Saturday, 17 May 2025
NEWS FEED

ชัยวุฒิ ปลื้ม! เยาวชนร่วมกันถกปัญหากัญชา ย้ำทุกความเห็นจะเป็นข้อมูลไปทำนโยบาย

(16 มี.ค.66) เครือข่ายเยาวชน SEED Thailand ร่วมกับ สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดกาฬสินธุ์ จัดงานกิจกรรมเสวนา เรื่อง ห่วงใยนบาย 'กัญชาเสรี' และการปกป้องเด็กและเยาวชนไทย ณ ห้องประชุม Smart Classroom คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ อําเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และสามารถใช้สารสกัดกัญชาได้อย่างเหมาะสมรวมไปถึงมุมมองในการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อให้เด็กและเยาวชน นักศึกษา นักเรียน และประชาชน ได้รู้ถึงโทษประโยชน์ กัญชาและการรู้จักวิธีการปกป้องเด็กและเยาวชนจากกัญชาเสรี โดยภายในงานเสวนาได้มีบุคคลที่มีความรู้ในสาขาอาชีพต่าง ๆ ร่วมพูดคุยกันในครั้งนี้ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กนกเนตร พินิจด่านกลาง นักวิชาการ ,รัชนี วิเศษประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ,ปริญญา ปลื้มจิต เจ้าหน้าที่ช่วยงานด้านพัฒนาสังคม บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกาฬสินธุ์ และ ประสิทธิ์ กั้ววิบูลย์ ตัวแทนนักศึกษา เยาวชนจังหวัดกาฬสินธุ์

โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์กนกเนตร พินิจด่านกลางให้ความเห็นว่า“ กัญชาเป็นพืชที่มีทั้งประโยชน์และโทษ ขึ้นอยู่กับขนาดและวิธีการใช้งาน ในมุมของอาจารย์ที่อยู่ใกล้ชิดกับนักศึกษา อาจารย์มองว่า ในกลุ่มของเด็กและเยาวชนเองยังไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะใช้ นอกเหนือจากทางการแพทย์ เราควรสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโทษและประโยชน์ของกัญชาให้กับกลุ่มเด็กและเยาวชน หรืออาจะมีการเพิ่มรายวิชาเลือกในหลักสูตรให้กับนักศึกษาได้เรียน”

รัชนี วิเศษประสิทธิ์ นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ชี้ว่า “ในมุมมองของนักบริหารระดับท้องถิ่น ที่มีความใกล้ชิดกับชุมชน มองว่าการที่ให้ทุกบ้านสามารถปลูกกัญชาได้ ทำให้กัญชาอยู่ใกล้มือเด็กและเยาวชนมากเกินไป บางทีเห็นผู้ปกครองนำมาประกอบอาหาร ก็คิดว่าเป็นสมุนไพร ซึ่งอาจไม่รู้ถึงคุณโทษของกัญชาจริงๆ รัฐควรมีมาตรการควบคุม หรือป้องกันในจุดที่ยังบกพร่อง เช่น ออกพรบ.คุ้มครองเด็กและเยาวชนจากกัญชา ออกระเบียบในการจำหน่ายซื้อขายของกัญชา”

‘กัมพล ตันสัจจา’ ประธานสวนนงนุช รับเครื่องราชฯ ฐานะผู้ทำประโยชน์อุตสาหกรรมท่องเที่ยว

‘กัมพล ตันสัจจา’ ประธานสวนนงนุช รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นจตุตถดิเรกคุณาภรณ์ ฐานะผู้ทำคุณประโยชน์ ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

(16 มี.ค. 66) ที่ ห้องประชุมจรุวัสตร์ ชั้น 10 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ นายกัมพล ตันสัจจา ประธานบริษัทนงนุช วิลเลจ จำกัด เข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชั้นจตุตถดิเรกคุณาภรณ์ ผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

ตำรวจสายสอบสวน ขอย้ายไม่ได้ ต้องขอลาออก หลังที่ทำงานไกล ‘ไป-กลับ’ 100 กม. เดือดร้อนมาก

(16 มี.ค. 66) Thaicrime Online โพสต์ข้อความ ระบุ...หัวอกคนไกลบ้าน!....ขอย้ายไม่ได้...ขอลาออกแทน!!....สตช....สายสอบสวนสมองไหล.....เรื่องที่แก้ไม่จบ...

