Tuesday, 1 July 2025
NEWS FEED

อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ เปิดพยานหลักฐาน​ 'ไฟเซอร์' ไม่อาจป้องกันโควิดได้​ 100% ไม่ต่างกับวัคซีนประเภทอื่น ๆ

นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chuchart Srisaeng ระบุว่าคำว่าประเทศอิสราเอล มีประชากร 9,326,000 คน มีผู้ติดเชื้อโควิด 852,943 คน ตาย 6,450 คน

ถ้าคิดอัตราส่วนต่อประชากรทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อร้อยละ 9.15 และตายร้อยละ 0.069

ประเทศไทย มีประชากร 69,983,483 มีผู้ติดเชื้อโควิด 426,475 ตาย 3,502 คน

ถ้าคิดอัตราส่วนต่อประชากรทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อร้อยละ 0.61 และตายร้อยละ 0.005

ถ้าเปรียบเทียบกันตามอัตราส่วนดังกล่าว อิสราเอลมีผู้ติดเชื้อมากกว่าไทย 15 เท่า ตายมากกว่า 13.8 เท่า

อิสราเอลฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่ประชาชนไปแล้วมากกว่าร้อยละ 63 แต่วันนี้มีผู้ติดเชื้อ 1,220 คน

อันเป็นการแสดงให้เห็นว่า วัคซีนไฟเซอร์ ก็ไม่อาจป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้ 100% ไม่ต่างกับวัคซีนประเภทอื่น ๆ

นี่คือพยานหลักฐานที่เป็นจริง ไม่ใช่เกิดจากความคาดฝันดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้


ที่มา: https://www.thaipost.net/main/detail/110418

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3882989011827296&id=100003487051857


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

วัคซีนชนิด ‘ทนทานต่อความร้อน’ มีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ สายพันธุ์สำคัญทุกสายพันธุ์

20 กรกฎาคม 2564 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน องค์กรวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (CSIRO) ของออสเตรเลีย พบว่า วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิด ‘ทนทานต่อความร้อน’ ซึ่งเหมาะสมสำหรับพื้นที่ห่างไกลนั้นมีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) สายพันธุ์สำคัญทุกสายพันธุ์

ในการศึกษาที่ตีพิมพ์เมื่อวันพฤหัสบดี (15 ก.ค.) คณะนักวิจัยจากองค์กรฯ ได้ประเมินประสิทธิภาพของกลุ่มสูตรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดทนทานต่อความร้อนที่พัฒนาโดยสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งอินเดีย (IISc) และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพอย่างมินแวกซ์ (Mynvax) และพบว่าสูตรของวัคซีนกลุ่มดังกล่าวสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันป้องกันไวรัสฯ สายพันธุ์เฝ้าระวัง (Variant of Concern-VOC) ทั้งหมดได้อย่างแข็งแกร่ง จากการทดลองในหนูและแฮมสเตอร์

เอส.เอส. วาซาน ผู้นำโครงการวิจัยโรคโควิด-19 ขององค์กรฯ และผู้ร่วมเขียนรายงาน กล่าวในการแถลงต่อสื่อว่า “ข้อมูลของเราแสดงให้เห็นว่า สูตรวัคซีนทั้งหมดของมินแวกซ์ที่ได้รับการทดสอบสามารถสร้างแอนติบอดีที่มีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสฯ สายพันธุ์อัลฟา (Alpha) เบตา (Beta) แกมมา (Gamma) และเดลตา (Delta) ซึ่งเป็นสายพันธุ์เฝ้าระวังได้”

ที่สำคัญคือสูตรวัคซีนกลุ่มดังกล่าวสามารถคงความเสถียรที่อุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส ได้นานถึง 1 เดือน และคงความเสถียรที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ได้นาน 90 นาที

เมื่อเทียบกันแล้ว วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทค จะต้องเก็บรักษาในห้องเย็นแบบพิเศษที่อุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส และวัคซีนแอสตราเซเนกาจะต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ทำให้วัคซีนทั้ง 2 ตัว ไม่เหมาะสำหรับพื้นที่ห่างไกลและมีทรัพยากรจำกัด

