Thursday, 3 July 2025
NEWS FEED

'อนุทิน' มั่นใจ เปิดรับ นทท.จีน ไทยได้ประโยชน์มหาศาล ยัน!! ไม่มีสองมาตรฐาน ขอให้เชื่อมั่นระบบ สธ.ไทย

(14 ม.ค.66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจากจีนตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า เราติดตามความเคลื่อนไหวของประเทศจีนมาโดยตลอด เมื่อทางการจีนคลายล็อก เปิดประเทศ แล้วมีการทำสำรวจว่าชาวจีนต้องการมาประเทศไทย ทำให้เรารู้สึกยินดี และได้มีการเตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว เราต้องทำให้เขามั่นใจว่ามาเที่ยวเมืองไทย มีความปลอดภัย และต้องทำให้คนไทยรู้สึกปลอดภัย ที่ไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจีน การที่ชาวจีนเลือกเดินทางมาที่ไทย ย่อมเป็นประโยชน์มหาศาล เพราะภาคการท่องเที่ยว คือเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่สำคัญมาก ก่อนมีโรคระบาด ประเทศไทย ได้ต้อนรับคนจีนที่หลั่งไหลเข้ามายังประเทศ ความคึกคักเกิดขึ้น เม็ดเงินสะพัด แล้วสิ่งเหล่านี้ก็หายไปร่วม 3 ปี วันนี้เรามีโอกาสที่จะกลับไปอยู่จุดที่เราเคยอยู่ ส่วนตัวมองว่า ไทยมีความเข้มแข็ง มีจุดขายมากมาย อาหารอร่อย งานบริการยอดเยี่ยม การอำนวยความสะดวกไม่เป็นรองใคร ภาคการท่องเที่ยวจะเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจ

เมื่อถามถึงมาตรการการต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน นายอนุทิน กล่าวว่า เราไม่แบ่งแยก นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน โรคระบาดเกิดขึ้นทั่วโลก แล้วทำไมเราต้องมีเงื่อนไขเฉพาะกับบางประเทศ 

ทั้งนี้ ขอให้เชื่อมั่นในระบบการแพทย์ไทย มาตรการคัดกรองทั้งหลายมาจากทีมวิชาการ ในนั้นมีผู้เชี่ยวชาญ และอาจารย์แพทย์ ช่วยกันคิดออกมา ซึ่งเราให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ แต่ต้องบาลานซ์กับเรื่องเศรษฐกิจ 

“เรื่องไทยกับจีน ผมขอย้อนไปเล่าตั้งแต่ที่โควิด-19 เริ่มระบาด แล้วไทยตรวจพบคนจีนติดเชื้อเข้ามาในประเทศ ตอนนั้นเรารีบรักษาจนหาย และส่งตัวกลับประเทศ ซึ่งต่อมานักเดินทางจากประเทศอื่นเราก็รักษาเช่นกัน แน่นอนว่า สิ่งที่เกิดขึ้น ทางการจีนประทับใจมาก จากนั้น ตอนที่ไทยประสบปัญหา ก็ได้ทางการจีนนี่ที่เข้ามาช่วยเหลือ ขณะที่ทั่วโลกไขว่คว้าหาวัคซีน ไทยก็ได้รับการสนับสนุนจากจีน ไมตรีที่เรามีให้จีน เขามองเห็นแน่นอน และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาเลือกที่จะเข้ามาเที่ยว และเข้ามาร่วมมือในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ กับประเทศไทย” นายอนุทิน กล่าว

'รมว.สุชาติ' กล่าวเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ปี 66 จ.ชลบุรี ชี้ เด็กเหมือนต้นไม้ ต้องดูแล-เอาใจใส่ให้เติบโตงดงาม

(14 ม.ค 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวให้โอวาทแก่เด็กเนื่องในการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ จังหวัดชลบุรี ประจำปี 2566 โดยมี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย ผู้บริหารส่วนราชการจังหวัดชลบุรี ผู้บริหารกระทรวงแรงงาน และหัวหน้าส่วนราชการกระทรวงแรงงานจังหวัดชลบุรี และเด็ก ๆ ที่มาร่วมงานหลายพันคน ร่วมให้การต้อนรับ ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลาง จังหวัดชลบุรี 

