Friday, 24 January 2025
NEWS FEED

สุดยอด! ‘นุศรา ต้อมคำ’ มือเซ็ตทีมชาติไทย ติดโผ 100 นักตบ ทรงอิทธิพลของโลกในรอบทศวรรษ

สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ หรือ เอฟไอวีบี ประกาศให้ ‘ซาร่า’ นุศรา ต้อมคำ นักวอลเลย์บอลสาว มือเซ็ตทีมชาติไทย ติดทำเนียบหนึ่งในร้อยสุดยอดนักวอลเลย์บอลและทีมวอลเลย์บอลของโลกที่ทรงอิทธิพลในทศวรรษ ซึ่งเป็นคนไทยหนึ่งงเดียวที่ติดโผดังกล่าว

ทั้งนี้ เอฟไอวีบี พิจารณาทั้งวอลเลย์บอลในร่มและวอลเลย์บอลชายหาดจากทุกทวีปทั้งประเภทชายและหญิงซึ่งไม่เพียงแค่คว้ารางวัลในการแข่งขันอันทรงเกียรติเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับวงการวอลเลย์บอลรุ่นหลังในการสร้างดาววอลเลย์บอลดวงใหม่ ตลอดจนนักกีฬาคนอื่นๆและแฟนวอลเลย์บอลด้วย

ทั้งนี้ เอฟไอวีบี พิจารณาคัดเลือก 100 นักวอลเลย์บอล ทั้งในร่มและวอลเลย์บอลชายหาดจากทุกทวีป ทั้งประเภทชายและหญิง ซึ่งไม่เพียงแค่คว้ารางวัลในการแข่งขันอันทรงเกียรติเท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับวงการวอลเลย์บอลรุ่นหลังในการสร้างดาววอลเลย์บอลดวงใหม่ ตลอดจนนักกีฬาคนอื่นๆและแฟนวอลเลย์บอลด้วย


ที่มา : https://www.volleyball.world/en/roster100/roster-100-to-showcase-stars-of-volleyball?id=91918&fbclid=IwAR3FMR1xSfvr3VnT8MX8-mAb_tuzyvA6zROpj67kF7X55mOzl5D4ZKshk_A

จีนออกคำสั่งฟ้าผ่า ห้ามเจ้าหน้าที่ และทหารในกองทัพใช้รถยนต์ Tesla ขับเข้ามาในเขตค่ายทหารเด็ดขาด ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง

เนื่องจากจีนเชื่อว่า กล้องที่ติดตั้งภายในรถยนต์ของ Tesla อาจถูกนำมาใช้เพื่อแอบสืบข้อมูลภายในของกองทัพได้ ด้านอีลอน มัสก์ ปฏิเสธวุ่น ไม่เป็นความจริง

เบื้องหลังของคำสั่งนี้ มาจากระบบกล้อง และ ตัวจับสัญญาณความเร็วเหนือเสียง เทคโนโลยีล่าสุดที่ติดตั้งในรถยนต์ของ Tesla ที่อาจเปิดเผยข้อมูลของเจ้าของรถยนต์ และสถานที่ทุกแห่งที่ไป ซึ่งทางจีนถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก หากเป็นพื้นที่ในเขตกองทัพ

ดังนั้น จีนจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่กองทัพห้ามใช้รถ Tesla ขับเข้ามาในเขตทหาร หรือถ้าเป็นพลเรือนจะเข้ามาติดต่อกับใครในกรมทหาร ต้องจอดรถทิ้งไว้หน้าค่าย ถึงจะเข้าไปได้

แต่ทั้งนี้ ก็มีความเห็นของสื่อตะวันตกว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นสาเหตุหลักที่กองทัพจีนจะแบนรถ Tesla เพราะคำสั่งนี้ ออกมาในช่วงที่จีน และ สหรัฐอเมริกา กำลังมีนัดประชุมทวิภาคีกันที่รัฐอลาสก้าพอดี ซึ่งบรรยากาศค่อนข้างตึงเครียดอย่างมาก และจีนอาจต้องการแสดงอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้ท่าทีของสหรัฐฯ ซึ่งหวยก็ดูจะมาออกที่ Tesla พอดี

