Monday, 7 July 2025
NEWS FEED

“ม.หัวเฉียว” เราเป็นมากกว่ามหาวิทยาลัย เปิดตัวศูนย์บริการด้านสุขภาพแบบครบวงจร Grand Opening

ที่บริเวณโซนโรบินสัน ชั้น 1 ศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ (มฉก.) และศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ จับมือกันอีกครั้งสรรสร้างพื้นที่ทางการค้าเป็นโซนสุขภาพและความรู้ จัดงาน Grand Opening เปิดตัวศูนย์ดูแลด้านสุขภาพและ ด้านจีนศึกษาแบบครบวงจร ภายใต้ชื่องาน ม.หัวเฉียวฯ เราเป็นมากกว่ามหาวิทยาลัย HCU More than a University ระหว่างวันที่ 9-12 มีนาคม 2566 เวลา 10.30 น.ถึง 20.00 น. 

โดยภายในงานเปิดให้บริการฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ตลอด 4 วันเต็ม โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.อุไรพรรณ เจนวาณิชยานนท์ อธิการบดี มฉก. พร้อมด้วย คุณไปรเทพ ซอโสตถิกุล อุปนายกสภา มฉก. และ ดร.จักรพล จันทวิมล ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารการตลาด บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จากัด (มหาชน) ร่วมเปิดงาน โดยมี อาจารย์ ดร.โจนาธาน อาร์ คาร์รีออน รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ อาจารย์ฉลอง แขวงอินทร์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ อาจารย์ทศพร เลิศพิเชฐ ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ อาจารย์ปวินท์ สุวรรณกุล ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ อาจารย์ฟาง เวินกั๋ว ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ตลอดจนเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ และนิสิตนักศึกษา จากมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ เข้าร่วมเปิดตัวศูนย์บริการด้านสุขภาพและด้านจีนศึกษาครบวงจร

โดย รองศาสตราจารย์ ดร.อุไรพรรณ เจนวาณิชยานนท์ อธิการบดี มฉก. ได้กล่าว ม.หัวเฉียวฯ เป็นมากกว่ามหาวิทยาลัย เพราะได้นำความรู้ ความชำนาญ ความเข้มแข็ง ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพและด้านจีนศึกษาที่เปิดสอนในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก มาขยายขอบข่ายจัดตั้งเป็นศูนย์ สถาบัน และคลินิก รวม 19 หน่วย ให้บริการวิชาการด้านสุขภาพและให้ความรู้ด้านต่าง ๆ แก่ประชาชน ซึ่งการดูแลด้านสุขภาพของมหาวิทยาลัยแตกต่างกว่าที่อื่น เพราะได้นำศาสตร์การแพทย์แผนจีนมาบูรณาการเข้ากับแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อดูแลรักษาสุขภาพแบบ 4P คือ Health Predictive, Health Promotion, Health Prevention และ Personalized Health Care การจัดงานครั้งนี้ แบ่งเป็น บูธสุขภาพ บูธภาษา บูธให้ความรู้และบริการ รวม 19 บูธ

โปรดเกล้าฯ พระราชทานพระยศ 'พลตรีหญิง' สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี

10 มี.ค.2566 - เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศเรื่อง ให้นายทหารรับราชการและพระราชทานพระยศทหาร ความว่า

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายทหารรับราชการและพระราชทานพระยศทหาร

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ ประกอบมาตรา ๒๕ และมาตรา ๒๗ แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. ๒๕๕๑ และมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติยศทหาร พุทธศักราช ๒๔๗๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม

ตำรวจ ปส.(NSB) และ AITF คุมเข้ม สกัดกั้นยาเสพติด การนำเข้าและส่งออกต่างประเทศ

วันที่ (11 มี.ค.66) พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยผลการสกัดกั้นจับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาเสพติดที่ถูกลักลอบซุกซ่อนมากับอุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านสายการบินจากต่างประเทศ และการเตรียมส่งออกนอกประเทศ โดย ภายใต้การขับเคลื่อนภารกิจปราบปรามยาเสพติดของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3  จัดกำลังสืบสวนตรวจตราจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ที่คอยปรับเปลี่ยนวิธีด้วยการซุกซ่อนลำเลียงขนส่งยาเสพติดในรูปแบบต่างๆ ผ่านระบบ Logistics อาทิ พัสดุภัณฑ์, ไปรษณีย์, ทางท่าเรือ, และทางอากาศ  เพื่อให้ก้าวตามทันขบวนการเหล่านี้ ไม่ใช่เป็นแค่การจับกุมตามเส้นทางถนนซึ่งขบวนการได้ใช้ลำเลียงเป็นหลักเท่านั้น ต้องทำควบคู่กันในทุกมิติ ของการปราบปรามไม่ว่าจะลักลอบลำเลียงด้วยวิธีใดก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถติดตามเฝ้าระวังและสกัดจับได้ในทุกช่องทางอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจ หน่วยปราบปรามยาเสพติดสุวรรณภูมิ (NSB) ได้ประสานความร่วมมือภายใต้โครงการด้านปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติ หรือ AITF ประกอบด้วย ป.ป.ส.,กรมศุลกากร ,ศรภ. จนสามารถนำไปสู่การสกัดกั้นยาเสพติดในห้วงเดือน ตุลาคม - ปัจจุบัน พ.ศ.2566 ได้หลายรายการ อาทิ ไอซ์ 12 กก., ยาบ้า 11,823 เม็ด, เคตามีน 1.7 กก., โคเคน 5.3 กก., เฮโรอีน 4.2 กก. และยาสำหรับใช้ทางการแพทย์ซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง, กล่อมประสาท และยานอนหลับ 79,200 เม็ด มีทั้งนำเข้ามาจาก ต้นทาง เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ และประเทศเอธิโอเปีย ขณะที่การส่งออกพบปลายทางไปยังฮ่องกง, ไต้หวัน, เกาหลี และออสเตรเลีย เลี่ยงการถูกจับด้วยการซุกซ่อนไปกับเครื่องครัว, ถุงขนม, หมอนพื้นบ้าน, ตู้ลำโพง, กระเป๋าผ้าพื้นเมืองชาวเขา และ ถุงแป้งทำขนม สำหรับการปราบปรามนี้เป็นไปตามนโยบายและข้อสั่งการของ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในการเร่งรัดการกวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติด รวมทั้งสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากต่างประเทศไม่ให้เข้ามาสู่พื้นที่ประเทศไทยและพื้นที่ขั้นใน รวมทั้งการส่งออกยาเสพติดไปยังประเทศที่ 3 

ปิดฉาก SVB!! สหรัฐฯ สั่งปิดธนาคารปล่อยกู้แก่ธุรกิจสตาร์ตอัป เหตุการณ์แบงก์มะกันล้มครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่วิกฤตปี 2008

นับเป็นการล้มของแบงก์สหรัฐฯ ที่ขนาดใหญ่ที่สุดตั้งแต่วิกฤต 2008 เลยก็ว่าได้ สำหรับ Silicon Valley Bank (SVB) ธนาคารปล่อยกู้แก่ธุรกิจสตาร์ตอัพในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งหากย้อนไปในปี 2008 ปัญหาที่หมักหมมในสหรัฐฯ เริ่มส่งกลิ่นไม่ดีเป็นเวลาหลายปีก่อนที่ฟองสบู่จะแตกตัวในปี 2008 

โดยก่อนหน้านั้นเกิดกระแสการจำนองโดยที่ผู้กู้นำหลักทรัพย์ด้อยคุณภาพมาค้ำประกัน เพราะดอกเบี้ยในตลาดช่วงนั้นต่ำมาก ประกอบกับธนาคารมีเงื่อนไขการปล่อยกู้ที่ผ่อนปรนกว่าแต่ก่อน ซึ่งเปิดทางให้ประชาชนสามารถซื้อบ้านได้ทั้งที่ยังไม่มีความสามารถในการจ่าย 