พร้อมทั้งโพสต์ จดหมายของเจ้าหน้าที่สายสอบสวนรายหนึ่ง ที่ขอย้ายไปทำงานใกล้บ้าน แต่ไม่ได้รับการพิจารณา ความว่า...

เรียน ผกก.สน.บางโพงพาง

ด้วยกระผม ร.ต.ท. (สงวนชื่อ-สกุล) ตำแหน่ง รอง สว.(สอบสวน) สน.บางโพงพาง ตำแหน่งเลขที่ (สงวน) อัตราเงินเดือน ส.๑ ขั้น ๑๑.๐ ๑๘,๙๕๐ บาท มีความประสงค์จะขอลาออกจากราชการไปประกอบอาชีพอื่น เนื่องด้วยที่ทำงานอยู่ไกลจากภูมิลำเนา จำต้องเดินทางไปกลับประมาณ ๑๐๐ กิโลเมตร ทุกผลัดที่เข้าเวร ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก และขอไปดำรงตำแหน่งใกล้บ้านก็ไม่ได้รับพิจารณให้ไปตามที่ได้ร้องขอแต่อย่างใด

‘อมรินทร์ทีวี’ ปรับโฉมใหม่ ลุยรายการข่าวเต็มสูบ คว้า ‘ดร.วิทย์-แอน จินดารัตน์-เชียร์ ฑิฆัมพร’ นั่งผู้ประกาศข่าว

อมรินทร์ทีวี ลุยรายการข่าวเต็มสูบ คว้า 3 คนข่าวเซ็ตใหม่สุดปัง ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน, แอน จินดารัตน์ และ เชียร์ ฑิฆัมพร มา เขย่าวงการข่าว หลังอดีตลูกหม้อ พุทธ พุทธอภิวรรณ ลาออกซบช่อง 8

ท่ามกลางการจับตาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสถานีอมรินทร์ทีวี เอชดี ช่อง 34 หลังจากที่ผู้ประกาศคนดัง พุทธ - พุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี อดีตลูกหม้อจากรายการ ทุบโต๊ะข่าว ได้ลาออกและหายจากหน้าจอไปนานถึง 4 เดือน ตอนนี้ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า พุทธ พุทธอภิวรรณ ได้โผซบช่อง 8 ขึ้นแท่นผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายข่าวคนใหม่

โดย เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ผู้บริหารอาร์เอส และ ช่อง 8 ออกมาโพสต์ผ่านโซเชียล ทางทวิตเตอร์ @HereHorRS ร่วมเฟรมกับ พุทธอภิวรรณ ขณะอยู่ที่บริษัทอาร์เอสกรุ๊ป พร้อมแคปชันว่า “ยินดีต้อนรับ ผอ.ข่าวช่อง 8 คนใหม่ คุณพุทธอภิวรรณ จะมาสร้างปรากฏการณ์ข่าวช่อง 8 ทั้งหน้าจอ และ Online พบกันเร็วนี้ สนุกแน่นอน #ใครๆก็ดูช่อง8 #RSGROUP”

ซึ่งพุทธจะมาควบทั้งตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายข่าวและผู้ประกาศข่าวช่อง 8 พร้อมลุยข่าวทั้งหน้าจอ TV และ Online จะเริ่มปฏิบัติงานและดำเนินรายการข่าวในช่วงไพรม์ไทม์ หลังสงกรานต์เป็นต้นไป

โซเชียลร้อนระอุ!! แฟนคลับเชียร์เลิก คู่รัก ‘นิกกี้-ก้อย’ ก่อนโดน ‘นิกกี้’ สวนกลับ “สงสารตัวเองไหม อย่าเสือก”

ความสัมพันธ์ของ นิกกี้ ณฉัตร และ ก้อย อรัชพร ที่ล่าสุดฝ่ายชายได้ออกมาประกาศตามง้อแฟนสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่ในอินตาแกรมของ นิกกี้ ก็เดือดไม่น้อย เพราะมีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงปมงอนง้อกันครั้งนี้ไว้ว่า "เป็นโสดไปเถอะนิกกี้ สงสารผู้หญิงที่เป็นแฟนด้วย ปากบอกไม่หึงไม่หวงแต่ความจริงทุกคนทนไม่ได้หรอก ลองดูเพื่อน ๆ รอบตัวที่เค้าคบแฟนนาน ๆ ลองดูลีโอ เจมส์ หรือเม้าก็ได้ ว่ากับผู้หญิงอื่น ยิ่งออกสื่อจะกล้าทำแบบคุณมั้ย ก้อยทนมาได้นานขนาดนี้ ในใจก็คือรักจึงทน สุดท้ายก็บั่นทอน นิกกี้ไม่ผิดอะไรหรอก แต่แค่ไลฟ์สไตล์นิกกี้ยังไม่เหมาะมีแฟนมีคู่ชีวิต"

