Tuesday, 2 July 2024
NEWS FEED

กระทรวงคมนาคม เร่งรัดการส่งมอบพื้นที่และรื้อย้ายสาธารณูปโภค โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ขอใช้พื้นที่ของกรมทางหลวงและเวนคืนพื้นที่บริเวณทางออกสุวรรณภูมิ

นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะทำงานเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่และรื้อย้ายสาธารณูปโภค โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ครั้งที่ 1/2564 เปิดเผยว่า

เป็นการรับทราบและติดตามความคืบหน้าผลการดำเนินงานของคณะทำงานฯ ได้แก่ การขอใช้พื้นที่ของกรมทางหลวงและเวนคืนพื้นที่บริเวณทางออกสุวรรณภูมิ ซึ่งรูปแบบแนวเส้นทางของโครงการรถไฟความเร็วสูงขาออกจากสถานีสุวรรณภูมิไปยังอู่ตะเภาจะก่อสร้างอยู่ระหว่างโครงสร้างของโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เดิมกับถนนต่างระดับขาเข้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของกรมทางหลวง

อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการเวนคืนพื้นที่ในช่วงทางโค้งเข้าบรรจบกับทางวิ่งหลัก โดยมีการเวนคืนพื้นที่ 1 ไร่ 89 ตารางวา ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบตามแนวทางดังกล่าว โดยเอกชนคู่สัญญาตกลงปรับรูปแบบโครงสร้างบริเวณจุดตัดทางต่างระดับ เพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างทางยกระดับศรีนครินทร์ - ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (M7) ตามที่กรมทางหลวงออกแบบ

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้า ปัญหาอุปสรรค และแนวทางดำเนินการของฝ่ายรัฐ ได้แก่ การรังวัดโฉนดที่ดินในเขตตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน การทำสัญญาจ่ายค่าทดแทนการเวนคืน การขอใช้พื้นที่หน่วยงานรัฐในพื้นที่เวนคืน ได้มอบหมายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ประสานงานกับหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ ส่วนการโยกย้ายผู้บุกรุกในช่วงสุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา จากทั้งหมด 302 หลัง ได้ดำเนินการไปแล้ว 300 หลัง และฝ่ายเอกชนได้เริ่มดำเนินการล้อมรั้วเพื่อป้องกันผู้บุกรุกแล้ว และให้การรถไฟแห่งประเทศไทยติดตามตรวจสอบไม่ให้มีประชาชนบุกรุกเข้าพื้นที่ พร้อมทั้งให้รายงานต่อที่ประชุมทุก ๆ เดือน

‘บิ๊กป้อม’ ลั่น “ผมยังอยู่” พลังประชารัฐเป็นเอกภาพ ไม่มีแตก เผย สนามผู้ว่าฯ กทม.ไม่ส่งผู้สมัครในนามพรรค หวั่นผิดมาตรา34 พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่นฯ

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหาร(กก.บห.) พรรคพปชร.เพื่อวางแนวทางส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ว่า ยังไม่ได้คิดอะไร และยังไม่ได้คุยกับกก.บห.พรรค ต้องนัดประชุมกันก่อนและเวลานี้ยังไม่ได้กำหนดวันประชุมเนื่องจากมีสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19

เมื่อถามถึงกระแสข่าวมีชื่อนางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยานายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรคพปชร.จะลงสมัครชนกับพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. รองนายกฯกล่าวว่า ไม่มี ๆ ตอนนี้ยังไม่มีชื่อใครเลย และตามมาตรา 34 แห่งพ.ร.บ.การการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น กำหนดห้ามไม่ให้ข้าราชการเมือง ส.ส. ส.ว. ผู้บริหารท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง ฉะนั้นพรรคจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการส่งผู้สมัครไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย ดังนั้นแนวทางของพรรคควรจะเหมือนเมื่อครั้งเลือกตั้งอบจ.คือไม่ส่งผู้สมัครในนามของพรรค

เมื่อถามย้ำว่าพรรคพปชร.จะไม่ส่งผู้สมัครในนามพรรคใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ รอคุยกับกก.บห.พรรคก่อน เมื่อถามย้ำว่าคนที่มีชื่อตามกระแสข่าวจะลงในนามอิสระแทนได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้ ยังไม่รู้ แต่เดี๋ยวก็จะมาบอกว่าผมไม่รู้ ๆ อีก”

ผู้สื่อข่าวถามถึงข่าวมีชื่อนางทยาและพล.ต.อ.จักรทิพย์ จะสะท้อนถึงความเป็นเอกภาพของพรรคหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่มี พรรคเป็นเอกภาพดี รับรองในพรรคไม่มีอะไรแตก อย่าไปคิดว่าแตก ผมยังอยู่ไม่มีแตก”

