Sunday, 6 July 2025
NEWS FEED

สธ. เผย ไทยติดเชื้อโอมิครอน รวม 63 คน พบสาวไทยติดเชื้อในประเทศคนแรก

วันนี้ (20 ธ.ค. 64) นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่าขณะนี้พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน แล้ว 89 ประเทศ ซึ่งอาจมีมากกว่านี้เพราะบางประเทศไม่มีขีดความสามารถในการถอดรหัสพันธุกรรม และโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย พบแล้ว 3 สายพันธุ์ BA.1  BA.2 และ BA.3 แต่ขอให้มั่นใจเพราะชุดตรวจยังสามารถตรวจจับได้

สำหรับไทยพบเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ตัวเลขช่วงบ่ายวานนี้ (19 ธ.ค. 64) จำนวน 63 คน ทั้งหมดเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ และต้องสงสัยอีกเกือบ 30 คน โดยช่วงหลังพบเพิ่มขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว ภาพรวมพบแล้ว 3% หรือ 1 ใน 4 ของผู้เดินทางเข้าประเทศ ยืนยันว่าทั้งหมดเป็นการนำเชื้อเข้ามาในประเทศ

“คุณสมบัติ” ประธาน INTERLINK พร้อมรุกต่อเนื่อง ปี 2565 นำทีมฝ่ายขาย - ทีมสนับสนุนการขาย กว่า 200 คน เข้าร่วมงานสัมมนา "สุดยอดหัวใจการขาย 2565"

คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทอินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) นำทีมฝ่ายขายและทีมสนับสนุนการขาย (Front office) กว่า 200 คน เข้าร่วมงานสัมมนา "สุดยอดหัวใจการขาย 2565" ณ ชลพฤกษ์รีสอร์ท จังหวัดนครนายก

เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในสินค้าและผลิตภัณฑ์ทั้งหมด โดยเพื่อให้ทุกคนนำความรู้ที่ได้ ไปพัฒนาต่อยอด แนะนำสินค้าที่ดีและเกิดประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้าของบริษัทฯ และอัปเดตเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น ได้เป็นอย่างดี

 

นราธิวาส-สส.พลังประชารัฐลุยน้ำช่วยชาวบ้านหลังมวลน้ำป่าพัดคันกั้นน้ำพังไหลทะลักท่วมตลาดมูโนะ

รายงานข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส แจ้งว่า ล่าสุดบรรยากาศโดยทั่วไปบนท้องฟ้ามีแสงแดดส่องจ้าแล้วในวันนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีฝนตกลงมาอย่างต่อเป็นเป็นเวลา 5 วัน ส่งผลทำให้น้ำป่าบนเทือกเขาสันกลาคีรี ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ในพื้นที่ อ.สุคิริน ได้ไหลลงมาสมทบกับปริมาณน้ำฝนในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ที่มีปริมาณน้ำฝนสะสมจนล้นตลิ่ง ซึ่งสูงกว่าระดับตลิ่ง 1.76 ซ.ม. ซึ่งมวลน้ำก้อนนี้ได้ค่อยๆไหลระบายลงสู่ทะเลด้าน อ.ตากใบ แต่ในช่วงคืนที่ผ่านมาระดับน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ซึ่งมีกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากได้พัดกำแพงคันกั้นน้ำที่ตั้งอยู่บริเวณหลังกุโบบ้านมูโนะ ม.1 ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก พังทลาย จำนวน 2 ช่วง 3 จุด ซึ่งมีความยาวประมาณ 25 เมตร

ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ซึ่งมีปริมาณล้นตลิ่งได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชน ที่อาศัยอยู่ในตลาดมูโนะจำนวน 350 ครัวเรือน รวม 1,750 คน อย่างรวดเร็วโดยที่ชาวบ้านไม่สามารถตั้งตัวได้ จนต้องปล่อยข้าวของสินค้าสัมภาระต่างๆได้รับความเสียหายจมอยู่ใต้น้ำ โดยมีระดับน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 40 ถึง 60 ซ.ม. และมีระดับน้ำท่วมขังเพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และจากเหตุกำแพงคันกั้นน้ำที่พังทลายจากกระแสของมวลน้ำป่าในครั้งนี้ ยังส่งผลทำให้บ้านพักของนายบาฮารูดิง อูแบ เลขที่ 23 ที่ปลูกสร้างด้วยไม้ชั้นเดียว ห่างจากกำแพงคันกั้นน้ำ ประมาณ 30 เมตร ถูกกระแสน้ำของมวลน้ำป่าพัดจนได้รับความเสียหาย ที่บริเวณห้องครัวและมีน้ำท่วมขังสูง 180 ซ.ม. ซึ่งล่าสุดสมาชิกในครัวเรือน จำนวน 3 คน ได้อพยพไปอาศัยอยู่ที่บ้านของเครือญาติแล้ว    
 

แต่ถึงอย่างไรก็ตามจากผลพวงของกำแพงคันกั้นน้ำที่พังทลายไปกับกระแสน้ำ ยังส่งผลทำให้โรงเรียนบ้านมูโนะ มีน้ำท่วมขังสูงจนเข้าท่วมห้องเรียนและตามบริเวณอาคารเรียนต่างๆ รวมไปถึงสถานีตำรวจภูธรมูโนะ ที่มีน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 100 ซ.ม. จากกระแสน้ำที่ไหลบ่าเข้าท่วมอย่างรวดเร็วในช่วงคืนที่ผ่านมาเช่นกัน ทำให้รถยนต์เก๋ง รถยนต์กระบะ รวมไปถึงรถยนต์ตู้ของส่วนราชการและของเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกน้ำท่วมขัง จำนวนกว่า 10 คัน ที่ต้องปล่อยให้จมอยู่กับสภาวะน้ำท่วม

DSI แจ้งข้อกล่าวหา อดีตผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด กับพวก รวม 18 คน ฐานความผิดฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน

ตามที่ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองอธิบดีที่กำกับดูแล มอบหมายให้ ศูนย์ป้องกันและปราบปราม การฟอกเงินทางอาญา ดำเนินการกับผู้กระทำความผิดทางอาญาในทุกมิติ กรณีพบการทุจริตนำเงินออกจากบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด ไปเปลี่ยนสภาพแห่งตัวทรัพย์ เพื่อซุกซ่อน ปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน หรือกระทำด้วยประการใด ๆ เพื่อปกปิด หรืออำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มา หรือได้มา ครอบครอง หรือใช้ทรัพย์สินโดยรู้ในขณะที่ได้มา อันเป็นเหตุในการเข้าทำการตรวจยึด/อายัดทรัพย์สิน 

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564 และได้ใช้อำนาจตามมาตรา 24 (5) พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ 
พ.ศ. 2547 ในการอายัดทรัพย์สินไว้แล้วรวม 189 รายการ มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ดังที่ได้เสนอข่าว
ต่อสาธารณชนไปแล้วนั้น

ในวันนี้ (วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม 2564) เวลา 10.30 น. พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะรองอธิบดีที่กำกับดูแล ได้มอบหมายให้ นายธวัชชัย รัตนปรีชาชัย รองผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินทางอาญา หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน นายพงษ์ธวัช อ่วมสำอางค์ ผู้อำนวยการส่วนคดีฟอกเงินทางอาญา 3 และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 21/2564 แจ้งข้อกล่าวหากับอดีตผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด กับพวก รวม 18 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงิน” และ/หรือ “ฟอกเงิน” ตามมาตรา 5 ประกอบมาตรา 83 และความผิดฐาน “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน” ตามมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

‘คนพิการ – คนด้อยโอกาส’ เชียงใหม่ ปลาบปลื้มใจ!! ได้รับสิ่งของประทาน ‘ม.จ.อุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์’

