Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

อย่าหลงเชื่อ!! ‘โจรไซเบอร์’ อาละวาด!! ปั่นข่าวปลอมอ้างชื่อสถาบันการเงิน ‘ออมสิน’ เจอศึกหนัก ทั้งหลอกลงทุน-ปล่อยเงินกู้

‘กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม’ เผยตัวเลข‘ข่าวปลอม’สัปดาห์ล่าสุด ประชาชนแห่สนใจเรื่องการลงทุนและการปล่อยกู้วงเงินสูง-ดอกเบี้ยต่ำ หลังมิจฉาชีพปลอมตัวเป็นสถาบันการเงิน โดยเฉพาะ‘ธนาคารออมสิน’ และหน่วยงานด้านการลงทุนอื่นๆ ขณะที่ข่าวปลอม‘กรมการขนส่งทางบก’รับต่ออายุใบขับขี่ และทำใบขับขี่เร่งด่วนผ่านไลน์ ทำก่อนจ่ายทีหลัง ขึ้นแท่นข่าวปลอมที่คนสนใจสูงสุด เตือนประชาชนต้องมีสติ ตรวจสอบข้อมูลให้ครบทุกด้านอย่าหลงเชื่อจนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

(12 มี.ค. 66) นางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ฝ่ายการเมือง (ดีอีเอส) กล่าวว่า สรุปผลการมอนิเตอร์ และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประจำวันที่ 3 - 9 มีนาคม 2566  พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 3,207,100 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 210 ข้อความ แบ่งเป็นข้อความที่มาจาก Social listening จำนวน 180 ข้อความ ข้อความที่มาจาก Line Official จำนวน 29 ข้อความ และข้อความที่มาจาก Facebook จำนวน 1 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ 127 เรื่อง

ทั้งนี้ ดีอีเอส ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจ เป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 ข่าวปลอมเรื่องนโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดีและความมั่นคงภายในประเทศจำนวน 49 เรื่อง

กลุ่มที่ 2 ข่าวปลอมเรื่องผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมาย จำนวน 44 เรื่อง

กลุ่มที่ 3 ข่าวปลอมเรื่องภัยพิบัติ จำนวน 11 เรื่อง
กลุ่มที่ 4 ข่าวปลอมเศรษฐกิจ จำนวน 23 เรื่อง

สำหรับข่าวปลอมทั้ง 4 กลุ่มมีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องโควิด-19 จำนวน 3 เรื่อง
อย่างไรก็ตาม เมื่อดูข้อมูลเชิงลึก (Insight) ยังพบข้อน่าเป็นห่วงและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีการกระจายข่าวปลอมเกี่ยวกับการเงินเป็นส่วนใหญ่ ทั้งเรื่องการปล่อยสินเชื่อ การให้เงินกู้ หรือชักชวนลงทุน โดยอ้างชื่อสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคข่าวสารออนไลน์อย่างมาก รวมทั้งการแอบอ้างเป็นหน่วยงานราชการ ทั้งประกันสังคม ส่งข้อความให้ประชาชน ตรวจสอบสิทธิ์เยียวยาโควิด และกรมการขนส่งทางบกรับต่ออายุใบขับขี่ และทำใบขับขี่เร่งด่วนผ่านไลน์ ทำก่อนจ่ายทีหลัง

สำหรับข่าวปลอมที่มีคนสนใจสูงสุด 10 อันดับระหว่างวันที่ 3 - 9 มีนาคม 2566 ดังนี้
อันดับที่ 1 เรื่อง เพจ Asaia money ของธนาคารออมสิน ปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ยคงที่
อันดับที่ 2 เรื่อง ออมสินให้เงินทุน เปิดให้กู้สินเชื่อประชาชนสุขใจ ง่าย ๆ ผ่านมือถือ
อันดับที่ 3 เรื่อง เพจเฟซบุ๊กชื่อ “สินเชื่อ ออมสินประกันสังคม” เปิดให้กู้สินเชื่อสวัสดิการ ไม่ต้องมีคนค้ำ วงเงินสูงอันดับที่ 4 เรื่อง เพจเฟซบุ๊กรับต่ออายุใบขับขี่ ผ่านการรับรองโดยกรมการขนส่งทางบก