นายสุชาติ กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า วันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี รัฐบาลได้กำหนดให้เป็นวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งในปีนี้ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้มอบคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 ไว้ว่า 'รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี' เพื่อให้ทุกภาคส่วนของสังคมได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเด็กและเยาวชน เพราะเด็กในวันนี้จะเติบโตเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่ายิ่งต่อการพัฒนาประเทศ จึงต้องได้รับการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อจะได้เติบโตเป็นพลเมืองที่ดี มีคุณภาพในอนาคต หากได้รับการอบรมสั่งสอนปลูกฝังแต่สิ่งดี ๆ พวกเขาก็จะเติบโตเป็นสมาชิกที่ดีมีคุณภาพของสังคม สิ่งสำคัญสำหรับทุกคนคือ การรู้หน้าที่ เด็ก ๆ มีหน้าที่ต้องตั้งใจเรียน เป็นเด็กดีของคุณพ่อคุณแม่ เมื่อเรารู้หน้าที่ของตนเองก็จะทำให้เสริมสร้างการมีวินัย 

รวมทั้งการเป็นเด็กดีของสังคม เด็กเปรียบเสมือนต้นไม้หากได้รับการดูแลเป็นอย่างดีก็จะเจริญงอกงาม ผลิดอกออกผลให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ดูแลในทางตรงกันข้าม หากไม่ดูแล ไม่หมั่นรดน้ำพรวนดิน ต้นไม้ก็จะไม่เจริญงอกงาม หรืออาจตายได้ในที่สุด 

ไทย สมายล์ กรุ๊ป รถและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า มอบของสนับสนุนงานวันเด็กแห่งชาติ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลและลานกิจกรรมใต้สะพานพระราม 8

เสาร์ที่ 14 มกราคม 2566 วันเด็กแห่งชาติ ทีมงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ กลุ่ม ไทย สมายล์ กรุ๊ป ผู้ให้บริการโครงข่ายขนส่งมวลชนสาธารณะพลังงานไฟฟ้า ด้วยรถเมล์โดยสารและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า ไทย สมายล์ บัส และ ไทย สมายล์ โบ๊ท ได้มอบชุดอุปกรณ์เครื่องเขียนให้กับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมี นายจักรชัย ชุ่มจิตต์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและเผยทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้รับมอบ เนื่องในงานวันเด็กแห่งชาติ 2566 ณ บริเวณหน้าตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายใต้แนวคิด “เด็กไทยยุคใหม่ ร่วมใจลดโลกร้อน Go Green Go Together” เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เยาวชนของประเทศ ได้รู้จักรถและ เรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า ที่มิตรต่อสิ่งแวดล้อม และหันมาใช้บริการรถและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าในชีวิตประจำวันกันมากยิ่งขึ้น ผ่านกิจกรรมสาระบันเทิงที่จะสอดแทรกความรู้ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นภายในงานและอีกทั้ง ยังได้มอบน้ำดื่มแก่เยาวชน ในโครงการ “แบ่งปันรอยยิ้มเพื่อน้อง ครั้งที่ 9” 

ซึ่งเป็นกิจกรรมจัดซุ้มอาหารให้แก่เยาวชน และเพื่อสนับสนุนให้เยาวชนไทย อิ่มท้อง มีความสุข สนุกสนาน ผ่านกิจกรรมจิตอาสาที่ทาง คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสยาม ได้จัดขึ้นในวันเด็กแห่งชาติ 2566 ณ บริเวณลานกิจกรรมใต้สะพานพระราม 8

วันเด็กแห่งชาติในปี 2566 ตรงกับวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2566 พณฯ ท่าน นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา มอบคำขวัญวันเด็ก 2566 ไว้ว่า “รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี”

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท ไทย สมายล์ กรุ๊ป รถและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า พร้อมจะสนับสนุนเด็กไทยเพิ่มศักยภาพในด้านต่างๆ และส่งเสริมพัฒนาให้มีองค์ความรู้และความสามารถในทุก ๆ ด้าน ให้เด็กๆ มีรอยยิ้มและมีความสุขในทุกๆวัน เพื่อเติบโตเป็นประชาชนที่มีคุณภาพของประเทศไทย ดังเจตนารมณ์ของกลุ่ม ไทย สมายล์ กรุ๊ป “เดินทางด้วยรอยยิ้ม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ”

รองโฆษก ตร. ออกโรงเตือน พ่อแม่ผู้ปกครอง พึ่งระวังเด็กพลัดหลง ช่วงงานวันเด็ก แนะ 5 ข้อป้องกัน และพฤติกรรม Sharenting ของพ่อแม่ยุคใหม่