‘สาว’ แชร์อุทาหรณ์ พบ ‘นิ่วในถุงน้ำดี’ ชี้!! ผลข้างเคียงจาก ‘บุฟเฟต์-ของมัน-ของหวาน’

สาวใน จ.กาญจนบุรี โพสต์ภาพก้อนนิ่วในถุงน้ำดี หลังได้รับการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเผยสาเหตุมาจากการกินบุฟเฟต์ ทั้งของมัน ของหวาน แนะ ระวังไว้ให้ดี

(15 มี.ค. 66) ที่ผ่านมา มีรายงานว่าสาวรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความเป็นอุทาหรณ์ลงในเฟซบุ๊กของตนเองโดยเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบสายบุฟเฟต์ โดยได้เผยภาพก้อนนิ่วขนาดเท่านิ้วมือและบาดแผลหลังผ่าตัด พร้อมระบุข้อความเตือนภัยสำหรับสายบุฟเฟต์ สายหวาน และสายมันให้ต้องระวัง เพราะจะอร่อยแค่ตอนกิน แต่ผลข้างเคียงมี และนั่นคือก้อนนิ่วในถุงน้ำดี

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก Angkana Mam Taptip ได้ระบุข้อความว่า “สายบุฟเฟต์ ของหวาน ของมัน ต้องระวังนะคะ อร่อยตอนกิน เเต่ผลข้างเคียงมันมี เเละนี่คือก้อนนิ่วในถุงน้ำดี เม็ดโตมากแม่ เม็ดนี้ทำให้เราปวดท้องดิ้นทรมานมาเป็นปี ๆ เมื่อวานเราได้มาทำการผ่าตัดที่ รพ.ท่าม่วง ซึ่งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดไว้เลย เราผ่ากับคุณหมอ เเผลมีขนาดเล็กมาก ใช้วิธีผ่าโดยการส่องกล้อง ต้องขอชื่นชม พี่ ๆ พยาบาลที่ตึก เจ้าหน้าที่ตึกศัลยกรรม พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ในห้องผ่าตัด น่ารักทุกคน เอาใจใส่คนไข้ดีมากแม่

อธิบายก่อนเเละหลังการผ่าตัดให้เราเข้าใจทุกอย่างเลย มีการพูดคุยหยอกล้อเพื่อไม่ให้เรากลัว หลังการผ่าตัด เราได้นอนที่รพ.เเค่คืนเดียว เช้ามาคุณหมอมาดูอาการ เเล้วให้เรากลับไปพักฟื้นที่บ้านต่อได้ ฝากถึงใครที่มีอาการปวดท้องบ่อย ๆ อย่าคิดว่าเป็นเเค่โรคกระเพาะนะคะ ทางที่ดีเข้ามาหาหมอให้รู้อาการจริง ๆ เลย รักษาไว หายไว ค่า”

ตร. ทำ MOU ม.หอการค้าไทย มอบทุนตำรวจเรียนปริญญาตรี 200,000 บาท ต่อคน และร่วมพัฒนาหลักสูตรอาชญากรรมไซเบอร์ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันประชาชน

(16 มี.ค.66) เวลา 10.00 น. ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านวิชาการ การจัดการศึกษาสำหรับข้าราชการตำรวจ ด้านทรัพยากร การฝึกอบรมและป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมี รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นผู้แทนจากมหาวิทยาลัยหอการค้า ร่วมลงนาม ในการนี้ โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ยิ่งยศ  เทพจำนงค์ ผบช.สกพ. พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.สยศ.ตร. และ พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง รอง ผบช.ศ. พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้แก่ รศ.ดร.สถาพร อมรสวัสดิ์วัฒนา รองอธิบการบดีอาวุโสสายงานวิชาการและงานวิจัย อาจารย์สมพงษ์ แก้วเจริญไพศาล รองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์และกิจการพิเศษ ผศ.ดร.ณัฐริกา แชน คณบดีคณะนิติศาสตร์ และ รศ.ดร.เสาวลักษม์ กิตติประภัสร์ ผอ.หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ เข้าร่วมพิธี

