Friday, 25 April 2025
NEWS FEED

ส่อง 5 เสื้อทีมชาติสุดปัง ในฟุตบอลยูโร 2020

ไม่นานมานี้ เคยมีกรณีดราม่า ‘ทำไมพวกผู้ชายชอบใส่เสื้อบอลไปเดินห้างสรรพสินค้า?’ เอาเป็นว่า โปรดลืมความดราม่าเหล่านั้นไปได้เลย หากคุณได้เห็นเสื้อฟุตบอลของเหล่าทีมชาติในศึกยูโร 2020 หนนี้

THE STATES TIMES ไปส่องชุดฟุตบอลของ 24 ทีมที่เข้าร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ บอกเลยว่า งามไส้ เอ้ย! งามมั่ก!! งานนี้เลยไปหยิบมา 5 ตัวที่งามที่สุด ได้แก่ เสื้อทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์, เสื้อทีมชาติโครเอเชีย, เสื้อทีมชาติฟินแลนด์, เสื้อทีมชาติโปแลนด์ และเสื้อทีมชาติเยอรมัน ซึ่งมั่นใจว่า ใส่ไปเดินห้างฯ ได้สบาย เพราะสวยจริงอะไรจริง ใครสนใจตัวไหน เราไม่มีขายนะจ๊ะ บอกไว้ก่อน แต่สามารถหาซื้อได้ตามช้อปออนไลน์ทั่วไป ลองเซิร์ชพวกคำว่า Kit National Team Euro 2020 รับรองเจอแน่!


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

"ยาร์โมเลนโก" เอาใจสปอนเซอร์ หยิบน้ำอัดลม-เบียร์ วางตรงหน้า

ยังคงมีประเด็นให้พูดถึงต่อเนื่อง สำหรับงานแถลงข่าวของศึกยูโร 2020 หลังจาก คริสเตียโน โรนัลโด กัปตันทีมชาติโปรตุเกส หยิบขวดน้ำอัดลม โคคา โคล่า ที่วางอยู่ตรงหน้าออกไป จนกลายเป็นไวรัลไปทั่วโลก

จากนั้นก็มีกรณีของพอล ป๊อกบา เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติฝรั่งเศส ก็ได้หยิบขวดเบียร์ขวดเบียร์ไฮเนเกน ชนิดไร้แอลกอฮอล์ออกจากโต๊ะแถลงข่าวเช่นกัน

แต่ล่าสุด เมื่อคืนที่ผ่านมา อังเดร ยาร์โมเลนโก กองหน้ากัปตันทีมชาติยูเครน ซึ่งทำประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 29 ก่อนคว้ารางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ก็ได้แถลงข่าวอย่างอารมณ์ดี พร้อมปั่นกระแสบนโลกโซเชียลจากเทรนด์ไม่ปลื้มน้ำอัดลมที่ โรนัลโด สร้างไว้ ด้วยการจับเอาขวดโค้กและขวดไฮเนเก้นขยับเข้าหาตัว ก่อนพูดติดตลกว่า

"ผมเห็นสิ่งที่โรนัลโดทำแล้วนะ แต่ผมอยากเอามันมาไว้ที่นี่ (ขยับขวดมาไว้ใกล้ตัวเอง) โปรดติดต่อผมด้วย ทั้งโค้กและไฮเนเก้นเลย ติดต่อเข้ามานะ"


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เมมฟิส เดปาย กับ เดนเซล ดัมฟรีย์ส สองขุนพล ‘อัศวินสีส้ม’ เนเธอร์แลนด์ส จับมือกันยิงคนละลูก ก่อนช่วยให้ทีมชนะ ออสเตรีย 2-0 การันตีเข้ารอบน็อคเอาต์ ยูโร 2020 ไปอีกทีม เมื่อคืนวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

เมมฟิส เดปาย กับ เดนเซล ดัมฟรีย์ส สองขุนพล ‘อัศวินสีส้ม’ เนเธอร์แลนด์ส จับมือกันยิงคนละลูก ก่อนช่วยให้ทีมชนะ ออสเตรีย 2-0 การันตีเข้ารอบน็อคเอาต์ ยูโร 2020 ไปอีกทีม เมื่อคืนวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

นัดที่สองของกลุ่ม C เนเธอร์แลนด์ส จ่าฝูงมี 3 แต้ม เล่นในบ้านเจอ ออสเตรีย อันดับ 2 แต้มเท่ากัน เกมนี้ ‘อัศวินสีส้ม’ ใช้ เมมฟิส เดปาย ยิงคู่ วูต์ เวกฮอสต์ ส่วน ออสเตรีย ฝากฝัง มิชาเอล เกรกอริชต์ กับ คริสตอฟ บอมการ์ทเนอร์ ซัดร่วมกัน