ธนาคารกสิกรไทย แจ้งผลประกอบการ ปี 2563 กำไร 29,487 ล้านบาท ลดจากปีก่อน 23.86% เหตุตั้งสำรองฯ สูงขึ้นถึง 28% รองรับผลกระทบวิกฤตโควิด-19 ขณะที่ NPL ขึ้นมาอยู่ที่ 3.93% เพิ่มจากปี 2562 ราว 7%

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับปี 63 จำนวน 29,487 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนจำนวน 9,240 ล้านบาท หรือ 23.86%

ส่วนใหญ่เกิดจากการที่ธนาคารและบริษัทย่อยใช้หลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องในการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss: ECL) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 9,536 ล้านบาท หรือ 28.04% ซึ่งเป็นการตั้งสำรองฯ ตั้งแต่ในครึ่งแรกของปี 63 เป็นจำนวนรวม 32,064 ล้านบาท เนื่องจากความไม่แน่นอนในระดับสูงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผลกระทบที่รุนแรงทั้งในและต่างประเทศ อันเป็นวิกฤตการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในลักษณะนี้มาก่อน รวมทั้งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการของทางการที่ให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกค้าตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ธนาคารและบริษัทย่อยถือปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินที่เกี่ยวกับเครื่องมือทางการเงิน (รวมถึง TFRS 9) ทำให้งบการเงินและอัตราส่วนทางการเงินบางรายการไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับปีก่อน

อย่างไรก็ดี แม้ว่าในครึ่งปีหลังที่มาตรการช่วยเหลือลูกค้าทยอยสิ้นสุดลง ลูกค้ายังสามารถผ่อนชำระได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมทั้งในปลายไตรมาส 4 มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ก็ตาม ธนาคารได้มีการทบทวนประเมินความเพียงพอของสำรองฯ พบว่าการตั้งสำรองฯ ในสามไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่เพียงพอแล้ว ธนาคารจึงพิจารณาตั้งสำรองฯ ในไตรมาส 4 ในระดับที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงสามไตรมาสของปี โดยเมื่อรวมการตั้งสำรองฯ ในปี 2563 มีจำนวนทั้งสิ้น 43,548 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับที่สามารถรองรับความเสียหายต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 6,334 ล้านบาท หรือ 6.17% ส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ซึ่งเป็นผลจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย และการปรับลดอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.27% สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 11,934 ล้านบาท หรือ 20.65% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่ลดลง และค่าธรรมเนียมรับเกี่ยวกับการให้สินเชื่อลดลงจากการเปลี่ยนไปแสดงเป็นรายได้ดอกเบี้ย รวมทั้งค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ลดลงจำนวน 2,733 ล้านบาท หรือ 3.76% ส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของประมาณการค่าใช้จ่ายพนักงาน และค่าใช้จ่ายทางการตลาด ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจัดการหนี้เพิ่มขึ้น

แม้ว่าในไตรมาส 4 ปี 2563 ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 3,825 ล้านบาท หรือ 23.26% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้า ค่าใช้จ่ายทางการตลาด ซึ่งเป็นปกติตามฤดูกาล และค่าใช้จ่ายในกิจกรรมร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) ปี 2563 อยู่ที่ระดับ 45.19%

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 3,658,798 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 จำนวน 364,909 ล้านบาท หรือ 11.08% ส่วนใหญ่เป็นการเติบโตของสินเชื่อ สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 อยู่ที่ระดับ 3.93% โดยธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งติดตามดูแลคุณภาพสินเชื่อของลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อย่างใกล้ชิด ขณะที่สิ้นปี 2562 อยู่ที่ระดับ 3.65%

ด้าน อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 อยู่ที่ระดับ 149.19% โดยสิ้นปี 2562 อยู่ที่ระดับ 148.60% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 อยู่ที่ 18.80% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 16.13%

โจ ไบเดน ฟิตเต็มร้อย เซ็นคำสั่งประธานาธิบดี ยกเลิกคำสั่งเก่าของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แบบยกแผง ตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำเนียบ รวมถึงการนำอเมริกากลับเข้าเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก และข้อตกลงปารีสอีกครั้ง

สื่ออเมริกันรายงานว่า ประธานาธิบดีป้ายแดง โจ ไบเดน เตรียมใช้อำนาจเต็ม เซ็นคำสั่งประธานาธิบดีในนโยบายเร่งด่วนในการแก้ปัญหา COVID -19 ที่จะอุดช่องโหว่ร้ายแรงในสมัยของทรัมป์ นั่นก็คือ การบังคับสวมหน้ากากอนามัยทั่วประเทศ และยกเลิกคำสั่งประธานาธิบดีของทรัมป์หลายรายการ โดยได้มีการแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ได้ดังนี้

