปทุมธานี - นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าร่วมงานเสวนาวิชาการ หัวข้อ กัญชาเสรีแล้ว บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมาย หรือยัง?โดยผู้จัดงานได้กล่าวว่า ปัจจุบันได้เกิดข้อถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในประเด็นเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าหลังจากที่มีการประกาศห้าม การนําเข้าและครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าออกมาจากทางรัฐบาล โดยมีการแสดงความคิดเห็นกันอย่างมากมาย ที่ว่า บุหรี่ไฟฟ้าควรถูกกฎหมายหรือไม่ ซึ่งก็มีทั้งผู้ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย บุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์การสูบชนิดหนึ่งที่มีสารเคมีต่าง ๆ ผสมอยู่ซึ่งให้โทษต่อผู้ที่สูบไม่น้อยกว่าบุหรี่มวน อีกทั้งยังเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้รับการยอมรับตามมาตรฐาน เนื่องจากผิดกฎหมาย แต่ก็ยังพบเห็นการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในที่สาธารณะกันทั่วไปทั้งในและนอก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

ขณะที่ นายชัยวุฒิ ได้แสดงความเห็นว่า อยากให้มีการจัดงานเวทีเสวนาแบบนี้ เพื่อส่งเสียงของประชาชนให้ถึงผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ตนเชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีสารที่ก่อให้เกิดอันตราย เช่น นิโคตินต่อร่างกาย แต่หากคิดในมุมอันตรายต่อร่างกายอย่างเดียวหลายเรื่องก็ไปไหนไม่ได้ เพราะภายในกาแฟก็มีคาเฟอีน ซึ่งหากดื่มมาก ๆ ก็เป็นอันตรายต่อร่างกายเหมือนกัน แต่เราควรมองในมุมที่ว่าหากต้องการเลิกสูบบุหรี่จริง แล้วต้องการหาบุหรี่ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ตนจึงอยากให้สิ่งนี้ถูกกฎหมาย  

โดยนายชัยวุฒิ ได้เน้นย้ำว่า “เราต้องยอมรับว่าการปิดกั้นบุหรี่ไฟฟ้าต่อไปมันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง” ไม่สามารถที่จะตรวจสอบการบริโภคบุหรี่ไฟฟ้าได้ เกิดการรับส่วยเป็นระบบขบวนการ นอกจากนี้นายชัยวุฒิได้แจ้งต่อว่ายังมีฏหมายอีกหลายอย่างที่ล้าหลังที่ประเทศไทยต้องปรับ เช่น การซื้อขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เดลิเวอรี่ หรือ การพนันออนไลน์ที่คนไทยมีการเล่นพนันจริง ๆ แต่เราไม่สามารถปิดกั้นได้ เพราะผู้ให้บริการเปิดระบบข้างนอกประเทศไทย แล้วทำไมเราไม่ลองทำของเราเอง ดังนั้นจึงอยากฝากให้ทุกคนช่วยกันส่งเสียงเรื่องที่ควรแก้ไขให้มีการปรับปรุงต่อไป 

สารพัดข้ออ้าง!! 'เยอรมนี' อ้างเหตุภัยไซเบอร์ ขอเดินตามเกมสหรัฐฯ ร่วมแบนเทคโนโลยี 5G ของ Huawei และ ZTE

กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที เมื่อสำนักข่าว Zeit Online ของเยอรมนีเปิดเผยว่า ทางรัฐบาลเยอรมนี ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี โอลาฟ ซอลซ์ มีแผนที่จะประกาศห้ามใช้อุปกรณ์เทคโนโลยี 5G ของบริษัทผู้ผลิต Huawei และ ZTE ของจีน ตามชาติพันธมิตรอย่าง สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น 

โดยได้อ้างมติที่พิจารณาร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย และหน่วยด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ของเยอรมนีที่หารือกันมานานหลายเดือน จนได้ข้อสรุปให้ระงับสัญญาการติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายเทคโนโลยี 5G สัญชาติจีน ด้วยเหตุผลด้านภัยคุกคามความมั่นคงทางไซเบอร์ และความปลอดภัยทางข้อมูลของผู้ใช้งาน 

แต่เหตุผลหลักคือ ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทสัญชาติจีนทั้ง 2 แห่งกับรัฐบาลปักกิ่ง ที่สร้างความไม่ไว้วางใจให้กับมหาอำนาจตะวันตก ที่มองว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้เป็นเครือข่ายการคมนาคมยุคใหม่ในประเทศ

ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ตอบตกลงในการติดตั้งระบบเครือข่าย 5G ของบริษัทจีนในประเทศไปแล้วบางส่วน และหากรายงานข่าวของสื่อเยอรมันเป็นความจริง ก็จะครอบคลุมถึงระบบอุปกรณ์ที่ได้ติดตั้งไปแล้วด้วย ที่ต้องรื้อถอนออกไป ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้แก่รัฐบาลจีน

นายเซียง ลี่กัง ผู้อำนวยการสำนัก Information Consumption Alliance ในกรุงปักกิ่งกล่าวว่า จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีการยืนยันกับทางจีนว่าข่าวนี้เป็นจริงหรือไม่ แต่ถ้าเยอรมนียืนกรานที่จะแบนอุปกรณ์เทคโนโลยี 5G ของจีนจริง จะสร้างผลเสียให้เยอรมนีมากกว่า

เพราะจากข้อมูลของสำนักสำรวจ Strand Consult พบว่าบริษัทเทเลคอมของเยอรมันในคลื่นสัญญาณ 5G จากอุปกรณ์ของ Huawei แล้วถึง 59% แซงหน้าระบบเก่า 4G ที่ใช้อยู่ 57% ไปแล้ว 

และหากต้องรื้อถอนระบบที่ติดตั้งไปแล้วของบริษัทจีน เพื่อวางระบบใหม่หมด รัฐบาลเยอรมนีต้องเสียค่าใช้จ่ายอีกหลายพันล้านยูโรโดยไม่จำเป็น และฟันธงได้เลยว่าไม่มีทางหาผู้รับเหมาประเทศไหนสามารถวางระบบได้ในราคาที่จีนเสนอให้แน่นอน 
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top