20 ธันวาคม 2564 ณ วัดสุพรรณรังษี ต.ทุ่งต้อม อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ "หม่อมเจ้าอุทัยกัญญา ภาณุพันธุ์ " พระราชปนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงกรุณาให้ นายสรชัด สุจิตต์ /นางสาวแพรวพรรณทิพย์ทิพยวานิชกร /นายสันติภาพ เพิ่มมงคลทรัพย์  เชิญสิ่งของอุปโภค บริโภคประทานแด่ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส ในเขตพื้นที่หมู่ที่ 6 หมู่ที่ 7 และหมู่ที่ 11 ต.ทุ่งต้อม อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ หมู่บ้านละ 30 ถุง รวมจำนวนทั้งสิ้น 90 ถุง และชุด PPE มอบในแก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลทุ่งต้อม และสมาคมกตัญญูธรรมกุศล เชียงใหม่ โดยมี นายชีวานนท์ พรรัตน์ธนิกกุล อ่านหมายสำนักงานเชื่อสิ่งของประทานเพื่อนำไปใช้ในการช่วยเหลือเบื้องต้น และเป็นขวัญกำลังใจให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดี 

ทั้งนี้ พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์  รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้ร่วมนำคณะจิตอาสา 904 และจิตอาสาทำความดี มาร่วมเป็นเกียรติช่วยเหลืออำนวยความสะดวก สร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชน คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส ในครั้งนี้ด้วย

รวมถึง ตัวแทน พมจ.เชียงใหม่ นางสาวกานต์วรา ทาทอง ผอ.ศูนย์บริการคนพิการจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานภาครัฐ ปกครองส่วนท้องถิ่น นายกเทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ  และนางสาวสุริยะวรัญญา อสัตถสนธิ นำคณะทีมงานกลุ่มเชียงใหม่มหานครมาร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อสร้างสรรค์สังคมไทยให้น่าอยู่สืบไป โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

 

'บิ๊กตู่' สั่ง ยกระดับมาตรการเข้าประเทศ พร้อมกำชับผู้ว่าฯ คุมเข้มจัดงานปีใหม่

20 ธ.ค. 64 - นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่วันนี้ต่ำสุด ตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดำเนินมาตรการเปิดประเทศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยผู้ติดเชื้อใหม่จำนวนรวม 2,525 ราย จำแนกเป็นผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 2,411 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 49 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 23 ราย และผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 42 ราย ขณะที่ผู้หายป่วยกลับบ้าน 4,190 ราย เหลือผู้ป่วยที่กำลังรักษา 40,097 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 31 ราย สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพมาตรการป้องกันและควบคุมโรคและการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ควบคู่ไปกับฟื้นฟูเศรษฐกิจ กระตุ้นภาคการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยอีกด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังเป็นห่วงว่าในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ ขณะนี้หลายจังหวัดมีการจัดกิจกรรมและงานรื่นเริง ทั้งงานกาชาด งานแฟร์ งานคอนเสิร์ต ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากมารวมตัวกัน จึงฝากกำชับผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการโรคติดต่อประจำจังหวัด ตรวจสอบการจัดงานของผู้จัดกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเข้มงวด โดยให้เป็นไปตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) COVID-Free Setting และมาตรการความปลอดภัย กำหนดจำนวนผู้เข้าร่วมงาน การตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้างาน จัดพื้นที่แบบเว้นระยะห่าง รวมทั้งการแสดงหลักฐานของผู้ร่วมงาน ผลการฉีดวัคซีน ผลตรวจ ATK และขอให้ประชาชนป้องกันตนเองด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ

“นายกรัฐมนตรียังสั่งดำเนินมาตรการเชิงรุก ป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน สั่งการให้ กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาเพิ่มมาตรการที่เข้มขึ้นมากขึ้นสำหรับมาตรการเปิดรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง สกัดการเข้ามาของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ขณะเดียวกันก็ไม่ให้กระทบมาตรการเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติมในปี 2565 ในส่วนของผู้แสวงบุญเดินทางกลับจากนครเมกกะ ประเทศซาอุดีอาระเบีย และตรวจพบว่า ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน กระทรวงสาธารณสุขแจ้งว่าขณะนี้ได้อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์แล้ว จึงขอฝากถึงพี่น้องประชาชนทั่วไป อย่าวิตกกังวลเกินไป ทั้งนี้ ผู้ป่วยทุกรายอยู่ในการควบคุมและการดูแลคณะแพทย์ทุกโรงพยาบาลเป็นอย่างดี” นายธนกร ระบุ

สื่อดังแฉ ‘ข่าวกรองเพนตากอน’ ผิดพลาด ทิ้งระเบิดมั่ว สังหารผู้บริสุทธิ์กว่า 1,300 คน

เอกสารของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) เองระบุ ปฏิบัติการทางอากาศของอเมริกาในตะวันออกกลางมี “ข้อผิดพลาดร้ายแรงด้านข่าวกรอง” ส่งผลให้พลเรือนหลายพันคน ซึ่งรวมถึงเด็กมากมายต้องสังเวยชีวิต

รายงานของสื่อดัง “นิวยอร์กไทมส์” เมื่อวันเสาร์ (18 ธ.ค.) โดยอ้างอิงเอกสารลับของเพนตากอนกองใหญ่ที่ครอบคลุมการเสียชีวิตของพลเรือนกว่า 1,300 คน เป็นการบ่อนทำลายคำกล่าวอ้างเรื่อยมาของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ว่า อเมริกาทำสงครามด้วยระเบิดที่มีความแม่นยำ

นิวยอร์กไทมส์ระบุว่า บันทึกเหล่านี้ไม่มีแม้แต่ฉบับเดียวที่ระบุถึงการตรวจสอบพบการกระทำผิดหรือการดำเนินการทางวินัยกับผู้รับผิดชอบ

แม้หลายกรณีที่นิวยอร์กไทมส์กล่าวถึงในรายงานชุดแรกจากทั้งหมดสองชุดที่เตรียมเผยแพร่นั้นเคยเป็นข่าวมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่จากการตรวจสอบของหนังสือพิมพ์ดังฉบับนี้พบว่า จำนวนพลเรือนที่เสียชีวิตซึ่งมีการบันทึกไว้ต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างน้อยหลายร้อยคน

รายงานข่าวในวันเสาร์ของนิวยอร์กไทมส์ พูดถึง 3 กรณี โดยที่ 1 ในนั้นคือเหตุการณ์การทิ้งระเบิดเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2016 ที่หน่วยรบพิเศษของอเมริกาเชื่อว่า เป็นจุดรวมพล 3 แห่งของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ทางเหนือของซีเรีย มีการรายงานเบื้องต้นว่า นักรบไอเอสถูกสังหาร 85 คน แต่แท้จริงผู้เสียชีวิตคือเกษตรกรและชาวบ้านรวม 120 คน

อีกเหตุการณ์หนึ่งคือการโจมตีในเมืองเราะมาดีของอิรักเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2015 หลังจากมีภาพชายคนหนึ่งลาก “วัตถุหนักที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร” เข้าไปในที่ตั้งของไอเอส ซึ่งผลการตรวจสอบในภายหลังพบว่า วัตถุดังกล่าวคือเด็กที่เสียชีวิตจากการโจมตี

รายงานระบุว่า ภาพจากการสอดแนมคุณภาพต่ำมักเป็นสาเหตุความล้มเหลวในการล็อกเป้าที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต

เมื่อไม่นานมานี้เอง อเมริกาต้องถอนคำอวดอ้างที่ว่า รถยนต์ซึ่งถูกโดรนของตนทำลายบนถนนในกรุงคาบูลของอัฟกานิสถานเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีระเบิดซุกซ่อนอยู่ เพราะกลายเป็นว่า เหยื่อในการโจมตีดังกล่าวเป็นครอบครัวที่มีสมาชิก 10 คน และมีเด็กอยู่ด้วย

รายงานเสริมว่า พลเรือนที่รอดชีวิตจำนวนมากกลายเป็นคนพิการที่มีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง แต่ผู้ที่ได้รับเงินชดเชยจริงมีแค่หลักสิบรายเท่านั้น

ทางด้าน บิลล์ เออร์บัน โฆษกกองบัญชาการทหารด้านกลาง (CENTCOM) ของสหรัฐฯ ตอบข้อซักถามของนิวยอร์กไทมส์เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยยอมรับว่า แม้แต่เทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลกยังเกิดข้อผิดพลาดได้ ไม่ว่าจะโดยข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์หรือการตีความข้อมูลผิดพลาดก็ตาม และอเมริกาพยายามเรียนรู้จากข้อผิดพลาดเหล่านั้น รวมถึงพยายามป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย สืบสวนทุกเหตุการณ์ และเสียใจกับทุกชีวิตผู้บริสุทธิ์