ด้าน COVID -19

- โจ ไบเดน เตรียมออกแคมเปญ 100 Days Masking Challenge รณรงค์ให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากากอนามัยทั่วประเทศให้ได้ 100 วัน และออกกฎบังคับให้ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทุกครั้งเมื่อเข้ามาในบริเวณสถานที่ราชการของรัฐบาลกลางสหรัฐ

- ตั้งทีมประสานงานติดตามผลการระบาดของ COVID -19 และนั่นหมายความว่า โจ ไบเดน จะนำทีมเก่าจากหน่วยงานด้านปฏิบัติการป้องกันด้านชีวภาพ ประจำสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ตั้งขึ้นในสมัยบารัค โอบามา แต่ถูกคำสั่งของทรัมป์ให้ย้ายไปรับผิดชอบงานด้านอื่นก่อนเกิดวิกฤติ COVID -19 กลับมานำทีมกู้วิกฤติโรคระบาดตามเดิม

- เซ็นคำสั่งให้สหรัฐกลับไปเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก หลังจากที่ทรัมป์ได้เซ็นยกเลิกการบริจาคเงินให้องค์การอนามัยโลก และถอนสหรัฐออกจากการเป็นสมาชิกเมื่อปี 2020

ด้านเงินช่วยเหลือเยียวยา วิกฤติ COVID -19

- ออกคำสั่งขยายระยะเวลาในการบังคับย้ายบ้าน ยึดทรัพย์ และพักชำระหนี้อสังหาริมทรัพย์ของผู้ที่เดือดร้อนจากพิษวิกฤติ COVID -19 ไปจนถึงเดือนมีนาคม 2021

- ออกคำสั่งให้พักชำระหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาให้จนถึงเดือนกันยายน 2021

ด้านสิ่งแวดล้อม

- โจ ไบเดน จะเซ็นคำสั่งพาสหรัฐกลับสู่ข้อตกลงปารีส ว่าด้วยเรื่องความร่วมมือในการลดก๊าซคาร์บอนฯ ที่ทรัมป์ได้แหกกระแสโลก เซ็นถอนตัวออกมาในปี 2017 ด้วยเหตุผลว่าต้องการปกป้องอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหินในประเทศ

- สั่งระงับโครงการท่อส่งก๊าซระหว่าง แคนาดา - สหรัฐ ที่ชื่อว่า Keystone XL Pipeline ที่มีประเด็นในเรื่องปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและรุกล้ำแหล่งที่อยู่ตามธรรมชาติของสัตว์ป่า เป็นโครงการที่เริ่มต้นก่อสร้างตั้งแต่ปี 2010 แต่ก็ถูก บารัค โอบามา เซ็นระงับโครงการไปก่อนชั่วคราว เนื่องจากมีข้อท้วงติงด้านสิ่งแวดล้อม แต่โครงการนี้กลับมาเดินหน้าใหม่ในสมัยของทรัมป์ที่ต้องการสานต่อโครงการให้เสร็จ แต่เมื่อมาถึงยุคโจ ไบเดน ก็คงต้องพับแผนยาวอย่างน้อยอีก 1 สมัย เพราะเขาจะเซ็นคำสั่งระงับโครงการเพราะเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมแล้วในวันนี้

ด้านสิทธิมนุษยชน

- โจ ไบเดน จะเซ็นคำสั่งให้นับสำมะโนครัวประชากรสหรัฐฯ ใหม่ โดยจะต้องนับรวมประชากรที่ไม่มีเอกสารระบุตัวตน หรือกลุ่มที่เข้าเมืองแบบผิดกฏหมายด้วย ซึ่งทรัมป์เคยเซ็นคำสั่งให้ยกเลิกการนับรวมประชากรกลุ่มนี้เมื่อกลางปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งจะมีผลต่องบประมาณช่วยเหลือของรัฐบาลกลางในการบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ ที่คนกลุ่มนี้จะไม่ได้รับสิทธิ์เพราะตกสำรวจนั่นเอง

- นอกจากนี้ ไบเดน อาจพิจารณางบประมาณเพิ่มเติมในการสนับสนุนให้เกิดสิทธิ และความเสมอภาคภายในองค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่จะครอบคลุมสิทธิ และป้องกันการเลือกปฏิบัติกับ ชนกลุ่มน้อย สตรี และกลุ่มเพศทางเลือก LGBTQ+