ข้อมูลเหล่านี้ที่รวบรวมโดยองค์กรฯ จะถูกนำไปใช้ในการเลือกสูตรวัคซีนของมินแวกซ์ ที่จะนำมาทดลองทางคลินิกในมนุษย์ในประเทศอินเดียต่อไป ภายในปี 2021 นี้

ร็อบ เกร็นเฟลล์ ผู้อำนวยการด้านสาธารสุขและความมั่นคงทางชีวภาพขององค์กรฯ กล่าวว่า การศึกษาชิ้นนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงความจำเป็นของการร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ระดับโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาวัคซีนและวิธีรักษาโรคโควิด-19 ต่อไป

“วัคซีนชนิดทนทานต่อความร้อนหรือวอร์มวัคซีน (warm vaccine) นั้นมีความสำคัญสำหรับพื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่ที่มีทรัพยากรจำกัดซึ่งมีสภาพภูมิอากาศร้อนจัด และไม่มีระบบห่วงโซ่รักษาความเย็นที่ดีพอ” เกร็นเฟลล์ระบุ


https://www.naewna.com/inter/588914


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กสม. แจงหยิบปมตำรวจใช้กระสุนยาง-แก๊สน้ำตา ม็อบ 18 กรกฎา ตรวจสอบ ระบุอุปกรณ์เหล่านี้อันตรายต่อร่างกายผู้ชุมนุม พร้อมตรวจสอบม็อบ 16 ก.ค.ตำรวจถูกทุบศรีษะด้วยของแข็ง ย้ำการใช้เสรีภาพในการชุมนุมได้รับการคุ้มครองตามกม.ต้องเป็นการชุมนุมอย่างสงบไร้อาวุธ

สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ตามที่ปรากฏเหตุรุนแรงระหว่างการชุมนุมเพื่อสอบถามเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนชนิด mRNA ที่บริเวณหน้ากระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 16 ก.ค.64 จนเป็นเหตุให้ผู้ร่วมชุมนุมและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง และต่อมาได้มีการชุมนุมและเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 18 ก.ค.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้มาตรการควบคุมฝูงชนโดยการฉีดน้ำ ยิงแก๊สน้ำตา และใช้กระสุนยางเพื่อสกัดกลุ่มผู้ชุมนุม จนเป็นเหตุให้ผู้ชุมนุมและสื่อมวลชนบาดเจ็บหลายราย นั้น

กสม. ได้ติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการชุมนุมทั้งสองครั้งที่อ้างถึงข้างต้น กสม.ตระหนักดีว่าปัจจุบันประเทศไทยและพื้นที่กรุงเทพมหานครกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก และมีการประกาศข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 28) ห้ามจัดกิจกรรมและการรวมกลุ่มเกินกว่าห้าคนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของโรคดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการชุมนุมเกิดขึ้น ผู้ชุมนุมพึงยึดหลักการชุมนุมอย่างสงบโดยปราศจากอาวุธและไม่ใช้ความรุนแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐพึงใช้แนวทางในการบริหารจัดการการชุมนุมที่เคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชน และคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ชุมนุมและประชาชนที่อยู่ในบริเวณการชุมนุม 

จากเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 16 และ 18 ก.ค. ทางกสม.มีความห่วงใยต่อการใช้ความรุนแรง และมีความเห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้ 1. วันที่ 16 ก.ค.มีการกระทบกระทั่งจนทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย โดยมีตำรวจนายหนึ่งได้รับบาดเจ็บจากการถูกทุบที่ศีรษะด้วยของแข็งในขณะกำลังเข้าจับกุมแกนนำผู้ชุมนุม กสม.เห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการใช้ความรุนแรงที่ไม่ควรเกิดขึ้น และขอย้ำว่าการใช้เสรีภาพในการชุมนุมที่ได้รับการรับรองและคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญต้องเป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ทั้งนี้ กสม.จะหยิบยกกรณีดังกล่าวขึ้นตรวจสอบต่อไป 