ผลกระทบที่ธนาคารและสถาบันทางการเงินสหรัฐฯ ได้รับในเวลานั้นก็คือ การขาดทุนอย่างย่อยยับ และ 'เลห์แมน บราเธอร์ส' ก็ได้ประกาศล้มละลาย เนื่องจากไม่สามารถดำเนินกิจการได้ต่อไป เพราะมีภาระหนี้สินถึง 6.13 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่แฮงก์ พอลสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ในเวลานั้นได้ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่อัดฉีดเงินเข้าไปช่วยโอบอุ้มธนาคาร ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดเกิดความตื่นตระหนก โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ร่วงลงกว่า 350 จุดจากข่าวดังกล่าว นอกจากนี้ยังส่งแรงกระเพื่อมสะเทือนไปทั้งตลาดเงินทั่วโลก

กลับมาที่เหตุการณ์ล่าสุด กระทรวงปกป้องการเงินและนวัตกรรมแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียประกาศปิดกิจการของ Silicon Valley Bank (SVB) ในวันนี้ (11 มี.ค.66) พร้อมกับมอบหมายให้บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC: Federal Deposit Insurance Corporation) เป็นผู้ดูแลเงินฝากของ SVB

ทั้งนี้ FDIC ได้จัดตั้ง Deposit Insurance National Bank of Santa Clara (DINB) และได้โอนเงินฝากทั้งหมดจาก SVB ที่ได้รับการค้ำประกันเข้าสู่ DINB เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ฝากเงิน

FDIC เปิดเผยว่า เจ้าของเงินฝากจะสามารถเข้าถึงเงินฝากของตนเองได้ภายในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 13 มี.ค. ซึ่งสาขาต่างๆ ของ SVB จะเปิดทำการ แต่อยู่ภายใต้การควบคุมของ FDIC

อย่างไรก็ดี กฎระเบียบของ FDIC ให้การคุ้มครองเงินฝากไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์ต่อผู้ฝาก 1 ราย ต่อ 1 ธนาคาร

ข้อมูล ณ สิ้นเดือน ธ.ค.2565 ระบุว่า SVB มีสินทรัพย์ทั้งหมดราว 2.09 แสนล้านดอลลาร์ และมีเงินฝาก 1.754 แสนล้านดอลลาร์

เชือดไก่ให้ลิงดู!! ‘สวนสัตว์พาต้า’ ทุ่ม 1 แสนบาท ตั้งรางวัลนำจับ ล่าผู้บุกรุก หลังโดนมือดีพ่นสีใส่ผนัง จี้ปล่อย กอริลลา ‘บัวน้อย’

เพจ "สวนสัตว์พาต้า" โพสต์คำแถลงการณ์ กรณีการประกาศเรื่องต่อสู้และดำเนินคดีความกับผู้ต่อต้านและบุกรุก พร้อมตั้งรางวัลนำจับ 1 แสนบาท เพื่อตามล่ากลุ่มคนทำลายทรัพย์สิน ร้องปล่อยตัวลิงกอริลลา "บัวน้อย" โดยเขียนว่า “Free Buanoi” และอักษรภาษาอื่น ๆ เป็นทางยาวกว่า 20 เมตร

(10 มี.ค. 66) ที่ผ่านมา เพจ "สวนสัตว์พาต้า" ได้ออกมาโพสต์คำแถลงการณ์ กรณีการประกาศเรื่องต่อสู้และดำเนินคดีความกับผู้ต่อต้านและบุกรุก พร้อมตั้งรางวัลนำจับ 1 แสนบาท เพื่อตามล่ากลุ่มคนทำลายทรัพย์สิน ร้องปล่อยตัวลิงกอริลลา "บัวน้อย" โดยทางเพจระบุข้อความว่า "เมื่อเวลาประมาณตี 1 ของเช้าวันที่ 6 มีนาคม 2566 ได้มีกลุ่มผู้กระทำความผิด จำนวน 5 คน บุกรุกพื้นที่ของห้างสรรพสินค้าพาต้า โดยใช้การปีนสะพานลอยผ่านเข้ามายังขอบอาคารชั้น 3 ด้านหน้าห้าง ฯ และ ทำลายทรัพย์สินของบริษัทด้วยการพ่นสีใส่ผนังอาคาร เป็นข้อความในเชิงต่อต้านการครอบครองลิงกอริลลาของสวนสัตว์พาต้า โดยเขียนว่า “Free Buanoi” และอักษรภาษาอื่น ๆ เป็นทางยาวกว่า 20 เมตร