ด้านกฏหมายเข้าเมือง

- ชาว Dreamer หรือ กลุ่มเด็ก ๆ ที่ติดตามพ่อ-แม่ ที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ได้เฮแล้ว หลังจากที่ทรัมป์ได้เพิกถอนสิทธิ์คุ้มครองกับเด็กกลุ่มนี้ และเตรียมผลักดันออกนอกประเทศ แต่โจ ไบเดน จะให้สภาคองเกรสพิจารณาที่จะให้สิทธิคุ้มครองใหม่ ซึ่งจะทำให้กลุ่ม Dreamer สามารถเปลี่ยนสถานะให้เป็นพลเมืองสหรัฐได้ในภายหลังอีกด้วย

- ยกเลิกคำสั่งแบนชาวมุสลิมเข้าเมืองสหรัฐ ซึ่งเป็นนโยบายจากผลพวง “Islamophobia” หรือโรคเกลียดกลัวชาวมุสลิมของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ออกคำสั่งห้ามชาวมุสลิมจากหลายประเทศ อาทิ ซีเรีย อิหร่าน อิรัก ซูดาน ลิเบีย โซมาเลีย ฯลฯ เข้าประเทศ ตั้งแต่ปี 2017 แต่หลังจากนี้ การพิจารณาวีซ่าให้กับประเทศมุสลิมที่เคยต้องห้ามในสมัยทรัมป์ จะกลับมาใหม่อีกครั้ง

- เช่นเดียวกันกับคำสั่งของทรัมป์ ที่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองยกระดับการใช้กฏหมายอย่างเข้มข้นในการจับกลุ่มคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นคำสั่งประธานาธิบดีแรก ๆ ของทรัมป์เมื่อเข้ารับตำแหน่ง ทำให้มีคดีจับกุมคนลักลอบเข้าเมืองในสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเกือบ 40% ซึ่งไบเดน จะเซ็นคำสั่งให้ผ่อนคลายลง ไม่ต้องทุ่มงบประมาณ และเจ้าหน้าที่รัฐไปไล่จับกันถึงขนาดนั้นก็ได้

- นโยบายกำแพงเม็กซิโกของทรัมป์ก็ไม่รอด โดยไบเดน จะเซ็นคำสั่งยกเลิกประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตชายแดนทางตอนใต้ ที่ทรัมปืใช้เป็นกลยุทธในการของบไปสร้างกำแพงเม็กซิโกนั่นเอง

สุดท้ายที่จี๊ดกว่านั้นคือ โจ ไบเดน จะเซ็นคำสั่ง ให้ระงับคำสั่งประธานาธิบดีของทรัมป์ที่ได้เซ็นทิ้งทวนก่อนลาตำแหน่งในนาทีสุดท้าย ที่กำลังจะมาไล่ว่าทรัมป์ได้แอบเซ็นอะไรไว้ก่อนไปบ้าง

ที่ไล่เรียงมานี่ยังมีเพียงแค่ส่วนเดียวในมรดกที่ทรัมป์ทิ้งไว้ให้ ซึ่งยังเหลือปัญหาอีกเยอะแยะ ที่ต้องมาตามแก้กันอีกยาว ไม่ว่าจะเป็น ข้อตกลงอิหร่านว่าด้วยเรื่องการยุติการพัฒนานิวเคลียร์ของเตหะราน สนธิสัญญาเปิดน่านฟ้า หรือ สนธิสัญญาจำกัดขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง หรือ Intermediate-Range Nuclear Forces Treaty ที่เซ็นกันมาเนิ่นนานระหว่าง สหรัฐ-รัสเซีย ตั้งแต่สมัยโรนัลด์ เรแกน ก็มาถูกฉีกทิ้งในสมัยของทรัมป์เช่นเดียวกัน

รับรองว่ามีงานรอให้โจ ไบเดน ต้องตามเซ็นถอนคำสั่งของทรัมพ์จนมือเปื่อย มือหงิก กันทีเดียว


แหล่งข่าว

https://www.cbsnews.com/news/biden-executive-orders-watch-live-stream-today-2021-01-20/

https://www.usatoday.com/story/news/politics/2021/01/20/joe-bidens-day-1-orders-reversing-trumps-most-egregious-moves/6641289002/

อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์เฟซบุ๊ก ต่อจิ๊กซอว์ขบวนการดิสเครดิต ปล่อยข่าวให้ร้ายสถาบัน เหมือนขบวนการเปลี่ยนแปลงการปกครองในลาว

นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์เฟซบุ๊ก โดยแชร์ข้อความระบุว่า...

วางแผนทำกันเป็นขบวนการ ตีทุกอย่างที่เกี่ยวกับในหลวง ร.9 เพื่อดิสเครดิตพระองค์ท่านให้ด้อยค่าในสายตาเด็กรุ่นใหม่

ลองไล่เรียงดูสิว่ามันวางแผนตีอะไรบ้าง เริ่มด้วยตีเรื่องฝนหลวง ตีเรื่องปลานิล ตีเรื่องโครงการหลวง ตีเรื่องเขื่อน ตีเรื่องโซล่าเซลล์ ตีเรื่องดอยคำ ล่าสุดตีเรื่อง สยามไบโอไซเอนส์

เห็น “จิ๊กซอว์” หรือยัง ? ลองทายกันดูว่าต่อไปพวกมันจะหยิบเอาเรื่องใดมาตีกระทบสถาบันอีก ?