เริ่มเกม 9 นาที เนเธอร์แลนด์ส ได้จุดโทษหลัง เดนเซล ดัมฟรีย์ส โดนย่ำล้มลงไปแล้ว เมมฟิส เดปาย สังหารไม่พลาด 1-0 ขณะที่ นาที 23 ดัตช์แมน หวิดได้เม็ดสอง เมมฟิส เดปาย ลากจี้มาทางขวาแล้วยิงขวาเต็มเท้าแต่บอลเข้าข้างตาข่าย

ออสเตรีย หาทางตั้งเกม นาที 35 บอลมาถึง มาร์ติน ฮินเตเร็กเกอร์ ตะบันแถวสองแต่บอลแรงข้ามคาน ถัดมา นาที 39 เนเธอร์แลนด์ส ทำหมูหก วูต์ เวกฮอสต์ ใจกว้างป้ายออกซ้ายให้ เมมฟิส เดปาย แปโล่งๆ แต่ข้ามคานเหลือเชื่อ จบครึ่งแรกยังนำแค่เม็ดเดียว

ครึ่งหลัง นาที 60 เจ้าบ้านยังไม่ได้ลูกสอง สเตฟาน เดอ ฟราย โหม่งติดเซฟจังหวะแรก แม็ทไธส์ เดอ ลิกต์ ยิงซ้ำจ่อๆ แต่โดนสกัดทิ้งอีก กระทั่ง นาที 66 ลูกสองก็มาตามต้องการ เมมฟิส เดปาย ดีดขึ้นหน้าให้ ดอนเยล มาเลน ลากหลุดเดี่ยวแล้วถวายพานทางขวาให้ เดนเซล ดัมฟรีย์ส ยิงไม่เหลือ 2-0

ท้ายเกม นาที 85 ออสเตรีย ขอตีไข่แตก ซาซ่า คาลาดิซ โยนขึ้นหน้าไปแล้ว คาริม โอนิซิโว โหม่งแต่เข้ามือ มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก สุดท้ายไม่มีประตูแล้ว จบเกม ดัตช์แมน เข้ารอบไปอีกทีมหลังชนะ 2 นัดรวด มี 6 แต้ม นัดสุดท้ายเตรียมเจอ นอร์ธ มาซีโดเนีย วันที่ 21 มิถุนายน ส่วน ออสเตรีย แย่งตั๋วเข้ารอบกับ ยูเครน วันเดียวกัน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เนเธอร์แลนด์ส - มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก, สเตฟาน เดอ ฟราย, ดาลีย์ บลินด์, แม็ทไธส์ เดอ ลิกต์, เฟรนกี เดอ ยอง, มาร์เทน เดอ รูน, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, แพทริค ฟาน อันโฮลต์, เดนเซล ดัมฟรีย์ส, เมมฟิส เดปาย, วูต์ เวกฮอสต์

ออสเตรีย - ดาเนียล แบชมันน์, ดาวิด อลาบา, มาร์ติน ฮินเตเร็กเกอร์, อเล็กซานดาร์ ดราโกวิช, ซาเวอร์ ชาลาเกอร์, มาร์เซล ซาบิตเซอร์, คอนราด ไลเมอร์, อันเดรียส อัลเมอร์, สเตฟาน ไลเนอร์, คริสตอฟ บอมการ์ตเนอร์, มิชาเอล เกรกอริชต์

 

 

ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000058820


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

เบลเยียม ต้อนรับการกลับมาของ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพตัวปั้นเกม ก่อนโชว์ซัดประตูช่วยให้ ‘ปีศาจแดงแห่งยุโรป’ พลิกกลับมาเฉือน เดนมาร์ก คาบ้าน 2-1 พร้อมตีตั๋วเข้าน็อคเอาท์ศึก ยูโร 2020 เป็นที่เรียบร้อย เมื่อคืนวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

เบลเยียม ต้อนรับการกลับมาของ เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพตัวปั้นเกม ก่อนโชว์ซัดประตูช่วยให้ ‘ปีศาจแดงแห่งยุโรป’ พลิกกลับมาเฉือน เดนมาร์ก คาบ้าน 2-1 พร้อมตีตั๋วเข้าน็อคเอาท์ศึก ยูโร 2020 เป็นที่เรียบร้อย เมื่อคืนวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

เกมนัดสองของกลุ่ม B เดนมาร์ก บ๊วยไม่มีแต้ม เป็นเจ้าภาพเจอ เบลเยียม จ่าฝูงมี 3 แต้ม เกมนี้นักเตะและแฟนบอลทั้งสองฝั่ง ต่างส่งเสียงเชียร์เป็นกำลังใจให้แก่ คริสเตียน อีริกเซน ดาวเตะเจ้าถิ่นที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จากอาการหัวใจวายเฉียบพลันที่เกิดขึ้นในเกมนัดแรก