ซึ่งทำให้ตัวอาคารได้รับความเสียหาย และก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของบริษัทเป็นอย่างมาก ทั้งที่การประกอบกิจการของสวนสัตว์พาต้านั้น อยู่ในความดูแลของหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องและผ่านขั้นตอนการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ โดยเหตุการณ์การต่อต้านเรื่องการครอบครองลิงกอริลลาของห้างฯ พาต้านั้น มีมานานกว่า 20 ปี และเพิ่งจะได้รับความเข้าใจจากประชาชนโดยส่วนใหญ่เมื่อประมาณ 4 เดือนที่ผ่านมา จากแถลงการณ์ครั้งแรกของบริษัทฯ ถึงเหตุผลต่าง ๆ และที่มาที่ไปของบัวน้อย ลิงกอริลลา เพศเมีย วัยชรา ที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีตลอดมา ที่แม้ทางบริษัทจะประสบภาวะขาดทุนสะสมอย่างต่อเนื่อง แต่ทางผู้บริหารก็ยังไม่เคยทอดทิ้ง หรือ ตั้งราคาบัวน้อยในราคา 30 ล้าน ตามที่เป็นข่าว

ล่าสุดทางฝ่ายบริหารของทั้งห้างและสวนสัตว์พาต้า ได้เคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยจะขอนำเรื่องการบุกรุกและทำลายทรัพย์สินของบริษัทในครั้งนี้ เป็นกรณีตัวอย่างของการละเมิดสิทธิ์ที่ผิดกฎหมาย ที่บุคคล กลุ่ม หรือองค์กรพิทักษ์สัตว์มากมาย ทั้งในและต่างประเทศได้กระทำกันมาช้านาน

ทั้งการโพสต์โซเชียลมีเดียถึงการวิจารณ์ไปในทางหมิ่นประมาทและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงต่อสวนสัตว์พาต้า, การรวมตัวกันเรียกร้องให้ปิดสวนสัตว์และปล่อยตัวบัวน้อย ด้วยการใช้ภาพถ่ายเน้นลูกกรงให้ดูเศร้า รวมถึงการปรับเล่นกับโทนสีของภาพให้ดูหม่นหมอง เพื่อการเรียกร้อง และนำภาพบัวน้อยไปใช้กันอย่างแพร่หลาย จนนำไปสู่การขอรับบริจาคในโครงการของตนเองหลายต่อหลายครั้ง โดยไม่มีการแจ้งถึงยอดเงินดังกล่าวอย่างเป็นทางการว่าได้นำเงินนั้นไปใช้ในทิศทางใด

และสวนสัตว์พาต้า ขอใช้โอกาสและพื้นที่ตรงนี้เพื่อแจ้งว่า “สวนสัตว์พาต้า ไม่เคยรับทราบถึงที่มาที่ไปของเงินบริจาคดังกล่าว ทั้งในและต่างประเทศ ที่มีการเรี่ยไรกระทำการกันอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย มาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี”
.
รวมไปถึงนักอนุรักษ์สัตว์บางรายที่เคยฉวยโอกาสจากเหตุการณ์ต่อต้านสวนสัตว์พาต้า โดยกระทำการอบรมให้ข้อมูลแก่เยาวชนถึงในสถานศึกษา เพื่อใช้เด็กและเยาวชนเป็นแรงสนับสนุน มุ่งไปที่การ “ปล่อยตัวบัวน้อย” ให้เด็ก ๆ ซึมซับว่าบัวน้อยได้รับความทุกข์ทรมาน โดยที่เด็กและเยาวชนเหล่านั้น อาจไม่รู้ และไม่เคยมาเที่ยวสวนสัตว์พาต้าเลยสักครั้งในชีวิต ซึ่งถือเป็นการมอมเมาเด็กและเยาวชนจากหลักฐานที่ผู้ต่อต้าน ชี้แนะให้เด็ก ๆ จำนวนมาก เห็นสิ่งที่สวนสัตว์พาต้า กระทำตลอดมา ว่าเป็นความผิด ทั้งที่การประกอบกิจการทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้กฎหมาย