แผนการแบบนี้ทำให้นึกถึงช่วงก่อนที่ลาวจะเปลี่ยนแปลงการปกครองล้มระบอบกษัตริย์ ก็มีการปล่อยข่าวให้ร้ายสถาบันกษัตริย์ของลาวแบบนี้เช่นกัน


ที่มา: เฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj

‘วราวุธ’ กราบขออภัยชาวกรุงเทพฯ ตื่นมาเจอหมอก PM 2.5 เหตุเกิดจากการเผาพื้นที่การเกษตร บวกกับอากาศที่พัดเข้ากรุง เตือน 4 - 5 วันใส่แมสป้องกันทั้งฝุ่น-โควิด สั่งผู้ว่าฯ ห้ามเกษตรกรให้หยุดเผา แนะนำเศษพืชอัดก้อนขาย สร้างรายได้เสริม

ที่รัฐสภา นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้มีจำนวนมากว่า ต้องกราบขออภัยพี่น้องชาว กทม. ที่ตื่นมาแล้วพบกับสภาพอาการที่ขมุกขมัว เนื่องจากตามสภาพอากาศที่กรมอุตุนิยมวิทยาได้พยากรณ์เอาไว้ว่าในช่วง 4-5 วันจากนี้ไป เป็นช่วงที่ลมค่อนข้างสงบ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ฝาชีครอบในพื้นที่กรุงเทพฯ

และสาเหตุที่มีฝุ่นมากขณะนี้ แม้ปริมาณฝุ่น PM และการใช้รถในกรุงเทพฯ จะลดลง แต่เราได้รับอิทธิพลจากการเผาไหม้ในพื้นที่โล่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ทางการเกษตร มาจากทางตอนเหนือ และทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ ซึ่งเรื่องทางกระทรวงฯ ได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ให้สั่งการไปยังเกษตรจังหวัด และเกษตรอำเภอ พร้อมกำชับผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อขอความร่วมมือเกษตรกรไม่ให้เผาเศษพืช เช่น อ้อย ฟางข้าว หากไม่ได้ผลในอนาคตอาจจะต้องมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น

แต่จากการเผาที่เกิดนอกพื้นที่กรุงเทพฯ บวกกับกระแสลม จึงทำให้เกิดสถานการณ์หมอกควันที่ค่อนข้างจะรุนแรงในวันนี้ แต่หากจะดูปริมาณฝุ่น PM สามารถตรวจสอบได้จากแอปพลิเคชั่นที่กรมควบคุมมลพิษได้จัดทำขึ้นมา ก็จะทราบว่าจุดไหนมีปริมาณฝุ่น PM เท่าไหร่

“กราบขออภัยชาวกรุงเทพฯ และขอฝากว่า ช่วงนี้นอกจากช่วงโควิด-19 แล้ว ต้องใส่หน้ากากเพื่อป้องกันการสูดดมเอาควันเข้าไป และลดทำกิจกรรมกลางแจ้ง ทั้งออกกำลังกาย วิ่ง ปั่นจักรยาน ขอให้ใช้หน้ากากป้องกันในช่วง 3-4 วันนี้ และเมื่อพ้นจากช่วงนี้ไปแล้ว และมีลมพัดมาใหม่ปริมาณควันที่เกิดขึ้นก็จะกระจายตัวออกไป

และต้องขอบคุณกรมอุตุฯ ที่พยากรณ์อากาศได้แม่นยำ ทำให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือปัญหาฝุ่นที่จะเกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ได้ ดังนั้นขอให้แต่ละคนติดตามพยาการณ์อากาศในแต่ละวัน ว่าสภาพอากาศในพื้นที่ที่ท่านอยู่เป็นอย่างไร และสภาพอากาศที่เคลื่อนไหวเป็นอย่างไร เพราะจากธรรมชาติบวกกับพื้นที่กรุงเทพฯ มีตึกสูงจำนวนมาก และลมที่พัดเข้ามาจากทั่วสารทิศ จะมาหยุดอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงทำให้ฝุ่นที่พัดมาจากต่างจังหวัดมาหยุดอยู่ที่กรุงเทพฯ และไม่ได้กระจายตัวไปไหน” รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ กล่าว

