Saturday, 24 May 2025
NEWS FEED

พลพรรคแข้ง ยูเครน ร่วมใจกันคว้า 3 แต้มแรกในศึก ยูโร 2020 สำเร็จ หลังจัดการเฉือนชนะ มาซีโดเนียเหนือ แบบหวุดหวิด 2-1 ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดสอง เมื่อคืนวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

พลพรรคแข้ง ยูเครน ร่วมใจกันคว้า 3 แต้มแรกในศึก ยูโร 2020 สำเร็จ หลังจัดการเฉือนชนะ มาซีโดเนียเหนือ แบบหวุดหวิด 2-1 ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดสอง เมื่อคืนวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

เกมนัดสองของกลุ่ม C ยูเครน อันดับ 3 ไม่มีแต้ม ลงเตะที่โรมาเนีย เจอ มาซีโดเนียเหนือ บ๊วยที่ไม่มีแต้มเหมือนกัน เกมนี้ ยูเครน วาง 3 ประสาน รัสลาน มาลินอฟสกี, อังเดร ยาร์โมเลนโก้, โรมัน ยาเร็มชุก ลงยิง ส่วน มาซีโดเนีย พึ่งพาคู่หน้า เอลจิฟ เอลมาส กับ โกรัน ปานเดฟ

เริ่มเกม นาที 7 ยูเครน ทักทาย อังเดร ยาร์โมเลนโก้ เงยหน้าลองซัดไกลแต่บอลข้ามคาน ก่อนที่ นาที 28 ยูเครน เอาจนได้จากเตะมุม โอเล็กซานเดอร์ คาราเยฟ กระโดดตอกส้นให้ อังเดร ยาร์โมเลนโก้ พุ่งชาร์จเสาแรก 1-0

นาที 29 เม็ดสองก็มา อังเดร ยาร์โมเลนโก้ ตบบอลขึ้นหน้าให้ โรมัน ยาเร็มชุค พุ่งไปยิงเบียดเสาตุง 2-0 ต่อมา นาที 39 มาซีโดเนีย ตีไข่แตกแต่เฮเก้อ โกรัน ปานเดฟ แตะบอลหลุดขึ้นหน้าแล้วชิปข้ามนายประตูเข้าไปแล้ว แต่ดันล้ำหน้าก่อน จบครึ่งแรก ยูเครน นำสองลูก

ครึ่งหลัง นาที 54 มาซีโดเนีย ได้จุดโทษหลัง โกรัน ปานเดฟ เจอเตะล้มที่สุดเส้นหลัง รัสลาน มาลินอฟสกี ยิงติดเซฟครั้งแรกแต่บอลเด้งกลับมาให้วอลเลย์ซ้ำไล่ตาม 1-2 ต่อมา นาที 68 มาซีโดเนีย จะตีเสมอ บอลไหลคืนหลังมาถึง อเล็กซานเดอร์ ทราจคอฟสกี ยิงเต็มเท้าแต่ข้ามคาน

นาที 74 โอกาสทองของยูเครน วิคเตอร์ ซีกานคอฟ เก็บบอลได้ทางซ้าย แต่ดันยิงไม่แม่นหลุดกรอบ ส่วนท้ายเกม นาที 83 ยูเครน ได้จุดโทษหลัง ดาเนียล อาวรามอฟสกี พลาดทำแฮนด์บอลแต่ สโตล ดิมิตริเอฟสกี โชว์หนึบเซฟลูกยิงของ รัสลาน มาลินอฟสกี แต่ก็ได้แค่นั้น จบเกม ยูเครน เก็บ 3 แต้ม เท่ากับ ออสเตรีย กับ เนเธอร์แลนด์ส ส่วน มาซีโดเนีย แพ้รวด 2 นัดไม่มีแต้ม

สำหรับ ยูเครน นัดสุดท้ายจะดวลกับ ออสเตรีย วันที่ 21 มิถุนายน ส่วน มาซีโดเนีย ปะทะ เนเธอร์แลนด์ วันเดียวกัน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ยูเครน - จอร์จี บูชาน, มีโกล่า มาติเยนโก้, อิลลา ซาบาร์นยี, วิตาลี มิโกเลยโก้, โอเล็กซานเดอร์ คาราเยฟ, ทาราส สเตปาเนนโก้, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, มิโกล่า ชาปาเรนโก้, รัสลาน มาลินอฟสกี, อังเดร ยาร์โมเลนโก้, โรมัน ยาเร็มชุก

มาซีโดเนียเหนือ - สโตล ดิมิตริเอฟสกี, ดาร์โก เวลโกสกี, วิซาร์ มุสลิอู,, เอนิส บาร์ดี, สเตฟาน สปิรอฟสกี, อาร์ยาน อาเดนมี, เอซยาน อาลิออสกี, โบบัน นิโคลอฟ, เอลจิฟ เอลมาส, โกรัน ปานเดฟ

 

ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000058786


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศาลฎีกาพิพากษาแก้ลดโทษ ‘ลุงวิศวะยิงนักเรียน ม.4’ จากฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เป็นป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ จำคุก 3 ปี 4 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 3 ปี ทำกิจกรรมบริการสังคม 30 ชั่วโมง

ศาลจังหวัดชลบุรีอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3544/2561 หรือ ‘คดีลุงวิศวะยิงเด็กนักเรียน ม.4’ ที่พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี และ น.ส.มณีพร ผึ่งผาย โจทก์และโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง ‘นายสุเทพ โภชนสมบูรณ์’ เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จากกรณีที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิง ‘นายนวพล’ หรือ ‘ปอนด์ ผึ่งผาย’ ถึงแก่ความตาย

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2560 ที่บริเวณแยกครกใหญ่ ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ ส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนานั้น จำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน

คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามฟ้อง ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก 15 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืน ปรับ 4,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 2.000 บาท รวมจำคุกจำเลยเป็นเวลา 10 ปี ปรับ 2,000 บาท ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

ต่อมา โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 10 ปี ปรับ 2,000 บาท และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

จำเลยยื่นฎีกา

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า มูลเหตุคดีเริ่มต้นเมื่อพวกของผู้ตายจอดรถยนต์ตู้ซ้อนคันกับรถยนต์ของจำเลย โดยไม่ได้สนใจว่ารถยนต์ของจำเลยที่จอดริมฟุตพาทจะออกไปได้หรือไม่

เมื่อภริยาจำเลยแจ้งให้ทราบว่ารถยนต์ของจำเลย กำลังจะออก แต่พวกของผู้ตายไม่ขยับให้ กลับบอกให้รอก่อน การจอดรถซ้อนคันขวางทางออกถนนของรถยนต์คันอื่น ทั้งมิยอมรีบขยับรถให้รถคันที่ตนจอดขวางอยู่ออกไปได้ จึงมิใช่เรื่องที่คนทั่วไปกระทำกัน

เหตุการณ์เช่นนี้ คนทั่วไปไม่ว่าใครก็ตามพบเจอ ย่อมต้องรู้สึกโกรธเป็นธรรมดา

จำเลยกล่าวถ้อยคำหยาบคายหลายครั้ง แต่มีเพียงถ้อยคำเดียวที่พวกของผู้ตายได้ยินก่อนที่จะพากันขึ้นรถยนต์ตู้ไป

ส่วนถ้อยคำหยาบคายอื่น จำเลยกล่าวในรถยนต์ของตนเอง ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้พวกของผู้ตายรู้สึกว่าจะต้องเอาเรื่องกับจำเลย ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงแต่ทำให้จำเลยเสียเวลาไปบ้างเล็กน้อย จึงมิใช่เรื่องใหญ่โตถึงขนาดต้องฆ่ากัน

และเชื่อได้ว่าในขณะที่รถยนต์ของทั้งสองฝ่ายเคลื่อนออกจากบริเวณหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้ง ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีความคิดที่จะเอาเรื่อง อีกฝ่ายเพราะเหตุจากการมีปากเสียงกัน

ส่วนเหตุการณ์ระหว่างทางตั้งแต่รถยนต์ของทั้งสองฝ่ายออกจากร้านขายอาหารทะเลแห้งจนถึงเวลาก่อนจะถึงแยกครกใหญ่ พวกของผู้ตายเพียงแต่เปิดไฟสูงใส่จำเลย ไม่ได้ขับแข่ง ขับแซง หรือปาดหน้า ทั้งที่อยู่ในวิสัย ที่สามารถกระทำได้โดยง่าย ส่วนฝ่ายจำเลย พฤติการณ์ภายในรถแสดงให้เห็นได้ว่า ภายหลังจากออกจากหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้งไม่นาน จำเลยและภริยาต่างระงับความโกรธได้และเกรงว่าจะถูกฝ่ายผู้ตายทำร้าย จึงมีความคิดจะไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าพนักงานตำรวจหรือบุคคลอื่น

เมื่อรถยนต์ของทั้งสองฝ่ายไปถึงแยกครกใหญ่ จำเลยมิได้ขับรถปาดหน้ารถของผู้ตาย เพื่อไปจอดรถที่ริมฟุตพาทและมีได้มีพฤติการณ์ยั่วยุให้คนในกลุ่มผู้ตายมาวิวาทต่อสู้กันอีก

เมื่อมีคนในกลุ่มของผู้ตายหลายคนอยู่ ล้อมรอบรถยนต์ของจำเลย ผู้ตายมุดศีรษะเข้ามาในรถยนต์ของจำเลย พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า “มึงจะรบป่าว” หลายครั้งและมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ตายจะเข้ามาทำร้ายจำเลยในชั่วเวลาอีกไม่นาน

ขณะเดียวกัน จำเลยยังถูกพวกของผู้ตายชกต่อยจากทางด้านหลัง ย่อมถือได้ว่ามีอันตราย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะเกิดขึ้นแก่ชีวิตและร่างกายของจำเลยแล้ว ประกอบกับจำเลยนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับอันเป็นการอยู่ในที่จำกัดและเคลื่อนไหวร่างกายได้ยาก การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงออกไป จึงเป็นทางเดียวที่จะให้จำเลยพ้นจากการถูกทำร้าย โดยผู้ตายและพวกได้

ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่เมื่อจำเลยเห็นอยู่แล้วว่าผู้ตายและพวกไม่มีอาวุธ หากจำเลยเพียงนำอาวุธออกมาขู่ว่าจะยิง หรือยิงออกไปโดยไม่จำเป็นต้องให้ถูกผู้ตายหรือยิงไปที่อวัยวะอื่นที่ไม่สำคัญของผู้ตาย ก็ย่อมเพียงพอที่จะยับยั้งมิให้ผู้ตายและพวกเขามาทำร้ายได้แล้ว แต่จำเลยกลับใช้อาวุธปืนยิงไปที่หน้าอกซ้ายของผู้ตาย แม้ยิงเพียงนัดเดียวก็ไม่เป็นการได้สัดส่วนกับภยันตรายที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นกับจำเลย

การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เหตุคดีนี้เกิดจากฝ่ายผู้ตายจอดรถยนต์ขวางทางรถยนต์ของจำเลยจนเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย อันเป็นความผิดของฝ่ายผู้ตายด้วยส่วนหนึ่ง การรอการลงโทษให้แก่จำเลยน่าจะเป็นประโยชน์แก่จำเลยและสังคมส่วนรวมมากกว่าการลงโทษจำคุกไปเสียทีเดียว

พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุจำคุก 5 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน

เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ แล้ว รวมจำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี คุมความประพฤติ 2 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ให้จำเลยไปเข้ารับการฝึกอบรมที่เกี่ยวกับการระงับควบคุมอารมณ์ที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนนและให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์มีกำหนด 30 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ เป็นการอ่านคำพิพากษาฎีกาลับหลังจำเลย เนื่องจากลุงวิศวะ ยื่นฎีกา แต่หนีไม่มาฟังฎีกาตั้งแต่นัดฟังฎีกาครั้งแรก เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2564 และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมมาฟังคำพิพากษาได้ภายใน 1 เดือน

 

ที่มา: https://mgronline.com/crime/detail/9640000058582


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครอบครัวผู้เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเรียกร้องให้รัฐบาลพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ จนถึงเดือนมิถุนายนมีผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน “ไฟเซอร์” 196 ราย

ครอบครัวผู้เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเรียกร้องให้รัฐบาลพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ จนถึงเดือนมิถุนายนมีผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน “ไฟเซอร์” 196 ราย

“ตั้งตัวไม่ทัน ทำใจไม่ได้ ” คือความในใจของสามีของผู้หญิงวัย 73 ปี ที่เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโควิดได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมง ทั้งคู่ไปฉีดวัคซีนด้วยกันที่โรงพยาบาลในเมืองโกเบเมื่อวันที่ 28 พ.ค. หญิงผู้เป็นภรรยาเป็นโรคเบาหวานมานาน 15 ปี แต่ว่าไม่มีอาการรุนแรง และในวันที่ไปฉีดวัคซีนก็ไม่มีความผิดปกติของสุขภาพ หลังฉีดวัคซีนเสร็จก็ได้รอดูอาการที่โรงพยาบาล 30 นาที และไม่พบผลข้างเคียงอะไรจึงได้กลับบ้านไป

สามีของผู้เสียชีวิตเล่าว่า หลังจากพักผ่อนดูโทรทัศน์ ภรรยาบอกว่าเจ็บหน้าอกขอตัวไปพักผ่อน...นี่คือคำพูดสุดท้าย เพราะหลังจากนั้นภรรยาก็เกิดหายใจไม่ออกจนต้องเรียกรถฉุกเฉินนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่เธอเสียชีวิตลงก่อนเพราะหัวใจและปอดหยุดทำงาน ระยะเวลาเสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนได้เพียง 3 ชั่วโมงครึ่ง

คุณลุงผู้เป็นสามีบอกว่า ภรรยาเสียชีวิตอย่างกะทันหันมาก จนอดคิดไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่

แพทย์ประจำโรงพยาบาลที่ทำการฉีดวัคซีนระบุว่า ตกใจมากเมื่อได้รู้ข่าวการเสียชีวิตของหญิงรายนี้ เพราะหลังฉีดวัคซีนหญิงรายนี้ดูแข็งแรงดีไม่มีความผิดปกติอะไร จึงได้อนุญาตให้กลับบ้านไป อย่างไรก็ตาม แพทย์ยังลังเลที่จะบอกว่าการเสียชีวิตเป็นผลจากวัคซีนหรือไม่ แต่ก็ยอมรับว่า คุณป้าคนนี้ใช้ชีวิตตามปกติ สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือได้รับวัคซีน และเสียชีวิตลง

196 ชีวิตดับหลังฉีดวัคซีน แต่ไร้คำตอบ

กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น รายงานว่า ตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ประชาชนเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ถึง 4 มิ.ย. มีผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน 196 ราย ทั้งหมดได้รับวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ ไบโอเอนเทค

รายงานของทางกระทรวงระบุว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป สาเหตุการเสียชีวิตคือ เลือดออกในอวัยวะสำคัญ, หัวใจและปอดหยุดทำงาน, หัวใจล้มเหลว, หัวใจขาดเลือด, ติดเชื้อในปอด, สมองขาดเลือด และโลหิตเป็นพิษ เป็นต้น

กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น ระบุว่า จนถึงวันที่ 30 พ.ค. วินิจฉัยกรณีเสียชีวิตแล้ว 139 ราย ทั้งหมดไม่สามารถระบุว่าเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน เพราะข้อมูลไม่เพียงพอ

ทั้งนี้ ครอบครัวผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ผ่าศพเพื่อวินิจฉัยทางนิติเวช โดยให้เหตุผลว่า ยากที่จะพบรายละเอียดมากไปกว่านี

คุณป้าวัย 73 ปีที่เสียชีวิตรายนี้อยู่ในกลุ่มที่กระทรวงสาธารณสุข “กำลังวินิจฉัย” แต่ผู้เป็นสามีได้ยินยอมที่จะให้โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยใหญ่ทำการพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดของภรรยา

คุณลุงผู้เป็นสามีบอกว่า “รู้ว่ารัฐบาลพยายามฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน แต่จำเป็นต้องพิสูจน์ผลจากการฉีดวัคซีนให้แน่ชัด ไม่ใช่บอกว่าใครๆ ก็ฉีดวัคซีนได้”

ในฐานะรัฐบาล การปกป้องประชาชนจากโรคระบาดเป็นหน้าที่สำคัญ แต่การทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับผู้สูญเสียก็เป็นความรับผิดชอบเช่นเดียวกัน

 

ที่มา : https://mgronline.com/japan/detail/9640000058415


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ไม่ใช่ไวรัล แต่ก็กลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบที่แพร่กระจายไป ในเหล่าบรรดานักฟุตบอลในยูโร 2020 ไปเสียแล้ว สำหรับการยกขวดเครื่องดื่มที่เป็นสปอนเซอร์หลักของการจัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ออกจากโต๊ะแถลงข่าว

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

ไม่ใช่ไวรัล แต่ก็กลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบที่แพร่กระจายไป ในเหล่าบรรดานักฟุตบอลในยูโร 2020 ไปเสียแล้ว สำหรับการยกขวดเครื่องดื่มที่เป็นสปอนเซอร์หลักของการจัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ออกจากโต๊ะแถลงข่าว

เริ่มต้นจากพี่ใหญ่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่หยิบขวดเครื่องดื่มโคคาโคล่า ให้พ้นออกไปจากเฟรมภาพการแถลงข่าว ต่อมาก็เป็น ปอล ป็อกบา ซูเปอร์สตาร์แห่งทีมฝรั่งเศส ก็หยิบขวดเบียร์ยี่ห้อหนึ่งออกจากโต๊ะ และล่าสุด มานูเอล โลคาเตลลี่ กองกลางทีมอิตาลี ก็กลายเป็นนักเตะคนล่าสุดที่หยิบขวดโคคาโคล่าออกจากโต๊ะเช่นกัน

ส่วนเหตุผลก็นานาสารพันกันไป อาทิ โรนัลโด้เป็นคนไม่ดื่มเจ้าเครื่องดื่มชนิดนี้เลย และขึ้นชื่อเรื่องการมีภาพลักษณ์การดูแลสุขภาพอย่างดี ส่วนปอล ป็อกบา เจ้าตัวเป็นมุสลิมที่เคร่งครัด การมีขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ตรงหน้า (แม้ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์แบบแอลกอฮอล์ 0% ก็ตาม) ยังไงก็คงไม่เหมาะสมนัก

และรายสุดท้าย มานูเอล โลคาเตลลี่ แม้เหตุผลจะไม่ชัดเจน แต่ตอนที่เจ้าตัวหยิบขวดโคคาโคล่าออกจากโต๊ะแถลงข่าว ก็พูดว่า ‘อากัว’ หรือ ‘อควา’ ที่แปลว่า น้ำ ซึ่งก็แสดงเจตนาถึงความไม่ปลื้มเครื่องดื่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยเช่นกัน

แต่ถึงอย่างไร ทางเจ้าของผลิตภัณฑ์ก็ใจกว้างพอ และได้ออกมาประกาศทำนองว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเครื่องดื่มตามใจชอบ และทุกคนมีรสนิยมและความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนั้น เครื่องดื่มนี้ก็จะถูกแจกให้แก่นักเตะเมื่อมาถึงงานแถลงข่าวต่อไป แม้ว่าจะไม่ดื่ม หรือยกออกก็ตาม

สรุปก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ทั้งสองฝ่าย ในมุมของนักฟุตบอลเอง ก็ต้องการการมีภาพลักษณ์ที่ดี หรือแม้แต่การไม่อยากผูกมัดกับสินค้าโดยไม่จำเป็น ในส่วนของสปอนเซอร์ก็ต้องทำตามหลักการต่อไป แต่ก็แอบคิดนะว่า ถ้าบรรดานักฟุตบอลทั้งหลายเกิดทำตามกันทุกคน จะส่งผลลบต่อภาพลักษณ์สินค้าไปเลยก็ได้ สู้ไม่ตั้งไว้ตรงหน้าโต๊ะ แล้วไปหาจุดจัดวางให้ลงตัวกว่านี้ จะดีกว่าไหม