เริ่มเกมแวบเดียว 2 นาที เดนมาร์ก ยิงนำก่อนเลย ปิแอร์-เอมิลล์ ฮอยเบิร์ก วิ่งมาตัดบอลหน้าประตูแล้วป้ายให้ ยุสซุฟ โพลเซน แปตุง 1-0 ขณะที่ นาที 10 นักเตะเบลเยียม ทำการหยุดบอลกับที่ หยุดเกมเพื่อแสดงกำลังใจถึง คริสเตียน อีริกเซน ซึ่งเป็นเรื่องที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มเกม

กลับมาเล่นต่อ เดนมาร์ก บดต่อเนื่อง นาที 34 มิกเกล แดมสการ์ด หักเข้าซ้ายแล้วยิงเหน่งๆ แต่บอลหลุดเสาไกล ต่อมา นาที 43 ฟรีคิกทางขวาของเบลเยียม แยนนิค คาร์ราสโก้ เล็งเป้าแล้วตะบันไกลแต่บอลหลุดกรอบนิดเดียว จบครึ่งแรก เดนมาร์ก ขึ้นนำทีมเบอร์ 1 ของโลกอยู่ 1 เม็ด

ครึ่งหลัง นาที 54 เบลเยียม สู้จนตีเสมอได้ โรเมลู ลูกากู เลื้อยมาจากขวา ตบให้ เควิน เดอ บรอยน์ ชิ่งต่อถึง ธอร์แกน อาซาร์ ยิงเผาขน 1-1 และนาที 71 เบลเยียม ก็เป็นฝ่ายพลิกแซง เอเดน อาซาร์ แปะออกซ้ายให้ เควิน เดอ บรอยน์ พุ่งมาตะบันโล่งๆ เสียบเสา 2-1

นาที 86 เดนมาร์ก ชวดตีเสมอ อันเดรียส โอลเซน ตักโด่งทางขวาเข้ากบาล มาร์ติน เบรธเวต โหม่งเต็มศรีษะแต่โชคร้ายชนสามเหลี่ยม สุดท้ายไม่มีประตูแล้ว จบเกม เบลเยียม ชนะ 2 นัดรวด เก็บเพิ่มเป็น 6 แต้ม เข้ารอบน็อคเอาท์ไปอีกทีม นัดสุดท้ายเจอ ฟินแลนด์ วันที่ 21 มิถุนายน ส่วน เดนมาร์ก นัดสุดท้ายปะทะ รัสเซีย วันเดียวกัน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เดนมาร์ก - แคสเปอร์ ชไมเคิล, ซิมง เคียร์, แยนนิค เวสเตอร์การ์ด, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, โธมัส เดอลานีย์, มิกเกล แดมสการ์ด, โจอาคิม เมเฮิล, ปิแอร์-เอมิลล์ ฮอยเบิร์ก, ดาเนียล วาสส์, มาร์ติน เบรธเวต, ยุสซุฟ โพลเซน

เบลเยียม - ธิโบต์ คูร์ตัวส์, เจสัน เดนาเยอร์, แยน แฟร์ตองเกน, โทบี อัลเดอร์เวเรลด์, ยูริ ตีเลอมองส์, เลอันเดอร์ เดนด็อกเกอร์, ธอร์แกน อาซาร์, โธมัส มูนิเยร์ แยนนิค คาร์ราสโก้, ดรีส์ เมอร์เทนส์, โรเมลู ลูกากู

 

ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000058812


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

พลพรรคแข้ง ยูเครน ร่วมใจกันคว้า 3 แต้มแรกในศึก ยูโร 2020 สำเร็จ หลังจัดการเฉือนชนะ มาซีโดเนียเหนือ แบบหวุดหวิด 2-1 ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดสอง เมื่อคืนวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

พลพรรคแข้ง ยูเครน ร่วมใจกันคว้า 3 แต้มแรกในศึก ยูโร 2020 สำเร็จ หลังจัดการเฉือนชนะ มาซีโดเนียเหนือ แบบหวุดหวิด 2-1 ในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดสอง เมื่อคืนวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

เกมนัดสองของกลุ่ม C ยูเครน อันดับ 3 ไม่มีแต้ม ลงเตะที่โรมาเนีย เจอ มาซีโดเนียเหนือ บ๊วยที่ไม่มีแต้มเหมือนกัน เกมนี้ ยูเครน วาง 3 ประสาน รัสลาน มาลินอฟสกี, อังเดร ยาร์โมเลนโก้, โรมัน ยาเร็มชุก ลงยิง ส่วน มาซีโดเนีย พึ่งพาคู่หน้า เอลจิฟ เอลมาส กับ โกรัน ปานเดฟ

เริ่มเกม นาที 7 ยูเครน ทักทาย อังเดร ยาร์โมเลนโก้ เงยหน้าลองซัดไกลแต่บอลข้ามคาน ก่อนที่ นาที 28 ยูเครน เอาจนได้จากเตะมุม โอเล็กซานเดอร์ คาราเยฟ กระโดดตอกส้นให้ อังเดร ยาร์โมเลนโก้ พุ่งชาร์จเสาแรก 1-0