2. การชุมนุมวันที่ 18 ก.ค. ตำรวจได้ใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมฝูงชนและยุติการชุมนุม เช่น การฉีดน้ำ การยิงแก๊สน้ำตา และการใช้กระสุนยาง ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุปกรณ์ดังกล่าวจำนวนมาก รวมทั้งผู้สื่อข่าวที่มีปลอกแขนชัดเจน นอกจากนั้นยังมีการใช้ลวดหนามหีบเพลงเป็นแนวกั้น ซึ่ง กสม.เห็นว่าอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์ที่มีอันตรายและอาจมีผลต่อความปลอดภัยในชีวิตและร่างกายของผู้ชุมนุม ซึ่งตามแนวปฏิบัติขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการใช้อาวุธที่เป็นอันตรายที่ไม่ถึงแก่ชีวิตเพื่อการบังคับใช้กฎหมาย การใช้อุปกรณ์ที่เป็นอันตรายควรใช้เท่าที่จำเป็นเมื่อไม่สามารถใช้วิธีการอื่นที่ดีกว่าได้ และต้องใช้ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายกับผู้ชุมนุม ทั้งนี้ กสม.จะหยิบยกกรณีดังกล่าวขึ้นตรวจสอบเช่นกัน

กสม.ขอย้ำถึงความสำคัญของการไม่ใช้ความรุนแรงไม่ว่าโดยฝ่ายใด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในการดำเนินการใด ๆ ทุกฝ่ายจะรับฟังและเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่าง และใช้แนวทางสันติวิธีในการแก้ปัญหา โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนสากลและหลักนิติรัฐนิติธรรมเป็นสำคัญ รวมทั้งขอย้ำถึงความสำคัญในการคำนึงถึงสิทธิด้านสุขภาพของตนเอง ผู้อื่น และสังคมโดยรวมในการใช้สิทธิและเสรีภาพในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด- 19 ด้วย

‘ไฟเซอร์และไบออนเทค’ ออกจดหมายข่าว เผยได้ลงนามเซ็นสัญญาซื้อขายวัคซีนโควิด กับกระทรวงสาธารณสุขแล้ว จำนวน 20 ล้านโดส พร้อมจะจัดส่งให้กับประเทศไทยในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้

วันที่ 20 ก.ค. เวลา 10.00 น. มีจดหมายข่าวประชาสัมพันธ์จาก ไฟเซอร์และไบออนเทค ระบุว่า จะจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับประเทศไทย โดยเนื้อหาของข่าวระบุว่า

บริษัททั้งสองจะจัดส่งวัคซีนจำนวน 20 ล้านโดสให้กับประเทศไทยสำหรับใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนแบบมีเงื่อนไขจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นระดับโลกของไฟเซอร์และไบออนเทคเพื่อการรับมือของการระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดจากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2

ณ ประเทศไทยและกรุงไมนส์ ประเทศเยอรมนี วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 วันนี้ บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และ ไบออนเทคได้ประกาศลงนามสัญญาร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในการจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 20 ล้านโดสสำหรับปี พ.ศ. 2564 ให้กับประเทศไทยโดยมีแผนกำหนดการส่งมอบในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายไม่อาจเปิดเผยได้ แต่มีข้อกำหนดเป็นไปตามช่วงเวลาในการส่งมอบและจำนวนโดสที่สั่ง

“เรามีความยินดีที่ได้เซ็นสัญญาที่มีความสำคัญนี้กับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นที่มีร่วมกันในความพยายามที่จะลดการติดเชื้อในประเทศ สัญญานี้เป็นการเน้นยํ้าถึงความมุ่งมั่นของไฟเซอร์ในการจัดหาวัคซีนที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 นี้และยังเป็นการเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของคนทั่วโลก”

เด็บบราห์ ไซเฟิร์ท ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไฟเซอร์ ประเทศไทยและอินโดไชน่ากล่าว “ในสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตสุขภาพโลกในครั้งนี้ ไฟเซอร์ได้ดำเนินพันธกิจตามเป้าประสงค์ขององค์กรในการนำยานวัตกรรมที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้ป่วยซึ่งในการดำเนินการนั้นเป็นไปอย่างเร่งด่วนมากยิ่งขึ้น”

“ผมขอขอบคุณรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยสำหรับความไว้วางใจในความสามารถของการพัฒนาวัคซีน ที่พวกเราเชื่อว่ามีศักยภาพที่จะช่วยในการรับมือกับโรคระบาดของโลกในครั้งนี้ เป้าหมายของเราก็ยังคงเป็นการส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพให้แก่ผู้คนมากมายทั่วโลกโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” ชอง มาเร็ท หัวหน้าฝ่ายธุรกิจและฝ่ายพาณิชย์ บริษัท ไบออนเทคกล่าว

ไฟเซอร์และไบออนเทคตั้งเป้าการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ได้ราว 3 พันล้านโดสทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2564 โดยได้ทำการปรับปรุงพัฒนากระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ ในการผลิตอย่างต่อเนื่องและขยายกำลังการผลิตที่มีอยู่ขณะนี้ รวมถึงการเพิ่มผู้ผลิตและคู่สัญญารายใหม่ในอนาคต

วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบออนเทคได้รับการพัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์และไบออนเทคโดยเป็นเทคโนโลยี mRNA ที่ไบออนเทคเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์และเป็นผู้ได้รับอนุญาตทางการตลาดในสหภาพยุโรปและยังเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้ในภาวะฉุกเฉินหรือเทียบเท่าในประเทศสหรัฐอเมริกา (ร่วมกับไฟเซอร์)

ประเทศแคนาดาและประเทศอื่น ๆ ทั้งนี้ เป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดไว้ก่อนหน้าในการยื่นคำขอขึ้นทะเบียนสำหรับการเป็นผู้รับอนุญาตทางการตลาดเต็มรูปแบบในประเทศเหล่านั้น

ข้อมูลด้านการศึกษาทางคลินิก

การทำการทดลองทางคลินิก เฟสที่ 3 ของ BNT162b2 ซึ่งเป็นเทคโนโลยี mRNA ที่ไบออนเทคเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เริ่มต้นขึ้นในปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 และเสร็จสิ้นการเก็บข้อมูลประสิทธิภาพเบื้องต้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2564

โดยมีอาสาสมัครจำนวน 46,331 คนเข้าร่วมการทดลอง และสามารถเข้าไปดูข้อมูลการจำแนกผู้เข้าร่วมการทดลองทางคลินิกที่มีความหลากหลายจากศูนย์ทดลอง 153 ในประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศเยอรมนี ตุรกี แอฟริกาใต้ บราซิลและอาร์เจนติน่า ได้ที่ https://www.pfizer.com/science/coronavirus/vaccine

โดยผู้เข้าร่วมการทดลองทุกคนจะได้รับการเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่องเพื่อประเมินความยาวนานของการป้องกันและความปลอดภัยเป็นเวลาต่อไปสองปีหลังจากที่ได้รับวัคซีนเข็มที่สอง 2


ที่มา : https://www.thansettakij.com/breakingnews/488391?as=


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ไขคำตอบ '2D 3M' เบื้องหลังความสำเร็จ #จีนแก้จนแบบมุ่งเป้า จนนำมาสู่หนทางขจัดความยากจนในประเทศจีน

ไขคำตอบ '2D 3M' เบื้องหลังความสำเร็จ #จีนแก้จนแบบมุ่งเป้า จนนำมาสู่หนทางขจัดความยากจนในประเทศจีน

แนวทาง #2D 3M คืออะไร?