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ฮอตจริงอะไรจริง ต้องยกให้ทีมชาติอิตาลี ในศึกฟุตบอลยุโร 2020 หนนี้นี่เอง เมื่อคืนบุกอัดทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ไปแบบขาดลอย 3-0 ทำให้เป็นทีมแรกที่ลอยลำเข้ารอบต่อไปเป็นที่เรียบร้อย

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

ฮอตจริงอะไรจริง ต้องยกให้ทีมชาติอิตาลี ในศึกฟุตบอลยุโร 2020 หนนี้นี่เอง เมื่อคืนบุกอัดทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ไปแบบขาดลอย 3-0 ทำให้เป็นทีมแรกที่ลอยลำเข้ารอบต่อไปเป็นที่เรียบร้อย

ใครที่เป็นแฟนบอลอิตาลีคงแฮปปี้หลาย เพราะถ้าคุ้นเคยกับทีมแดนมักกะโรนี จะรู้ดีว่า อิตาลีลงเล่นในฟุตบอลทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ ๆ มักจะเครื่องร้อนช้า หรือบางครั้งเครื่องไม่ร้อนเลยก็มี แต่ในศึกยูโร 2020 ครั้งนี้ ขุนพลอัซซูรี่ คิดใหม่ ทำใหม่ กลายเป็นบอลเร้าใจ เนียนตา แฟนๆ งงสิครับ

โอเค, อิตาลี ยังมีสไตล์เกมรับ ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเหนียวแน่นหนึบเหมือนเดิม แต่สิ่งที่อิตาลีเปลี๊ยนไป๋! คือการเล่นเกมรุกที่เร้าใจ บุกกระซวกไส้ได้ใจดีเหลือเกิน ลงเล่นในยูโรมา 2 นัด ซัดไปแล้ว 6 ลูก ซึ่งมันไม่ใช่อ่ะ! ไม่ใช่อิตาลีที่คุ้นเคย ปกติอิตาลียิงไม่เกิน 2 ลูกต่อนัด และแท็กติกเพียบ จนบางทีดูแล้วเบื๊อเบื่อ!

งานนี้ต้องยกความดีให้กับผู้จัดการทีม โรแบร์โต้ มันชินี่ ที่เข้ามาคุมทีม และจัดการติดตั้งโหมดบุกโหดเข้าไว้ไอ้น้อง ถึงตอนนี้ อิตาลีลงเล่นในเกมระดับเมเจอร์ ไม่แพ้ใครมาแล้ว 29 นัด นับตั้งแต่ปี 2018 เสียไปแค่ 7 ประตู คลีนชีตไป 22 นัด และยิงระเบิดระเบ้อไปถึง 80 ประตู

โอว มายก็อดดด!! นี่มันนิวอิตาลีชัดๆ! และแน่นอนว่า ถึงตรงนี้ จากที่ไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อสส. เอ้ย! ไม่เคยอยู่ในลิสต์ทีมเต็งแชมป์ยูโรหนนี้ ปรากฎว่า อิตาลีก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงบัลลังก์แชมป์ยูโร 2020 อย่างเต็มตัว!


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

แยกย้าย! 'รีล มาดริด' เตรียมแถลงอำลา 'รามอส' ปิดฉาก 16 ปี ในสีเสื้อราชันชุดขาว

คั่นบรรยากาศบอลยูโร ‘ราชันชุดขาว’ คอนเฟิร์ม เตรียมจัดงานแถลงข่าวอำลา เซร์คิโอ รามอส กองหลังกัปตันทีม ในวันพฤหัสบดีนี้ หลังดาวเตะวัย 35 ปี ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาที่หมดลงหลังจบซีซั่นที่ผ่านมา

สำหรับสัญญาค้าแข้งของ รามอส วัย 35 ปี ซึ่งย้ายจาก เซบีญา มาอยู่กับ ‘ราชันชุดขาว’ ตั้งแต่ปี 2005 รวมระยะเวลาถึง 16 ปี และผ่านการลงสนามทั้งสิ้น 671 นัด ยิง 101 ประตูนั้น หมดลงหลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา โดย รีล มาดริด เสนอสัญญาใหม่แค่ปีเดียวพร้อมขอให้เจ้าตัวลดค่าเหนื่อย ส่งผลให้ไม่สามารถตกลงกันได้ และนำมาสู่การแยกทางกันในที่สุด โดยการแถลงข่าวจะมีขึ้นในเวลาเที่ยงครึ่งของวันพฤหัสบดีนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยมี ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสรร่วมพิธีด้วย

 

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/sports/850413


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ความคืบหน้ากรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เล่าเรื่องราวถูกล่อซื้อน้ำส้ม 500 ขวด ก่อนจะโดนถามหาใบอนุญาต พร้อมเรียกปรับเงิน 12,000 บาท

ความคืบหน้ากรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เล่าเรื่องราวถูกล่อซื้อน้ำส้ม 500 ขวด ก่อนจะโดนถามหาใบอนุญาต พร้อมเรียกปรับเงิน 12,000 บาทนั้น