อุทาหรณ์คนอยากสวย ‘ยิปซี’ เล่าประสบการณ์ ออกกำลังกายผิดนับปี  เพิ่งมารู้ตัวกระดูกสันหลังคด แนะ!! อย่าโหมหนัก

2 สาว ยิปซี คีรติ และ ยิปโซ อริย์กันตา มาแชร์ประสบการณ์อาการป่วยที่เกิดจากการออกกำลังกายในช่องยูทูบของตัวเองในรายการ ยิปย่อย EP94: อุทาหรณ์คนอยากสวย part1 ออกกำลังกายผิดจนกระดูกคด! ให้ฟังว่า

โดยยิปซีได้เล่าว่าเป็นคนชอบออกกำลังกายมาก มีทั้งต่อยมวย ยกเวทแบบหนัก เต้นซุมบ้าแบบรุนแรง ว่ายน้ำ โยคะร้อน และ พีราทีส ทุกอย่างเป็นกีฬาที่ใช้แรงกระแทกเยอะ สิ่งที่เกิดขึ้นและไม่คาดคิดมาก่อนคือออกกำลังกายผิดวิธีโดยไม่รู้ตัวมาเป็นเวลาหลายปี เริ่มต้นจากตอนอายุ 25 เป็นคนป่วย เกิดจากการกินที่แย่มาก่อน เป็นคนไม่ชอบกินอาหาร กินแต่ขนมผงชูรส ก็เข้าโรงพยาบาล และการป่วยครั้งนั้นก็กระทบกับชีวิตการทำงาน ก็เลยปฏิวัติตัวเอง เลยหักดิบมาสายเฮลตี้ อยากให้ร่างกายแข็งแรงจากภายใน ก็หักดิบ

เริ่มออกกำลังกายเป็นประจำ แล้วรู้สึกว่าร่างกายเปลี่ยน ดีขึ้นจากภายใน คนก็ชื่นชมในรูปร่างของเรา แล้วเราได้รับพลังทำให้เราอยากทำต่อ และมันดีกับงาน อีกอย่างก็ทำให้ตัวเองรู้สึกดี สดชื่น มีพลังในการทำงาน ก็เลยทำให้เราเสพติดการออกกำลังกาย แล้วก็ดีกับงาน และรู้สึกดีจริงๆ หลังออกกำลังกายเสร็จ

มาค้นพบว่าตัวเองกระดูกสันหลังคดมาไม่ถึงปีมานี้ คือช่วงที่ออกกำลังกายหนัก ยกเวทหนักๆ เกือบ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นมีอาการเจ็บอยู่ตลอด แต่เลือกที่จะหมางเมินมัน เจ็บก็คิดว่าปกติเพราะกล้ามเนื้อกำลังทำงาน กำลังซ่อมแซมมันแต่เราเจ็บแบบเรื้อรังแม้จะบางวันไม่ได้ออกกำลังกาย มีความจี๊ดแปล๊บ วิธีการแก้ที่เราทำมาก่อนและไม่ได้บอกว่าถูกก็คือไปหาหมอนวดแผนไทยให้แก้อาการ พอดีขึ้นก็กลับไปยกใหม่ แล้วก็ทำเป็นรูทีน แต่พอคลายไม่ออกก็หาหมอใหม่ ไปฝังเข็ม ตอนแรกลองไปโรงพยาบาลเลยแบบใช้ไฟฟ้า แต่ไม่รู้สึกดีขึ้นเลย และอีกศาสตร์ไปลองครอบแก้วตอนทำรู้สึกสบายมากแต่อยู่ได้แป๊บเดียว และหลังม่วงเป็นรอยอยู่นาน แล้วเป็นช่วงที่เราทำงานเลยรู้สึกว่าไม่ได้

