Sunday, 16 March 2025
NEWS FEED

ครม. จัดงบ 311 ล้าน ป้องกันโควิดในเรือนจำทั่วประเทศ

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม. อนุมัติกรอบวงเงิน 311,650,300 บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขและป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ จำนวน 5 รายการ ประกอบด้วย

1.) ค่าชุดตรวจไวรัสโควิด-19 แบบ RT PCR จำนวน 100,000 ชุดเป็นเงิน 80 ล้านบาท

2.) ค่าก่อสร้างโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยวิกฤติในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จำนวน 2 แห่งเป็นเงิน 51,967,200 บาท 

3.) ค่าก่อสร้างโรงพยาบาลสนามประจำเขตกลุ่มเรือนจำและทัณฑสถาน จำนวน 10 แห่ง เป็นเงิน 92,680,000 บาท

4.) ค่าก่อสร้างและปรับปรุงห้องกักกันโรคประจำเรือนจำและทัณฑสถานจำนวน 65 แห่ง เป็นเงิน 49,835,500 บาท และ 5.ค่าวัสดุ อุปกรณ์ป้องกันโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน เป็นเงิน 37,167,600 บาท

สำหรับการจัดหายาฟาวิพิราเวียสำหรับผู้ติดเชื้อนั้น ให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการตามแนวปฏิบัติโดยขอรับการสนับสนุนยาจากกระทรวงสาธารณสุขโดยตรงและเร่งด่วน

“หลังเกิดปัญหาการติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานหลายแห่ง จึงจำเป็นต้องก่อสร้างปรับปรุงสถานที่ พร้อมจัดหาวัสดุอุปกรณ์เพื่อแก้ไขและป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถานทั่วประเทศ นายกรัฐมนตรีจึงได้มีบัญชาเห็นชอบให้ ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 โดยให้กรมราชทัณฑ์เร่งจัดทำแผนปฏิบัติการและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมด้วย”

รถพุ่มพวงทหารมาแล้ว..!!! “บชร.3” นำผลผลิตทหารพันธ์ุดี ใส่รถกระบะแจกจ่ายช่วยเหลือปชช. เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากโควิด-19

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดในขณะนี้ ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก กองทัพภาคที่ 3 และกองบัญชาการช่วยรบที่ 3 มีความห่วงใยตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชน

พล.ต.กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ ผู้บัญชาการ กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ นำผลผลิตที่ได้จากโครงการทหารพันธุ์ดี อาทิ ข้าวสาร ไข่ไก่ และพืชผักชนิดต่าง ๆ สิ่งของที่จำเป็นในการอุปโภคบริโภคไปแจกจ่ายแก่ประชาชน ที่ประสบความเดือดร้อนจากการขาดรายได้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์เชิญชวนสร้างการรับรู้แนะนำพี่น้องประชาชน ลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการปฏิบัติในชีวิตประจำวันในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาล

ทั้งนี้ทางหน่วยได้รับความร่วมมือจากหน่วยขึ้นตรง กองบัญชาการช่วยรบที่ 3 โดยจัดกำลังพลและยานพาหนะ หน่วยละ 1 คัน รวมทั้งสิ้น 6 คัน และผลผลิตที่ได้จากโครงการทหารพันธุ์ดีของหน่วย ร่วมกับสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็น ตามศักยภาพของหน่วย และได้รับการสนับสนุนข้าวสาร และหน้ากากอนามัยจากกองทัพภาคที่ 3 พื้นที่เป้าหมายในการแจกจ่าย ในชุมชนกัลยานมิตร หมู่ที่ 3 หมู่ที่ 8 และหมู่ที่ 9 บ้านโคกมะตูม ชุมชนมหาจักรพรรดิ และชุมชนวัดหนองบัว ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมชนรอบค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ

รัฐบาลเดินหน้าจัดระบบหลักประกันสุขภาพ ผู้ต้องขังที่มีปัญหาทางสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำ

เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (25 พ.ค. 2564) ว่า ครม.อนุมัติหลักการนโยบายการจัดระบบหลักประกันสุขภาพสำหรับผู้ต้องขังที่มีปัญหาทางสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำ และให้จัดสรรงบเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายการเข้าถึงบริการสุขภาพให้เทียบเท่ากับผู้สิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็นการดูแลผู้ต้องขังที่มีปัญหาสถานะบุคคลและต่างด้าวในเรือนจำ ประมาณ 16,000 คน เช่น ผู้ต้องขังสัญชาติอื่น บุคคลที่ไม่มีเอกสารหลักฐานการยืนยันตัวตนใด ๆ  บุคคลต่างด้าว เป็นต้น ที่ผ่านมา ผู้ต้องขังกลุ่มนี้ไม่มีสิทธิในการเข้าถึงระบบหลักประกันสุขภาพ เมื่อเจ็บป่วยจนเกินศักยภาพการรักษาของสถานพยาบาลเรือนจำ จึงต้องส่งตัวไปรับการรักษานอกเรือนจำ ทำให้โรงพยาบาลในพื้นที่ต้องเป็นผู้รับภาระค่ารักษาพยาบาล โดยในปี 2563 มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจำนวน 13.71 ล้านบาท จากเรือนจำและทัณฑสถาน จำนวน 127 แห่ง

สำหรับการบริหารจัดการระบบหลักประกันสุขภาพ ที่ประชุม ครม. ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้ดำเนินการใน 2 ระยะ คือ

1.) ระยะสั้น ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ตั้งงบประมาณเป็นการเฉพาะในเรื่องนี้ โดยขอรับการจัดสรรงบประมาณจำนวน 13.71 ล้านบาท

2.) ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นผู้ดูแลจัดระบบริการและระบบประกันสุขภาพสำหรับผู้ต้องขัง และในกรณีที่มีกฎหมายที่เป็นอุปสรรคกับการดำเนินงาน ให้ สปสช. ไปศึกษาและดำเนินการแก้ไขให้สามารถดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

ลุงป้อม ร่วมปลูกต้นไม้ เนื่องใน "วันวิสาขบูชา : วันต้นไม้ประจําปีของชาติ 2564" เชิญชวนคนไทยร่วมใจ ทั่วแผ่นดิน 1 คน 1 ต้นกล้า ปลูกเพิ่มผืนป่า เพื่อลูกหลานไทย

เมื่อ 26 พฤษภาคม 2564 พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษกประจำ รอง นรม. เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 09.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนรม. ได้ร่วมกิจกรรม เนื่องใน "วันต้นไม้ประจำปีของชาติ 2564"  โดยได้ทำการปลูก "ต้นสัก" จำนวน 1 ต้น บริเวณพื้นที่ มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด สืบเนื่องจาก เมื่อ 31 ม.ค. 32 ครม.ได้มีมติกำหนดให้ วันวิสาขบูชาของทุกปี เป็น "วันต้นไม้ประจำปีของชาติ" โดยกรมป่าไม้ ได้จัดกิจกรรมและเชิญชวนให้คนไทยทุกคน ร่วมกันปลูกต้นไม้ อย่างน้อยคนละ 1 ต้น เป็นประจำทุกปี ซึ่งปีนี้ตรงกับ วันพุธที่ 26 พ.ค. 64 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเพิ่มผืนป่า และป้องกันไฟป่า รวมทั้งการแก้ปัญหาภัยแล้ง และการเสื่อมสภาพของป่า โดยเฉพาะในพื้นที่เขาสูงชัน เพื่อเป็นการฟื้นฟูป่าต้นน้ำให้กลับคืนความอุดมสมบูรณ์ ตามนโยบายของรัฐบาลในการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ของประเทศ ที่กำหนดให้มีพื้นที่สีเขียว ร้อยละ 55 ของประเทศ ซึ่งในพื้นที่เป้าหมายที่วางไว้ มีจำนวน 2.68 ล้านไร่ ในระยะเวลา 8 ปี (2563-2570)

พร้อมกันนี้  พล.อ.ประวิตร ได้เชิญชวนคนไทย ทั่วประเทศ ร่วมกันปลูกต้นไม้ 1 คน 1 ต้นกล้า เพื่อเพิ่มผืนป่า ให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และส่งต่อให้กับลูกหลานคนไทย ในอนาคต สืบต่อไป 

ทั้งนี้ ทส.โดยกรมป่าไม้ ได้ จัดเตรียมกล้าไม้ จากหน่วยงานเพาะชำกล้าไม้สังกัด กรมป่าไม้ ทั่วประเทศ ไว้บริการให้กับประชาชนแล้ว สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร.02-5614292-3 ต่อ 5551