อเมริกาเพิ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในตะวันออกกลางอย่างรวดเร็วในช่วงปีท้าย ๆ ของคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ขณะที่การสนับสนุนจากชาวอเมริกันสำหรับสงครามภาคพื้นดินที่ไม่รู้จบเริ่มเหือดแห้งลง

โอบามา ระบุว่า แนวทางใหม่ที่มักมีการใช้โดรนจากพื้นที่ห่างไกลมากเข้าปฏิบัติการโจมตีนั้นถือเป็นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่แม่นยำที่สุดในประวัติศาสตร์ และสามารถลดการเสียชีวิตของพลเรือนให้เหลือน้อยที่สุด

“บิ๊กตู่” ต้อนรับ “รมว.กห.เกาหลี” เข้าเยี่ยมคำนับ ย้ำความสัมพันธ์แนบแน่นและผลักดันความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี  และรมว.กลาโหม ให้การต้อนรับ นาย Suh, Wook ( ซอ อุก ) รมว.กลาโหมสาธารณรัฐเกาหลี ( กล.ต.) และคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของกลาโหม ระหว่าง 19 - 21 ธ.ค. 64 

โดยกระทรวงกลาโหม จัดได้กองทหารเกียรติยศผสมสามเหล่าทัพ ให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติ  หลังจากนั้น  รมว.กลาโหมสาธารณรัฐเกาหลี ( กล.ต.) ได้เข้าเยี่ยมคำนับ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ณ ห้องรับรอง 

โดย พล.อ.ประยุทธ์’ ได้กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดีกับ นาย ซอ อุก ที่เข้ารับตำแหน่ง ทั้งสองฝ่ายได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนาน ซึ่งได้ครบความสัมพันธ์ทางการทูต 63 ปีในปีนี้  โดยมีความร่วมมือที่ใกล้ชิด ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและวัฒนธรรม โดยเฉพาะความร่วมมือทางทหารที่แนบแน่น และความเชื่อมโยงในภูมิภาคตามข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน  

นาย ซอ อุก ได้กล่าว ชื่นชมรัฐบาลในการรับมือและแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างดีที่ผ่านมา ขอบคุณไทยที่สนับสนุนฉีดวัคซีนให้กันคนเกาหลีในไทย และสนับสนุนเกาหลีให้ผ่านความยากลำบากจากสงครามที่ผ่านมา พร้อมทั้งขอบคุณ กห.ที่ผลักดันการหารือยกระดับความร่วมมือเกาหลีและอาเซียนให้เป็นรูปธรรม ในเวทีการประชุม รมว.กห.อาเซียน ทั้งการแสวงหาสันติสุขในคาบสมุทรเกาหลี ความร่วมมือด้านไซเบอร์และเทคโนโลยี และหวังว่าจะได้พบปะพูดคุยระหว่างกันในเวทีระดับต่างๆใกล้ชิดมากขึ้นเมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้น เพื่อร่วมกันผลักดันขับเคลื่อนความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกัน 

‘ประกันสังคม’ ปฏิรูประบบบำนาญชราภาพ ขยายอายุเกษียณเป็น 60 ปี เริ่มใช้กับรายใหม่

ประกันสังคม ปฏิรูประบบบำนาญชราภาพ ขยายอายุเกษียณจาก 55 ปี เป็น 60 ปี ยกเหตุโครงสร้างผู้สูงอายุ จำนวนผู้รับบำนาญเพิ่มและยาวนานขึ้น หวังควบคุมต้นทุน เริ่มใช้กับผู้ประกันตนรายใหม่

20 ธ.ค. 64  สำนักงานประกันสังคม (สปส.) แจงความคืบหน้าการปฏิรูประบบบำนาญชราภาพ โดยการขยายอายุผู้มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ ว่าเนื่องจากโครงสร้างประชากรที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่งผลให้มีจำนวนแรงงานลดลง ในขณะเดียวกันก็ส่งผลให้มีจำนวนผู้สูงอายุและผู้รับบำนาญเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ระบบการแพทย์ที่ดีขึ้นและสุขภาพที่ดีขึ้น ทำให้อายุเฉลี่ยของประชากรก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้ผู้ประกันตนจะได้รับบำนาญเป็นระยะเวลายาวนานขึ้น เนื่องจากบำนาญประกันสังคมเป็นการดูแลตลอดชีวิต 