นาที 29 เม็ดสองก็มา อังเดร ยาร์โมเลนโก้ ตบบอลขึ้นหน้าให้ โรมัน ยาเร็มชุค พุ่งไปยิงเบียดเสาตุง 2-0 ต่อมา นาที 39 มาซีโดเนีย ตีไข่แตกแต่เฮเก้อ โกรัน ปานเดฟ แตะบอลหลุดขึ้นหน้าแล้วชิปข้ามนายประตูเข้าไปแล้ว แต่ดันล้ำหน้าก่อน จบครึ่งแรก ยูเครน นำสองลูก

ครึ่งหลัง นาที 54 มาซีโดเนีย ได้จุดโทษหลัง โกรัน ปานเดฟ เจอเตะล้มที่สุดเส้นหลัง รัสลาน มาลินอฟสกี ยิงติดเซฟครั้งแรกแต่บอลเด้งกลับมาให้วอลเลย์ซ้ำไล่ตาม 1-2 ต่อมา นาที 68 มาซีโดเนีย จะตีเสมอ บอลไหลคืนหลังมาถึง อเล็กซานเดอร์ ทราจคอฟสกี ยิงเต็มเท้าแต่ข้ามคาน

นาที 74 โอกาสทองของยูเครน วิคเตอร์ ซีกานคอฟ เก็บบอลได้ทางซ้าย แต่ดันยิงไม่แม่นหลุดกรอบ ส่วนท้ายเกม นาที 83 ยูเครน ได้จุดโทษหลัง ดาเนียล อาวรามอฟสกี พลาดทำแฮนด์บอลแต่ สโตล ดิมิตริเอฟสกี โชว์หนึบเซฟลูกยิงของ รัสลาน มาลินอฟสกี แต่ก็ได้แค่นั้น จบเกม ยูเครน เก็บ 3 แต้ม เท่ากับ ออสเตรีย กับ เนเธอร์แลนด์ส ส่วน มาซีโดเนีย แพ้รวด 2 นัดไม่มีแต้ม

สำหรับ ยูเครน นัดสุดท้ายจะดวลกับ ออสเตรีย วันที่ 21 มิถุนายน ส่วน มาซีโดเนีย ปะทะ เนเธอร์แลนด์ วันเดียวกัน

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

ยูเครน - จอร์จี บูชาน, มีโกล่า มาติเยนโก้, อิลลา ซาบาร์นยี, วิตาลี มิโกเลยโก้, โอเล็กซานเดอร์ คาราเยฟ, ทาราส สเตปาเนนโก้, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, มิโกล่า ชาปาเรนโก้, รัสลาน มาลินอฟสกี, อังเดร ยาร์โมเลนโก้, โรมัน ยาเร็มชุก

มาซีโดเนียเหนือ - สโตล ดิมิตริเอฟสกี, ดาร์โก เวลโกสกี, วิซาร์ มุสลิอู,, เอนิส บาร์ดี, สเตฟาน สปิรอฟสกี, อาร์ยาน อาเดนมี, เอซยาน อาลิออสกี, โบบัน นิโคลอฟ, เอลจิฟ เอลมาส, โกรัน ปานเดฟ

 

ที่มา : https://mgronline.com/sport/detail/9640000058786


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes 
คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ศาลฎีกาพิพากษาแก้ลดโทษ ‘ลุงวิศวะยิงนักเรียน ม.4’ จากฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เป็นป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ จำคุก 3 ปี 4 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 3 ปี ทำกิจกรรมบริการสังคม 30 ชั่วโมง

ศาลจังหวัดชลบุรีอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3544/2561 หรือ ‘คดีลุงวิศวะยิงเด็กนักเรียน ม.4’ ที่พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี และ น.ส.มณีพร ผึ่งผาย โจทก์และโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง ‘นายสุเทพ โภชนสมบูรณ์’ เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จากกรณีที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิง ‘นายนวพล’ หรือ ‘ปอนด์ ผึ่งผาย’ ถึงแก่ความตาย

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2560 ที่บริเวณแยกครกใหญ่ ต.อ่างศิลา อ.เมือง จ.ชลบุรี ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ ส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนานั้น จำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน

คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามฟ้อง ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำคุก 15 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืน ปรับ 4,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 2.000 บาท รวมจำคุกจำเลยเป็นเวลา 10 ปี ปรับ 2,000 บาท ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

ต่อมา โจทก์และจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 10 ปี ปรับ 2,000 บาท และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

จำเลยยื่นฎีกา

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า มูลเหตุคดีเริ่มต้นเมื่อพวกของผู้ตายจอดรถยนต์ตู้ซ้อนคันกับรถยนต์ของจำเลย โดยไม่ได้สนใจว่ารถยนต์ของจำเลยที่จอดริมฟุตพาทจะออกไปได้หรือไม่