สำนักข่าวเอเอ็นไอรายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของแพทย์ประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐอุตตรประเทศของอินเดีย ท่ามกลางรายงานข่าวว่าโรคใหม่นี้อันตรายกว่าเชื้อราสีดำ

คนไข้รายหนึ่งซึ่งกำลังฟื้นตัวจากโควิด-19 ถูกพบมีอาการต่าง ๆ ของ ‘เชื้อราสีเหลือง’ สำนักข่าวเอเอ็นไอรายงานอ้างคำสัมภาษณ์ของแพทย์ประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐอุตตรประเทศของอินเดีย ท่ามกลางรายงานข่าวว่าโรคใหม่นี้อันตรายกว่าเชื้อราสีดำ

นายแพทย์บีพี เตียจี แพทย์ด้านโสต ศอ นาสิกวิทยาในเมืองกาเซียบัด รัฐอุตตรประเทศ ระบุว่า เคสเชื้อราสีเหลืองที่พบในชายวัย 45 ปี นับเป็นเคสแรกในคนไข้ที่กำลังฟื้นตัวจากโควิด-19 ที่รักษาตัวจากการติดเชื้อโควิด-19 นานนับเดือน อย่างไรก็ตามอาการของผู้ป่วยรายดังกล่าวทรุดลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ดังนั้นเขาจึงเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและจากการตรวจร่างกายพบ ‘เชื้อราสีเหลือง’

แพทย์รายนี้ กล่าวว่า ‘เชื้อราสีเหลือง’ อาจเป็นโรคร้ายแรงถึงตายที่มีต้นเหตุจากสภาพสุขอนามัยที่ย่ำแย่และความชื้น มันมีความอันตรายมากกว่าเชื้อราสีดำหรือเชื้อราสีขาวที่พบก่อนหน้านี้ เนื่องจากเป็นเรื่องยากที่จะวินิจฉัยโรค เพราะจุดเริ่มต้นเกิดจากภายในร่างกาย ส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายใน ผิดกับเชื้อราสีดำที่เริ่มต้นจากอาการพิการบนใบหน้าอย่างชัดเจน ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย

อาการต่าง ๆ ของเชื้อราสีเหลือง มีทั้งเซื่องซึม ไม่อยากอาหาร น้ำหนักลด และในเคสรุนแรง โรคนี้อาจทำให้อวัยวะทำงานผิดปกติ ทั้งนี้แพทย์บอกด้วยว่าคนไข้รายนี้เคยมีอาการของเชื้อราสีดำและเชื้อราสีขาว ซึ่งเป็นอาการแทรกซ้อนจากการติดเชื้อโควิด-19 เช่นกัน

การค้นพบล่าสุดนี้มีขึ้นในขณะที่เคสเชื้อราสีดำหรือมิวคอร์ไมโคซิส (mucormycosis) และเชื้อราสีชาว ถูกพบเพิ่มขึ้นในหมู่คนไข้โควิด-19 ในอินเดีย หลายรัฐประกาศให้มันเป็นโรคระบาด

เชื้อราทั้ง 2 ชนิด มีรายงานพบในคนไข้ที่ใช้เครื่องช่วยหายใจมาเป็นเวลานาน หรือผู้ป่วยที่ใช้ยาสเตียรอยด์ส่วนหนึ่งในการรักษาอาการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งเชื้อราสีดำและเชื้อราสีขาวส่งผลกระทบกับปลอดและอวัยวะสำคัญอื่น ๆ และสามารถก่ออันตรายร้ายแรง

อย่างไรก็ตาม เอ็นเค คุปตา หัวหน้าเจ้าหน้าที่แพทย์ของกาเซียบัด ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอ็นดีทีวีของอินเดียว่า ยังไม่ได้รับแจ้งเคสใด ๆ ของเชื้อราสีเหลือง

นอกจากนี้แล้วเอ็นดีทีวียังอ้างคำสัมภาษณ์ของนายแพทย์รันดีป กูเลเรีย อายุรแพทย์โรคระบบหายใจและผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ออลอินเดียในนิว เดลี เตือนเช่นกันว่า การตั้งเชื่อการติดเชื้อราบนพื้นฐานของสีและพื้นที่ที่มันส่งผลกระทบ อาจนำมาซึ่งความเข้าใจผิด ๆ และก่อความสับสน