เมื่อวานนี้ (13 ม.ค. 66) เวลา 13.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝากประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนผู้ปกครองที่จะพาบุตรหลานไปเที่ยวช่วงเทศกาลงานวันเด็กแห่งชาติ ให้ระมัดระวัง พร้อมแนะนำวิธีป้องกันเด็กพลัดหลง

พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณฯ กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้มีการงดจัดงานวันเด็กแห่งชาติไปถึง 2 ปี ซึ่งในปีนี้ วันเด็กแห่งชาติจะตรงกับวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2566 ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ปกครองพาบุตรหลานไปเที่ยวงานวันเด็กที่จัดขึ้นโดยหน่วยงานต่างๆ เป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการป้องกัน บุตรหลานพลัดหลงในงานวันเด็ก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีข้อแนะนำดังนี้

1. ก่อนออกจากบ้าน ควรเขียน ชื่อ-เบอร์โทรศัพท์ของผู้ปกครอง ติดตัวไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกงของเด็ก โดยควรมีเบอร์โทรศัพท์สำรองมากกว่า 1 หมายเลข
2. ถ่ายรูปล่าสุดของเด็กก่อนออกจากบ้าน เพื่อสามารถจดจำชุดที่เด็กสวมใส่ได้ เวลาเกิดเหตุพลัดหลงจะได้สามารถให้ข้อมูลเพื่อประชาสัมพันธ์ติดตามหาตัวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
3. สำหรับเด็กเล็ก ขอความร่วมมือผู้ปกครองควรต้องจูงมือไว้ตลอดเวลา หรืออาจใช้อุปกรณ์ในการช่วยจูง เช่น เป้จูง เป็นต้น
4. ผู้ปกครองควรบอกกล่าว สถานที่นัดพบ เส้นทาง จุดสังเกต หากเกิดกรณีพลัดหลง จะนัดเจอกันจุดไหน การแจ้งเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของสถานที่นั้นๆ โดยอาจแนะนำเด็ก ให้มองหาตำรวจ หรืออาสาสมัครกู้ภัย หน่วยปฐมพยาบาลที่สวมชุดเครื่องแบบ เพื่อที่จะจดจำได้ง่าย
5. หากเกิดเหตุพลัดหลงในพื้นที่ ให้ผู้ปกครองรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ในบริเวณนั้นทันที เพื่อช่วยออกค้นหาเบื้องต้น หากการค้นหาในพื้นที่ไม่พบตัวเด็กที่พลัดหลง ให้รีบไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในพื้นที่นั้น โดยไม่ต้องรอให้ครบ 24 ชม.

แถลงความสำเร็จ มอบรางวัลผู้ชนะประกวดภาพถ่าย-คลิปประทับใจที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี กระตุ้นท่องเที่ยวหลังโควิด-19

เมื่อวานนี้ (12 ม.ค. 66) สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยสำนักงานพัฒนาพิงนคร (องค์การมหาชน) มอบรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศในกิจกรรมภายใต้แคมเปญ ความสนุกไม่สิ้นสุด ที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยมี นายกฤษดา ลาพิมล ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย สำนักบริหารงานกลาง รักษาการในตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงนคร และผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง เป็นประธานในพิธี และนายธีวินท์ เทเพนทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์และเทคโนโลยีสารสนเทศ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเข้าร่วมพิธีแถลงข่าว ณ ห้องวารีกุญชร เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี  

นายกฤษดา ลาพิมล ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย สำนักบริหารงานกลาง รักษาการในตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงนคร และผู้อำนวยการสำนักบริหารงานกลาง กล่าวว่า สำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยสำนักงานพัฒนาพิงนคร (องค์การมหาชน) มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีส่วนช่วยพลิกฟื้นการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ผ่านการดำเนินกิจกรรมในแคมเปญ ความสนุกไม่สิ้นสุด ที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พร้อมทั้งมอบรางวัลเพื่อเป็นเกียรติแก่แก่ผู้ชนะเลิศการประกวด และเป็นกำลังใจในการสร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ อันนำไปสู่ความสำเร็จด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ และยังเป็นกระบอกเสียงสำคัญที่จะทำให้เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นที่รู้จักในวงกว้าง นำไปสู่การอนุรักษ์อย่างยั่งยืนต่อไป