สำนักงานตำรวจแห่งชาติและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือระหว่างกันในทางด้านวิชาการ การวิจัย และขยายโอกาสทางการศึกษาให้แก่ข้าราชการตำรวจ เพื่อให้เปิดโอกาสเข้าถึงการศึกษาในสาขาต่าง ๆ  ที่หลากหลาย ทั้งในรูปแบบของหลักสูตรปริญญาบัตร หรือหลักสูตรการฝึกอบรมระยะสั้นต่าง ๆ อันนำไปสู่การสร้างเครือข่ายทางวิชาการ การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การเรียนรู้ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาและเป็นหน่วยงานในการกำกับดูแลของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยที่ผ่านมาได้จัดทำหลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ให้กับข้าราชการตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาลจำนวน 2,900 นาย   

โดยบันทึกความเข้าใจและความร่วมมือระหว่างกันในครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับความร่วมมือ กระชับความสัมพันธ์ทางด้านวิชาการ ขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับกำลังพลครอบคลุมทุกหน่วยงานในสังกัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนการพัฒนาหลักสูตรวิชาเฉพาะ เพื่อสนับสนุนนโยบายและยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดยมีความร่วมมือระหว่างกัน ดังนี้ 

1) สนับสนุนทุนการศึกษา (ด้วยการยกเว้นค่าเล่าเรียน) สำหรับข้าราชการตำรวจ เป็นมูลค่า 200,000 บาทต่อคน (จำนวน 500 ถึง 1,000 ทุน ต่อปีการศึกษา) คงเหลือค่าใช้จ่ายเพียงแค่ 95,000 บาท ตลอด 3 ปี จนจบหลักสูตร

ทีเส็บ จัดโรดโชว์โครงการ ‘ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย’ เปิดประตูสู่ภาคอีสาน เยือนขอนแก่นสร้างความมั่นใจ จัดกิจกรรมไมซ์ช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทย

‘ทีเส็บ’ เปิดตัวโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” สนับสนุนงบประมาณให้กับหน่วยงาน องค์กร ภาคีเครือข่ายในการจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลภายในประเทศจำนวน 1,000 กลุ่ม ณ โรงแรมพูลแมน ราชา ออคิด จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ 14 มีนาคม 2566 โดยคาดว่าจะสามารถสร้างเงิน สร้างงาน กระจายรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศผ่านกลไกการจัดกิจกรรมไมซ์ และสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 180 ล้านบาท


คุณกนกพร ดำรงกุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาดไมซ์ในประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ทีเส็บได้ให้การสนับสนุนหน่วยงาน หรือองค์กรที่ดำเนินการจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2563 โดยในปี 2566 นี้ นับเป็นเฟสที่ 4 ที่ทีเส็บได้เดินหน้าให้การสนับสนุนต่อ ภายใต้ชื่อโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” เพื่อเร่งกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนตัวของกลุ่มนักเดินทางไมซ์เพิ่มมากขึ้นและสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศให้เติบโตมากยิ่งขึ้น โดยใช้กลไกการสนับสนุนงบประมาณเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการจัดงานไมซ์ทั่วประเทศ ทั้งยังเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ทุกภูมิภาคและยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไมซ์ ชุมชน รวมถึงธุรกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ได้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ ก่อเกิดเป็นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ


ภายในงานโรดโชว์พบกับช่วงเสวนาในหัวข้อ “กระตุ้นเศรษฐกิจไทย ด้วยกิจกรรมประชุมไมซ์ในประเทศ” โดยผู้ทรงคุณวุฒิหลายหน่วยงาน อาทิ ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวและไมซ์จังหวัดขอนแก่น ตัวแทนจากบริษัทเอกชนผู้ร่วมโครงการ ร่วมให้มุมมองและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ใช้จริงจากโครงการประชุมเมืองไทย และ ดร.จารุวรรณ สุวรรณศาสตร์ ผู้อำนวยการฝ่าย ไมซ์ อินเทลลิเจนท์ และนวัตกรรม ให้เคล็ดลับการสมัครร่วมโครงการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

 