“โดยทั่วไป รูปแบบของเชื้อราที่เราพบเห็นส่วนใหญ่คือมิวคอร์ไมโคซิส แคนดิดา(Candida) และแอสเปอร์จิลโลซิส (Aspergillosis) โดยมิวคอร์ไมโคซิสถูกพบมากกว่าในเคสผู้ติดเชื้อโควิดที่ใช้ยาสเตียรอยด์และเป็นโรคเบาหวาน พวกมันถูกพบในจมูก ไซนัสและบางทีอาจเข้าสู่สมอง”

เชื้อราแคนดิดา ซึ่งเกี่ยวข้องกับเชื้อราสีขาว พบในคนไข้ที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เป็นจุดต่างสีขาวในช่องปากและบางทีอาจแพร่กระจายสู่เลือด ส่วนที่พบเห็นโดยทั่วไปน้อยที่สุดคือเชื้อราแอสเปอร์จิลโลซิส ซึ่งส่งผลกระทบกับปอดและบางทีอาจก่ออาการแพ้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุและอาการต่างๆของเชื้อราสีเหลือง

 

ที่มา : รัสเซียทูเดย์

https://mgronline.com/around/detail/9640000050629


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

เราไม่ทิ้งกัน!! 'กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย' ร่วมด้วยช่วยเพชรบุรี มอบเงินสนับสนุนโรงพยาบาลสนามจังหวัดเพชรบุรี 2 แสนบาท 'ชาวเพชรฯ' ขอบคุณรัฐบาลส่งวัคซีนล็อตแรกถึงเพชรบุรีแล้ว 'รมช.สาธิต' ยืนยันสธ. จะเร่งส่งวัคซีนล็อต 2 เพิ่มให้โดยเร็ว

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยว่า... 

กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัยโดย ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ได้มอบหมายตน นายอภิชาติ สุภาแพ่ง ที่ปรึกษารมช.พาณิชย์ นายอรรถพร พลบุตร คณะที่ปรึกษารมช.สาธารณสุข และดร.กัมพล สุภาแพ่ง คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ เป็นตัวแทนมอบเงินจำนวน 2 แสนบาทสนับสนุนจังหวัดเพชรบุรีสู้ภัยโควิด โดยเฉพาะโรงพยาบาลสนามที่จัดตั้งขึ้นหลายแห่งในจังหวัดเพชรบุรี เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิดโดยมีนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะเป็นผู้รับมอบที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด

นายอรรถพร พลบุตร ที่ปรึกษารมช.สาธารณสุขกล่าวว่า ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ.แจ้งมาล่าสุดว่าได้ส่งวัคซีนล็อตแรกมาให้จังหวัดเพชรบุรีแล้วและจะส่งวัคซีนล็อตต่อไปให้กับเพชรบุรีโดยเร็วจึงขอขอบคุณท่านรัฐมนตรีสาธิตและรัฐบาลแทนพี่น้องชาวจังหวัดเพชรบุรี

เนื่องจากขณะนี้จังหวัดเพชรบุรีมียอดผู้ติดเชื้อโควิดจากคลัสเตอร์โรงงานแคลคอมพ์ในอำเภอเขาย้อยสูงเป็นลำดับต้นของประเทศและหวังว่ารัฐบาลจะเร่งส่งวัคซีนมาเพิ่มให้เพชรบุรีเพื่อระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิดโดยด่วนที่สุด

โดยก่อนหน้านี้ได้ช่วยจังหวัดเพชรบุรีประสานกระทรวงสาธารณสุขผ่านดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะมองว่าการระดมฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงจึงจะสามารถจัดการภัยโควิดในจังหวัดเพชรบุรีได้สำเร็จ

ดร.กัมพล สุภาแพ่ง คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ กล่าวว่า ขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องชาวเพชรบุรีทุกคนและช่วยกันลงทะเบียนเพื่อรับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด วัคซีคทุกชนิดผ่านการรับรองจากอย.

