Saturday, 5 July 2025
NEWS FEED

“อลงกรณ์”มอบกรมประมงเดินหน้าโครงการน้ำมันราคาถูกช่วยประมงพื้นบ้านกว่า 4.8 หมื่นลำ หวัง ครม.เห็นชอบโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบ 1,007ลำวงเงิน 1,806 ล้านบาทโดยเร็ว

วันนี้ (28 เมษายน 2566) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย ได้ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 2/ 2566 ผ่านระบบการประชุมออนไลน์ zoom cloud meeting และห้องประชุมกุลาดำ ชั้น 7 อาคารจุฬาภรณ์ กรมประมง พร้อมด้วย คณะกรรมการและผู้แทน โดยมี นางสาวสัมพันธ์ ปานจรัตน ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผนพัฒนาการประมงกรมประมง กรมประมง เป็นฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมการฯ ได้หารือและมีมติรับทราบในความก้าวหน้าการดำเนินงานภายใต้คำสั่งคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย ซึ่งประกอบด้วย ผลการดำเนินงานของ 4 คณะอนุกรรมการ และ 2 คณะทำงาน

 
นายอลงกรณ์ กล่าวหลังการประชุมว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรชาวประมง ในการบรรเทาความเดือดร้อนจากราคาน้ำมัน และการสนับสนุนสินเชื่อเสริมสภาพคล่อง พร้อมทั้งการส่งเสริมตลาดส่งออกสัตว์น้ำ (ปลากะพง) ไปประเทศจีน โดย (1) คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบในหลักการใน “ร่าง” โครงการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันสำหรับเรือประมงพื้นบ้าน มีเป้าหมายเป็นชาวประมงพื้นบ้านที่ทำการประมงโดยใช้เรือขนาดเรือต่ำกว่า 10 ตันกรอสซึ่งจดทะเบียนและได้รับใบอนุญาตใช้เรือจากกรมเจ้าท่า และใช้เครื่องมือทำการประมงถูกต้องตามกฎหมายจำนวน 48,380 ราย วงเงินงบประมาณ 366,733,360 บาท โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 10 เดือนหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ

ทั้งนี้ ชาวประมงพื้นบ้านที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิรายละ 1 ลำ และได้รับการช่วยเหลือค่าน้ำมันราคา 5 บาทต่อลิตร เป็นเงิน 1,255 บาท /เดือน เป็นระยะเวลา 6 เดือน และ (2) รับทราบการดำเนินงานโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ในระยะที่ 1 ได้สิ้นสุดระยะเวลาโครงการระยะที่ 1 แล้วโดยอนุมัติสินเชื่อรวมจำนวน 2,306 ราย วงเงินสินเชื่อรวม 1,188.04 ล้านบาท และระยะที่ 2 ผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 21 เมษายน 2566 มีผู้เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 608 ราย จำนวนเรือประมง 740 ลำ วงเงินสินเชื่อ 1,128.92 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้แยกตามสินเชื่อ โดย ธกส. มีผู้ประกอบการเรือประมงต่ำกว่า 60 ตันกรอส และเข้าร่วมโครงการจำนวน 498 ราย จำนวนเรือ 586 ลำ วงเงินสินเชื่อประมาณ 503.54 ล้านบาท และ ธนาออมสิน มีผู้ประกอบการประมงที่มีเรือประมงตั้งแต่ 60 ตันกรอส ขึ้นไปและเข้าร่วมโครงการจำนวน 110 ราย จำนวนเรือ 154 ลำ วงเงินสินเชื่อประมาณ 625.38 ล้านบาท และ (3) การส่งเสริมตลาดส่งออกปลากะพงขาวไปประเทศจีน โดยฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฟื้นฟูฯ ได้ร่วมประชุมหารือกับเลขานุการ Fruit Board เกี่ยวกับการจัดทำพิธีสารการส่งออกผลไม้และสัตว์น้ำไปยังจีน รวมทั้งการประเมินความเสี่ยงการเปิดตลาด การขึ้นทะเบียนโรงงานการส่งออกปลากะพงขาวไปสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อจีนยินดีให้เปิดตลาดจะดำเนินการประเมินความเสี่ยง ทำพิธีสารระหว่างสองฝ่ายและขึ้นทะเบียนโรงงาน จึงจะสามารถส่งออกสินค้าได้ ซึ่งกรมประมงอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน


นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังได้หารือและมีมติรับทราบการดำเนินงานการพัฒนาศักยการประมงไทย ดังนี้
1) คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงพื้นบ้าน มีความก้าวหน้าการดำเนินการออกใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าอากรใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมง และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทาการประมงพื้นบ้าน พ.ศ. .... เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ภายหลังการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของคณะทำงานวิเคราะห์สถานการณ์ตรวจ ติดตาม ควบคุม เฝ้าระวังการทำการประมงและแรงงานในภาคประมงได้ข้อยุติ จึงจะดำเนินการเสนอออกกฎกระทรวงฯ ต่อไป 


2) คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงพาณิชย์ และการประมงนอกน่านน้ำไทย เพื่อขออนุมัติโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นชอบให้กรมประมงขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปี พ.ศ. 2566 วงเงิน 1,806,334,900 บาท และกรมประมงได้มีหนังสือถึงสำนักงบประมาณ โดยหวังว่า คณะรัฐมนตรีจะให้ความเห็นชอบโครงการนี้โดยเร็วต่อไป


3) คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (3.1) การฟื้นฟูอุตสาหกรรมกุ้งไทยให้ได้ผลผลิต 4 แสนตัน ภายในปี 2566 โดยผลผลิตกุ้งทะเลจากการเพาะเลี้ยง ตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคม 2566 รวมทั้งสิ้น 54,263.82 ตัน คิดเป็น 13.57% ของเป้าหมายผลผลิตปี 2566 แบ่งเป็นในระบบการออกหนังสือกำกับการซื้อขายสัตว์น้า (APD) ปริมาณ 49,673.57 ตัน จำแนกเป็นกุ้งขาวแวนนาไม 45,323.43 ตัน (91.24%) และกุ้งกุลาดา 4,350.14 ตัน (8.75%) และนอกระบบ APD ปริมาณ 4,590.25 ตัน (3.2) โครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง กรมประมงเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2564 - 30 เมษายน 2565 ซึ่งมีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ยื่นคำขอสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น จำนวน 120 ราย ในพื้นที่ 36 จังหวัด ประมาณการความต้องการเงินกู้ จำนวน 425.305 ล้านบาท โดยการดำเนินงานร่วมกัน ของกองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้าจืด กับเจ้าหน้าที่จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เข้าศึกษาข้อมูลการจำแนกชนิด การคัดเกรด การตีราคา และการเก็บรักษาหนังจระเข้เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา (3.3) การตรวจสอบคุณภาพสินค้าปัจจัยการผลิต โดยกลุ่มควบคุมวัตถุอันตรายและการค้าปัจจัยการผลิต ได้รวบรวมรายงานผลการตรวจสอบปัจจัยการผลิตจากสำนักงานประมงจังหวัด และรายงานผลการตรวจสอบของหน่วยงานในสังกัดกองตรวจสอบเรือประมง สินค้าสัตว์น้ำ และปัจจัยการผลิต (3.4) การประชาสัมพันธ์ส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าสัตว์น้ำ กรมประมง ได้ดำเนินการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์รูปแบบ Infographic และ Page Facebook “Fish Fact Fun” มีผู้ติดตามจานวน 642 ราย ดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ Infographic/บทความ/วิดีโอ ในประเด็นที่ช่วยส่งเสริมการสร้างภาพลักษณ์ให้กับสัตว์น้ำไทยอย่างต่อเนื่อง ในประเด็นความยั่งยืนและอาหารปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงกุ้งทะเลของประเทศไทย พร้อมทั้งการจัดวางแผนการดำเนินงานจัดนิทรรศการภายในงานสัตว์น้ำไทย ประจำปี 2566

 
4) คณะอนุกรรมการพัฒนาผลิตผลผลิตภัณฑ์ประมงและการพาณิชย์

(4.1) โครงการในการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการด้านการแปรรูปสัตว์น้ำรวมทั้งผู้ประกอบการด้านประมง โดยเฉพาะกลุ่มองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นด้านการแปรรูป ที่มีการจดทะเบียนกับกรมประมง จำนวน 436 องค์กร จำนวนสมาชิก 11,067 ราย (18 เมษายน 2566) โดยกรมประมง มีการเข้าไปดำเนินการยกระดับและพัฒนาศักยภาพ ทั้งด้านการให้ความรู้ทางวิชาการด้านการจัดการหลังการจับ การแปรรูปสัตว์น้ำ และมาตรฐานเกี่ยวการจัดการด้านสุขลักษณะทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในไตรมาสที่ 1 และ 2 จำนวนทั้งสิ้น 34 แห่ง ใน 20 จังหวัด

(4.2) การออกหนังสือรับรองมาตรฐานการทำการประมงพื้นบ้านอย่างยั่งยืนและการแปรรูปสินค้าประมงพื้นบ้าน

(4.3) โครงการปรับปรุงการทำประมงปูม้าของไทยอย่างยั่งยืน (Thailand Blue Swimming Crab Fishery Improvement Project)

และ (4.4) โครงการปรับปรุงและพัฒนาการทำประมงอวนลากในพื้นที่อ่าวไทย (The Gulf of Thailand Trawl Fishery Improvement Project)