สำหรับแคมเปญ ความสนุกไม่สิ้นสุด ที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เป็นการดำเนินการผลิตและเผยแพร่สื่อโฆษณา เพื่อการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ผ่านสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์จอดิจิตอล รวมถึงสื่อออนไลน์ โดยได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์กิจกรรมส่งเสริมการตลาดร่วมกับสายการบิน Air asia และเครื่องดื่ม ตราช้าง จำนวน 2 กิจกรรม ดังนี้

ความงัวไม่ทันหาย ดันเอาควายเข้ามาแทรก กทม. เปิดพื้นที่ 12 สวนฯ เล่นดนตรีไม่ต้องขออนุญาต

"ความงัวไม่ทันหาย ดันเอาควายเข้ามาแทรก"

ผมมิได้อยาก 'บิด' สุภาษิตโบราณแต่อย่างใด แค่ใจมันรู้สึกอยากบอกออกมาอย่างนั้นดัง ๆ เมื่อเห็นข่าวผู้บริหารกรุงเทพมหานคร 'ปลดล็อก 12 สวน ให้ใช้เสียง - เล่นดนตรีได้ ไม่ต้องขออนุญาต'

ต่อเรื่องนี้ นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกมาชี้แจงต่อสื่อว่า "...ทาง กทม. ได้ผลักดันนโยบายหลายข้อ เพื่อสร้างเสียงดนตรีให้เกิดขึ้นทั่วทุกมุมเมือง ซึ่งเทศกาลดนตรีในสวน เป็น 1 ในนโยบาย 214 ข้อด้านสร้างสรรค์ดี คือ กรุงเทพฯ พื้นที่แห่งดนตรี และศิลปะการแสดง จึงดำเนินการจัดกิจกรรมในสวนสาธารณะทั้ง 12 สวน ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ทั่วกรุงเทพฯ ตลอดปี 2566"

ฟังเหมือนว่ากำลังใช้งาน เอนเตอร์เทน นำทิศทางเมือง

"...โดยตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม เป็นต้นไป กทม. ได้ปลดล็อกสวนสาธารณะ 12 สวน เพื่อเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถเข้าไปเล่นดนตรีได้โดยไม่ต้องขออนุญาต โดยมีเงื่อนไข คือ การเล่นดนตรีนั้นจะต้องไม่มีการหารายได้หรือผลประโยชน์แอบแฝง ไม่ใช้เครื่องขยายเสียง หากเป็นการเล่นดนตรีที่ใช้เสียงดังเกิน 85 เดซิเบล จะต้องเล่นดนตรีในพื้นที่ที่สวนสาธารณะจัดเตรียมไว้ ซึ่งถ้ามีผลตอบรับดีทาง กทม. จะแก้ไขกฎระเบียบเพื่อให้ทุกสวนสาธารณะในกรุงเทพมหานคร ใช้งานได้" รองผู้ว่าฯ สำทับ

เอาล่ะ ใครมีกีต้าร์ มีบองโก้เชิญ ลำโพงบลูทูธก็น่าจะมาครานี้

ถามว่าอะไรคือหลักการ 'เปิดพื้นที่สวนสาธารณะของกรุงเทพมหานคร ให้ประชาชนสามารถเข้าไปเล่นดนตรีได้โดยไม่ต้องขออนุญาต!' ประชาชนส่วนที่ไม่ต้องการเสียงดนตรีล่ะ ต้องขออนุญาตไหม?

ผมว่าพวกท่านกำลังเบี่ยงประเด็นเก่าเรื่องที่ชาวบ้านด่ากันระงมทั้งเมือง? เรื่องบรรดาแผงลอยเข้าจับจองพื้นที่ค้าขายเต็มฟุตบาทสาธารณะ เรื่องนโยบายขนส่งมวลชนปลอดมลพิษที่ (พวกท่าน) ขอทบทวนโดยอ้างว่าขาดทุน ทั้งที่มีคนรอใช้เรือนหมื่น หรือเรื่องดูแลรักษาสภาพพฤกษ์พรรณไม้ของสวนสาธารณะที่ดูเหมือนจะฝากไว้กับเทวดามากกว่าเจ้าหน้าที่ กทม.