ตลอดจนให้เด็ก ๆ เหล่านั้นเขียนข้อความ ลงลายมือชื่อ และนามสกุล เพื่อต่อต้านสวนสัตว์พาต้า ซึ่งเชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านี้ มีผู้ปกครองมากมายไม่ทราบเรื่องราวว่า บุตรหลานของท่านได้ถูกบุคคลนักอนุรักษ์สัตว์ผู้นี้ ชี้นำให้กระทำการต่อต้านในสิ่งที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์ได้ด้วยวุฒิภาวะของตนเอง ทั้งยังให้เด็ก ๆ เหล่านั้น ลงลายมือชื่อ และนามสกุล รวมถึง มีข้อความเรียกร้องให้ปล่อยตัวบัวน้อยออกจาก “คุก !” ไว้เป็นเป็นหลักฐาน ด้วยการชี้นำของตน โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาในตัวของเด็กและเยาวชนเหล่านั้น ว่าจะสามารถนำไปสู่หลักฐานเพื่อใช้ในการต่อสู้ทางคดีความ ที่จะต้องมีรายชื่อเด็ก ๆ เหล่านั้นอยู่ในสำนวนคดี

ยังไม่นับรวมถึงพฤติกรรมของนักอนุรักษ์สัตว์รายนี้ ที่ได้โพสต์ข้อความว่าได้นำเรื่องราวและหนังสือบัวน้อยที่ตนเองได้สร้างขึ้นเพื่อจำหน่ายไปยังหลายประเทศ และตั้งใจส่งไปรษณีย์ไปเพื่อให้ถึงมือเจ้าชาย George องค์น้อย แห่งราชวงศ์อังกฤษ โดยมีข้อความบางตอนที่โพสต์ว่า “หากท่านทรงเดินทางมาเมืองไทย และทรงแวะเยี่ยมบัวน้อย ท่านคงจะทรงตกพระทัยมิใช่น้อย ที่คนไทยไม่สามารถดูแลมรดกโลกได้ดีไปกว่านี้”

ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สวนสัตว์พาต้า รวมถึงประเทศชาติ ถูกตัดสินความผิดจากความรู้สึกของบุคคลผู้นี้ โดยไม่ยึดในข้อกฎหมายเป็นหลัก และยังเพิ่มความกดดัน โดยการนำเรื่องราวของบัวน้อย ออกไปไกลให้ถึงราชวงศ์ของต่างประเทศอย่างมีนัยยะ ด้วยข้อความที่ดูถูกและดูแคลนศักยภาพ และหน่วยงานผู้ดูแลกิจการ จนถึงผู้ประกอบการสวนสัตว์ของไทยอย่างเป็นหลักเป็นฐาน
.
ซึ่งเหตุการณ์ต่อต้านเรียกร้องมากมายที่เกิดขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในประเทศที่มีกฎหมายและหน่วยงานของการควบคุมการทารุณกรรมสัตว์ ดังเช่นในประเทศไทย และสวนสัตว์พาต้า ขออนุญาตและขออภัยหากข้อความต่อไปนี้ จะถือเป็นการสอนท่านผู้อนุรักษ์สัตว์รายนี้ ว่า “นักอนุรักษ์ที่มีมาตรฐานสูงทั่วโลก จะเริ่มจากพื้นฐานแห่งจิตสำนึกด้วยการไม่ต่อต้านสิ่งที่ถูกกฎหมายบนพื้นแผ่นดินในประเทศของตน

นักอนุรักษ์สัตว์ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี ไร้ซึ่งนัยยะเคลือบแคลง มักจะมุ่งทำประโยชน์ให้กับชีวิตสัตว์ที่น่าสงสารอีกมากมายอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เลือกแม้ตัวตน เพศ ชนิด สายพันธุ์ หรือราคาของสัตว์ตัวนั้น ๆ จนนำไปสู่โอกาสของการสร้างชื่อเสียง รายได้ และการออกสื่อ หรือเข้าถึงบุคคลผู้ทรงเกียรติที่เกี่ยวข้อง เพื่อหน้าตาทางสังคมของตนเป็นนิจ