5) คณะทำงานโครงการ Fisherman’s Village Resort (5.1) กรมประมงดำเนินการประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อออนไลน์ website: Fisherman’s Village Resort และ Facebook FanPage ชื่อ Fisherman’s Village Resort (@fishermansvillage) (5.2) การขับเคลื่อน 1 จังหวัด 1 โครงการ Fisherman’s Village Resort ดำเนินการขับเคลื่อนผ่านองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นภายใต้โครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านประมง(กิจกรรมสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านการประมง) ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ซึ่งมีองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นเข้าร่วมดำเนินการ จานวน 200 ชุมชน โดยในส่วนของกิจกรรมส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวมี 14 ชุมชน

 
6) คณะทำงานส่งเสริมและพัฒนาการกระจายสินค้าประมงจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค (6.1) มีกิจกรรมร้าน Fisherman Shop โดยปัจจุบันมีการเปิดสาขาทั่วประเทศ 121 สาขา (6.2) โครงการในการยกระดับผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำระเบียบกรมประมงว่าด้วยการออกตราสัญลักษณ์ประมงธงเขียว พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ที่ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์มีความสด สะอาดได้มาตรฐาน ปลอดภัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม ให้กับองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นและผู้ประกอบการด้านการประมง (6.3) การส่งเสริมการจาหน่ายสินค้าประมงคุณภาพโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของเกษตรกร ชาวประมงพร้อมส่งเสริมการเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าของหน่วยงานภาครัฐ

ปตท. ชวนเพิ่มพื้นที่สีเขียว ผ่านแอปพลิเคชัน ‘คุณช่วยเก็บ เราช่วยปลูก’ หนุนโครงการปลูกป่า 1 ล้านไร่ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ปตท. ชวนเพิ่มพื้นที่สีเขียว เล่นเกมผ่านแอปฯ ‘คุณช่วยเก็บ เราช่วยปลูก’ พร้อมลุ้นของรางวัลมากมาย

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. ได้กำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2050 โดยมีกลยุทธ์ในการมุ่งสู่เป้าหมาย ได้แก่ เร่งปรับ กระบวนการผลิต ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, เร่งเปลี่ยน สู่ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ เร่งปลูกป่า เพื่อดูดซับก๊าซเรือนกระจก

เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ในการเป็นส่วนหนึ่งของการปลูกป่า ตามแนวทาง ‘เร่งปลูก’ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกด้วยวิธีทางธรรมชาติ ตลอดจนสร้างการรับรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของป่า ปตท. จึงได้จัดทำ mobile application game ‘คุณช่วยเก็บ เราช่วยปลูก’ ขึ้น ให้ผู้เล่นเป็นส่วนหนึ่งของการลดก๊าซเรือนกระจก โดยต้นไม้ทุกต้นที่ผู้เล่นเก็บได้ และดูแลรักษาในเกม ปตท. จะนำไปปลูกจริงในพื้นที่ปลูกป่า 1 ล้านไร่ของ ปตท.

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ‘คุณช่วยเก็บ เราช่วยปลูก’ ได้ง่ายๆ บนโทรศัพท์มือถือทั้งระบบ iOS และ Android ผ่านช่องทาง App Store และ Google Play Store โดยเสิร์ชชื่อ ‘คุณช่วยเก็บ เราช่วยปลูก’ หรือคลิก : https://bit.ly/3JJpAW7
 

‘กรมการข้าว’ เตรียมแจก ‘6 พันธุ์ข้าว’ ทรงปลูกพระราชทาน ในวันพืชมงคล ปชช. ลงทะเบียนรับพันธุ์ข้าวผ่านช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่วันนี้ - 3 พ.ค.66

28 เม.ย.66 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าว เตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทานทั้งหมด 6 พันธุ์ จำนวน 2,244 กิโลกรัม นำเข้าพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 16-17 พฤษภาคม 2566 และนำไปบรรจุซองพลาสติก จำนวน 400,000 ซอง เพื่อแจกจ่ายให้ผู้สนใจและชาวนาทั่วประเทศ เพื่อเป็นมิ่งขวัญและสิริมงคล 

ผู้ที่สนใจรับพันธุ์ข้าวพระราชทาน สามารถลงทะเบียนออนไลน์ได้ที่ https://rice.moac.go.th/ ตั้งแต่วันนี้ - 3 พฤษภาคม 2566 โดยสามารถรับพันธุ์ข้าวได้ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม - 16 มิถุนายน 2566 ณ จุดที่ลงทะเบียนไว้ โดยกรุงเทพมหานครรับเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานที่ อาคารที่ทำการกรมการข้าว ชั้น 1 และส่วนต่างจังหวัด รับเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมการข้าว กองเมล็ดพันธุ์ข้าวที่เบอร์โทรศัพท์ 02-561-3794 และศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวทั้ง 29 แห่ง ศูนย์วิจัยข้าวทั้ง 27 แห่ง และสถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ จังหวัดสุพรรณบุรี 

‘ปตท.’ ผนึก ‘ม.ศิลปากร’ จัดประกวดศิลปกรรม หัวข้อ ‘จุดประกายความหวัง จุดพลังชีวิต’ ส่งผลงานได้ตั้งแต่ 5 มิ.ย. 66 เป็นต้นไป