รวมถึงไปลองจัดกระดูก ตอนนั้นไม่ใช่แค่ปวดเมื่อย จากสะบักติด ปวดคอร้าวขึ้นหัว เป็นไมเกรน และมีอาการที่เพิ่มขึ้นมาคือ บางทีสะบักเหมือนถูกขมวดเข้าหากันแล้วกดทับอะไรสักอย่าง และคิดไปเองว่าน่าจะทับเส้นประสาทเพราะว่าแขนซ้ายชา และจั๊กจี้ที่มือ ก็เลยกินยาคลายกล้ามเนื้อแล้วหลับไปทุกคืน

บัญชีม้า! ตำรวจสืบนครบาลตามรวบหนุ่มรับจ้างเปิดบัญชีให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ สร้างความความเสียหาย กว่า 2 ล้าน

ันที่ 12 มีนาคม พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุด PCT ชุดปฏิบัติการ 5 แถลงผลชุดวิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. นำทีม พ.ต.ท.พิทักษ์ ศรีกะแจะ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่  จับกุม นายนิพนธ์ บุญแสง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ซอยรามอินทรา 65 แยก 2-14 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพ  ตามหมายจับ  2 หมายจับ ศาลจังหวัดปทุมธานี ที่ 245/2565    
ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2565 ความผิดฉ้อโกงทรัพย์และโดยทุจริตนำเข้าข้อมูลทางคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและศาลแขวงสุรินทร์ ที่ จ96/2565 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2565             ความผิด ร่วมกันฉ้อโกง จับตัวได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 37 ซอยรามอินทรา 65 แยก 2-14 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร กรุงเทพ        

คดีนี้มีผู้เสียหายจังหวัดปทุมธานี ร้องเรียนมายังเพจ สืบสวนนครบาลIDMB ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกให้โอนเงินไปตรวจสอบ เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องในการฟอกเงิน หากตรวจสอบแล้วไม่พบความผิด จะโอนเงินกลับคืนให้ ผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้โอนเงินไปให้ตรวจสอบ ที่หมายเลขบัญชีชื่อนายนิพนธ์ (ขอสงวนนามสกุล) รวมเป็นเงินจำนวน 340,000 บาท จากนั้นผู้เสียหายไม่ได้รับโอนเงินกลับคืนและไม่สามารถติดต่อกับผู้รับโอนได้ เชื่อว่าถูกหลอกจนเกิดความเสียหาย จึงร้องทุกข์ไว้ และอีกรายมีผู้เสียหายจังหวัดสุรินทร์ แจ้งว่าถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้โอนเงินไปตรวจสอบในลักษณะเดียวกัน ผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้โอนเงินไปให้ที่หมายเลขบัญชีเดียวกัน รวมเป็นเงินจำนวน 1,170,000 บาท จึงได้แจ้งความร้องทุกข์

อย่าหลงเชื่อ!! ‘ตำรวจไซเบอร์’ แนะ 10 แนวทางระวังภัย ‘เพจปลอม’ สวมรอยเฟซบุ๊กจริง ลวงขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์

โฆษก บช.สอท. เตือนภัยระวังมิจฉาชีพหลอกลวงขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ระวังเจอเพจเฟซบุ๊กปลอม สวมรอยลอกเลียนแบบเพจเฟซบุ๊กจริง อย่าหลงเชื่อ

(12 มี.ค.66) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัย กรณีการหลอกลวงขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ระวังเจอเพจในเฟซบุ๊กปลอม ลอกเลียนแบบของเพจในเฟซบุ๊กจริง ดังนี้