ตามด้วยช่วงบรรยายพิเศษ “เพิ่มโอกาสการขายลูกค้ากลุ่มธุรกิจบนโลกการตลาดออนไลน์ (B2B Digital Marketing Talk)” โดยวิทยากรผู้มากประสบการณ์ด้านการตลาดดิจิตัล พร้อมช่วงไฮไลท์ชี้แจงหลักเกณฑ์และวิธีการสมัครเข้าร่วมโครงการ ซึ่งภายในงานยังมี Thai MICE Connect: Exclusive Clinic คลินิกให้คำปรึกษาการใช้งาน Thai MICE Connect แบบตัวต่อตัวตั้งไว้ให้บริการอีกด้วย


สำหรับโครงการ “ประชุมเมืองไทย เร่งสร้างเศรษฐกิจไทย” เป็นโครงการสนับสนุนด้านงบประมาณการจัดงานไมซ์ให้แก่ผู้ประกอบการและนิติบุคคลตามกฎหมายที่มีแผนการจัดการประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในประเทศ โดยต้องมีการจัดกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งใน 7 ประเภท ได้แก่ กิจกรรมการประชุม (Meetings) กิจกรรมการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล (Incentives) กิจกรรมสัมมนา (Seminars) กิจกรรมการอบรม (Training) กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) กิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ (Outing) และกิจกรรมศึกษาดูงาน (Field trip)


โดยตั้งเป้าหมายมีองค์กรสมัครเข้าร่วมขอรับการสนับสนุน 1,000 กลุ่ม มีจำนวนนักเดินทางไมซ์กว่า 30,000 คน สร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจกว่า 100 ล้านบาท สร้างผลทางกระทบทางเศรษฐกิจ 180 ล้านบาท สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ (GDP Contribution) 101 ล้านบาท รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษี 6 ล้านบาท และก่อให้เกิดการจ้างงาน 120 อัตรา

ผบ.ฉก.นราธิวาส ตรวจความพร้อมเตรียมให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการ จังหวัดนราธิวาส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย นายกรัฐมนตรีที่หมายด่านศุลกากรตากใบ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส / ผู้บังคับกองบังคับการควบคุมสุริโยทัย เดินทางมาตรวจความพร้อมด้านสถานที่ การเตรียมงาน การวางกำลัง การคัดกรองบุคคลก่อนเข้างาน ตลอดจนแผนรักษาความปลอดภัยรองรับภารกิจให้การต้อนรับ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะในการเดินทางปฏิบัติภารกิจ ติดตามงานด้านความมั่นคงและการพัฒนาจังหวัดนราธิวาส โดยมี พันโท ณัฐวุฒิ  ศรีสังข์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 151  เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ

‘อนุทิน’ ดูแล ‘ผู้ติดเชื้อเอชไอวี-ผู้ป่วยเอดส์’ ผ่านบัตรทอง เร่งดันผู้ป่วย เข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างทั่วถึง

‘อนุทิน’ ย้ำรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข เร่งดูแลผู้ป่วยเอดส์ผ่านระบบหลักประกันสุขภาพต่อเนื่องและครอบคลุม สปสช.เตรียมบรรจุชุดตรวจคัดกรองเอชไอวีในสิทธิบัตรทอง หนุนการตรวจทั่วถึงเข้าสู่การรักษาเร็ว ตอกย้ำเสียงชื่นชมไทยผู้นำการรับมือโรคเอดส์ระดับโลก

(16 มี.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้เน้นย้ำถึงนโยบายการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี และผู้ป่วยเอดส์ที่ทั่วถึง ซึ่งรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขได้เร่งขับเคลื่อนการดูแลผ่านระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียม ไม่ถูกเลือกปฏิบัติ โดยให้ความสำคัญตั้งแต่การให้ความรู้เพื่อป้องกัน การคัดกรองที่ทั่วถึง เพื่อให้ผู้ติดเชื้อรู้ตัวและเข้าสู่กระบวนการรักษาที่รวดเร็ว

โดยล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) อยู่ระหว่างเตรียมบรรจุบริการชุดตรวจคัดกรองการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง ให้อยู่ในระบบบัตรทองด้วย ซึ่งการกำหนดเรื่องนี้ได้ผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ (คช.ปอ.) แล้ว สปสช. อยู่ระหว่างการจัดทำหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ขณะที่กรมควบคุมโรคเตรียมกำหนดวันเริ่มให้บริการ หน่วยบริการที่ประชาชนสามารถรับชุดตรวจและจะประกาศให้ประชาชนทราบต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top