นอกเหนือจากนัยยะทางการเมืองระหว่างจีน-สหรัฐฯ แล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ทางรัฐบาลจีนต้องการสกัดดาวรุ่ง Tesla ที่กำลังขายดีอย่างมากในตลาดจีน ในปี 2020 ที่ผ่านมา Tesla Model-3 คือรถยนต์ EV ที่ขายดีที่สุดในจีน ด้วยยอดขาย 1.5 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากปี 2019 ถึง 20%

ฉะนั้นหากมีคำสั่งถึงเจ้าหน้าทุกหน่วยในกองทัพจีน ที่มีทหารประจำการมากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งนับเป็นกองทัพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ให้ใช้รถ Tesla ในค่ายทหาร ก็เท่ากับตัดกลุ่มผู้ซื้อรถไปได้เยอะทีเดียว

ทางด้าน อีลอน มัสก์ ผู้บริหารสูงสุดของ Tesla ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้รถ Tesla เป็นสปายส่งข้อมูลลับ และยังบอกว่า "หากทางบริษัทคิดจะขายข้อมูลของลูกค้า หรือให้ใช้รถ Tesla เพื่อจารกรรมข้อมูลลับ เราคงขายรถที่ไหนไม่ได้แล้วครับ คงเจ๊ง ปิดโรงงานไปนานแล้ว"

ถึงจะออกมาปฏิเสธหนักแน่น แต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาลจีนอยู่ดี ว่าจะเปลี่ยนใจ หรือ จะให้แบนต่อ เพื่อบีบตลาดรถ Tesla ในจีนให้โตช้าลงหน่อย แล้วปล่อยให้รถยนต์ EV สัญชาติจีนได้โตไล่ทัน หรือแค่ต้องการใช้เป็นตัวแทน ฟาดกับสหรัฐฯ เหมือนอย่างที่สหรัฐฯ เคยใช้ Huawei บีบจีน ก็ต้องรอติดตามกัน


อ้างอิง:

https://www.theguardian.com/us-news/2021/mar/20/elon-musk-denies-teslas-used-for-spying-after-chinas-military-bans-cars-from-bases?CMP=Share_AndroidApp_Other

https://www.foxbusiness.com/technology/chinese-military-bans-teslas

https://www.aljazeera.com/economy/2021/3/19/chinas-military-bans-tesla-cars-on-camera-sensor-spy-concerns

ธุรกิจพี่เลี้ยงสัตว์กำลังมาแรงในประเทศจีนโดยบางคนสามารถทำรายได้สูงถึง 1,000 หยวนหรือ 4,700 บาทต่อวันเลยทีเดียว

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ได้รายงานว่า อีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังมาแรงในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่บรรดาทาสหมา ทาสแมวจะต้องตาลุกวาวไปตาม ๆ กัน โดยช่วงนี้เจ้าของสัตว์บางคนไม่สามารถเดินทางกลับไปหาสัตว์เลี้ยงของพวกเขาได้ รวมไปถึงลูกค้าบางคนมักจะต้องเดินทางไปติดต่อธุรกิจหรือแฮงเอาท์กับเพื่อนฝูง แต่ไม่อยากทิ้งสัตว์เลี้ยงไว้ตามลำพังธุรกิจนี้จึงเป็นทางออก

ประกอบกับทุกวันนี้การให้บริการทางออนไลน์ได้รับความนิยมมากขึ้น หลายคนหันไปพึ่งพาคนแปลกหน้าบนอินเทอร์เน็ตแทนที่จะขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างอย่างเพื่อนหรือครอบครัว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม (อาจจะเป็นเพราะการไหว้วาน มักสร้างความรำคาญแก่คนใกล้ชิด และการดูแลสัตว์ โดยที่ไม่ได้รัก ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย) และนั่นก็ทำให้ธุรกิจพี่เลี้ยงสัตว์ได้รับความนิยมในจีน

สำหรับธุรกิจนี้เจ้าของสัตว์และพี่เลี้ยงสัตว์ไม่ต้องพบหน้ากันโดยตรง แต่พวกเขาติดต่อกันทางออนไลน์ ก่อนที่เจ้าของจะส่งที่อยู่และมอบกุญแจบ้านให้แก่พี่เลี้ยง (ต้องใช้ความไว้ใจคนแปลกหน้าบนโลกออนไลน์มากเลยทีเดียว)

อย่างไรก็ตามนี่ถือเป็นงานพาร์ทไทม์ที่ค่อนข้างสะดวกสบายและรายได้ดี เพียงแค่สละเวลาครั้งละประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อให้อาหาร เล่นกับน้องหมาน้องแมว เก็บขยะนิดหน่อย ก็สามารถคิดค่าบริการได้ 30 ถึง 50 หยวนหรือ 140 ถึง 230 บาท