ล่าสุด นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ที่ปรากฏเป็นข่าวรวม 5 คน ออกนอกพื้นที่เกิดเหตุในกรุงเทพฯ เป็นที่เรียบร้อย พร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นการด่วน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และให้ได้ข้อเท็จจริงเป็นที่กระจ่างแก่สังคม โดยขอยืนยันว่ากรมสรรพสามิต ไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ออกรังแกประชาชนไปล่อซื้อในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด

 

ที่มา: https://www.naewna.com/local/580844


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เศรษฐีปริศนาจ่ายหนักทัวร์นอกโลก หวังนั่งข้างเจ้าของ Amazon

แม้ใน 190 ประเทศทั่วโลกจะยังมีสถานที่มหัศจรรย์รอให้ค้นหามากมาย แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่สำหรับบุคคลปริศนารายหนึ่งที่กำเงินเกือบ 900 ล้านบาท ประมูลซื้อที่นั่งในเที่ยวบินท่องอวกาศของนายเจฟฟ์ เบซอส ซีอีโอของบริษัทแอมะซอน (Amazon) ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทสำรวจอวกาศ บลู ออริจิ้น (Blue Origin) ด้วย

เหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อบุคคลปริศนารายนี้ได้ประมูลซื้อที่นั่งในเที่ยวบินดังกล่าวไปเป็นเงิน 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 870 ล้านบาท เพื่อนั่งข้างๆ นายเจฟฟ์ เบซอส และ นายมาร์ค เบซอส ผู้เป็นน้องชาย บนเที่ยวบินท่องอวกาศของ Blue Origin ซึ่งจะปล่อยยานออกจากทะเลทรายในรัฐเท็กซัสในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เพื่อท่องอวกาศเป็นเวลาเพียงไม่กี่นาที โดยวันที่ 20 ก.ค.นั้น ยังเป็นวันเดียวกับที่นีล อาร์มสตรอง และบัซ อัลดริน ได้กลายเป็นมนุษย์คนแรกที่ได้เดินบนดวงจันทร์เมื่อกว่า 50 ปีที่ผ่านมาด้วย

ผู้ชนะการประมูลดังกล่าวสามารถเอาชนะคู่แข่งคนอื่นๆ ประมาณ 20 รายในการประมูลที่เปิดฉากขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนที่จะสิ้นสุดลงในการประมูลรอบสุดท้ายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (12 มิ.ย.) ซึ่งมีผู้เสนอราคากันอย่างดุเดือดจนทำให้ราคาที่นั่งบนเที่ยวบินนี้พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง ทั้งๆ ที่เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้วมีราคาอยู่ที่เพียง 4.8 ล้านดอลลาร์

Blue Origin เปิดเผยว่า การประมูลครั้งนี้มีผู้ลงทะเบียนประมูลกว่า 7,500 รายจาก 150 ประเทศ แต่บรรยากาศการประมูลได้ดุเดือดขึ้นมาก หลังจากนายเจฟฟ์ เบซอส ประกาศว่าตนเองจะขึ้นบินด้วย พร้อมกับนายมาร์ค เบซอส ผู้เป็นน้องชาย จนทำให้จำนวนผู้เสนอราคาสูงสุดจากหลักหลายพันรายลดลงเหลือประมาณ 20 ราย

เที่ยวบินนี้จะมีผู้โดยสาร 4 รายด้วยกันได้แก่ สองพี่น้องตระกูลเบซอส บุคคลนิรนามผู้ชนะการประมูล และบุคคลที่ 4 ซึ่งยังไม่มีการเปิดเผยชื่อ โดย Blue Origin จะประกาศเปิดเผยตัวบุคคลนิรนามผู้ชนะการประมูลในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้

อย่างไรก็ตามราคาตั๋วดังกล่าว เป็นราคาประมูลที่ผู้ซื้อเสนอราคาสูงสุดเท่านั้น และราคาบัตรเมื่อให้บริการจริงในอนาคต อาจจะปรับลดลลงมาให้อยู่ใกล้เคียงกับของ Virgin Galactic (อีกผู้เล่นหลัก) ที่ได้ขายบัตรโดยสารไปแล้วให้แก่ผู้โดยสารประมาณ 600 ราย ในราคาบัตรประมาณคนละ 200,000-250,000 ดอลลาร์ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ต่อไป

ทั้งนี้หากมองตลาดการท่องอวกาศ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นตลาดเล็กๆ แก่บรรดามหาเศรษฐีไม่กี่ราย แต่ผลสำรวจความคิดเห็นของคนรวยโดยบริษัทวิจัย Cowen ได้เปิดเผยให้เห็นว่า ตลาดการท่องอวกาศนี้อาจมีลูกค้าหลักล้านราย และน่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อราคาบัตรโดยสารถูกลง โดยปัจจุบันคาดว่าตลาดท่องเที่ยวอวกาศน่าจะมีผู้ที่สามารถเป็นลูกค้าได้ประมาณ 2.4 ล้านราย ซึ่งตัวเลขที่ว่านี้มาจากการประเมินความต้องการบินกับ Virgin Galactic เท่านั้น เพราะในช่วงเวลาที่ทำผลสำรวจดังกล่าวมีเพียง Virgin Galactic ที่เปิดขายบัตรแล้วจริงๆ แม้จะยังไม่มีการบินก็ตาม