นายวราวุธ กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้น หากยังมีฝุ่น PM 2.5 กระทบอยู่มากอาจจะต้องมีการปิดโรงเรียน โดยทางกระทรวงศึกษาได้มอบให้ผู้บริหารสถานศึกษาแต่ละพื้นที่ พิจารณาว่าจะเลื่อนเวลาเปิดเรียน หรือหยุดเรียนชั่วคราวในช่วง 2-3 วันนี้หรือไม่ เพราะหากปิดเรียนก็เพื่อป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เกิดปัญหาแล้วจึงมาป้องกัน

ในส่วนแต่ละจังหวัดได้มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ตัดสินใจว่าจะสั่งเกษตรกรห้ามเผา หรือจะออกเป็นนโยบายภาพรวมทั้งประเทศ เป็นสิ่งที่อาจจะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เพราะแต่ละจังหวัดมีปัญหาจุดกำเนิด PM 2.5 และหมอกควันที่ต่างกัน บางจังหวัดเกิดจากพื้นที่การเกษตร บางจังหวัดเกิดจากพื้นที่ป่า ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงเฝ้าระวัง แต่ยังไม่ใช่ช่วงเผาป่า จึงเป็นหมอกควันจากการเผาพื้นที่การเกษตรส่วนใหญ่

“ในอนาคตอาจจะมีนโยบายในการส่งเสริมเกษตรกรนำเศษพืช ทั้งซังอ้อย ซังข้าวโพด ฟางข้าว มาอัดก้อนขายแทนการเผา เพื่อเป็นการสร้างรายได้เสริมอีกทางหนึ่ง จึงอยากให้เกษตรกรเลือกว่า จะเอาเงิน หรือจะเผาเงินทิ้ง” นายวราวุธ กล่าว

หลังจากมีการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างเกี่ยวกับโครงการ ‘เราชนะ’ ที่ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่ไม่มีสมาร์ทโฟนต้องขาดโอกาสในการเข้าถึง และรวมถึงคนที่ได้สิทธิก็ไม่สามารถกดเงินสดออกมาใช้ได้ ทำให้ไม่สะดวกต่อการจ่ายค่าภาระที่จำเป็นเฉพาะในแต่ละคน

จึงเริ่มมีการขอให้ภาครัฐทบทวนการรับสิทธิตามมาตรการเราชนะกันใหม่

แล้วดูหมือนเสียงต่างๆ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ‘เราชนะ’ เข้าให้จริงๆ โดย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า…

แม้ไม่มีสมาร์ทโฟน ก็สามารถใช้ “เราชนะ” ได้

มีคนเป็นห่วงว่า ประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน จะไม่สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิในโครงการเราชนะ

ตอนที่เราทำแผนกัน ทีมงานคิดละเอียดทุกเรื่อง เพื่อไม่ให้คนที่ควรจะได้รับการช่วยเหลือตกหล่นไป เราได้วางรูปแบบไว้แล้วว่า แม้จะไม่มีสมาร์ทโฟน ก็สามารถใช้ “เราชนะ” ได้

ทั้งนี้ เราดูจากผลสำรวจเรื่องการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในครัวเรือน พ.ศ. 2562 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ชี้ว่าประเทศไทยมีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ 56.7ล้าน คน คิดเป็นร้อยละ 89.6 ของประชากรที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป และผู้ใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน เข้าถึงอินเตอร์เน็ตค่อนข้างสูงคือ ร้อยละ 96.4

สำหรับประเด็นนี้ กลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.8 ล้านคน ซึ่งไม่ต้องลงทะเบียนเราชนะ แต่จะได้รับเงินโอนเข้าบัตรโดยตรง

คนที่อาจจะไม่มีบัตรสวัสดิการและไม่มีสมาร์ทโฟน เราก็ได้ประสานงานกับ ‘ธนาคารของรัฐ’ ที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ให้ช่วยอำนวยความสะดวกให้คนกลุ่มนี้ลงทะเบียนได้ ซึ่งได้รับการยืนยันมาแล้วว่าทำได้

ทั้งนี้ก็เพราะเราได้วางรูปแบบให้มีเวลาลงทะเบียน 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม-12 กุมภาพันธ์ ดังนั้น คนที่มีสิทธิตามเงื่อนไขโครงการ เช่น ไม่เป็นข้าราชการ ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ของ พ.ร.บ.ประกันสังคม มีรายได้พึงประเมินไม่เกิน 3 แสนบาท ฯลฯ ‘จะมีเวลาพอที่จะไปรับความช่วยเหลือในการลงทะเบียน’

มีคำถามอีกว่า ทำไมไม่จ่ายเงินเข้าบัญชี แล้วให้ถอนเป็นเงินสดได้ จะได้ใช้จ่ายเงินได้ตามใจชอบ