เมื่อภริยาจำเลยแจ้งให้ทราบว่ารถยนต์ของจำเลย กำลังจะออก แต่พวกของผู้ตายไม่ขยับให้ กลับบอกให้รอก่อน การจอดรถซ้อนคันขวางทางออกถนนของรถยนต์คันอื่น ทั้งมิยอมรีบขยับรถให้รถคันที่ตนจอดขวางอยู่ออกไปได้ จึงมิใช่เรื่องที่คนทั่วไปกระทำกัน

เหตุการณ์เช่นนี้ คนทั่วไปไม่ว่าใครก็ตามพบเจอ ย่อมต้องรู้สึกโกรธเป็นธรรมดา

จำเลยกล่าวถ้อยคำหยาบคายหลายครั้ง แต่มีเพียงถ้อยคำเดียวที่พวกของผู้ตายได้ยินก่อนที่จะพากันขึ้นรถยนต์ตู้ไป

ส่วนถ้อยคำหยาบคายอื่น จำเลยกล่าวในรถยนต์ของตนเอง ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้พวกของผู้ตายรู้สึกว่าจะต้องเอาเรื่องกับจำเลย ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงแต่ทำให้จำเลยเสียเวลาไปบ้างเล็กน้อย จึงมิใช่เรื่องใหญ่โตถึงขนาดต้องฆ่ากัน

และเชื่อได้ว่าในขณะที่รถยนต์ของทั้งสองฝ่ายเคลื่อนออกจากบริเวณหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้ง ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีความคิดที่จะเอาเรื่อง อีกฝ่ายเพราะเหตุจากการมีปากเสียงกัน

ส่วนเหตุการณ์ระหว่างทางตั้งแต่รถยนต์ของทั้งสองฝ่ายออกจากร้านขายอาหารทะเลแห้งจนถึงเวลาก่อนจะถึงแยกครกใหญ่ พวกของผู้ตายเพียงแต่เปิดไฟสูงใส่จำเลย ไม่ได้ขับแข่ง ขับแซง หรือปาดหน้า ทั้งที่อยู่ในวิสัย ที่สามารถกระทำได้โดยง่าย ส่วนฝ่ายจำเลย พฤติการณ์ภายในรถแสดงให้เห็นได้ว่า ภายหลังจากออกจากหน้าร้านขายอาหารทะเลแห้งไม่นาน จำเลยและภริยาต่างระงับความโกรธได้และเกรงว่าจะถูกฝ่ายผู้ตายทำร้าย จึงมีความคิดจะไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าพนักงานตำรวจหรือบุคคลอื่น

เมื่อรถยนต์ของทั้งสองฝ่ายไปถึงแยกครกใหญ่ จำเลยมิได้ขับรถปาดหน้ารถของผู้ตาย เพื่อไปจอดรถที่ริมฟุตพาทและมีได้มีพฤติการณ์ยั่วยุให้คนในกลุ่มผู้ตายมาวิวาทต่อสู้กันอีก

เมื่อมีคนในกลุ่มของผู้ตายหลายคนอยู่ ล้อมรอบรถยนต์ของจำเลย ผู้ตายมุดศีรษะเข้ามาในรถยนต์ของจำเลย พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า “มึงจะรบป่าว” หลายครั้งและมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้ตายจะเข้ามาทำร้ายจำเลยในชั่วเวลาอีกไม่นาน

ขณะเดียวกัน จำเลยยังถูกพวกของผู้ตายชกต่อยจากทางด้านหลัง ย่อมถือได้ว่ามีอันตราย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะเกิดขึ้นแก่ชีวิตและร่างกายของจำเลยแล้ว ประกอบกับจำเลยนั่งอยู่ที่ที่นั่งคนขับอันเป็นการอยู่ในที่จำกัดและเคลื่อนไหวร่างกายได้ยาก การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงออกไป จึงเป็นทางเดียวที่จะให้จำเลยพ้นจากการถูกทำร้าย โดยผู้ตายและพวกได้

ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง แต่เมื่อจำเลยเห็นอยู่แล้วว่าผู้ตายและพวกไม่มีอาวุธ หากจำเลยเพียงนำอาวุธออกมาขู่ว่าจะยิง หรือยิงออกไปโดยไม่จำเป็นต้องให้ถูกผู้ตายหรือยิงไปที่อวัยวะอื่นที่ไม่สำคัญของผู้ตาย ก็ย่อมเพียงพอที่จะยับยั้งมิให้ผู้ตายและพวกเขามาทำร้ายได้แล้ว แต่จำเลยกลับใช้อาวุธปืนยิงไปที่หน้าอกซ้ายของผู้ตาย แม้ยิงเพียงนัดเดียวก็ไม่เป็นการได้สัดส่วนกับภยันตรายที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นกับจำเลย

การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เหตุคดีนี้เกิดจากฝ่ายผู้ตายจอดรถยนต์ขวางทางรถยนต์ของจำเลยจนเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย อันเป็นความผิดของฝ่ายผู้ตายด้วยส่วนหนึ่ง การรอการลงโทษให้แก่จำเลยน่าจะเป็นประโยชน์แก่จำเลยและสังคมส่วนรวมมากกว่าการลงโทษจำคุกไปเสียทีเดียว

พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุจำคุก 5 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน

เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ แล้ว รวมจำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี คุมความประพฤติ 2 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ให้จำเลยไปเข้ารับการฝึกอบรมที่เกี่ยวกับการระงับควบคุมอารมณ์ที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนนและให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์มีกำหนด 30 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ เป็นการอ่านคำพิพากษาฎีกาลับหลังจำเลย เนื่องจากลุงวิศวะ ยื่นฎีกา แต่หนีไม่มาฟังฎีกาตั้งแต่นัดฟังฎีกาครั้งแรก เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2564 และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับกุมมาฟังคำพิพากษาได้ภายใน 1 เดือน

 

ที่มา: https://mgronline.com/crime/detail/9640000058582


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ครอบครัวผู้เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเรียกร้องให้รัฐบาลพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ จนถึงเดือนมิถุนายนมีผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน “ไฟเซอร์” 196 ราย

ครอบครัวผู้เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโควิดเรียกร้องให้รัฐบาลพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ จนถึงเดือนมิถุนายนมีผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน “ไฟเซอร์” 196 ราย

“ตั้งตัวไม่ทัน ทำใจไม่ได้ ” คือความในใจของสามีของผู้หญิงวัย 73 ปี ที่เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโควิดได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมง ทั้งคู่ไปฉีดวัคซีนด้วยกันที่โรงพยาบาลในเมืองโกเบเมื่อวันที่ 28 พ.ค. หญิงผู้เป็นภรรยาเป็นโรคเบาหวานมานาน 15 ปี แต่ว่าไม่มีอาการรุนแรง และในวันที่ไปฉีดวัคซีนก็ไม่มีความผิดปกติของสุขภาพ หลังฉีดวัคซีนเสร็จก็ได้รอดูอาการที่โรงพยาบาล 30 นาที และไม่พบผลข้างเคียงอะไรจึงได้กลับบ้านไป

สามีของผู้เสียชีวิตเล่าว่า หลังจากพักผ่อนดูโทรทัศน์ ภรรยาบอกว่าเจ็บหน้าอกขอตัวไปพักผ่อน...นี่คือคำพูดสุดท้าย เพราะหลังจากนั้นภรรยาก็เกิดหายใจไม่ออกจนต้องเรียกรถฉุกเฉินนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่เธอเสียชีวิตลงก่อนเพราะหัวใจและปอดหยุดทำงาน ระยะเวลาเสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนได้เพียง 3 ชั่วโมงครึ่ง

คุณลุงผู้เป็นสามีบอกว่า ภรรยาเสียชีวิตอย่างกะทันหันมาก จนอดคิดไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่

แพทย์ประจำโรงพยาบาลที่ทำการฉีดวัคซีนระบุว่า ตกใจมากเมื่อได้รู้ข่าวการเสียชีวิตของหญิงรายนี้ เพราะหลังฉีดวัคซีนหญิงรายนี้ดูแข็งแรงดีไม่มีความผิดปกติอะไร จึงได้อนุญาตให้กลับบ้านไป อย่างไรก็ตาม แพทย์ยังลังเลที่จะบอกว่าการเสียชีวิตเป็นผลจากวัคซีนหรือไม่ แต่ก็ยอมรับว่า คุณป้าคนนี้ใช้ชีวิตตามปกติ สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือได้รับวัคซีน และเสียชีวิตลง

196 ชีวิตดับหลังฉีดวัคซีน แต่ไร้คำตอบ

กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น รายงานว่า ตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้ประชาชนเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ถึง 4 มิ.ย. มีผู้เสียชีวิตหลังฉีดวัคซีน 196 ราย ทั้งหมดได้รับวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ ไบโอเอนเทค

รายงานของทางกระทรวงระบุว่า ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป สาเหตุการเสียชีวิตคือ เลือดออกในอวัยวะสำคัญ, หัวใจและปอดหยุดทำงาน, หัวใจล้มเหลว, หัวใจขาดเลือด, ติดเชื้อในปอด, สมองขาดเลือด และโลหิตเป็นพิษ เป็นต้น

กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่น ระบุว่า จนถึงวันที่ 30 พ.ค. วินิจฉัยกรณีเสียชีวิตแล้ว 139 ราย ทั้งหมดไม่สามารถระบุว่าเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน เพราะข้อมูลไม่เพียงพอ