Ningxia พี่เลี้ยงสัตว์วัย 25 ปีในเมืองหยินชวนกล่าวว่าเธอมีลูกค้าจำนวนมากโดยส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวในเมืองใหญ่ที่ไม่ค่อยมีเวลาทำให้เธอรับงานนี้วันละกว่า 10 ออเดอร์

เช่นเดียวกับ Xiao Mei พนักงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งระบุว่าเธอรับงานในวันหยุดเพื่อหารายได้เสริม ซึ่งนอกจากจะได้เงินแล้วเธอยังบอกว่าได้มีความสุขไปกับการเล่นกับบรรดาสัตว์เลี้ยงน่ารักๆ อีกด้วย

Wang Shuixiong นักวิจัยชาวจีนกล่าวว่าธุรกิจนี้เป็นผลมาจากการที่ชาวจีนรุ่นใหม่จำนวนมากมักเดินทางไปทำงานในเมืองใหญ่ ทำให้พวกเขาไม่สามารถดูแลสัตว์เลี้ยงได้ และในปัจจุบันผู้คนมีความไว้วางใจคนแปลกหน้าบนโลกออนไลน์มากขึ้น จึงหันไปพึ่งพาคนเหล่านั้นมากกว่าคนรอบข้าง


ที่มา: https://www.posttoday.com/world/648337

เยอรมัน, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปน ยืนยันเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีน AstraZeneca ต่อให้ครบตามเป้าหมาย แม้จะมีข่าวการค้นพบอาการลิ่มเลือดอุดตันในกลุ่มผู้รับวัคซีนบางราย จนทำให้มีประเทศในสหภาพยุโรปถึง 13 ประเทศระงับการฉีดวัคซีนไปก่อนเพื่อรอการตรวจสอบ

แต่ล่าสุด หน่วยงานการแพทย์แห่งยุโรป หรือ EMA ได้ทำการตรวจสอบวัคซีนของ AstraZeneca อีกครั้งและรายงานผลว่า อาการลิ่มเลือดอุดตัน ไม่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน พร้อมยืนยันว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่จะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของ Covid-19 อย่างได้ผล แต่ทั้งนี้ก็สุดแล้วแต่รัฐบาลของแต่ละประเทศสมาชิกจะพิจารณาว่าจะยุติ หรือไปต่อกับ AstraZeneca

และทางเยอรมัน, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปน 4 ประเทศแกนนำหลักของสหภาพยุโรปก็ตัดสินใจไปต่อกับ AstraZeneca โดย นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ฌอง คาสเทค ออกมาสนับสนุนการใช้วัคซีน AstraZeneca และกล่าวว่าตอนนี้ที่ฝรั่งเศสยังพบการแพร่ระบาดรุนแรง และมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการระบาดระลอกที่ 3 ขึ้น ดังนั้นจึงควรเร่งเดินหน้าโครงการวัคซีนให้เร็วที่สุด และ ฌอง คาสเทค ก็จะเข้ารับการฉีดวัคซีน AstraZeneca ในวันศุกร์ที่ 19 มีนาคมนี้

เช่นเดียวกันกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายบอริส จอห์นสัน ที่เคยมีประสบการณ์ ติด Covid-19 ในระดับรุนแรงมาแล้ว ก็ออกมารับประกันความปลอดภัยของวัคซีน AstraZenca และพร้อมที่จะรับวัคซีนเข็มแรกในเร็วๆนี้ นายบอริส จอห์นสัน ย้ำว่า ติด Covid-19 ไม่ใช่เรื่องเล่นๆนะครับ ถ้ามีวัคซีนมาแล้ว ควรรีบมาฉีดกันดีกว่า

ทางด้านองค์การอนามัยโลกก็ได้ออกแถลงการณ์ว่า วัคซีน AstraZeneca มีความปลอดภัย และมีความเสี่ยงน้อย สามารถฉีดต่อไปได้

ส่วนทางบริษัท AstraZenca แถลงว่า ตอนนี้มีประชากรในยุโรป และอังกฤษมากถึง 17 ล้านคนได้รับวัคซีนของบริษัทเรียบร้อยแล้ว มีรายงานการเกิดลิ่มเลือดอุดตันเพียง 37 เคสที่ไม่น่าจะสัมพันธ์กับผลข้างเคียงหลังได้รับวัคซีน