ขณะที่ด้านนายอภิชาติ สุภาแพ่ง ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยพาณิชย์กล่าวเสริมว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องเพชรบุรีและมอบหมายตนดูแลช่วยเหลือผู้ประกอบการค้าพาณิชย์ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด

ก่อนหน้านี้กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัยได้มอบเงินสนับสนุนจังหวัดในภาคตะวันออกภาคเหนือภาคใต้และภาคกลางสู้ภัยโควิดได้แก่จังหวัดจันทบุรี จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดเพชรบุรีโดยสัปดาห์ต่อไปจะมอบให้กับภาคตะวันตกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดอุบลราชธานีตามลำดับ

วัคซีนแต่ละชนิดเป็นยังไง…สรุปให้แล้ว

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา สรุปวัคซีนแต่ละชนิดให้เข้าใจง่าย ๆ ทำความเข้าใจก่อนไปฉีด


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit
LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

'จีน' ฉีด 2 วัคซีนหลัก ให้ปชช. ยันใช้ทั้ง Sinopharm - Sinovac

รองศาสตราจารย์ ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ไขข้อข้องใจว่าประเทศจีนฉีดวัคซีนอะไรกันแน่ โดยระบุว่า ทางการจีนใช้วัคซีน 2 ยี่ห้อหลัก นั่นคือ Sinopharm และ Sinovac ฉีดให้ปวงชนชาวจีน ซึ่งจะเลือกยี่ห้อไม่ได้ และตอนนี้จีนระดมฉีดไปแล้ว 497.27 ล้านโดส !!

“คุณหมอชื่อดัง ศาสตราจารย์จง หนานซาน ท่านได้รับการฉีดวัคซีนยี่ห้อ Sinovac นะคะ แล้วผลการพิจารณารับรอง Sinovac ของ WHO ก็ coming soon”

สำหรับ Sinopharm อีกยี่ห้อดังของจีนก็แว่วมาว่า กำลังยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนกับ อย.ไทยแล้ว มีคนไทยถามหา Sinopharm กันเยอะ

สื่อจีน มีบทบาทสำคัญในการสร้างความมั่นใจให้คนจีนเข้ารับการฉีดวัคซีน จนทำสถิติมากที่สุดในโลกด้วยนะคะ ‘สังคมไร้ดราม่าพาชาติวิ่งฉิว’

ถ้าสนใจเบื้องหลังวัคซีนแดนมังกร ไขคำตอบคนจีนฉีด Sinopharm หรือ Sinovac กันแน่ !! อ่านบทสัมภาษณ์ดร.อักษรศรี พานิชสาส์น โดยไทยรัฐออนไลน์ ได้ที่นี่ค่ะ

https://www.thairath.co.th/scoop/theissue/2092617

 

ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10223327903319301&id=1037140385


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

ไต้หวันเร่งนำเข้าวัคซีนเพิ่มหลังเกิดระบาดใหม่ 28 พ.ค. พร้อมฉีด

แม้ไต้หวันถือเป็นอีกประเทศที่ถูกยกให้เป็นผู้ที่รับมือไวรัสโควิดได้ดีอย่างมากประเทศหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม การระบาดของโควิดระลอกใหม่ ทำให้ประชาชนเริ่มวิตก

ถึงกระนั้นทางรัฐบาลไต้หวัน ก็ได้เร่งประกาศใช้มาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 ที่เข้มงวดที่สุดนับตั้งแต่เคยเกิดการระบาดในไต้หวัน โดยได้สั่งปิดโรงภาพยนตร์ สถานบันเทิงในไต้หวัน จนถึง 28 พฤษภาคม รวมทั้งสั่งห้ามประชาชนรวมกลุ่มกันเกิน 5 คนในที่ร่ม และกลางแจ้ง ห้ามรวมกลุ่มกันเกิน 10 คน ซึ่งจากมาตรการคุมเข้มป้องกันโควิด-19

ทว่าปัญหาหนึ่งที่ยังต้องน่ากังวลต่อไป คือ เรื่องวัคซีนที่ไม่เพียง เนื่องจากความสำเร็จที่สามารถป้องกันการระบาดของโควิดที่ผ่านมาของไต้หวันนั้น มีส่วนทำให้รัฐบาลไต้หวันเพิ่งได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งเป็นของ AstraZeneca มาสต๊อกสำรองไว้เพียงแค่ 300,000 โดส และขณะนี้กำลังจะหมดลงแล้ว ขณะที่เพิ่งฉีดให้แก่ประชาชนได้เพียงประมาณ 1% เท่านั้น ของจำนวนประชากรในไต้หวัน 23 ล้านคน

อย่าวไรก็ตาม เมื่อวัคซีน คือทางรอดที่ดีที่สุดทางรัฐบาลไต้หวัน จึงเร่งจัดการปัญหานี้ โดยเฟซบุ๊ก หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว Taiwantopics.com ได้โพสต์ข้อความอัปเดตเกี่ยวกับสถานการณ์วัคซีนในไต้หวันว่า...