ที่ผ่านมาได้รับรายงานจากกองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ตอท.) พบว่ามีประชาชนตกเป็นเหยื่อจากการซื้อสินค้าแต่ไม่ได้รับสินค้าเฉลี่ยกว่า 1,900 รายต่อสัปดาห์ ส่วนใหญ่สินค้าที่มักถูกหลอกลวง ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ ผลไม้ บัตรคอนเสิร์ต รถจักรยานยนต์มือสอง และปลาแซลมอน เป็นต้น

โดยภัยจากการซื้อขายสินค้าออนไลน์มีหลากหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่การซื้อสินค้าแต่ไม่ได้รับสินค้า หรือซื้อสินค้าแต่ได้รับสินค้าไม่ตรงกับที่สั่งซื้อ หรือได้ไม่ตรงปก หรือซื้อสินค้าแต่ได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ไปจนถึงการใช้หลักฐานการโอนเงินปลอมเพื่อหลอกลวงผู้ขาย เป็นต้น โดยส่วนใหญ่มิจฉาชีพมักจะสร้างความน่าเชื่อถือของร้านค้า การการันตีสินค้า การรีวิวสินค้าปลอม รวมไปถึงการโฆษณาสรรพคุณเกินจริง

นอกจากนี้ยังมีการสร้างเพจในเฟซบุ๊กปลอมตั้งชื่อลอกเลียนแบบให้เหมือน หรือคล้ายคลึงกับเพจในเฟซบุ๊กที่มีการซื้อขายสินค้าจริง โดยการคัดลอกรูปภาพสินค้า และเนื้อหาจากเพจจริงมาใช้ เมื่อหลอกลวงผู้เสียหายได้หลายรายก็จะเปลี่ยนชื่อเพจ หรือสินค้าไปเรื่อยๆ หรือสร้างเพจปลอมขึ้นมาใหม่ ยกตัวอย่างเช่น มีผู้เสียหายถูกหลอกลวงซื้อโทรศัพท์มือถือโทรศัพท์ซิมเน็ตรายปี ผ่านเพจปลอม Moblie2you ซึ่งเพจจริงคือ Mobile2youmbk หรือกรณีปลอมเพจหลายเพจขายทุเรียนของดาราท่านหนึ่ง เป็นต้น

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานในด้านการป้องกันปราบปราม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ

โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา บช.สอท. ได้เร่งปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง มีปฏิบัติการสำคัญเมื่อต้นเดือน มี.ค.66 ระดมตรวจค้นกว่า 40 จุด ทั่วประเทศภายใต้ยุทธการ “ ปิด Job - Shop ทิพย์ ” หลอกขายสินค้าและบริการผ่านโลกออนไลน์ มีประชาชนหลายรายได้ความเสียหายหลายล้านบาท สามารถทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับกว่า 30 ราย ตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตามการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ถึงแม้จะมีข้อดีหลายๆ ประการ ไม่ว่าจะสะดวกสบาย มีให้เลือกหลากหลาย สามารถเปรียบเทียบราคาสินค้าแต่ละแหล่งได้ ติดตามโปรโมชันต่าง ๆ ได้ ที่สำคัญสามารถสั่งซื้อได้ตลอดเวลา แต่ก็เป็นช่องทางหนึ่งให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชนโดยมิชอบ

สงสารผู้บริโภค!! ‘แพรรี่ ไพรวัลย์’ คาใจฉากเซ็นเซอร์ ‘หุ่นพยนต์’ ลั่น!! ทำไมต้องฝากการแยกถูกผิด ไว้กับคนคร่ำครึ

‘แพรรี่’ สงสารผู้บริโภค คาใจปมเซ็นเซอร์ ‘หุ่นพยนต์’ เทียบละครทองเนื้อเก้า งง เณร = กอดแม่ไม่ได้ กอดผู้ชายอาบัติเล็กน้อย?