เชื่อเหลือเกินว่าประชาชนเกิน 10 ล้านชีวิต ทั้งในสำมะโนฯ จริง และประชากรแฝง (แรงงาน) ของเมืองหลวง มิได้หลงใหลคลั่งไคล้เสียงดนตรีเสียทั้งหมด มีหลายคนอยากใช้ชีวิตบนสวนสาธารณะอันเงียบสงบยามวันหยุดสุดสัปดาห์ เพียงเพื่อพักผ่อนสมองที่อ่อนล้ากับเสียงต่าง ๆ ในเมืองมาตลอดอาทิตย์

แต่แล้วจู่ ๆ ผู้ว่ากรุงเทพมหานครและคณะ ก็เอานโยบายดนตรีฟรีสไตล์มายัดหูความฝันมหาชนจนบรรลัย ซึ่งแน่นอนว่ามันก็จำเพาะเจาะจงตรงวันหยุดสุดสัปดาห์แห่งฝันนั้นพอดี

สุนทรียรมย์ มิได้ถูกผูกติดกับเสียงดนตรีเสมอไป - เรื่องนี้คนบ้าพลังคงฟังไม่เข้าใจ!

ชายชราหน้าตาดีผู้รักการออกกำลังใต้สายลม แสงแดด และเสียงนกร้อง เคยปรารภชื่นชมชีวิตกลางสวนสาธารณะของกรุงเทพฯ ว่าช่างรื่นร่มรมเยศราวสรวงสวรรค์แห่งพันธุพฤกษ์ มีเ_ี้ย มีนกหนู มีงู มีกระรอก แถมยังได้ยินราวเสียงกระซิบของเหล่าสรรพสัตว์ใหญ่น้อยนั่นยามจ้องตา - จนกระทั่งทุกสิ่งพินาศลงเมื่อวิ่งผ่านลานเต้นแอโรบิก!

ชาว 'สาครบุรี' ปลื้ม!! 'บิ๊กป้อม’ ตามติดปัญหาน้ำเค็มรุก พร้อมช่วย 'ชาวประมง-เกษตรกร' เพิ่มรายได้ ให้อยู่ดีกินดี

(13 ม.ค. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ ต่อเนื่องจากช่วงเช้า (จ.สมุทรสงคราม) โดยในช่วงบ่ายได้เดินทางไปตรวจติดตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร และติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้างกำแพงป้องกันตลิ่ง ริมแม่น้ำท่าจีน ณ อบต.พันท้ายนรสิงห์ ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พร้อมทั้งได้พบปะพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับ อย่างเนืองแน่น เป็นกันเอง พร้อมรับฟังความเดือดร้อนทั้งที่ทำกิน น้ำท่วม น้ำเค็มรุก ประมงพื้นบ้าน และการกัดเซาะชายฝั่ง เพื่อนำไปพิจารณาแก้ไขให้ตรงตามความต้องการต่อไป 

จากนั้นได้ประชุมหารือกับ จังหวัด สทนช. กรมชลประทาน และกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยได้รับทราบข้อมูล บริเวณลุ่มน้ำท่าจีนตอนล่าง ที่ยังคงมีปัญหาการขาดแคลนน้ำจืด ในการทำการเกษตรกรรม และยังมีปัญหาน้ำเน่าเสีย สาเหตุจากการทำอุตสาหกรรมประมงและโรงงาน รวมทั้งปัญหาภัยแล้งในบางพื้นที่ และการรุกตัวของน้ำเค็ม บริเวณที่ราบชายฝั่งทะเล

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้จังหวัด และหน่วยงานด้านการบริหารทรัพยากรน้ำ เร่งรัดดำเนินการตามแผนงาน/โครงการ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมกล่าวขอบคุณพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการ ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีความก้าวหน้าไปมาก ที่ผ่านมาด้วยดี

'ทัพบก' เข้าดูแลระบบนิเวศสวนป่าเบญจกิติ ผนึกกำลังหลายหน่วย เพื่อความสุขชาว กทม.

(13 ม.ค. 66) พล.ต.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกยังคงดำรงภารกิจช่วยเหลือประชาชนในกิจกรรมจิตอาสา รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด จากสภาพทางนิเวศวิทยาของสวนป่าเบญจกิติ เขตคลองเตย กทม. ที่เป็นข้อห่วงใยของสังคม ซึ่งหลายภาคส่วนได้มีความประสงค์ที่จะร่วมกันดูแลพื้นที่ดังกล่าว โดยเมื่อ 12 ม.ค. 2566 กองทัพบกได้มอบให้กองทัพภาคที่ 1 และกรมการทหารช่าง ร่วมกับสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร และกำลังพลจิตอาสา นำอุปกรณ์ทางการช่าง ประกอบด้วย...