AstraZenca เป็นหนึ่งในวัคซีน Covid-19 ที่ใช้อย่างแพร่หลายมากที่สุดในโลก รองจากวัคซีน Pfizer เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยอดจองวัคซีนยังคงล้นหลาม และหนึ่งในจุดมุ่งหมายของทีมพัฒนาวัคซีน AstraZeneca คือการสร้างวัคซีนที่ประชากรทุกคนบนโลกสามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ว่าจะด้วยเรื่องราคา การผลิต การขนส่งและการใช้งาน ให้เรียบง่าย และมีประสิทธิภาพสูงนั่นเอง


อ้างอิง:

https://www.bbc.com/news/world-europe-56440139

https://www.bbc.com/news/uk-56452412

https://timesofindia.indiatimes.com/world/europe/french-pm-jean-castex-says-he-plans-to-get-an-astrazeneca-covid-19-vaccine/articleshow/81539624.cms

https://www.newsweek.com/boris-johnson-jean-castex-signal-support-astrazeneca-vaccine-getting-shots-amid-controversy-1577210

'ผู้ว่าฯ ปู' วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี คืนถิ่นสมุทรสาคร คนแห่รับเนืองแน่น ด้านพ่อเมืองบอกรักและคิดถึงที่สุด สมุทรสาคร ขอเวลาพักฟื้นอีก 1 เดือนพร้อมสู้ต่อ

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ แพทย์ผู้ให้การดูแลฯ ได้เดินทางมาที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมกับ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หรือผู้ว่าฯ ปู / นางชุติพร วิจิตร์แสงศรี (ภริยา) นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสาคร และ นางสาววีราพร หรือ น้องน้ำหวาน วิจิตร์แสงศรี (บุตรสาว) เพื่อพบปะกับ นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายสุรศักดิ์ ผลยังส่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนที่มาร่วมกันต้อนรับอย่างเนืองแน่น

โดยเมื่อขบวนรถของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครมาถึงผู้ที่มาต้อนรับปรบมือส่งเสียงดีใจ ที่ท่านเดินทางกลับมาที่สมุทรสาครด้วยใบหน้าที่สดใส มีรอยยิ้มและสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น แม้จะยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดและครอบครัว โบกมือทักทายทุกคน พร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณที่ทุกคนรักและมารอต้อนรับ ก่อนที่จะเข้าห้องประชุมพันท้ายนรสิงห์ฯ เพื่อพบปะกับผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ ประมาณ 30 คน

สำหรับในห้องประชุมหลังจากที่ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล และ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ ได้เล่าให้ฟังถึงอาการท่านผู้ว่าฯ และแนวทางการรักษา ตลอดจนกำลังใจที่มีส่วนสำคัญทำให้ท่านผู้ว่าฯ ฟื้นคืนร่างกายกลับมาได้โดยเร็วแล้วนั้น ทางนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้กล่าวถึงความรู้สึกตั้งแต่เริ่มแรกที่รู้ว่าติดเชื้อโควิด -19 จนกระทั่งนอนอยู่ในโรงพยาบาลแบบไม่รู้สึกตัว 43 วัน และต้องพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาลศิริราชทั้งหมด 82 วัน

ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ตนเองได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ผ่านการเล่าเรื่องจากแพทย์ผู้ให้การดูแลรักษามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องของโรงพยาบาลสนามที่ตนมุ่งหวังและเชื่อมั่นว่าจะเป็นแนวทางในการป้องกันแก้ไขสถานการณ์โควิดให้ลุล่วงไปได้อย่างแน่นอน จนกระทั่งเมื่อตนเองรู้สึกตัวและสามารถขยับร่างกายได้แล้วนั้น ก็ได้อ่านข่าวสารต่าง ๆ เกี่ยวกับโควิดที่สมุทรสาครมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รับรู้ความเคลื่อนไหว ความมุ่งมั่นในการทำงานเพื่อแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น น้ำใจจากทุกภาคส่วนที่หลั่งไหลสู่สมุทรสาคร และความรัก ความสามัคคีของคนสมุทรสาคร ตลอดจนกำลังใจที่ส่งต่อมาให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครอย่างล้นหลาม

นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า สิ่งที่อยากจะบอกกับคนสมุทรสาครคือ “รักและคิดถึงสมุทรสาครมากที่สุด” แม้ตนเองจะไม่ใช่คนสมุทรสาคร แต่การที่ได้มาทำงานที่นี่กว่า 1 ปี ก็รักและคิดถึงที่นี่มากแม้ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านก็เสมือนบ้านของตนเอง โดยสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ เป็นบททดสอบที่สำคัญยิ่ง ซึ่งคนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในการควบคุมสถานการณ์

ทั้งนี้ตนก็เชื่อว่าการระบาดครั้งนี้จะต้องมีจุดจบ สมุทรสาครจะต้องสามารถกลับขึ้นมายืนได้อีกครั้ง ด้วยความร่วมมือของคนสมุทรสาคร ที่จะทำให้เราสามารถต่อสู้ชนะโควิดได้ในเร็ววันนี้ ส่วนตัวนั้นขอเวลาอีกประมาณ 1 เดือนในการพักฟื้นร่างกายตามคำสั่งของแพทย์ หลังจากนั้นจะกลับมาทำงานรับใช้พี่น้องชาวสมุทรสาคร

ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ยังบอกทิ้งท้ายด้วยอารมณ์แห่งความสุขและเรียกรอยยิ้มด้วยว่า ถ้าวันที่หายเป็นปกติสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีแล้ว คิดว่าจะลงพื้นที่ไหนเป็นจุดแรกนั้น คงตอบไม่ได้ เพราะทุกพื้นที่สำคัญเหมือนกันหมด หากจะระบุไปที่ใดที่หนึ่งกลัวจะทำให้พื้นที่อื่นเกิดความน้อยใจ เพราะการทำงานเลือกพื้นที่ไม่ได้ คงต้องดูความเหมาะสมหรือความจำเป็นในขณะนั้น อีกอย่างหนึ่งคือ บอกไม่ได้ตอนนี้ เพราะกลัวภริยาจะรู้ ห้ามไม่ให้ไปทำงาน

ทั้งนี้หลังจากที่ใช้เวลาในห้องประชุมประมาณ 1 ชั่วโมง เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ได้มีการรับประทานอาหารร่วมกันเป็นมื้อแรกที่สมุทรสาคร โดยมีเมนูโปรดของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครคือ ข้าวผัดปู ต้มส้มปลากระบอก ปลาหมึกผัดกะปิ กุ้งซอสมะขาม ลอดช่องวัดเจษ และลำไยพวงทอง ส่วนการรับประทานอาหารนั้นก็จัดเป็นเซ็ตสำหรับแต่ละท่าน มีการเว้นระยะห่างตามมาตรการ New Normal


ที่มา: https://www.komchadluek.net/news/local/461546

(เปียงยาง) เกาหลีเหนือประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับมาเลเซีย หลังกัวลาลัมเปอร์ ส่งตัวพลเมืองชาวเกาหลีเหนือรายหนึ่งในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ จากคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศที่เผยแพร่โดยสื่อมวลชนแห่งรัฐเคซีเอ็นเอ

"เมื่อวันที่ 17 มีนาคม เจ้าหน้าที่มาเลเซียก่ออาชญากรรมที่อภัยให้ไม่ได้ บังคับส่งตัวพลเมืองผู้บริสุทธิ์ (ของเกาหลีเหนือ) ไปยังสหรัฐฯ" ถ้อยแถลงระบุกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือระบุ

ถ้อยแถลงระบุต่อว่าด้วยเหตุนี้ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ ขอประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตโดยสิ้นเชิงกับมาเลเซีย พร้อมกล่าวประณามสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "พฤติกรรมที่เป็นศัตรู" ที่กระทำกับเปียงยาง โดยโอนอ่อนต่อแรงกดดันจากสหรัฐฯ

ในถ้อยแถลงให้คำจำกัดความบุคคลซึ่งไม่ระบุชื่อรายดังกล่าว ว่าเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการค้านอกประเทศอย่างถูกกฎหมายในสิงคโปร์ พร้อมยืนยันว่าข้อกล่าวหาที่ว่าเขาพัวพันกับการฟอกเงินผิดกฎหมายนั้นเป็นเพียงข้อกล่าวหาที่อุปโลกน์ขึ้นมา

โดยเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ชายชายเกาหลีเหนือนามว่า มุน โชล มยอง ถูกตีตกคำอุทธรณ์สุดท้ายในศาลสูงสุดของมาเลเซีย ในการคัดค้านการถูกส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ เพื่อเผชิญข้อกล่าวหาฟอกเงิน