สืบเนื่องกรณี ภาพยนตร์แนวสยองขวัญเรื่อง “หุ่นพยนต์” ที่ต้องเลื่อนฉายออกไปไม่มีกำหนด หลังคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ มีมติให้เป็นภาพยนตร์เรต ฉ.20+ ห้ามผู้ชมที่อายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าชม และให้ตัดฉากที่มีเนื้อหากระทบศาสนาออก ล่าสุด ไมค์ ภณธฤต ผู้กำกับหนังหุ่นพยนต์ ก็ได้ออกมาโพสต์อธิบายเขียนถึงฉากเณรกอดแม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในฉากที่มีคำสั่งให้ตัดออก โดยบอกว่า ‘ผู้หญิงที่เณรกอดคือแม่ แม่ผู้ให้กำเนิด แม่อยู่ในอาการหวาดกลัวร้องไห้ และตกใจ ที่ลูกสาว (พี่สาวเณร) โดนผีเข้า สิ่งที่เณรทำคือเข้าไปดูแลและปกป้องแม่ตัวเอง เพราะเณรก็ตกใจในอาการที่แม่เป็น แต่ต้องเข้าไปดูแม่ตัวเอง นั้น

เมื่อเวลา 21.52 น. วันที่ 11 มีนาคม “แพรรี่” หรือ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ไพรวัลย์ วรรณบุตร ระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า

“พระจริงกอดผู้ชาย ไม่มีปัญญาจัดการ เณรกอดแม่ในหนังให้ตัดออก ดอก(ไม้)สีทอง จริงๆ”
ต่อมา แพรรี่ได้โพสต์ภาพซีนดังกล่าวในภาพยนตร์ที่ถูกตัดออก พร้อมข้อความว่า “กรี๊ดดดดดดออกมาค่ะ กรี๊ดดดดดดออกมา” โดยยังได้คอมเมนต์โพสต์ดังกล่าวด้วยภาพจากละครทองเนื้อเก้า ที่มีฉากเณรกอด “ลำยอง” นางเอกในเรื่องที่นำแสดงโดย วรนุช ภิรมย์ภักดี หรือ นุ่น พร้อมระบุข้อความว่า “น้ำลายฟูมปากหรือยังคะ”

ดูแลทุกช่วงวัย!! 'บิ๊กตู่' คลิกโอน 1.4 พันล้านบาท หนุนเด็กงวด มี.ค.66 ช่วยพ่อแม่เลี้ยงดูเด็กแรกเกิดต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558

บิ๊กตู่ แจกอีกเงินเด็กกดปุ่มโอนเงินอุดหนุนเด็ก 1.4 พันล้านบาท ให้ผู้ปกครอง 2.3 ล้านราย

(11 มี.ค.66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มุ่งลดเหลื่อมล้ำในทุกมิติ ควบคู่ไปกับการลงทุนเพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รองรับเด็กทุกช่วงวัยตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยทำงาน โดยได้จ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด จำนวน 600 บาท ให้แก่เด็กแรกเกิดในครัวเรือนยากจนหรือครัวเรือนที่เสี่ยงต่อความยากจน เพื่อให้เด็กได้รับการดูแลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีพัฒนาการเหมาะสมตามวัยตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นมา

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ล่าสุดขอแจ้งข่าวดีพี่น้องประชาชน เงินอุดหนุนเด็กประจำเดือนมีนาคม 2566 เข้าบัญชีแล้วเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 สำหรับผู้ปกครองที่มีสิทธิรับเงินอุดหนุนรายเดิมและรายใหม่ที่ลงทะเบียนสมบูรณ์ในระบบก่อนวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 จำนวน 2,313,966 ราย เป็นจำนวนเงิน 1,461,718,200 บาท ทั้งนี้ผู้ปกครองที่ได้รับสิทธิสามารถตรวจสอบยอดเงินจากเลขที่บัญชีธนาคารหรือพร้อมเพย์ที่แจ้งรับเงินอุดหนุนไว้