เรื่องแรกเลยคือ เรื่องกำลังอยู่ในช่วงสถานการณ์ระบาดของโควิด การสัมผัสธนบัตร จึงเป็นเหตุที่อาจติดเชื้อโควิดได้ ไม่เพียงแต่เท่านั้น เรายังคิดถึงเรื่องลดการแออัดที่ประชาชนจำนวนมาก ที่จะไปต่อคิวกดเงินสดออกจากตู้ ATM ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสนับสนุนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของกระทรวงสาธารณสุข

นอกจากนี้ เหตุผลสำคัญอีกประการก็คือ ความต้องการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า และให้เงินหมุนเวียนอยู่ในชุมชน เพราะร้านค้าที่รับซื้อหรือรับบริการจะเป็นร้านเล็กๆ เรามีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือคนตัวเล็ก และให้เงินหมุนหลายรอบในระบบเพื่อช่วยเหลือการใช้เงินในชีวิตประจำวันของคนตัวเล็กให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

และครั้งนี้จะเปิดกว้างให้เป็นบริการทั่วไปได้ ซึ่งรวมถึง ‘มอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่’ และอื่นๆ อีกมาก ‘คนที่จะจ่ายค่าเช่าบ้าน ก็สามารถให้ผู้รับเงินเปิด แอปฯ ถุงเงิน’ เพื่อให้เราใช้เงินในแอปฯ เป๋าตังจ่ายได้ หรือแม้แต่นำเงินสดที่ประหยัดได้จากการใช้วงเงินเราชนะ ที่นำไปใช้จ่ายในส่วนนั้นได้

สิ่งที่เป็นประโยชน์มากอีกอย่างก็คือ การสร้างสังคมไร้เงินสด ซึ่งโครงการ “คนละครึ่ง” เริ่มต้นไว้แล้ว…“เราชนะ” ก็มาทำให้ต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งอนาคตเราหนีเรื่องนี้ไม่พ้น

อย่างไรก็ดี ผมขอขอบคุณสำหรับคำถาม ข้อสงสัยต่างๆ ทำให้เรามองเห็นเรื่องที่อาจจะเป็นปัญหา หรือที่เราอาจจะมองข้ามไป เราจะได้นำมาปรับปรุงแก้ไข เพื่อที่ประเทศไทยจะเดินต่อได้ วันนี้พวกเราต้องร่วมมือกันครับ


ที่มา: เฟซบุ๊ก สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์

‘เทพไท’ ชี้ ‘สุพัฒนพงษ์ - อาคม’ ไม่เข้าใจชีวิตคนยากจนในชนบท ทั้งลำบากในการซื้อสมาร์ทโฟน และขั้นตอนยุ่งยากในการลงทะเบียน แนะรัฐใช้ระบบการเยียวยา 2 ประเภท ผ่านแอพพลิเคชั่นและใช้แบบฟอร์มของราชการ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว มีข้อความว่า ตนได้ฟังการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรี 2 ท่านในรัฐบาลชุดนี้ พูดถึงการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น โครงการ เราชนะ เพื่อรับเงินเยียวยาจากผลกระทบของการระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ได้พูดถึงประชาชนระดับรากหญ้า ที่ไม่สามารถเข้าถึงแอพพลิเคชั่นได้ เพราะ ไม่มีโทรศัพท์มือถือ ที่จะใช้กับสมาร์ทโฟนได้

ซึ่งนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน กล่าวว่า “เดี๋ยวนี้ราคาโทรศัพท์ก็ไม่แพง คิดว่าคนไม่มีโทรศัพท์ไม่น่าจะเยอะ โครงการนี้ครอบคลุมประชาชน 31 ล้านคน ถ้า 2 ล้านคนไม่มีโทรศัพท์ ก็แสดงว่า 90% ได้ประโยชน์ไปแล้ว อีก 2 ล้านคนที่เหลือ ก็จะต้องมาดูแล”

และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า “การแจกเงิน 3,500 บาท จะต้องใช้จ่ายผ่านแอพฯ เป๋าตัง อย่างเดียวเท่านั้น เพราะต้องการสนับสนุนสังคมไร้เงินสด ส่วนคนไม่มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เชื่อว่าจะเป็นส่วนน้อย เพราะบางส่วนก็ถือบัตรสวัสดิการอยู่แล้ว แต่หากใครไม่มีก็ต้องขอรบกวน เพราะตอนนี้ราคาไม่แพงแล้ว”

ถ้าพิจารณาดูจากคำให้สัมภาษณ์ของทั้ง 2 ท่านแล้ว จะเห็นได้ว่าบุคคลที่เป็นรัฐมนตรีทั้ง 2 ท่าน ไม่ได้เป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในสังคมเมือง เป็นนักธุรกิจ มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูง และเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ จึงไม่มีโอกาสสัมผัสชีวิตประชาชนในพื้นที่ชนบท