ปตท. จับมือ ม.ศิลปากร จัดประกวดศิลปกรรม ครั้งที่ 38 หัวข้อ "จุดประกายความหวัง จุดพลังชีวิต" เปิดให้ทั้งระดับระดับเยาวชน และ ประชาชนทั่วไป ส่งผลงานเข้าประกวด ชิงรางวัลรวม เกือบ 1 ล้านบาท เปิดให้ส่งทางไปรษณีย์ ตั้งแต่ 5 มิ.ย. 66 (ผลงานจะต้องส่งถึงจุดรับผลงานไม่เกินวันที่ 21 มิ.ย. 66) ส่งด้วยตัวเองระหว่างวันที่ 12 - 18 มิ.ย. 66

 ปตท. ร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากร จัดกิจกรรมการประกวดศิลปกรรม ปตท. ครั้งที่ 38 ในหัวข้อ "จุดประกายความหวัง จุดพลังชีวิต" เพื่อส่งเสริมให้ศิลปินทุกระดับมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และสนับสนุนการพัฒนาวงการศิลปะร่วมสมัยของไทย ผ่านผลงานศิลปะทุกประเภท ทั้งด้านจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และผลงานสร้างสรรค์ทางด้านทัศนศิลป์อื่น ๆ โดยแบ่งการประกวดเป็น 2 ระดับ คือระดับเยาวชน และประชาชนทั่วไป โดยได้วางระเบียบการประกวด ดังต่อไปนี้ ทั้งนี้สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.pttplc.com

หัวข้อการประกวด "จุดประกายความหวัง จุดพลังชีวิต"

ประเภทศิลปกรรม ได้แก่ ผลงานประเภทจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และผลงานสร้างสรรค์ทางด้านทัศนศิลป์อื่นๆ

คุณสมบัติของผู้ส่งผลงานเข้าประกวด
1. เป็นบุคคลสัญชาติไทย และมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย
2. เป็นผู้สร้างสรรค์ศิลปกรรมที่ส่งเข้าประกวดด้วยฝีมือและความคิดของตนเองและเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานที่เข้าประกวด ซึ่งจะต้องไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ของบุคคล หรือบริษัทอื่นใด
3. เป็นผลงานที่ไม่เคยเข้าร่วมประกวดที่ใดมาก่อน


ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดแบ่งเป็น 2 ระดับ ดังนี้
1. ระดับเยาวชน มี 3 กลุ่ม
- กลุ่มอายุต่ำกว่า 9 ปี (แจ้งเกิดตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2557)
- กลุ่มอายุ 9 - 13 ปี (แจ้งเกิดตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2552 ถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2557)
- กลุ่มอายุ 14 - 18 ปี (แจ้งเกิดตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2547 ถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2552)

2. ระดับประชาชนทั่วไป (แจ้งเกิดก่อนวันที่ 12 มิถุนายน 2547 เป็นต้นไป)

ขนาดผลงาน
ระดับเยาวชน ต้องมีขนาดผลงาน ดังนี้
- กลุ่มอายุต่ำกว่า 9 ปี และกลุ่มอายุ 9 - 13 ปี จะต้องส่งผลงานที่มีขนาดไม่ต่ำกว่า 40 x 60เซนติเมตร หรือ ไม่ต่ำกว่าขนาด A2 และไม่เกิน 60 x 80 เซนติเมตร หรือไม่เกินขนาด A1ไม่รวมกรอบหรือฐาน

- กลุ่มอายุ 14 - 18 ปี จะต้องส่งผลงานที่มีขนาดไม่ต่ำกว่า 60 x 80 เซนติเมตร และมีความกว้าง ความยาว หรือความสูง ไม่เกิน 100 เซนติเมตร ไม่รวมกรอบหรือฐาน

ระดับประชาชนทั่วไป ต้องมีขนาดผลงาน ดังนี้

- ผลงานจิตรกรรม ภาพพิมพ์ หรือผลงานเทคนิคอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผลงาน 3 มิติ จะต้องมีขนาดผลงาน โดยมีความกว้าง ความยาว หรือ ความสูงไม่เกิน 200 เซนติเมตร รวมกรอบ หรือฐาน
- ผลงานประติมากรรม หรือสื่อ 3 มิติ จะต้องส่งผลงานที่มีขนาดรวมแท่น ฐาน และกรอบ(กว้าง x ยาว x สูง) ด้านละไม่เกิน 150 เซนติเมตร

4. งานที่ส่งเข้าประกวดจะต้องอยู่ในสภาพที่เรียบร้อย พร้อมที่จะติดตั้งได้ ทั้งนี้ คณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินจะพิจารณาคัดเลือกเฉพาะผลงานที่มีคุณภาพและเหมาะสมเข้าร่วมแสดงผลงานคณะกรรมการดำเนินงานจะระวังรักษาผลงานที่เข้าประกวดอย่างดีที่สุด ยกเว้นความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยเหตุสุดวิสัย

5. ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดตกลงให้ ปตท. มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวตลอดระยะเวลาแห่งการคุ้มครองลิขสิทธิ์ตามกฎหมายในการทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน หรือ นำผลงานของผู้ส่งผลงานเข้าประกวดไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานของ ปดท. โดยไม่มีค่าตอบแทน ทั้งนี้ ผู้ส่งผลงานเช้าประกวดตกลงที่จะไม่ให้สิทธิแก่บุคคลอื่นในการดำเนินการข้างต้น โดยผู้ส่งผลงานเข้าประกวดตกลงให้เอกสารใบสมัครนี้เป็นหนังสืออนุญาตให้สิทธิแก่ ปตท. ตามความในมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 (ในกรณีที่เป็นผู้เยาว์ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมายในการยื่นเอกสารการรับสมัคร)

รางวัลพร้อมใบประกาศเกียรติคุณ
1. ระดับเยาวชน แบ่งรางวัลในแด่ละกลุ่ม ดังนี้
กลุ่มอายุต่ำกว่า 9 ปี
รางวัลยอดเยี่ยม 1 รางวัล เงินรางวัล 10,000 บาท
รางวัลดีเด่น 5 รางวัล รางวัลละ 7,000 บาท

กลุ่มอายุ 9 - 13 ปี
รางวัลยอดเยี่ยม 1 รางวัล เงินรางวัล 15,000 บาท
รางวัลดีเด่น 5 รางวัล รางวัลละ 10,000 บาท

กลุ่มอายุ 14 - 18 ปี
รางวัลยอดเยี่ยม 1 รางวัล เงินรางวัล 20,000 บาท
รางวัลดีเด่น 5 รางวัล รางวัลละ 15,000 บาท

2. ระดับประชาชนทั่วไป
รางวัลยอดเยี่ยม 1 รางวัล เงินรางวัล 200,000 บาท
รางวัลดีเด่น 5 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท

และได้รับสิทธิ์ในการจัดนิทรรศการแสดงผลงานที่หอศิลป์ ณ บ้านเจ้าพระยา ภายใต้เงื่อนไขที่ ปตท.กำหนด

ถึงไทยแล้ว!! ‘บิ๊กตู่’ ร่วมต้อนรับคนไทยในซูดานชุดแรก ขอบคุณความร่วมมือของทุกฝ่าย พาคนไทยกลับมาได้อย่างปลอดภัย

เมื่อวันที่ 27 เม.ย.66 ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ต้อนรับคณะคนไทยกลุ่มที่ 1 จากซูดานที่มากับเที่ยวบิน A340-500 เที่ยวบินแรก จากท่าอากาศยานนานาชาติ King Abdulaziz เมืองเจดดาห์ ซาอุดีอาระเบีย จำนวน 78 คน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้มาติดตามสถานการณ์การอพยพคนไทยกลับจากประเทศซูดาน ยินดีและขอขอบคุณด้วยหัวใจ ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ทุกคน โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ในนามรัฐบาลได้สั่งการหน่วยงานทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ขอบคุณการเตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่องเพื่ออพยพคนไทยกลับสู่ประเทศไทยให้ได้ ทั้งนี้ การดำเนินการไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องประเมินสถานการณ์ตลอด ครั้งนี้ถือเป็นบททดสอบของรัฐบาลไทยที่สามารถดูแลคนไทยได้ รวมทั้ง ขอบคุณการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง เช่น อียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ประสิทธิภาพของประเทศในทุกด้าน ต้องมีความพร้อมทั้งด้านกำลังคน อุปกรณ์ แผนดำเนินการ ที่วางไว้ล่วงหน้าเพื่อเผชิญเหตุต้องเตรียมความพร้อมตลอดเวลา โดยขอให้ทุกคนทำงานตามหน้าที่เตรียมความพร้อมดูแลคนไทยให้ได้มากที่สุด ขอบคุณสื่อมวลชนทุกคนและผู้ที่ติดตามข่าวสารด้วยความห่วงใยคนไทย ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา คนไทยอยู่ร่วมกันด้วยความรักความสามัคคีซึ่งขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้กลับบ้าน และยินดีกับทุกครอบครัว นายกรัฐมนตรีได้กำชับรอติดตามสถานการณ์กลับสู่ความสงบเรียบร้อย

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ทักทายคณะคนไทยด้วยความห่วงใยสอบถามรายละเอียดการเดินทาง สอบถามถึงสถานการณ์การเรียน การเปิดภาคการศึกษา ดีใจที่ทุกคนปลอดภัย ย้ำรัฐบาลส่งความห่วงใยให้ตั้งแต่วันแรกได้สั่งการให้มีการเตรียมการอพยพอย่างรอบคอบเพื่อให้ทุกคนปลอดภัยดีใจที่ทุกคนปลอดภัยกลับมา และขอให้เดินทางกลับภูมิลำเนาอย่างปลอดภัย 