ข่าวดี!! วัคซีน AstraZeneca ที่มาถึงเมื่อสัปดาห์ก่อนราว 4 แสนกว่าโดส จะเริ่มแจกจ่ายให้แต่ละเขต ในวันที่ 27 พ.ค.นี้

ข่าวล่าสุดเมื่อชั่วโมงที่แล้ว มีข่าวออกมาว่า วัคซีน AstraZeneca ที่มาถึงเมื่อสัปดาห์ก่อน จะแจกจ่ายให่แก่แพทย์พยายาลและผู้ทำงานด่านหน้าก่อน โดยเริ่มแจกจ่ายแต่ละพื้นที่ในวันที่ 27 เดือน 5 นี้ และคาดว่า 28 นี้ (พฤหัส) จะได้เริ่มฉีดกัน

ส่วนหลายคนถามมาว่าบุคคลทั่วไปได้ฉีดเมื่อไหร่ อันนี้ต้องรอรัฐบาลประกาศอีกทีว่ามีโควต้าเปิดให้ลงทะเบียนเมื่อไร

วัคซีนที่ไต้หวันผลิตเองเดิมคาดไว้ว่าปลายเดือนกรกฎาคมนี้จะสามารถออกมาได้ใช้กัน รอตามข่าวอีกที ถ้าสำเร็จจะมีวัคซีนอีกเยอะเลย

ก็เป็นอีกเรื่องเบาใจของประชาชนในไต้หวัน ที่รัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนมาให้แบบทันใจ ส่วนจะครอบคลุมประชากรทั้งหมดแค่ไหน คงต้องตามต่อเป็นระยะ ๆ

 

ที่มา: https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=434835221333312&id=100044205139631

https://www.thairath.co.th/news/foreign/2094502

https://www.google.com.tw/amp/s/www.cna.com.tw/amp/news/firstnews/202105255003.aspx


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32

‘ยุโรป’ ทยอยคลายล็อกดาวน์ หลายประเทศเริ่มรับนักท่องเที่ยว

25 พฤษภาคม 2564 สำนักข่าวซินหัว รายงาน ยุโรปกำลังกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างระมัดระวังและเสถียร โดยหลายประเทศยุโรปทยอยยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์สำหรับป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ล่วงหน้า ก่อนจะถึงฤดูกาลท่องเที่ยว ที่หลายฝ่ายเฝ้ารออย่างใจจดจ่อ

หลายประเทศอนุญาตให้โรงภาพยนตร์และพิพิธภัณฑ์กลับมาเปิดให้บริการได้ นอกจากนี้บาร์ คาเฟ่ และร้านอาหารหลายแห่งล้วนกลับมาให้บริการพื้นที่กลางแจ้งได้อีกครั้งเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้มากขึ้น

เนื่องจากแผนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีความคืบหน้า สมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ทั้ง 27 ประเทศ จึงหวังว่าภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ จะสามารถออกใบรับรองการฉีดวัคซีนแบบดิจิทัลให้แก่นักเดินทางได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถเดินทางได้อย่างอิสระในช่วงวันหยุดฤดูร้อน ขณะเดียวกันก็หวังว่าการเปิดพรมแดนต้อนรับนักท่องเที่ยวและการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นตามมานั้น จะช่วยบรรเทาภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้

แม้การคาดการณ์ข้างต้นจะเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่หลายประเทศยังคงระมัดระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ในหลายพื้นที่ทั่วโลกยังคงไม่คลี่คลาย

กลับสู่ปกติแบบค่อยเป็นค่อยไป

เมื่อวันพุธ (19 พ.ค.) ฝรั่งเศสดำเนินขั้นตอนสำคัญเพื่อกลับคืนสู่ภาวะปกติ ได้แก่การอนุญาตให้ประชาชนพบปะสังสรรค์กันที่คาเฟ่หรือร้านอาหาร ซึ่งปัจจุบันกลับมาเปิดให้บริการโซนพื้นที่กลางแจ้งได้แล้ว