ลองกา 'ก้าวไกล' ‘พิธา’ มั่นใจ ก้าวไกล 10 คน 10 เขต พลิกเมืองคอน เปลี่ยน 'นครศรีฯ' จากเมืองรอง สู่ เมือง 'ต้องลอง'

ชิมโกปี้ ไม่มีขมปี๋ เพราะวงน้ำชาก้าวไกลสุดคึกคัก พิธา ศิริกัญญา เยือนเมืองคอน ตอบทุกคำถามคาใจ ชูแก้หนี้เกษตร กระจายอำนาจสร้างนครศรีธรรมราช ให้กลายเป็นเมืองที่ 'ต้องลอง'

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ควง ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค หวังปักธงก้าวไกลทั้งจังหวัด โดยเปิดวงน้ำชา ณ ร้านโกปิ๊ ซึมซับบรรยากาศและวัฒนธรรมการถกเถียงแลกเปลี่ยนทางการเมือง กลางเมืองคอน นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย ปกรณ์ อารีย์กุล ว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 จากพรรคก้าวไกล ร่วมเสวนาพบปะพี่น้องประชาชนด้วยกัน

พิธา ได้กล่าวกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมแลกเปลี่ยนว่าต้องการเห็นนครศรีธรรมราช ที่เป็น 'เมืองรอง' ให้กลายเป็นเมืองที่ต้องมา 'ลอง' ชี้เป็นเมืองที่มีครบทั้ง 3 ธรรม ทั้งธรรมะ ธรรมชาติ และธรรมดา เป็นเมืองที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองในอดีต สถานที่ทางประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่สมบูรณ์ จึงคิดว่าสามารถยกระดับจังหวัดนครศรีธรรมราชให้ดีกว่านี้ได้ พร้อมประกาศว่ามั่นใจในตัวผู้สมัครทั้ง 10 คน 10 เขต ที่พรรคก้าวไกลส่งลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ และเชื่อจะสามารถเปลี่ยนเมืองคอนให้ดีได้กว่านี้ จากนั้นมีการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสอบถาม โดยคำถามส่วนใหญ่เป็นเรื่องของปัญหาหนี้สิน ที่ดินทำกิน และการกระจายอำนาจจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น

พิธา เริ่มต้นตอบคำถามถึงเรื่องการกระจายอำนาจปลดล็อกท้องถิ่น พร้อมเน้นย้ำว่า ต้องกระจายทั้งงบประมาณและบุคลากร ในด้านของ พ.ร.บ. ต้องเพิ่มงบประมาณ อิสระในการตรวจสอบ ตลอดจนสามารถออกพันธบัตรในพื้นที่ได้ในด้านที่สนใจ อย่างเช่น นครศรีธรรมราชสามารถใช้พันธบัตรแก้ไขประเด็นต่าง ๆ โดยไม่ต้องรอนโยบายจากส่วนกลาง ไม่ต้องเกษตรจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ท่องเที่ยวจังหวัด  เพราะฉะนั้นสิทธิชุมชน การบริหารน้ำประปาในพื้นที่ ท้องถิ่นสามารถทำได้ พิธา ย้ำว่า สิ่งนี้ เกาถูกที่คันแน่นอน ส่วนกรณีราคายางตกต่ำ หากส่งออกแล้วเขาไม่รับ พรรคก้าวไกล ได้ออกแบบอุตสาหกรรมที่ใช้ยาง เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น การนำประปาก้าวหน้า ในส่วนประกอบ แต่ละส่วนต้องใช้ยางร่วมด้วย หรือของเล่นเด็กและพื้นรองเท้า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถสร้างงานและซ่อมประเทศไปพร้อมกันได้  ยาง 3 แสนตัน ต้องสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้

ทางรอดวิกฤตฝุ่น ‘แพทย์’ แนะ 6 วิธีเอาตัวรอด ท่ามกลางฝุ่น PM 2.5 เลี่ยงภัยอันตราย หวั่นกระทบสุขภาพ ปชช. ในระยะยาว

แพทย์แนะการปฏิบัติตัวของประชาชนในช่วงวิกฤติ 'ฝุ่น PM 2.5'

ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ 5 สมาคมวิชาชีพเวชกรรม อาทิ สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ , สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทย , สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ , สมาคมประสาทวิทยาแห่งประเทศไทย และสมาคมพิษวิทยาคลินิก ได้ออกคำแนะนำการปฏิบัติตัวของประชาชนในช่วงวิกฤติ "ฝุ่น PM 2.5"

เป็นที่ทราบ และตระหนักกันดีถึงพิษภัยต่อสุขภาพจาก ฝุ่น PM 2.5 ทั้งผลเฉียบพลัน และผลเรื้อรัง ไม่เฉพาะผลต่อระบบการหายใจที่เป็นช่องทางนําพาฝุ่นเข้าสู่ร่างกายเท่านั้น ฝุ่น PM 2.5 ยังมีผลต่อการเกิดโรคระบบต่าง ๆ เช่น ระบบหลอดเลือดและหัวใจ ระบบประสาท หลอดเลือดสมอง และโรคไต

ประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายได้มากคือ เด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคเรื้อรัง (โรคปอด หัวใจ สมอง และไต) ในขณะที่ทุกภาคส่วนกําลังระดมสมองแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้น และระยะยาว 

นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ ตรวจเยี่ยม ให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์กลุ่มแม่บ้านตำรวจ ภ.6 เพื่อสร้างรายได้เสริม พร้อมมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวตำรวจเด็กพิเศษ

เมื่อวานนี้ (9 มี.ค.66) ณ ตำรวจภูธรภาค 6 จังหวัดพิษณุโลก คุณสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พร้อมด้วย คุณอุชัญญา ปราสาททองโอสถ อุปนายกสมาคมฯ และที่ปรึกษาโครงการ OPOP ภาค 6-9 และตชด. ตรวจเยี่ยมโครงการ OPOP และกิจการชมรมแม่บ้านตำรวจภูธร ภ.6 โดยพล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 คุณภคมน พิมลศรี ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 6 ให้การต้อนรับ และนำชมผลิตภัณฑ์ opop ของกลุ่มแม่บ้าน จำนวน 11 บูธ ได้แก่

- บูธที่ 1 ชมรมแม่บ้าน ภ.6 กล้วยตากออร์แกนิค สับปะรดอบแห้งแม่กระแต 
- บูธที่ 2 จว.สุโขทัย ขนมกรอบเค็ม หมี่กรอบทรงเครื่อง โรตีกรอบ ขนมเปี๊ยะนมสด
- บูธที่ 3 จว.นครสวรรค์ แคบหมูทรงเครื่อง ข้าวสารอินทรีย์ คุกกี้ธัญพืช
- บูธที่ 4 จว.เพชรบูรณ์ กล้วยไส้มะขาม มะขามอบแห้งไร้เมล็ด สบู่สกัดจากกาแฟ เมล็ดกาแฟ แมคคาเดเมีย ชาดอกกาแฟ น้ำผึ้งแท้จากไร่จ่านรินทร์  
- บูธที่ 5 จว.พิษณุโลก ข้าวตาชิน ผ้าทอชาติตระการ ชาไข่มุก ผักปลอดสารพิษของ 'โครงการตำรวจพันธุ์ดี'

กฟผ.- เชลล์ หนุนนโยบายโลกลดการปล่อยคาร์บอน ร่วมศึกษาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและการกักเก็บคาร์บอน

กฟผ. และ บ. เชลล์แห่งประเทศไทย ร่วมลงนาม MOU แลกเปลี่ยนและศึกษา Clean Energy Development มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เดินหน้าประเทศไทยสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2065

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และนายปนันท์ ประจวบเหมาะ ประธานกรรมการบริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อแลกเปลี่ยนและศึกษาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด อาทิ เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์และกักเก็บคาร์บอน Carbon Capture Utilization and Storage (CCUS) และเทคโนโลยีเชื้อเพลิงทางเลือกในการผลิตไฟฟ้า เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 ณ อาคาร 50 ปี กฟผ. สำนักงานใหญ่ จ. นนทบุรี