หมดความเชื่อมั่น นทท. โวย โดนหมาจรจัดกัด ที่หาดอ่าวนาง เสียค่ารักษากว่า 2 หมื่นบาท ร้องแก้ปัญหาอย่างจริงจัง

นักท่องเที่ยวโวย ถูกสุนัขจรจัดไล่กัดได้รับบาดเจ็บขณะเดินออกกำลังกาย หน้าหาดอ่าวนาง ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล กว่า 2 หมื่นบาท เรียกร้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้องแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อความปลอดภัยนักท่องเที่ยว

กลับมาอีกแล้วปัญหาสุนัขจรจัดทำร้ายนักท่องเที่ยวที่หาดอ่าวนาง ล่าสุด เกิดเหตุสุนัขจรจัดบริเวณหน้าหาดอ่าวนาง ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ไล่กัดนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ และต้องเสียค่ารักษาพยาบาลเป็นเงินกว่า 20,000 บาท สร้างความไม่พอใจแก่นักท่องเที่ยวรายดังกล่าวเป็นอย่างมาก และเกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัย

เบื้องต้น ทราบว่านักท่องเที่ยวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ คือ นายแดเนียล สุดใจ (Daniel Sudjai Kutrakun) อายุประมาณ 60 ปี เป็นคนไทยที่มีภรรยาเป็นชาวอเมริกันและทำงานอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และจะกลับมาเที่ยวที่หาดอ่าวนางทุกปี โดยพักอยู่โรงแรมแห่งหนึ่ง หน้าหาดอ่าวนาง ทั้งสองเป็นแขกวีไอพีของโรงแรม

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (11 มี.ค.) ขณะที่นายแดเนียล และภรรยา กำลังเดินออกกำลังกายบริเวณหน้าหาดอ่าวนาง ห่างจากที่พักประมาณ 300 เมตร ระหว่างที่เดินอยู่นั้นพบฝูงสุนัขประมาณ 5 ตัว กำลังรวมตัวกันที่ชายหาด และมีตัวผู้ตัวเมียคู่หนึ่งกำลังผสมพันธุ์กัน เมื่อเห็นนายแดเนียลและภรรยา สุนัขตัวสีน้ำตาลได้วิ่งเข้ามากัดขาซ้าย นายแดเนียล จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ท่ามกลางความตกใจกลัวของภรรยานายแดเนียล

ซึ่งนายแดเนียล จึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือมา บันทึกภาพฝูงสุนัขดังกล่าวเอาไว้เพื่อแชร์ในโลกออนไลน์ ก่อนจะเดินทางไปรักษาตัวที่คลินิก ซึ่งทั้งค่าตรวจรักษา และยาค่ายาเป็นเงินจำนวนกว่า 2 หมื่นบาท

โดยนายแดเนียล บอกว่า ตนมาเที่ยวที่อ่าวนางทุกปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทำให้รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลนั้นตนไม่ติดใจอะไร แต่ไม่อยากให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดกับนักท่องเที่ยวคนอื่นอีก

ไขมันตัวร้าย ‘แพทย์’ แนะเลิกใช้น้ำมันหมู หันใช้น้ำมันพืชแทน ชี้!! เสี่ยง ‘เส้นเลือดหัวใจตีบ-อัมพาต-กล้ามเนื้อหัวใจตาย’

คนไข้รอดหวุดหวิด หลังคุณหมอบอกให้เปลี่ยนจากใช้น้ำมันหมู มาเป็นน้ำมันพืช ค่าไขมันบ่งชัด ต่างกันขนาดนี้เลย