มุน ซึ่งพักอาศัยอยู่ในมาเลเซียกับครอบครัวมานานกว่า 1 ทศวรรษ ถูกจับกุมในปี 2019 ตามหลังมีคำร้องขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาจากสหรัฐฯ

ระหว่างขึ้นให้การกับศาล เขาปฏิเสธคำกล่าวอ้างของเอฟบีไอ ที่กล่าวหาว่าเขาเป็นแกนนำแก๊งอาญากรรมกลุ่มหนึ่ง ซึ่งละเมิดมาตรการคว่ำบาตร ด้วยการจัดหารายการต้องห้ามแก่เกาหลีเหนือ และฟอกเงินผ่านบริษัทต่าง ๆ ซึ่งตั้งขึ้นมาบังหน้า

ทนายความเปิดเผว่าเขาเผชิญข้อกล่าวหาฟอกเงิน 4 กระทงและสมคบคิดฟอกเงิน 2 กระทง โดยข้อกล่าวหาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการงานของเขาในสิงคโปร์

ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า มุน ถูกกล่าวหาจัดหาสินค้าประเภทไหน แต่ที่ผ่านมาเคยมีกรณีที่บรรดานักธุรกิจในสิงคโปร์ ส่งข้าวของหรูๆ อย่างสุราและนาฬิกาไปยังเกาหลีเหนือ

การส่งออกสินค้าหรูบางรายการไปยังเกาหลีเหนือถูกห้าม ส่วนหนึ่งในมาตรการคว่ำบาตรอันกว้างขวางที่สหประชาชาติและประเทศอื่นๆกำหนดเล่นงานเปียงยาง ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ โดยมีจุดมุ่งหมายสกัดโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ


ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=3989816011079514&id=119425428118611

WHO ออกแถลงการณ์ แนะนำประเทศต่าง ๆ ใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ฉีดให้ประชาชนต่อไป ชี้ประโยชน์ที่ได้รับ มีมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (17 มี.ค.) ระบุว่า ประเทศต่างๆควรใช้วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าต่อไป ในระหว่างที่คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของ WHO ยังคงทำการพิจารณาทบทวนความปลอดภัยของวัคซีนดังกล่าว หลังมีรายงานการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนบางราย

“การฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ไม่ได้ช่วยลดอาการป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคอื่น โดยอาการลิ่มเลือดอุดตันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อย และอาการลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำนับเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจที่พบเห็นมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ทั่วโลก”

WHO ระบุว่า แม้เป็นเรื่องปกติที่ประเทศต่าง ๆ จะทำการแจ้งเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เกิดจากการฉีดวัคซีน แต่สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่ามีความเชื่อมโยงโดยตรงกับการฉีดวัคซีน อย่างไรก็ดี ถือเป็นเรื่องดีที่จะมีการสืบค้นในเรื่องนี้ และสิ่งนี้แสดงว่าระบบการเฝ้าระวังยังคงใช้การได้ ขณะที่ระบบการควบคุมยังคงมีประสิทธิภาพ

WHO แถลงว่า จะทำการเปิดเผยผลการสืบค้นต่อสาธารณะโดยเร็วที่สุด ทันทีที่คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของ WHO เสร็จสิ้นการพิจารณาทบทวนความปลอดภัยของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งขณะนี้ WHO มองว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มีมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และ WHO ขอแนะนำให้ประเทศต่าง ๆ ยังคงใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าต่อไป

ขณะนี้ หลายประเทศในยุโรปต่างพากันระงับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า หลังมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากอาการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ และบางรายมีอาการลิ่มเลือดอุดตันในปอดหลังได้รับวัคซีน

รัฐบาลญี่ปุ่นผวาข้อมูลรั่ว สั่งตรวจสอบ แอปพลิเคชัน ‘Line’ หลังสื่อชี้ยอมให้วิศวกรจีนเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งาน ขณะที่บริษัทฯ ออกแถลงการณ์ ยืนยัน ยังไม่มีการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานอย่างไม่เหมาะสมเกิดขึ้นแต่อย่างใด

รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า จะดำเนินการสอบสวนแอปพลิเคชันไลน์ (Line) ของซี โฮลดิ้งส์ คอร์ป ซึ่งอยู่ในเครือของซอฟต์แบงก์ คอร์ปของญี่ปุ่น หลังจากสื่อญี่ปุ่นรายงานว่า Line ได้ปล่อยให้วิศวกรชาวจีนที่เซี่ยงไฮ้เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานชาวญี่ปุ่นโดยไม่ได้แจ้งให้ผู้ใช้ทราบ

สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคและสื่อญี่ปุ่นรายอื่น ๆ รายงานก่อนหน้านี้ว่า ภายใต้กฎหมายความเป็นส่วนตัวของญี่ปุ่นนั้น บริษัทต่างๆ ต้องแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเมื่อข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ถูกส่งไปยังต่างประเทศ

“ตอนนี้เรายังบอกไม่ได้ว่า Line ละเมิดกฎระเบียบหรือไม่ และเราจะทำการสอบสวนเพื่อหาความจริง” เจ้าหน้าที่รัฐบาลผู้รับผิดชอบกฎหมายความเป็นส่วนตัวกล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ พร้อมเสริมว่า ถ้าหากพบว่า Line กระทำผิดจริง ทางสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นสามารถสั่งให้ทางบริษัทดำเนินการแก้ไขปรับปรุงได้

ด้านโฆษกของ Line ระบุว่า “ไม่มีเหตุการณ์ใดที่เป็นการละเมิดกฎหมายหรือกฎระเบียบต่าง ๆ เราจะยังคงปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบในทุกประเทศ รวมถึงในญี่ปุ่นด้วย”

แถลงการณ์ทางเว็บไซต์ของ Line ในเวลาต่อมามีใจความว่า ทางบริษัทขออภัยที่ทำให้เกิดความกังวล และไม่ได้อธิบายอย่างเพียงพอเพื่อให้ผู้ใช้ทราบถึงนโยบายเกี่ยวกับการจัดการข้อมูลของบริษัท และระบุเพิ่มเติมว่า ยังไม่มีการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานอย่างไม่เหมาะสมเกิดขึ้นแต่อย่างใด


ที่มา : https://www.infoquest.co.th/2021/71886

โรงงานผลิตเสื้อผ้าของ Uniqlo แบรนด์ดังของญี่ปุ่น ในพม่า 2 แห่งถูกไฟไหม้หลังเกิดเหตุจลาจลในเมืองย่างกุ้ง หลังจากที่มีการลอบวางเพลิงโรงงานเย็บผ้าของผู้ประกอบการชาวจีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

โรงงานดังกล่าวอยู่ภายใต้การดูแลของ Fast Retailing ผู้ผลิตเสื้อผ้าหลายแบรนด์ดังของญี่ปุ่น ได้แก่ Uniqlo GU ที่เพิ่งขยายโรงงานผลิตเสื้อผ้าในพม่าถึง 6 แห่ง เพื่อเป็นฐานการผลิตหลักให้กับโรงงานแม่ในญี่ปุ่น

แถมในจำนวนนั้นเป็นโรงงานที่ตั้งอยู่ในเมืองย่างกุ้งถึง 5 แห่ง หนึ่งในจุดศูนย์กลางของการประท้วงที่รุนแรงที่สุดในพม่า ที่ตอนนี้รัฐบาลทหารพม่าได้ประกาศกฎอัยการศึกครอบคลุมในหลายเขตของเมือง

แต่แล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทางบริษัทที่ญี่ปุ่นได้ออกมาแถลงข่าวยืนยันว่าโรงงานผลิตเสื้อของ Uniqlo ได้ถูกมือมืดลอบวางเพลิงถึง 2 แห่งในช่วงวันอาทิตย์ที่เกิดการจลาจล และกล่าวว่าโรงงานถูกระบุเป็นเป้าหมายในการโจมตี และตอนนี้กำลังประเมินมูลค่าความเสียหาย แต่ยังโชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตในโรงงาน

ในพม่าเริ่มมีผู้ประกอบการจากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุน สร้างโรงงานผลิตสินค้าในพม่ามากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะผู้ผลิตแบรนด์ Uniqlo ตั้งใจจะใช้พม่าเป็นฐานการผลิตสินค้าหลักส่งออกไปทั่วโลก

แต่จากเหตุการณ์ความไม่สงบ ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ การปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วง และเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างดุเดือด ที่ตอนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 180 คน เหตุจลาจล เผาทำลายโรงงาน ทรัพย์สินมีอยู่ทั่วไปและยากจะควบคุม จน ทาง Uniqlo กำลังพิจารณาที่ถอนฐานการผลิตออกจากพม่าไปประเทศอื่นแทนเพื่อความปลอดภัย