2D คือ Direction + Data

3M คือ Man + Money + Materials

#Direction ชัดเจน ผู้นำดีมีชัย

#Data จัดการฐานข้อมูล เป็นระบบ

#Man มีเอกภาพ ตรวจเข้ม ชี้วัดผลงานจริง

#Money งบโปร่งใส ไร้คอร์รัปชัน

#Materials ทรัพยากร ทั้งจากรัฐและเอกชน

ติดตาม #ระบบแบบจีน สารคดี 'เส้นทางขจัดความยากจน' เบื้องหลังความสำเร็จ #จีนแก้จนแบบมุ่งเป้า ตามแนวทางที่เรียกว่า '2D 3M' เป็นอย่างไร ? ได้ที่ >> https://youtu.be/VjfGvlxbTW0

EP1 : ตอนที่ 1-4

ตอนที่ 1 คำมั่นสัญญาที่เป็นจริง

ตอนที่ 2 การดำเนินนโยบายที่แม่นยำ

ตอนที่ 3 แบกรับภาระหน้าที่

ตอนที่ 4 ร่วมแรงร่วมใจเอาชนะความยากลำบาก

วิเคราะห์โดย รศ.ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อดีตผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน แห่ง วช.


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10223651906299173&id=1037140385


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"อลงกรณ์" เห็นด้วย "สปสช." ใช้งบพันล้านซื้อชุดตรวจโควิดแจกประชาชน 8.5 ล้านชุด แต่ข้องใจราคา Antigent Rapid Test แนะสปสช.แจงรายละเอียดเพื่อความโปร่งใส

วันนี้นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเห็นด้วยที่ "สปสช." จะจัดซื้อชุดตรวจทดสอบโควิดให้ประชาชน 8.5 ล้านชุด โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพเป็นผู้รับภาระจัดสรรงบประมาณ 1,014 ล้านบาท แต่ข้องใจราคาต้นทุนชุดตรวจโควิด Antigent Rapid Test Kit ที่มีบางข่าวระบุว่าราคาสูงถึงชุดละ 120 บาท จึงขอให้ "สปสช." ชี้แจงเพื่อความกระจ่าง พร้อมกันนี้นายอลงกรณ์ได้ให้ข้อมูลราคานำเข้าจากจีนชุดละ 37.50 บาท
โดยข้อความในเฟซบุ๊กปรากฏดังนี้

“...สปสช.ชี้แจงให้กระจ่างนะครับ โครงการจัดซื้อชุดตรวจโควิด Antigent Rapid Test Kit !!!

ผมเห็นข่าวก็ดีใจและเห็นด้วยที่สปสช.จะซื้อชุดตรวจทดสอบโควิดให้ประชาชน 8.5 ล้านชุด โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพเป็นผู้รับภาระจัดสรรงบประมาณ 1,014 ล้านบาท

แต่มีบางข่าวระบุว่าราคาต้นทุนชุดตรวจโควิดชุดละ 120 บาทนั้น ดูจะสูงไปหรือไม่ครับ
เพราะราคาชุดตรวจจากโรงงานมาตรฐานที่ปักกิ่ง ชุดละ 1.25 ดอลลาร์สหรัฐ (สำหรับการสั่งซื้อ100,000ชุดขึ้นไป)
ถ้าอัตราแลกเปลี่ยน 30 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ คูณ 1.25 บาท
จะตกชุดละ 37.50 บาท
ถ้าซื้อหลายล้านชุดราคาจะต่ำกว่านี้อีก

ผมไม่แน่ใจข่าวที่ออกมาว่า ราคาต้นทุนชุดละ 120 บาท จริงเท็จประการใด
หรือข่าวคลาดเคลื่อน ถ้าให้กระจ่างควรแจกแจงว่างบ 1,014 ล้านบาท เป็นงบซื้อชุดตรวจทั้งหมดกี่ชนิดกี่ประเภทโดยเฉพาะชุดตรวจแบบ Antigent Rapid Test kit
ผมเอาใจช่วยแต่
ช่วยชี้แจงหน่อยนะครับ
…อลงกรณ์ พลบุตร 20 ก.ค 64…”

 

ข้อมูลอ้างอิงจากข่าว
“บอร์ด สปสช. ประชุมวันที่ 19 กค. 2564 มีมติเห็นชอบ ที่จะจัดหาชุดตรวจทดสอบโควิดด้วยตัวเองที่บ้านจำนวน 8.5 ล้านชุด ราคาต้นทุนจัดซื้อ 120 บาทต่อชุด