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า ประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (COP26) โดยตั้งเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065  เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายดังกล่าว กฟผ. ได้ขับเคลื่อนองค์กรภายใต้กลยุทธ์ ‘Triple S’ คือ Sources Transformation เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน พัฒนาเทคโนโลยีทางเลือก และเทคโนโลยีเพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Sink Co-creation เพิ่มแหล่งดูดซับกักเก็บคาร์บอน ผ่านโครงการปลูกป่าล้านไร่ และการศึกษาเทคโนโลยี CCUS และ Support Measures Mechanism ส่งเสริมการมีส่วนร่วมลดก๊าซเรือนกระจกในภาคประชาชน ผ่านโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 โครงการห้องเรียนสีเขียว และส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า 

รวมพลังภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบ 17 จังหวัดภาคเหนือ ร่วมประกาศเจตนารมณ์ 'คนเหนือไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า'

(10 มี.ค. 66) ที่ โรงแรมเมอเวนพิค สุริวงศ์ เชียงใหม่ รองพ่อเมืองเชียงใหม่ เป็นประธานในการ กล่าวนำภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบภาคเหนือ 17 จังหวัด กว่า 200 คน ร่วมประกาศเจตนารมณ์ 'คนเหนือไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า' ในงานสัมมนาเรื่อง 'คนเหนือไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า' ย้ำจุดยืน คนเหนือ จะร่วมมือกันรณรงค์ป้องกันประชาชนภาคเหนือทุกคน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ให้ปลอดพ้นจากการเสพติดบุหรี่และไฟฟ้าทุกรูปแบบ

นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นประธานในการประกาศเจตนารมณ์  'คนเหนือไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า' ครั้งนี้ การระดมทุกภาคส่วนของภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบ 17 จังหวัด ภาคเหนือ ให้มาร่วมกันรณรงค์ป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ากับกลุ่มเด็กและเยาวชนถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าขยายวงกว้างไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มเด็กและเยาวชน  

โดยคำประกาศเจตนารมณ์ 'คนเหนือไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า' มีแนวทางดังนี้

1. พวกเราจะร่วมมือกันรณรงค์ป้องกันประชาชนภาคเหนือทุกคน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ให้ปลอดพ้นจากการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ
2. พวกเราจะร่วมกันสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในโรงเรียน และสถานศึกษาทุกระดับ เพื่อป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกชนิดของเด็กและเยาวชนภาคเหนือ  โดยการบังคับใช้กฎหมายการห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเคร่งครัด
3. พวกเราจะร่วมกันสื่อสารข้อมูล เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนภาคเหนือได้รับรู้ถึงอันตรายของการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า และรู้เท่าทันกลยุทธ์ของอุตสาหกรรมยาสูบ

4. พวกเราจะร่วมกันสร้างกลไกขับเคลื่อนงานของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ให้เกิดการเชื่อมประสานการทำงานในเรื่องนี้อย่างเป็นรูปธรรมต่อเนื่อง
5. พวกเราจะดำเนินการป้องกันการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าให้เป็นวาระแห่งชาติ  และประกาศเจตจำนงที่ชัดเจนในการสนับสนุนให้รัฐบาลคงนโยบาย และมาตรการในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้

ด้าน  ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า จากข้อมูลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติปี พ.ศ.2564 พบว่า อัตราการสูบบุหรี่ของคนไทยล่าสุดของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไปเท่ากับ ร้อยละ 17.4 มีจำนวนผู้สูบบุหรี่เท่ากับ 9.9 ล้านคน หากมองภาพรวมของประเทศ ลดลงจากรอบสำรวจที่ผ่านมา แต่ที่ยังน่าเป็นห่วง คือ ยังมีปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าขยายวงกว้างไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งมีความเสี่ยงสูงที่เด็กและเยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า จะเกิดการเสพติดนิโคติน สารเสพติดตัวเดียวกันกับที่มีอยู่ในบุหรี่ธรรมดาไปตลอดชีวิต

ถึงแม้ว่าขณะนี้ ประเทศไทยได้มีประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2557 และ ประกาศของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค คำสั่งที่ 9/2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า 'บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า'


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top