ทั้งนี้ ครอบครัวผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ผ่าศพเพื่อวินิจฉัยทางนิติเวช โดยให้เหตุผลว่า ยากที่จะพบรายละเอียดมากไปกว่านี

คุณป้าวัย 73 ปีที่เสียชีวิตรายนี้อยู่ในกลุ่มที่กระทรวงสาธารณสุข “กำลังวินิจฉัย” แต่ผู้เป็นสามีได้ยินยอมที่จะให้โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยใหญ่ทำการพิสูจน์สาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดของภรรยา

คุณลุงผู้เป็นสามีบอกว่า “รู้ว่ารัฐบาลพยายามฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน แต่จำเป็นต้องพิสูจน์ผลจากการฉีดวัคซีนให้แน่ชัด ไม่ใช่บอกว่าใครๆ ก็ฉีดวัคซีนได้”

ในฐานะรัฐบาล การปกป้องประชาชนจากโรคระบาดเป็นหน้าที่สำคัญ แต่การทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้กับผู้สูญเสียก็เป็นความรับผิดชอบเช่นเดียวกัน

 

ที่มา : https://mgronline.com/japan/detail/9640000058415


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ไม่ใช่ไวรัล แต่ก็กลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบที่แพร่กระจายไป ในเหล่าบรรดานักฟุตบอลในยูโร 2020 ไปเสียแล้ว สำหรับการยกขวดเครื่องดื่มที่เป็นสปอนเซอร์หลักของการจัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ออกจากโต๊ะแถลงข่าว

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

ไม่ใช่ไวรัล แต่ก็กลายเป็นพฤติกรรมเลียนแบบที่แพร่กระจายไป ในเหล่าบรรดานักฟุตบอลในยูโร 2020 ไปเสียแล้ว สำหรับการยกขวดเครื่องดื่มที่เป็นสปอนเซอร์หลักของการจัดการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 ออกจากโต๊ะแถลงข่าว

เริ่มต้นจากพี่ใหญ่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่หยิบขวดเครื่องดื่มโคคาโคล่า ให้พ้นออกไปจากเฟรมภาพการแถลงข่าว ต่อมาก็เป็น ปอล ป็อกบา ซูเปอร์สตาร์แห่งทีมฝรั่งเศส ก็หยิบขวดเบียร์ยี่ห้อหนึ่งออกจากโต๊ะ และล่าสุด มานูเอล โลคาเตลลี่ กองกลางทีมอิตาลี ก็กลายเป็นนักเตะคนล่าสุดที่หยิบขวดโคคาโคล่าออกจากโต๊ะเช่นกัน

ส่วนเหตุผลก็นานาสารพันกันไป อาทิ โรนัลโด้เป็นคนไม่ดื่มเจ้าเครื่องดื่มชนิดนี้เลย และขึ้นชื่อเรื่องการมีภาพลักษณ์การดูแลสุขภาพอย่างดี ส่วนปอล ป็อกบา เจ้าตัวเป็นมุสลิมที่เคร่งครัด การมีขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ตรงหน้า (แม้ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์แบบแอลกอฮอล์ 0% ก็ตาม) ยังไงก็คงไม่เหมาะสมนัก

และรายสุดท้าย มานูเอล โลคาเตลลี่ แม้เหตุผลจะไม่ชัดเจน แต่ตอนที่เจ้าตัวหยิบขวดโคคาโคล่าออกจากโต๊ะแถลงข่าว ก็พูดว่า ‘อากัว’ หรือ ‘อควา’ ที่แปลว่า น้ำ ซึ่งก็แสดงเจตนาถึงความไม่ปลื้มเครื่องดื่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยเช่นกัน

แต่ถึงอย่างไร ทางเจ้าของผลิตภัณฑ์ก็ใจกว้างพอ และได้ออกมาประกาศทำนองว่า ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเครื่องดื่มตามใจชอบ และทุกคนมีรสนิยมและความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนั้น เครื่องดื่มนี้ก็จะถูกแจกให้แก่นักเตะเมื่อมาถึงงานแถลงข่าวต่อไป แม้ว่าจะไม่ดื่ม หรือยกออกก็ตาม

สรุปก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ทั้งสองฝ่าย ในมุมของนักฟุตบอลเอง ก็ต้องการการมีภาพลักษณ์ที่ดี หรือแม้แต่การไม่อยากผูกมัดกับสินค้าโดยไม่จำเป็น ในส่วนของสปอนเซอร์ก็ต้องทำตามหลักการต่อไป แต่ก็แอบคิดนะว่า ถ้าบรรดานักฟุตบอลทั้งหลายเกิดทำตามกันทุกคน จะส่งผลลบต่อภาพลักษณ์สินค้าไปเลยก็ได้ สู้ไม่ตั้งไว้ตรงหน้าโต๊ะ แล้วไปหาจุดจัดวางให้ลงตัวกว่านี้ จะดีกว่าไหม