โดยมอบหมายให้เครือข่ายโรงพยาบาลราชวิถี ในฐานะเป็นเครือข่ายหน่วยบริการด้านยาและเวชภัณฑ์ เป็นผู้จัดซื้อผ่านองค์การเภสัชกรรม โดยสำนักงานหลักประกันสุขภาพเป็นผู้รับภาระจัดสรรงบประมาณ 1014 ล้านบาท”

https://www.blockdit.com/posts/60f57d348a54740c97ec6618

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2564 ที่ประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที่ 8/2564 (วาระพิเศษ) ซึ่งมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข เป็นประธาน

โดยนายอนุทิน กล่าวว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่มีจำนวนมากในขณะนี้ จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเพิ่มชุดตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ด้วย Antigen Test Kit (ATK) ในวงเงินเบื้องต้น 1,014 ล้านบาท เพื่อจัดหาชุดตรวจให้หน่วยบริการนำไปแจกจ่ายกับประชาชนทุกคนทุกสิทธิ  รวมถึงคนต่างด้าวสามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย ATK เอง ในช่วงระหว่างเดือน ส.ค. – ก.ย. 2564 และย้ำว่าต้องทำด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้...

‘ศักดิ์สยาม’ ย้ำ! เปิดทดลองนั่งรถสายสีแดงฟรี 3 เดือน ปรับรูปแบบพิธีเปิดงาน 2 ส.ค.นี้เป็นแบบออนไลน์ สอดรับมาตรการป้องกันโควิด

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 2 ส.ค. 64 กระทรวงคมนาคม ยังคงจัดพิธีเปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน (Soft Opening) มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานตามกำหนดเดิม แต่จะปรับรูปแบบการจัดงานโดยใช้การเปิดงานแบบออนไลน์แทน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งมาตรการที่รัฐบาลกำหนดให้ประชาชนลด และจำกัดการเคลื่อนย้ายการเดินทาง

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า กระทรวงคมนาคม ยังคงเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการฟรีประมาณ 3 เดือน (ส.ค.-ต.ค. 64) ก่อนจะเปิดให้บริการแบบเก็บค่าโดยสารในเดือนพ.ย. 64 โดยในการให้บริการนั้นจะต้องอยู่ภายใต้มาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนประกาศของกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เรื่อง มาตรการพึงปฏิบัติการจัดการระบบขนส่งทางราง ภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ฉบับที่ 11 ด้วย เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวก และความปลอดภัย

โดยขณะนี้กระทรวงคมนาคม เตรียมความพร้อมในทุกด้านแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของขบวนรถไฟฟ้าที่จะให้บริการ ซึ่งที่ผ่านมาการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รฟฟท.) ได้ทดสอบเดินรถทั้ง 2 เส้นทางอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการฝึกซ้อมเพื่อรับมือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ โดยทุกการทดสอบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และพร้อมแล้วที่จะเปิดให้ประชาชนได้ทดลองใช้บริการ ซึ่งนอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชานเมืองที่จะเดินทางเข้ามายังใจกลางเมืองกรุงเทพฯ แล้ว ยังอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่จะเดินทางมาเข้ารับบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่สถานีกลางบางซื่อด้วย


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘หมอเหรียญทอง’ ประกาศแบน ‘ฟู้ดแพนด้า’ ห้ามรถส่งสินค้าเข้าพื้นที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ และเครือโรงพยาบาลสนามทั้งหมด ให้พนักงาน-ผู้ใช้บริการ สั่งอาหารจากแพลตฟอร์มอื่นแทน ล่าสุด ตำรวจขออนุมัติหมายจับ ‘หนุ่มฟู้ดแพนด้า’ แล้ว

พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประกาศ รพ.มงกุฎวัฒนะ และเครือ รพ.สนามทั้งหมดไม่อนุญาตให้มีการสั่งอาหารหรือสินค้าผ่าน FOODPANDA ดังนั้น จึงห้ามรถส่งสินค้า FOODPANDA เข้าสู่พื้นที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ และเครือ รพ.สนามทั้งหมด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