ไม่ใช่เพียงแค่โรงงานของจีน และญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบเต็มๆจากเหตุจลาจลวางเพลิง ตอนนี้โรงงานผลิตเสื้อผ้าแบรนด์ใหญ่อย่าง H&M ที่มีโรงงานในพม่าถึง 40 แห่ง และอีกหลายเจ้าจำเป็นต้องปิดโรงงานชั่วคราวแล้วในตอนนี้

และหากสถานการณ์บ้านเมืองในพม่ายังคงมีความรุนแรง และยืดเยื้อ นักลงทุนต่างชาติจึงเริ่มคิดจะยุติการดำเนินธุรกิจในพม่า และย้ายฐานออกไป ซึ่งไม่เป็นผลดีกับเศรษฐกิจพม่า ที่พึ่งพารายได้จากการส่งออกจากอุตสาหกรรมสิ่งทอ และการผลิตเสื้อผ้า

อุตสาหกรรมผลิตเสื้อผ้า และสิ่งทอของพม่าเติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังจากที่พม่าเริ่มเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลทหารสู่รัฐบาลพลเรือนตามครรลองประชาธิปไตยตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา ด้วยข้อได้เปรียบด้านค่าแรง และบรรยากาศทางการเมืองที่เริ่มกลับมาดีขึ้น เป็นสิ่งจูงใจให้ผู้ประกอบการแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำของโลกนำเม็ดเงินมาลงทุนตั้งโรงงานในพม่ากันมากขึ้น จนอุตสาหกรรมนี้กลายเป็นหนึ่งเสาหลักของเศรษฐกิจพม่า

ดังนั้นการลุกฮือของชาวพม่า และสถานการณ์ที่บานปลายก็จะส่งผลต่อการลงทุนของต่างชาติที่เริ่มพิจารณาย้ายฐานลงทุนไปประเทศอื่นที่มีข้อได้เปรียบด้านค่าแรงเหมือนกัน เช่น บังคลาเทศ เวียดนาม อินโดนิเซีย หรือ จีน ที่จะส่งผลเสียต่อการเติบโตของเศรษฐกิจพม่าไปอีกยาว


อ้างอิง :

https://asia.nikkei.com/Spotlight/Myanmar-Coup/Uniqlo-parent-latest-victim-in-Myanmar-garment-sector-violence?fbclid=IwAR3soA0LGFO_RUizpRTa8nj_yG6gDxFUexV03GeiLS7H0nswAy8xLwQL6CU

https://www.japantimes.co.jp/news/2021/03/16/business/corporate-business/myanmar-fast-retailing-fire/


By : Jeans Aroonrat

แฟนคลับ เฮ! “เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย” ยอมใจอ่อนเปิดอินสตาแกรมแล้ว ใต้ชื่อแอคเคาท์ @birdthongchaiofficial แถมเปิดใช้แปปเดียวยอดฟอลโล่เพียบ!

เรียกได้ว่า ไม่มีใครไม่รู้จักนักร้อง นักแสดงมากฝีมือคนนี้กับ “เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย” ที่ฝากผลงานฮิตไว้มากมาย ซึ่งล่าสุด ก็มีข่าวดีหลังจากมีการเรียกร้องจากเหล่าแฟนหลับกันมายาวนาน

เพราะว่า “ป๋าเบิร์ด” ได้เปิดช่องทางให้ติดตามอัพเดตชีวิต ผ่านแอคเคาท์อินสตาแกรม ให้พี่ น้อง แฟนคลับ ได้ติดตามกันแล้ว โดยใช้ชื่อแอคเคาท์ว่า “@birdthongchaiofficial”

แน่นอนว่าคนดังระดับนี้ยอมใจอ่อนเปิดแอคเคาท์อินสตาแกรม ทั้งทีผู้คนก็ต่างให้ควาามสนใจเหล่าแฟนคลับก็แห่กันไปกดฟอลโล่กับพรึ่บ เพียงในเวลาแค่ไม่กี่ชั่ว เรียกได้ว่าวันเวลาลาทำอะไรไม่ได้กับความดัง ของ ป๋าเบิร์ด คนนี้เลยนะเนี่ยย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top