ทว่าเมื่อดูจากตัวเลขที่ว่านี้แล้ว ปัญหาน่าจะอยู่ที่ซัพพลายมากกว่าดีมานด์ เนื่องจากยาน 1 ลำรองรับผู้โดยสารได้เพียง 6 คน ไม่ว่าจะเป็นยานของ Virgin Galactic หรือ Blue Origin และแม้จะเร่งสร้างยานเพิ่มแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะสร้างขึ้นได้ง่ายๆ โดย Cowen คาดการณ์ว่า หาก Virgin Galactic สร้างยานได้ 11 ลำภายในปี 2573 บริษัทก็น่าจะส่งผู้โดยสารขึ้นอวกาศได้ประมาณปีละ 3,400 ราย ซึ่งยังคงถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนว่าที่ลูกค้าหลักล้านราย

สำหรับอุตสาหกรรมท่องอวกาศนั้นคาดว่าได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เมื่อมีเศรษฐีรายหนึ่งจ่ายเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐจ้างรัสเซียให้ส่งตัวเองขึ้นไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ ทำให้เขาเป็นนักท่องเที่ยวอวกาศคนแรกที่จ่ายเงินค่าเที่ยวบินเอง และนับตั้งแต่นั้นก็มีคนเดินตามรอยนี้เพียง 7 คน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลงานของหน่วยงานที่รัฐบาลเป็นผู้สนับสนุน

แต่การเข้ามาของบริษัทเอกชน ไม่ว่าจะเป็น Blue Origin, Virgin Galactic หรือ SpaceX จะทำให้ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยในช่วงแรกๆ ลูกค้าน่าจะจำกัดอยู่ที่เพียงกลุ่มผู้ที่ร่ำรวยมากๆ เพราะราคาบัตรน่าจะอยู่ที่ระดับหลักหลายล้านบาทเพื่อท่องอวกาศในเวลาไม่กี่นาที แต่เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ราคาบัตรอาจถูกลงจนเหลือหลักไม่กี่แสนบาท และเมื่อถึงวันนั้น เราอาจจะได้เห็นคนรู้จักโพสต์ภาพตัวเองบนยานอวกาศลงสื่อโซเชียลกันมากขึ้น

 

ที่มา: https://www.infoquest.co.th/2021/97137


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

โน้ส อุดม นักเดี่ยวไมโครโฟนชื่อดัง โพสต์บนเฟซบุ๊ก เดี่ยวไมโครโฟน FC แจ้งแฟนคลับขอเลื่อนการแสดงเดี่ยวไมโครโฟน ครั้งที่ 13

หลังจากที่ “โน้ส อุดม” หรือ อุดม แต้พานิช ศิลปินนักคิด นักเขียน นักพูด นักแสดง นักเดี่ยวไมโครโฟนชื่อดัง เพิ่งจะประกาศปิดร้านไอศกรีม Iberry Garden ในจังหวัดเชียงใหม่ ไปเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ล่าสุด โพสต์บนเฟซบุ๊ก เดี่ยวไมโครโฟน FC แจ้งแฟนคลับขอเลื่อนการแสดงเดี่ยวไมโครโฟน ครั้งที่ 13 ออกเป็นเป็น 22 เมษายน-1 พฤษภาคม 2565 ระบุว่า...

กระผม นายอุดม แต้พานิช ขอประกาศเลื่อนการแสดง SINGER proudly presents DEAW 13 ไปเป็นวันที่ 22 เมษายน-1 พฤษภาคม 2565

ผมรู้สึกซาบซึ้งมากที่ทุกคนยังถือบัตรอยู่ จึงอยากจะแสดงความขอบคุณ ด้วยการส่งของสมนาคุณพิเศษให้กับทุกท่าน นั่นก็คือผ้าห่มเดี่ยว 13 ไปห่มรอคอยเวลาที่เราจะได้กลับมาพบกัน และในโอกาสนี้ ผมยังมีของสมนาคุณพิเศษให้กับทุกๆ ท่าน ด้วยเหรียญ “ดมคอย” ที่เป็นสัญลักษณ์ของการรอคอยเดี่ยว 13 ระหว่างพวกเรานะครับ (ซึ่งเหรียญ ดมคอยนั้นจะเป็นเหรียญที่มีมูลค่าพิเศษในตัวเอง สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กเดี่ยว)

ขอบคุณทุกๆ ท่านที่คอยดม และแน่นอนว่าอุดมก็คอยที่จะได้พบทุกๆ ท่านเช่นกันครับ

หลังจากนั้นไม่นานเพจ Bitcoin Addict Thailand ได้โพสต์ว่า...

เฮียโน้สออกเหรียญ "ดมคอย" มาพร้อมสโลแกน "ถือดมคอยไม่ดอยแน่นอน" 5555

แต่ไม่ใช่โทเค็นคริปโตนะ เป็นเหรียญจริงๆ เอาไว้ให้แฟนคลับใช้งาน

ปล. มีเหรียญลิมิเต็ดด้วย ทำจากทองคำหนัก 5 บาทเลย

 

ที่มา: https://www.facebook.com/197729100755446/posts/1072682669926747/


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เพจ Environman ได้รายงานถึงการรับรองมหาสมุทรแห่งใหม่ของโลก ที่เรียกว่า ‘มหาสมุทรใต้’ ว่า...