พนักงานหรือผู้ใช้บริการ รพ.มงกุฎวัฒนะ กรุณาใช้แพลตฟอร์มอื่นในการสั่งอาหารหรือสินค้าที่จะนำส่ง รพ.มงกุฎวัฒนะ จนกว่า FOODPANDA จะมีนโยบายที่ชัดเจนและเด็ดขาดต่อการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะการดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับพนักงานที่กระทำการเป็นอริราชศัตรูต่อพระเจ้าแผ่นดิน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากแถลงการณ์ล่าสุดของฟู้ดแพนด้า ประเทศไทย ยืนยันจะไม่ไล่ออกพนักงานที่ทำการเผาพระบรมฉายาลักษณ์ ขณะร่วมชุมนุมกลุ่มเยาวชนปลดแอก พร้อมประกาศไม่ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพทางความคิดและการแสดงออกส่วนบุคคลแต่อย่างใด ภายหลังจากถูกฝ่ายต่อต้านรัฐบาลกดดันอย่างหนัก

ล่าสุด มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายสิทธิโชค เศรษฐเศวต ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และพระราชินี, วางเพลิงเผาทรัพย์ฯ ของผู้อื่นและทำให้เสียทรัพย์ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

สำหรับพฤติการณ์การกระทำผิดโดยย่อของ นายสิทธิโชค นั้น พ.ต.ท.อธิชย์ ดอนนันชัย รอง ผกก.(สอบสวน) สน.นางเลิ้ง ผู้ออกหมายระบุว่า “ตามวันเวลาเกิดเหตุ ได้มีกลุ่มมวลชนหลายร้อยคน ซึ่งเรียกกลุ่มของตนเองว่า “เยาวชนปลดแอก” เข้าปะทะกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.40 น. ของวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ได้มี นายสิทธิโชค เศรษฐเศวต ผู้ต้องหา (ทราบชื่อภายหลัง) ใช้ขวดพลาสติกบีบของเหลวคล้ายน้ำมันเชื้อเพลิง พ่นใส่กองเพลิงซึ่งลุกไหม้อยู่บริเวณผ้าประดับพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ซึ่งประดิษฐานอยู่บริเวณเกาะกลางถนนราชดำเนินนอก แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ทำให้กองเพลิงดังกล่าว เริ่มลุกไหม้มากขึ้น แต่เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน ได้ฉีดน้ำดับเพลิงดังกล่าวได้ทัน เพลิงจึงไม่ลุกลามไปถึงพระบรมฉายาลักษณ์ พ.ต.ท.จงศักดิ์ ชาญศรี จึงได้มาร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด”


โปรเด็ด! ถึง 31 ก.ค. นี้ Ford Ranger, MG ZS, Mazda 2 และ Nissan อัลเมร่า ทักไลน์ @THESHOPSTIMES

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

กห. เสริมจัดตั้ง รพ.สนามเพิ่มในหน่วยทหาร วอนร่วมรับผิดชอบลดภาระแพทย์พยาบาล

ที่กระทรวงกลาโหม พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม  กล่าวถึง สถานภาพ รพ.สนาม ที่ กระทรวงกลาโหม โดยทุกเหล่าทัพสนับสนุนจัดตั้งขึ้นปัจจุบัน ได้ใช้อาคารสถานที่ในหน่วยทหาร ที่มีที่ตั้งกระจายอยู่ใน กทม.และปริมณฑล รวมทั้งอีก 24 จว.ทั่วประเทศ จำนวน 34 แห่ง รองรับผู้ป่วยได้ 6,135 เตียง ซึ่งกองทัพได้จัดกำลังพล บุคลากรทางการแพทย์ทหาร ทำงานร่วมกับ สธ.และ กทม. ดูแลประชาชนในพื้นที่ชุมชนต่างๆที่มีการแพร่ระบาด เพื่อนำเข้าสู่ระบบการรักษาอย่างต่อเนื่องมา ตั้งแต่ เม.ย.63 