คนไข้รอดหวุดหวิด หลังหมอบอกให้เปลี่ยนจากใช้น้ำมันหมู มาเป็นน้ำมันพืช  เดี๋ยวนี้ผู้คนมักป่วยกันง่ายขึ้น ไม่ใช่เพราะดูแลตัวเองไม่ดี แต่เป็นเพราะสิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษที่หนักหนาขึ้น จึงทำให้หลายคนป่วยง่าย แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือเรื่องอาหารการกิน เพราะจุดเริ่มต้นของสุขภาพที่ดีก็คืออาหาร 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ล่าสุด นพ.วรุตม์ พิสุทธินนทกุล หมอผ่าตัดที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ได้เผยภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งเป็นภาพการตรวจสุขภาพของคนไข้คนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนไข้ที่เคยผ่าตัดบายพาสหัวใจ จากอดีตที่คนไข้มีไขมันเลวถึง 215 ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงขนาดที่ว่าอาจเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบอีกรอบ ลงมาเหลือแค่ 103

ทั้งนี้ คนไข้คนดังกล่าว เคยเข้ารับการผ่าตัดมาหลายปี ผลเลือดดีมาตลอด แต่คนไข้ได้รับความรู้มาผิด ๆ จากการพยายามหาความรู้ด้านการรักษาสุขภาพ โดยบอกว่า ให้เปลี่ยนจากน้ำมันพืชมาใช้น้ำมันหมู จากที่คุมค่าเลือดได้ กลายเป็นค่าไขมันทะลุ 200 คุณหมอเลยบอกว่าต้องเปลี่ยนกลับมาใช้น้ำมันพืชตามเดิม และค่าไขมันก็ลดลงมา

"ขอเหอะ หยุดใช้น้ำมันหมู มันหมูปรุงอาหาร มันทำลายสุขภาพทั้งเส้นเลือดหัวใจตีบ เส้นเลือดสมองตีบอัมพฤกษ์ อัมพาต กล้ามเนื้อหัวใจตายและอีกมากมาย สรุป น้ำมันหมูทำไขมันตัวร้ายพุ่งเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือด ให้ใช้น้ำมันพืชตามปกติ"
 

ตำรวจไซเบอร์ เตือนระวังเพจปลอมเลียนแบบเพจจริงหลอกขายสินค้าออนไลน์

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ โฆษก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัย กรณีการหลอกลวงขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ระวังเจอเพจในเฟซบุ๊กปลอม ลอกเลียนแบบของเพจในเฟซบุ๊กจริง ดังนี้


ที่ผ่านมาได้รับรายงานจากกองบังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ตอท.) พบว่ามีประชาชนตกเป็นเหยื่อจากการซื้อสินค้าแต่ไม่ได้รับสินค้าเฉลี่ยกว่า 1,900 รายต่อสัปดาห์ ส่วนใหญ่สินค้าที่มักถูกหลอกลวง ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ ผลไม้ บัตรคอนเสิร์ต รถจักรยานยนต์มือสอง และปลาแซลมอน เป็นต้น โดยภัยจากการซื้อขายสินค้าออนไลน์มีหลากหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่การซื้อสินค้าแต่ไม่ได้รับสินค้า หรือซื้อสินค้าแต่ได้รับสินค้าไม่ตรงกับที่สั่งซื้อ หรือได้ไม่ตรงปก หรือซื้อสินค้าแต่ได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ไปจนถึงการใช้หลักฐานการโอนเงินปลอมเพื่อหลอกลวงผู้ขาย เป็นต้น โดยส่วนใหญ่มิจฉาชีพมักจะสร้างความน่าเชื่อถือของร้านค้า การการันตีสินค้า การรีวิวสินค้าปลอม รวมไปถึงการโฆษณาสรรพคุณเกินจริง นอกจากนี้ยังมีการสร้างเพจในเฟซบุ๊กปลอมตั้งชื่อลอกเลียนแบบให้เหมือน หรือคล้ายคลึงกับเพจในเฟซบุ๊กที่มีการซื้อขายสินค้าจริง โดยการคัดลอกรูปภาพสินค้า และเนื้อหาจากเพจจริงมาใช้ เมื่อหลอกลวงผู้เสียหายได้หลายรายก็จะเปลี่ยนชื่อเพจ หรือสินค้าไปเรื่อยๆ หรือสร้างเพจปลอมขึ้นมาใหม่ ยกตัวอย่างเช่น มีผู้เสียหายถูกหลอกลวงซื้อโทรศัพท์มือถือโทรศัพท์ซิมเน็ตรายปี ผ่านเพจปลอม Moblie2you ซึ่งเพจจริงคือ Mobile2youmbk หรือกรณีปลอมเพจหลายเพจขายทุเรียนของดาราท่านหนึ่ง เป็นต้น


ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบงานในด้านการป้องกันปราบปราม ได้ให้ความสำคัญ และมีความห่วงใยต่อภัยการหลอกลวงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง และจริงจัง

ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ


โฆษก บช.สอท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา บช.สอท. ได้เร่งปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง มีปฏิบัติการสำคัญเมื่อต้นเดือน มี.ค.66 ระดมตรวจค้นกว่า 40 จุด ทั่วประเทศภายใต้ยุทธการ “ ปิด Job - Shop ทิพย์ ” หลอกขายสินค้าและบริการผ่านโลกออนไลน์ มีประชาชนหลายรายได้ความเสียหายหลายล้านบาท สามารถทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับกว่า 30 ราย ตรวจยึดของกลางได้เป็นจำนวนมาก


อย่างไรก็ตามการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ถึงแม้จะมีข้อดีหลายๆ ประการ ไม่ว่าจะสะดวกสบาย มีให้เลือกหลากหลาย สามารถเปรียบเทียบราคาสินค้าแต่ละแหล่งได้ ติดตามโปรโมชันต่างๆ ได้ ที่สำคัญสามารถสั่งซื้อได้ตลอดเวลา แต่ก็เป็นช่องทางหนึ่งให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ หลอกลวงเอาทรัพย์สินของประชาชนโดยมิชอบ

'คณะผู้แทนรัฐสภาไทย' เข้าร่วมประชุม สมัชชาสหภาพรัฐสภาเสวนาของ รัฐสภา เกี่ยวกับอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตปีที่ 20 ณ กรุงโดฮารัฐกาตาร์ (ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์)

วันนี้ (11 มี.ค. 66)เวลา14:00-16:30 น. ณ กรุงโดฮารัฐกาตาร์ ตัวแทนสภารัฐบาลไทยประเทศไทย ได้เข้าร่วมประชุมเสวนาเกี่ยวกับอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตปี2556 โอกาสนี้ นายสุทา ประทีป ณ ถลาง รอง.กมธ.ปปช.สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ตเป็นประธานหัวหน้าคณะรัฐสภาไทย ได้กล่าวถ้อยแถลงในนาม คณะผู้แทนรัฐสภาไทย ต่อที่ประชุมสมัชชา มีสาระสาคัญว่า 

ประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกัน และต่อต้านการทุจริตและให้ความร่วมมือ องค์การระหว่างประเทศ และระดับภูมิภาคที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมและพัฒนาโดยเป็นไปตามหลักการพื้นฐานของระบบกฎหมาย ความร่วมมือดังกล่าว อาจรวมถึงการมีส่วนร่วมในแผนการดำเนินงานและโครงการระหว่างประเทศ ในโอกาสนี้เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของประเทศไทย ในการปฏิบัติตามอนุสัญญา UNCAC นับตั้งแต่ประเทศไทยให้สัตยาบันต่ออนุสัญญา UNCAC เมื่อปี พ.ศ. 2554 ได้มีความคืบ หน้าในความพยายามต่อต้านการทุจริตที่สอดคล้องกับอนุสัญญา UNCAC โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางกรอบทางกฎหมาย ของประเทศซึ่งประเทศไทยได้ตรากฎหมายเพื่อต่อต้านการทุจริต ได้แก่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2551และ พระราชบัญญัติ การจัดซื้อจัดจ้าง การบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตดั่งกล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top