ซึ่งแม้สภาพอากาศจะไม่แจ่มใส แต่ท้องถนนในกรุงปารีสก็เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาใช้ชีวิตกลางแจ้ง พร้อมกับความตื่นเต้นด้วยหวังว่าสถานการณ์กำลังกลับสู่ภาวะปกติแล้ว

มาตีเยอ ครูโรงเรียนอนุบาล ซึ่งเป็นลูกค้าของร้านเลต็อง บราสเซอรี (L’Etang brasserie) ในลีเลอ-อาด็อง (L’Isle-Adam) ทางตอนเหนือของกรุงปารีส กล่าวว่า แม้จะรู้สึกหนาวเมื่อต้องนั่งท่ามกลางฝนตกปรอย ๆ บริเวณส่วนกลางแจ้งของร้าน แต่เขาก็เพลิดเพลินกับการนั่งดื่มเครื่องดื่มนอกร้านอย่างมาก เพราะสำหรับเขานี่คือสัญญาณที่ชี้ชัดว่าสถานการณ์กำลังกลับสู่ปกติ

“หลายเดือนก่อนมันหนักหนามาก ผมเลยคิดว่าจะดื่มฉลองให้กับวันสำคัญนี้สักหน่อย แม้จะดื่มเพียงลำพังก็ตาม” มาตีเยอกล่าวพร้อมยิ้มกว้าง

โปแลนด์ก็กำลังกลับสู่ภาวะปกติเช่นกัน หลังรัฐบาลยกเลิกข้อจำกัดเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม โดยนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค. เป็นต้นมา ร้านอาหารและบาร์ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการส่วนกลางแจ้งได้ หลังต้องให้บริการสั่งกลับบ้านหรือจัดส่งเพียงอย่างเดียวมานานถึง 1 ปี เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์

วันที่มีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ถือเป็นวันสำคัญสำหรับ ลูคาส โมล เจ้าของบาร์และร้านอาหารแห่งหนึ่งใกล้ย่านใจกลางเมืองของกรุงวอร์ซอ โดยร้านของเขามียอดขายรายวันสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี “การยกเลิกข้อจำกัดทำให้ทุกคนมีกำลังใจ คุณจะมองเห็นความสุขจากการได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระบนใบหน้าของผู้คน” เขากล่าว

ทั้งนี้ โปแลนด์จะทยอยยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ต่อไป โดยจะอนุญาตให้นั่งทานอาหารในร้านได้ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. เป็นต้นไป แต่กำหนดว่าร้านอาหารจะให้บริการได้ไม่เกินร้อยละ 50 ของความสามารถในการรองรับ

เตือนประชาชนอย่าประมาท

แม้จะสัมผัสได้ถึงความสุขของผู้คนทั่วทุกหนแห่ง แต่ปรีติ ชุกละ (Preeti Shukla) แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปในมณฑลแลงคาเชอร์ของสหราชอาณาจักร และประธานที่ประชุมแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป ของสมาคมแพทย์ระหว่างประเทศสหราชอาณาจักร เตือนให้ประชาชนไม่ประมาทและระมัดระวังตนเองต่อไป ด้วยการปฏิบัติตามกฎระเบียบ สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม หมั่นล้างมือให้สะอาด และตรวจโรคโควิด-19 เป็นประจำ โดยเฉพาะในยามที่พบเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ เพราะหากผู้คนนิ่งนอนใจ สถานการณ์อาจย่ำแย่ลงจนต้องล็อกดาวน์อีกรอบได้

ด้านรัฐบาลเยอรมนียังคงเฝ้าระวังเกี่ยวกับฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงหน้าร้อน แม้ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายวันจะมีจำนวนลดลง

โดยชเตฟเฟน ไซแบร์ต (Steffen Seibert) โฆษกรัฐบาลเยอรมนี กล่าวว่าประชาชนจะยังไม่สามารถใช้ชีวิตในฤดูร้อนอย่างผ่อนคลายได้เหมือนกับปีก่อน เพราะเป้าหมายของรัฐบาลยังคงเป็นการลดจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเชื่อว่าจะทำได้สำเร็จในอนาคต พร้อมระบุว่าการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม ตรวจโรคโควิด-19 และใช้แอปพลิเคชันเฝ้าระวัง ยังเป็นสิ่งสำคัญในการต่อสู้กับการแพร่ระบาด