ทั้งนี้ เครื่องบิน Airbus A340-500 ได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติ คิง อับดุลาซิซ (King Abdulaziz) เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย นำผู้ประสงค์จะเดินทางกลับพร้อมเครื่องบินของกองทัพอากาศในเที่ยวบินแรก จำนวน 78 คน ประกอบด้วย นักเรียนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 71 คน จังหวัดพัทลุง 1 คน นครศรีธรรมราช 1 คน และครอบครัวซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี 5 คน และเบื้องต้นทุกคนได้รับการดูแลอย่างดีจากกองทัพอากาศ พร้อมได้ตรวจสุขภาพ และผ่านการตรวจคัดกรองจากทีมแพทย์ของกองทัพอากาศ ซึ่งแม้มีอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่ทุกคนปลอดภัยและรู้สึกดีใจที่เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ

โดยคณะคนไทยผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองและการตรวจคัดกรองโรคก่อนเดินทางไปยังโรงแรมที่พัก และในวันพรุ่งนี้ ( 28 เมษายน 2566) คณะคนไทยที่มีภูมิลำเนาในพื้นที่ภาคใต้จะเดินทางกลับพื้นที่ด้วยเครื่องบิน C – 130 ของกองทัพอากาศ เพื่อกลับสู่ภูมิลำเนาต่อไป
 

นอกจากนี้ ชุดปฏิบัติการของกองทัพอากาศยังคงเตรียมความพร้อมอยู่ที่เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย พร้อมประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือคนไทยชุดต่อไปซึ่งจะขึ้นเรือจาก Port of Sudan มาที่เมืองเจดดาห์ รวมถึงเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่ซับซ้อน และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยนายกรัฐมนตรีห่วงใย ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนไทย โดยมุ่งหวังที่จะนำพี่น้องชาวไทยทุกคนที่ประสงค์เดินทางกลับประเทศไทยอย่างปลอดภัย

'ท่านใหม่' แจงชัด!! ในหลวงโปรดกระหม่อมให้งดพระราชพิธีฉัตรมงคล เพราะต้องไปร่วมงานราชาภิเษกของกษัตริย์อังกฤษพระองค์ใหม่

(28 เม.ย.66) หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล หรือ 'ท่านใหม่' ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

รับรู้ไว้ แล้วก็อย่าดราม่ากันให้มาก 

สาเหตุที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้งดพระราชพิธีฉัตรมงคล ในวันที่ 2-4 พุทธศักราช 2566 นั้น เพราะจะต้องเสด็จพระราชดำเนินไปร่วมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์อังกฤษพระองค์ใหม่ สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 ซึ่งจะมีขึ้นที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ในวันเสาร์ที่ 6 พ.ค.2566

ม.จ. จุลเจิม ยุคล


ที่มา: https://www.facebook.com/744788370/posts/pfbid0a3EUSvnZWaX5nPnmd6xnCNuzCqJmzLmxysAjLugiopV7tvepE4m8U1WpzWTHV2VLl/?mibextid=Nif5oz

‘2 หนุ่ม’ ทะเลาะกันบนถนน เหตุไม่เปิดไฟเลี้ยว เถียงกันอย่างดุ!! สุดท้ายจบหักมุม กลายเป็นคิมิโนโต๊ะ

(28 เม.ย.66) ผู้ใช้ TikTok บัญชี @kuy6169 ได้เผยคลิปขณะที่คนขับรถยนต์กำลังมีปากเสียงกับคนขี่รถมอเตอร์ไซค์ สาเหตุคือรถใหญ่ไม่เปิดไฟเลี้ยว จนมอเตอร์ไซค์เกือบชนท้าย

โดยคนขับรถยนต์ตะโกนเสียงดังว่า "กูเปิดทีหลัง ทำไมล่ะ" ซึ่งมอเตอร์ไซค์ก็เถียงกลับไปว่า "เปิดทีหลังอะไร มึงต้องเปิดก่อนเลี้ยว" แต่รถยนต์ก็เถียงกลับว่า "แล้วมึงชนกูไหม" ซึ่งมอเตอร์ไซค์ก็บอกว่า "มันไม่เกี่ยวหรอก แล้วถ้าชนล่ะ ถ้ามันเกิดเหตุการณ์ขึ้นมาล่ะ มึงขับรถไม่ปลอดภัย"

จากนั้นคนขับรถยนต์จึงตอบกลับไปว่า "โอเค กูผิดใช่ไหม" ก่อนเดินเข้าไปจับมือมอเตอร์ไซค์แล้วพูดเสียงเบาลงว่า "กูขอโทษได้ไหม" ด้านมอเตอร์ไซค์ก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนตอบว่า "ได้" จากนั้นก็โผกอดกัน มีตบก้นกันเล็กน้อยให้อภัยกัน สุดท้ายเหตุการณ์ก็จบลงด้วยดี

หลังจากคลิปนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตต่างคอมเมนต์ชื่นชม ที่สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็ให้อภัยกัน พร้อมทั้งแซวว่า ถ้าพูดดีๆ ตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องเจ็บคอตะโกนคุยกันแบบนี้


ที่มา : https://www.naewna.com/likesara/727309

‘หนิง ปณิตา’ ลั่น!! ถึงเวลารักษาความรู้สึกตัวเอง พร้อมขอบคุณทุกกำลังใจ วอนสามี ‘จิน’ ขอแค่สิ่งเดียว ออกมาเคลียร์ปัญหาครอบครัว

(28 เม.ย.66) เป็นประเด็นที่หลายคนกำลังได้รับความสนใจ หลังดาราสาวและผู้จัดละครสาวสุดสตรอง หนิง ปณิตา ออกมาเปิดใจถึงปัญหาชีวิตคู่กับสามี จิน จรินทร์ ที่ตอนนี้ยังตกลงเรื่องหย่ากันไม่ได้ และก่อนหน้านี้ ธัญญ่า ธัญญาเรศ ได้โพสต์คลิป หนิง จิน อยู่กันพร้อมหน้า ล่าสุด หนิง ได้เปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน 31 พร้อมอัปเดตสภาพจิตใจตอนนี้

สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้าง?
หนิง : ตามลำดับค่ะ รู้สึกโล่ง ก็ตามที่หนิงโพสต์ขอบคุณทุกคนไป ตอนแรกก็กังวลคิดอยู่นาน ทุกอย่างหนิงสัมภาษณ์ไว้ชัดเจนแล้ว

อยากจะบอกคนคอมเมนต์ให้กำลังใจยังไงบ้าง?
หนิง : กราบขอบคุณจริงๆ วันนี้ความเข้าใจ กำลังใจมันก็เป็นพลังอย่างหนึ่งของหนิง หนิงเขียนทุกอย่างเอาไว้ในโพสต์ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าวันนี้หนิงได้รับความเข้าใจ ได้รับพลังงานดีๆ จากทุกคน เรารู้สึกว่าอยากส่งต่อพลังงานดีๆ แบบนี้ไปให้กับหลายๆ คน เพราะหนิงเชื่อว่าหลายๆ คน หลายๆ ครอบครัวก็มีปัญหาเหมือนเรา เพียงแต่เขาไม่มีโอกาสที่จะพูด หรือออกมาคุย ก็เป็นการแลกเปลี่ยนกันในคอมเมนต์นั้นๆ 

ถือว่าได้แจงรายละเอียดไปหมดแล้ว?
หนิง : หนิงว่าสัมภาษณ์ค่อนข้างเคลียร์ชัดเจนแล้ว ตามนั้นเลย

คลิปล่าสุดที่ลงเป็นประเด็นมากเลย จำได้ว่าวันนั้นเพิ่งถ่ายรายการ คุยแซ่บshow เสร็จ?
หนิง : ใช่ แล้วหนิงก็ไปส่งพี่ญ่าที่บ้าน เรากลับบ้านด้วยกัน
ธัญญ่า : ใช่ วันนั้นดิฉันไปทำสวยมา สระผมไม่ได้ แล้วหนิงบอกว่าหนิงมีอุปกรณ์ เดี๋ยวหนิงจะจัดให้พี่ แล้วพอไปถึงบ้านปุ๊บ นางก็ขึ้นไปบนบ้าน ขนที่สระผมลงมาให้ แบกลงมาเลย แล้วไปเจอคุณจินอยู่หน้าบ้าน พี่ก็เลยบอกว่าหนิง ขอพี่ทำคอนเทนต์หน่อยนะ ถ่ายเขา เห็นเขาแบกตรงนี้น่ารักมาก พอดีจินยืนอยู่ก็เลยถ่ายจินด้วย เราก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นประเด็นขนาดนี้

แต่สุดท้ายพอมันออกมาแบบนี้ หนิงรู้สึกยังไงบ้าง?
หนิง : เฉยๆ เหมือนวันนั้นมันบังเอิญเจอหน้าบ้าน เอาจริงๆ แทบไม่เจอหน้ากันเลย แล้วหนิงแบกของลงมา แล้วเหมือนหนิงเปิดประตูรถ แล้วมีรูปที่ได้จากรายการ คุยแซ่บshow เป็นรูปหนิงกับณิริน แล้วหนิงต้องเอาที่สระผมยัดลงไปท้ายรถแทน แล้วเหมือนพี่ญ่าเรียกให้เขามาถือ

ธัญญ่า : คือจินเขาไปเอารูปจากท้ายรถ เสร็จพี่ก็แซวเขา คุณผู้ชายคะไม่ช่วยคุณผู้หญิงแบกหน่อยเหรออะไรประมาณนี้
หนิง : มันเอาเข้ารถไปไม่ได้ ต้องเอารูปจากในรถออกมาก่อน เหมือนมันบังเอิญเจอกันหน้าบ้านมากกว่า เขากำลังจะออกไปข้างนอก