จึงไม่เข้าใจว่าคนยากคนจนในชนบท มีความยากลำบากในการจะซื้อโทรศัพท์มือถือชนิดที่ทันสมัยใช้ระบบสมาร์ทโฟนได้ เพราะมีราคาค่อนข้างสูง และแม้ว่าจะมีแล้วก็ตาม ก็ยังไม่มีสามารถใช้ระบบสมาร์ทโฟนได้ เพราะมีขั้นตอนยุ่งยากมากมายในการลงทะเบียน และพบว่าบางคนก็ยังใช้โทรศัพท์ไม่เป็น

จึงอยากจะให้ ผู้บริหารระดับรัฐมนตรีได้เข้าใจถึงชีวิตความเป็นจริงของคนในชนบทด้วย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ รัฐบาลอาจจะใช้ระบบการเยียวยาออกเป็น 2 ประเภท คือประเภทลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น กับการลงทะเบียนตามแบบฟอร์มของทางราชการตามปกติ แล้วค่อยนำไปคีย์ข้อมูลลงในระบบของกระทรวงการคลังภายหลัง เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนคนรากหญ้า ได้รับโอกาสเยียวยาจากรัฐบาลอย่างเท่าเทียมกัน

รมว.พาณิชย์ เร่งหามาตรการเชิงรุกช่วยเหลือชาวไร่กระเทียม 9 จังหวัดภาคเหนือ กรณีที่มีพ่อค้ากดราคาหรือตกเขียวกระเทียม และการซื้อขายล่วงหน้าในราคาต่ำส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน

นายแทนคุณ จิตต์อิสระ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในนำเรื่องร้องเรียนกรณีที่มีพ่อค้ากดราคาหรือตกเขียวกระเทียม หรือการซื้อขายล่วงหน้าในราคาต่ำส่งผลให้เกษตรกร ได้รับความเดือดร้อน

ซึ่งนายสมบัติ ยะสิน อดีต ส.ส. แม่ฮ่องสอน พรรคประชาธิปัตย์ และนายขยัน วิพรหมชัย อดีตนายกเทศมนตรี ลำพูน มาหารือ และได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเร่งรัดหามาตรการเชิงรุกเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรทั้งในจังหวัดเชียงใหม่เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และอุตรดิตถ์

โดยเร่งดำเนินมาตรการการคุ้มครองไม่ให้มีการเอารัดเอาเปรียบ ให้มีราคาดีขึ้นกว่าราคาตกเขียว พร้อมสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดดำเนินการประสานงาน ติดตามสอดส่องตลาดทุกระดับ ทั้งตลาดระดับจังหวัด ห้างโมเดิร์นเทรด ตลาดในภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้นายจุรินทร์ จะเดินทางไปประชุมและพบกับเกษตรกรรวมทั้งผู้ประกอบการเพื่อขับเคลื่อนและแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยตนเองในวันเสาร์ที่ 23 มกราคม 2563 ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่

ประชาชนลุ้นกระทรวงการคลัง ทำโครงการคนละครึ่งเฟสสาม รอบใหม่ช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย.64 แย้มหากเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสองยังไม่ดีก็อาจพิจารณาโครงการ เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้น

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะยังไม่ขยายเวลาหรือเพิ่มจำนวนลงทะเบียนคนละครึ่งเฟสสองออกไป รวมถึงจะไม่มีการเปิดให้ลงทะเบียนรอบเก็บตกเพิ่มเติมด้วย ส่วนการเปิดคนละครึ่งรอบใหม่จะต้องรอฝ่ายนโยบายพิจารณาก่อน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีประชนชนเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยทำโครงการออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดค่าครองชีพในช่วงที่เกิดไวรัสโควิด-19ระบาด

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีข้อเรียกร้องการเปิดลงทะเบียนอีกรอบว่า กระทรวงการคลังจะดูก่อนว่าโครงการคนละครึ่งเฟสสามทำได้หรือไม่ เพราะต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดก่อน รวมทั้งดูเศรษฐกิจในประเทศว่ามีความคึกคักแค่ไหน เบื้องต้นถ้าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสองยังไม่ดีก็อาจพิจารณาโครงการ เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้น

สำหรับการลงทะเบียนคนละครึ่งรอบใหม่ ล่าสุดยังไม่มีข้อสรุปจากกระทรวงการคลังออกมาว่าจะทำได้หรือไม่ จะต้องรอจบโครงการรอบนี้ 31 มี.ค.63 ก่อน และจึงจะพิจารณาเปิดเพิ่มเติมใหม่ช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย.64 ซึ่งกระทรวงการคลังกำลังพิจารณารูปแบบที่เหมาะสมอีกครั้ง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top