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

ฮอตจริงอะไรจริง ต้องยกให้ทีมชาติอิตาลี ในศึกฟุตบอลยุโร 2020 หนนี้นี่เอง เมื่อคืนบุกอัดทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ไปแบบขาดลอย 3-0 ทำให้เป็นทีมแรกที่ลอยลำเข้ารอบต่อไปเป็นที่เรียบร้อย

#เก็บตกยูโร2020 ⚽

ฮอตจริงอะไรจริง ต้องยกให้ทีมชาติอิตาลี ในศึกฟุตบอลยุโร 2020 หนนี้นี่เอง เมื่อคืนบุกอัดทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ไปแบบขาดลอย 3-0 ทำให้เป็นทีมแรกที่ลอยลำเข้ารอบต่อไปเป็นที่เรียบร้อย

ใครที่เป็นแฟนบอลอิตาลีคงแฮปปี้หลาย เพราะถ้าคุ้นเคยกับทีมแดนมักกะโรนี จะรู้ดีว่า อิตาลีลงเล่นในฟุตบอลทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ ๆ มักจะเครื่องร้อนช้า หรือบางครั้งเครื่องไม่ร้อนเลยก็มี แต่ในศึกยูโร 2020 ครั้งนี้ ขุนพลอัซซูรี่ คิดใหม่ ทำใหม่ กลายเป็นบอลเร้าใจ เนียนตา แฟนๆ งงสิครับ

โอเค, อิตาลี ยังมีสไตล์เกมรับ ที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเหนียวแน่นหนึบเหมือนเดิม แต่สิ่งที่อิตาลีเปลี๊ยนไป๋! คือการเล่นเกมรุกที่เร้าใจ บุกกระซวกไส้ได้ใจดีเหลือเกิน ลงเล่นในยูโรมา 2 นัด ซัดไปแล้ว 6 ลูก ซึ่งมันไม่ใช่อ่ะ! ไม่ใช่อิตาลีที่คุ้นเคย ปกติอิตาลียิงไม่เกิน 2 ลูกต่อนัด และแท็กติกเพียบ จนบางทีดูแล้วเบื๊อเบื่อ!

งานนี้ต้องยกความดีให้กับผู้จัดการทีม โรแบร์โต้ มันชินี่ ที่เข้ามาคุมทีม และจัดการติดตั้งโหมดบุกโหดเข้าไว้ไอ้น้อง ถึงตอนนี้ อิตาลีลงเล่นในเกมระดับเมเจอร์ ไม่แพ้ใครมาแล้ว 29 นัด นับตั้งแต่ปี 2018 เสียไปแค่ 7 ประตู คลีนชีตไป 22 นัด และยิงระเบิดระเบ้อไปถึง 80 ประตู

โอว มายก็อดดด!! นี่มันนิวอิตาลีชัดๆ! และแน่นอนว่า ถึงตรงนี้ จากที่ไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อสส. เอ้ย! ไม่เคยอยู่ในลิสต์ทีมเต็งแชมป์ยูโรหนนี้ ปรากฎว่า อิตาลีก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงบัลลังก์แชมป์ยูโร 2020 อย่างเต็มตัว!


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

แยกย้าย! 'รีล มาดริด' เตรียมแถลงอำลา 'รามอส' ปิดฉาก 16 ปี ในสีเสื้อราชันชุดขาว

คั่นบรรยากาศบอลยูโร ‘ราชันชุดขาว’ คอนเฟิร์ม เตรียมจัดงานแถลงข่าวอำลา เซร์คิโอ รามอส กองหลังกัปตันทีม ในวันพฤหัสบดีนี้ หลังดาวเตะวัย 35 ปี ตัดสินใจไม่ต่อสัญญาที่หมดลงหลังจบซีซั่นที่ผ่านมา

สำหรับสัญญาค้าแข้งของ รามอส วัย 35 ปี ซึ่งย้ายจาก เซบีญา มาอยู่กับ ‘ราชันชุดขาว’ ตั้งแต่ปี 2005 รวมระยะเวลาถึง 16 ปี และผ่านการลงสนามทั้งสิ้น 671 นัด ยิง 101 ประตูนั้น หมดลงหลังจบฤดูกาลที่ผ่านมา โดย รีล มาดริด เสนอสัญญาใหม่แค่ปีเดียวพร้อมขอให้เจ้าตัวลดค่าเหนื่อย ส่งผลให้ไม่สามารถตกลงกันได้ และนำมาสู่การแยกทางกันในที่สุด โดยการแถลงข่าวจะมีขึ้นในเวลาเที่ยงครึ่งของวันพฤหัสบดีนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยมี ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสรร่วมพิธีด้วย

 

ที่มา : https://www.dailynews.co.th/sports/850413


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top