จากวันนั้นจนวันที่เจอ คือไม่ได้เจอกันเลย?
หนิง : ก็ไม่ได้เห็นหน้ากันเท่าไหร่

บางคนที่เห็นคลิปนี้มีความเอ๊ะ ทำไมยังเจอกันอยู่?
หนิง : จริงๆ ในสัมภาษณ์ก็ตอบไปชัดเจนแล้ว สถานะยังไม่ได้หย่ากัน ยังอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แต่แค่รอว่าจะมาจัดการให้เมื่อไหร่ตามที่ตกลงกันไว้ แค่นั้น ซึ่งก็ไม่มาจัดการให้สักทีหนูก็ไม่รู้จะทำยังไง

เชื่อไหม ณ วันนั้นที่พี่เห็นหนิงกับจินอยู่ใกล้กัน ไม่มีคำพูดอะไร แต่ในความรู้สึกเราที่เคยเห็นความเป็นครอบครัวที่น่ารัก ใจหายมากเลยนะ ทำเป็นแซว แต่ในใจเรารู้สึกแบบจริงเหรอ ถ้าวันหนึ่งเขาคิดได้ เขามาขอโทษ หนิงโอเคไหม?
หนิง : เราอย่าเพิ่งไปคิดมองอนาคตข้างหน้าเป็นยังไง หนิงสัมภาษณ์เคลียร์ทุกอย่างหมดแล้วในวันนั้น มันก็ยังเป็นคำตอบอย่างนั้นชัดเจน ตอนนี้รอการมาเคลียร์ รอมาหลายเดือนแล้ว แค่มาเคลียร์เท่านั้นเอง หนิงจะได้ไม่ต้องมานั่ง แต่หนิงเข้าใจ เราเป็นพิธีกรรายการนี้มันก็ประหลาด ถ้าเราไม่มีการอัปเดตผ่านรายการ แต่หนิงไม่อยากพูดแล้ว วันนี้สิ่งเดียวจริงๆ มาเคลียร์ให้หนิงเถอะ หนิงไม่รู้จะพูดยังไง มาเคลียร์เถอะ

Thai Fight ออนทัวร์ ‘กรุงโรม’ คนแห่ชมร่วม 5 พัน สะท้อน!! สุดยอดกีฬาที่นานาชาติต่างยอมรับ

(27 เม.ย.66) เพจ ‘ประเทศไทยต้องชนะ’ ได้โพสต์ความยิ่งใหญ่ของมวยไทยในต่างประเทศ ระบุว่า...

มวยไทยกระหึ่มโลก! 🥊🇹🇭

‘Thai Fight’ จัดการแข่งขันชกมวยไทยโลกในต่างประเทศ เพื่อเผยแพร่กีฬามวยไทย ซึ่งเป็นกีฬาประจำชาติให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก 

‘ซีคอนสแควร์’ ทุ่มงบ 3 ล้าน!! สร้าง ‘ป้ายรถเมล์ติดแอร์’ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน!!

(27 เม.ย. 66) ด้วยสภาวะอากาศร้อนปะทุต่อเนื่อง ล่าสุด ศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์และ บริษัท คูลคูล จำกัด ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร นำร่องจัดทำ ‘Sabuy Square’ (สบายสแควร์) ป้ายรถเมล์ติดแอร์ พลังงานแสงอาทิตย์ แห่งแรกในประเทศไทย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพื่อเป็นต้นแบบในการอนุรักษ์พลังงานและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ให้กับประชาชนในยุคปัจจุบันและเป็นประโยชน์แก่สาธารณะ ตั้งอยู่บริเวณ Seacon Bus Station ด้านหน้าศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ถนนศรีนครินทร์

สำหรับ ‘Sabuy Square’ เป็นป้ายรถเมล์ติดแอร์ ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ที่เดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะ ช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดดและสภาวะมลพิษฝุ่นควัน PM2.5

ภายในที่พักคอยรถโดยสารสาธารณะ มีขนาดพื้นที่ 40 ตารางเมตร สามารถรองรับจำนวนคนกว่า 40 คน พร้อมติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ประกอบด้วย ระบบปรับอากาศพลังงานแสงอาทิตย์, บริการ Free Wi-Fi, ที่เสียบ USB สำหรับชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือ, ตู้กดน้ำดื่มสาธารณะ, กล้อง CCTV เชื่อมต่อระบบไปยังศูนย์บริหารจัดการ, ระบบสัญญาณเตือนฉุกเฉิน (Panic Button), พร้อมจอแสดงสายรถเมล์ที่กำลังจะมาถึง

ทั้งนี้ ผู้บริหารศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ได้มีแนวคิดในการจัดสร้าง ‘Sabuy Square’ ป้ายรถเมล์ติดแอร์ขึ้น เพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้าให้ได้รับความสะดวกสบายในสภาวะวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่เป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบันและเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะตอบแทนคืนสู่สังคม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top