นอกจากนั้น กองทัพ ยังได้จัดกำลังทหาร บุคลากรทางการแพทย์ทหาร รวมทั้งเตียง เครื่องนอน และสิ่งอุปกรณ์ต่างๆ เข้าไปเสริมจัดตั้ง รพ.สนามในพื้นที่ต่างๆ เช่น รพ.สนามบุษราคัม รพ.สนามบางขุนเทียน รพ.สนามวัฒนาแฟคตอรี่ สมุทรสาคร และ รพ.สนามอื่นๆ อีก 5 แห่ง 

อย่างไรก็ตาม ในวิกฤตของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่ยังรุนแรง  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม.และ รมว.กห. ได้สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ ระดมทรัพยากรขยายขีดความสามารถ รพ.สนามที่มีอยู่เดิมและจัดตั้ง รพ.สนามในหน่วยทหารเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับผู้ป่วยสีเขียวที่มีเพิ่มขึ้นในพื้นที่ต่างๆอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะ กทม.และปริมณฑล  

ซึ่งปัจจุบันทุกเหล่าทัพ อยู่ระหว่างเตรียมพื้นที่และระดมบุคลากรทางการแพทย์แถว 2 และอาสาสมัครเข้ามาช่วย โดยประสานการทำงานร่วมกับสาธารณสุขในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้มีความจำเป็นต้อง เตรียมพื้นที่ให้เหมาะสมแยกจากทหารและชุมชนในหน่วย เพื่อให้การแยกผู้ป่วยควบคุมโรคออกจากชุมชนสามารถจำกัดได้ใน รพ.สนามของหน่วยทหาร พร้อมกันนี้ ได้เตรียมการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เสนารักษ์ประจำหน่วยทหาร เข้าสนับสนุน กทม.และ จว.พื้นที่สีแดงเข้ม ดูแลสถานที่แยกรักษาตัวชุมชน ( Home Isolation )

พล.ท.คงชีพ กล่าวต่อไปว่า การทำหน้าที่ของกำลังทหารทุกนายในกองทัพว่า ยังสนับสนุนและทำงานร่วมกับ สธ.และหน่วยงานอื่นๆต่อสู้กับโรคระบาดรุนแรงโควิท-19 ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นมา โดยถือเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่มีผลกระทบร้ายแรงกับประชาชนในทุกมิติเป็นวงกว้าง และเป็นเวลาที่เราทุกคนต้องการความร่วมมือร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสูงสุดจากทุกฝ่าย ช่วยกันดูแลกันและกัน ไม่สร้างปัญหาให้สถานการณ์เลวร้ายลง  รวมทั้งต้องมีความรับผิดชอบตนเองและสังคมมากขึ้น เพื่อหยุดและ ควบคุมวิกฤตสถานการณ์ครั้งนี้ให้ผ่านไปด้วยกัน

ทบ.แจ้ง อย่าหลงเชื่อ มีการปล่อยเอกสารเท็จ ประกาศใช้กฎอัยการศึกใน กทม. เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 

พ.อ.หญิงศิริจันทร์ วาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยในขณะนี้มีการ จัดทำเอกสารเท็จและถูกปล่อยออกมาในโซเชียลมีเดีย อ้างว่าเป็น การแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้า ก่อนการประกาศใช้กฎอัยการศึกใน กทม. เพื่อป้องกัน อันตรายจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 ในราชอาณาจักร ประกาศโดย ศบค19ทบ. นั้น

“ขอเรียนว่าเป็นข่าวเท็จโดยสิ้นเชิง อย่าได้หลงเชื่อเพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมายและไม่มีหน่วยงานใดจัดทำขึ้น หากได้อ่านข้อความก็คงจะประเมินได้ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ขอย้ำอย่าส่งต่อ เพราะอาจตกเป็นเครื่องมือของผู้ปล่อยข่าวเท็จ ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังดำเนินการต่อข่าวเท็จดังกล่าวตามขั้นตอนต่อไป”รองโฆษกกองทัพบก กล่าว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top