เนื่องจากแผนฉีดวัคซีนมีความคืบหน้า รัฐบาลลัตเวียจึงอนุญาตให้พนักงานที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว กลับมาทำงานที่ออฟฟิศได้ตามปกติ โดยกำหนดจำนวนไม่เกิน 20 คน ทว่ายังมีการบังคับใช้ข้อกำหนดทางระบาดวิทยาที่เข้มงวดหากต้องทำงานร่วมกับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน รวมถึงต้องสวมหน้ากากและเว้นระยะห่างทางสังคม หากต้องอยู่ร่วมกับผู้ที่ไม่ทราบแน่ชัดว่าได้รับวัคซีนแล้วหรือไม่

รุ่งอรุณแห่งการฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

สหราชอาณาจักรผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์เพิ่มเติมทั่วประเทศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (17 พ.ค.) แม้จะมีข้อกังวลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่พบเป็นครั้งแรกในอินเดีย โดยผับ บาร์ และร้านอาหารได้รับอนุญาตให้เปิดบริการนั่งทานในร้านได้ ขณะที่สถานประกอบกิจการด้านความบันเทิงในร่ม เช่น โรงภาพยนตร์ พิพิธภัณฑ์ และพื้นที่เด็กเล่น กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งแล้ว

ขณะเดียวกัน สถานประกอบกิจการที่ยังเหลืออยู่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึง โรงแรม โฮสเทล และสถานที่ให้บริการที่พักพร้อมอาหารเช้า (B&B) กลับมาเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. และหลังจากคำสั่งห้ามเดินทางระหว่างประเทศถูกยกเลิกไป ประชาชนสามารถเดินทางไปยังกลุ่มประเทศสีเขียว (green-list countries) หรือกลุ่มประเทศที่มีความปลอดภัยจากโควิด-19 ในระดับสูงสุด ได้โดยไม่ต้องกักตัวหลังลงจากเครื่อง

ด้านออสเตรียได้ผ่อนปรนมาตรการเข้าประเทศ เมื่อวันพุธ (19 พ.ค.) โดยอนุญาตให้ประชาชนจากกลุ่มประเทศและภูมิภาคที่มีความเสี่ยงต่ำเดินทางเข้าออสเตรียได้ โดยต้องแสดงผลตรวจโรคโควิด-19 ที่เป็นลบ ใบรับรองการฉีดวัคซีน หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อไม่ต้องเข้ารับการกักตัว

ด้านลัตเวียได้ละเว้นการตรวจโรคและการกักตัวตามมาตรการปกติ สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นข้อบังคับสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป เขตเศรษฐกิจยุโรป สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร

ขณะที่สนามบินฟาโรทางตอนใต้ของโปรตุเกส รองรับผู้โดยสารจากสหราชอาณาจักรมากกว่า 5,000 คน เมื่อวันที่ 17 พ.ค. เพียงวันเดียว หลังจากโปรตุเกสผ่อนปรนข้อจำกัดการเดินทางและกฎระเบียบด้านสุขอนามัยสำหรับนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักร

ด้านสายการบินทีเอพี (TAP) สัญชาติโปรตุเกส เผยว่ายอดจำหน่ายตั๋วเที่ยวบินจากสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นร้อยละ 131 เมื่อไม่นานนี้ ส่วนจำนวนเรือสำราญเข้าเทียบท่าเรือลิสบอนก็ฟื้นตัวขึ้นในวันเดียวกัน โดยผู้โดยสารจำเป็นต้องแสดงผลตรวจโรคโควิด-19 ที่เป็นลบก่อนเข้าเมือง

ส่วนเยอรมนียังคงบังคับใช้ข้อบังคับด้านการกักตัวกับผู้โดยสารที่มาจากพื้นที่แพร่ระบาดสูง แต่สามารถลดจำนวนวันลงจาก 10 เหลือ 5 วันได้ หากมีผลตรวจโรคโควิด-19 เป็นลบ แต่ผู้ที่มาจากพื้นที่ที่ไวรัสชนิดกลายพันธุ์ระบาด ยังต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน

 

ที่มา : https://www.naewna.com/inter/575411


แหล่งรวม "บทความและคอนเทนต์แปลกใหม่!!!" แบบไร้ Toxic ติดตามได้ที่ THE STATES TIMES Blockdit

LINK : https://www.blockdit.com/pages/60583e7ff90e240c3e7f1c32


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top