- รถบรรทุกน้ำ 4 คัน และรถฉีดน้ำในอาคารควบคุมระยะไกล 2 คัน 
- และรถบรรทุกน้ำจากสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. 9 คัน

ร่วมกันปรับปรุงพื้นที่ ฉีดพ่นน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ต้นไม้และพืชคลุมดิน โดยเฉพาะบริเวณ 'เกาะต้นไม้และพืชไม้ในบ่อตื้น' รวมทั้งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 3 เครื่อง สูบน้ำจากคลองไผ่สิงโตเข้าสู่บึงบำบัด ก่อนส่งน้ำที่บำบัดแล้วเข้าสระน้ำในสวนป่า ควบคู่กับการผันน้ำดีเข้ามาเติมในคลองไผ่สิงโตซึ่งดำเนินการโดย สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร

‘รมว.สุชาติ’ สั่งด่วน ‘สปส. บุรีรัมย์’ เยียวยาผู้สูญเสีย จากเหตุลูกจ้างถูกเครื่องย่อยยางบดร่างเสียชีวิต

รมว.สุชาติ มีความห่วงใยเหตุลูกจ้างถูกเครื่องบดย่อยยางดึงร่างเข้าไปทำให้เสียชีวิต จังหวัดบุรีรัมย์ สั่ง สำนักงานประกันสังคม ลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือให้ทายาทได้รับสิทธิประโยชน์ในทันที

(13 ม.ค. 66) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงเหตุการณ์ลูกจ้างถูกเครื่องบดย่อยยางดึงร่างเข้าไปทำให้เสียชีวิตว่า ผมขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวลูกจ้างผู้เสียชีวิต พร้อมได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคม จังหวัดบุรีรัมย์ ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเร่งดำเนินการช่วยเหลือให้ทายาทได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายทันที จากการตรวจสอบพบว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 22.30 น. สถานที่เกิดเหตุคือ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายยางพารา โดยมีนายศุภชัย ศรีผง อายุ 31 ปี กำลังปฏิบัติงาน ขณะเกิดเหตุแผ่นยางได้ติดค้างที่เครื่องบดย่อยยาง จึงได้โน้มตัวเข้าไปดึงแผ่นยางออก โดยไม่ได้ปิดสวิตช์หยุดเครื่องจักร ทำให้ถูกเครื่องบดย่อยยางดึงเข้าไปในเครื่องพร้อมแผ่นยางเป็นเหตุให้เสียชีวิตทันที

'ลิซา มารี เพรสลีย์' ทายาท 'เอลวิส' เสียชีวิตแล้วในวัย 54 ปี

‘ลิซา มารี เพรสลีย์’ ทายาทราชาร็อกแอนด์โรล ‘เอลวิส เพรสลีย์’ เสียชีวิตแล้วในวัย 54 ปี

(13 ม.ค. 66) สำนักข่าว BBC ของอังกฤษ เสนอข่าว Lisa Marie Presley, daughter of Elvis, dies aged 54 ระบุว่า ลิซา มารี เพรสลีย์ (Lisa Marie Presley) ลูกสาวของ เอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley) ศิลปินในตำนานเจ้าของฉายา 'ราชาร็อกแอนด์โรล' เสียชีวิตแล้วในวัย 54 ปี โดยอ้างการเปิดเผยของ พริสซิลลา เพรสลีย์ (Priscilla Presley) ภรรยาของเอลวิส และมารดาของลิซา แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม

“เธอเป็นผู้หญิงที่หลงใหล แข็งแกร่ง และน่ารักที่สุดเท่าที่ฉันเคยรู้จักมา เราขอความเป็นส่วนตัวในขณะที่เราพยายามจัดการกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้” พริสซิลลา กล่าว

ลิซา มารี ถูกหามส่งโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2566 ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา หลังพบในสภาพหมดสติที่บ้านพักในเมืองคาลาบาซัส รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ เธอเกิดในปี 2511 และเดินตามรอยบิดาในฐานะศิลปินนักร้อง มีผลงาน 3 อัลบั้ม โดยอัลบั้มแรกเปิดตัวในปี 2546 ทำยอดขายได้หลายแสนชุดและใด้รับคำวิจารณ์ในเชิงบวกโดยทั่วไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top