เพจ Environman ได้รายงานถึงการรับรองมหาสมุทรแห่งใหม่ของโลก ที่เรียกว่า ‘มหาสมุทรใต้’ ว่า...

โลกเรานั้นประกอบด้วย 4 มหาสมุทรคือ มหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรแปซิฟิก มหาสมุทรอินเดีย และมหาสมุทรอาร์กติก แต่ล่าสุด...มหาสมุทรใต้ (แอนตาร์กติกา) ได้ถูกนับเป็นมหาสมุทรที่ 5 และถูกระบุไว้ในแผนที่โลกของโดย National Geographic แล้ว!

มหาสมุทรใต้ เป็นมหาสมุทรน้องใหม่ล่าสุดที่เข้ามาอยู่ในรายชื่อมหาสมุทรโลกในวันที่ 8 มิถุนายน ‘วันมหาสมุทรโลก’ ที่ผ่านมา

แน่นอน หลายคนอาจจะสงสัย? มหาสมุทรนี้ก็ถูกค้นพบมานานแล้ว ทำไมไม่ถูกรวมแต่แรก? และขอบเขตของมันคือที่ไหนบ้าง?

Alex Tait นักภูมิศาสตร์จาก National Geographic เผยว่า “มหาสมุทรใต้เป็นที่รู้จักสำหรับนักวิทยาศาสตร์มานานแล้ว แต่มันยังไม่มีการตกลงในระดับนานาชาติ และแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ”

แม้ในปี 1999 องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NOAA ก็เคยรับรองมหาสมุทรนี้แล้ว และให้ขอบเขตว่า เป็นผืนน้ำที่ทอดยาวตั้งแต่ชายฝั่งรอบทวีปแอนตาร์กติกาไปจนถึงละติจูด 60 องศาใต้

แต่ก็ยังมีการถกเถียงกันอยู่ว่าผืนน้ำที่ล้อมรอบแอนตาร์กติกานี้มีลักษณะเด่นที่ทำให้มันควรถูกเรียกว่าเป็นมหาสมุทรหรือไม่ หรือว่าเป็นแค่น้ำเย็นๆ ที่ต่อออกมาจากมหาสมุทรแปซิฟิก แอตแลนติก และอินเดีย

อีกอย่าง มหาสมุทรใต้ก็ต่างจากมหาสมุทรอื่นตรงที่จะไม่ได้ถูกกำหนดขอบเขตจากพรมแดนทางแผ่นดิน หรือทวีปที่อยู่รอบๆ แต่ถูกกำหนดโดยละติจูด และกระแสน้ำหมุนเวียนแอนตาร์กติก (ACC)

กระแสน้ำหมุนเวียนแอนตาร์กติก (ACC) เป็นตัวแบ่งทวีปแอนตาร์กติกาออกจากทวีปอเมริกาใต้ เริ่มก่อตัวเมื่อ 34 ล้านปีที่แล้ว กระแสน้ำไหลจากตะวันตกไปตะวันออก มีน้ำที่เย็นกว่า แต่รสเค็มน้อยกว่ามหาสมุทรอื่นๆ ทางตอนเหนือ

ACC นี่เองก็เป็นกระแสน้ำที่ทำให้เกิดการหมุนเวียนของน้ำทางตอนใต้ และดึงน้ำจากมหาสมุทรแอตแลนติก แปซิฟิก และอินเดียออกมา ช่วยให้การไหลเวียนของกระแสน้ำอุ่นและน้ำเย็นหมุนเวียนไปทั่วโลกอยู่ตลอดเวลา

ดังนั้น การถูกรับรองในครั้งนี้ของมหาสมุทรใต้ ก็อาจจะช่วยให้คนเริ่มหวงแหน และอนุรักษ์มหาสมุทรนี้มากขึ้น เพราะเมื่อโลกร้อนขึ้น น้ำที่มาจากกระแส ACC ที่ไหลไปสู่ทางใต้จะอุ่นขึ้น ซึ่งตรงนี้ นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในมหาสมุทรใต้มากน้อยแค่ไหน

อีกอย่าง ที่นี่ก็เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำนานาชนิด ทั้งวาฬ เพนกวิน แมวน้ำ ที่ไม่สามารถพบได้ที่อื่นอีกด้วย

 

ที่มา: https://www.facebook.com/1523107561151019/posts/3782012455260507/

อ้างอิง: https://www.nationalgeographic.com/environment/article/theres-a-new-ocean-now-can-you-name-all-five-southern-ocean

https://www.nbcnews.com/now/video/national-geographic-recognizes-southern-sea-as-5th-ocean

https://ngthai.com/environment/36309/new-world-ocean/

https://www.nationalgeographic.com/environment/article/theres-a-new-ocean-now-can-you-name-all-five-southern-ocean

https://oceanservice.noaa.gov/facts/howmanyoceans.html


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top