อย่างไรก็ตาม สิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นก็จะตามมาด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น เพื่อไม่ให้ต้นทุนสูงขึ้นมากจนเกินไป ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินสมทบที่ผู้ประกันตนและนายจ้างต้องนำส่ง สำนักงานประกันสังคม จึงมีนโยบายการปรับปรุงอายุเกิดสิทธิรับบำนาญ (หรือที่เรียกกันว่าอายุเกษียณ) เพื่อให้เกิดสมดุลกับโครงสร้างประชากรผู้สูงอายุ และควบคุมต้นทุนของระบบบำนาญให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยการขยายอายุผู้มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพเป็นมาตรการปกติที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกดำเนินการ

สำนักงานประกันสังคม ได้มีการจัดทำแนวทางการปฏิรูประบบบำนาญชราภาพโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความยั่งยืนให้ระบบบำนาญชราภาพ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงให้กับลูกจ้างผู้ประกันตนเมื่อต้องเข้าสู่วัยเกษียณ โดยที่การขยายอายุผู้มีสิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพจาก 55 ปี เป็น 60 ปี เป็นมาตรการหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการใช้กับผู้ประกันตนใหม่และผู้ประกันตนที่อายุน้อยเท่านั้น ผู้ประกันตนปัจจุบันที่ใกล้เกษียณอายุจะไม่ได้รับผลกระทบ 

ประกันสังคม ปฏิรูประบบบำนาญขยายอายุเกษียณ 55 เป็น 60 ปี เริ่มใช้กับรายใหม่

‘หมอยง’ เชื่อ ‘โอมิครอน’ ระบาดถึงไทยแน่ ชี้ มีโอกาสเกิดคลัสเตอร์ใหม่ กระจายตัวเร็ว

‘หมอยง’ ยกบทเรียนต่างประเทศ โควิด-19 สายพันธุ์ ‘โอมิครอน’ กระจายทั่วโลกอย่างรวดเร็ว เชื่อประเทศไทยก็คงหนีไม่พ้น ในอนาคตอันใกล้นี้ จะเลยปีใหม่หรือไม่ยังไม่ทราบ และมีโอกาสที่จะเกิดเป็นคลัสเตอร์ กระจายอย่างรวดเร็ว 

วันนี้ (20 ธ.ค.) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan หัวข้อ โควิด-19 โอมิครอน มาแน่ ไม่อยากได้เป็นของขวัญปีใหม่ โดยระบุว่า

เมื่อมองย้อนอดีตสายพันธุ์อังกฤษ แอลฟา ระบาดในอังกฤษตั้งแต่ปลายปี 2563 พบผู้ป่วยเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย เป็นชาวอังกฤษ เดือนมกราคม 2564 ทุกคนที่เข้ามาจะต้องกักตัว 14 วัน เราควบคุมได้ดี จนกระทั่งปลายเดือนมีนาคม ก็เข้าสู่ประเทศไทยจนได้ โดยเข้ามาทางชายแดนด้านตะวันออก

สายพันธุ์อินเดีย เกิดในประเทศอินเดีย เดลตา ใน ต้นปี 2564 พบในแคมป์คนงานก่อสร้าง เดือนพฤษภาคม เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วมาแทนที่สายพันธุ์แอลฟาในเวลาต่อมา ใช้เวลาเพียงเดือนกว่า ๆ เท่านั้น ก็กระจายทั่วประเทศไทย จนถึงวันนี้

ขณะนี้การเดินทางเข้าประเทศไทย ใช้ test to go ไม่มีการกักตัว ยกเว้นคนที่ตรวจพบด้วย RT-PCR เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเดินทาง ทั้งครอบครัว 4 คนพ่อแม่ลูก ตรวจพบเฉพาะลูก 1 คน ก็จะกักตัวลูก ไว้รักษา และปล่อยผู้ที่ตรวจเป็นลบทั้งหมด และให้ทำ ATK รายงานผลมา ทุกคนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ถือเป็นความเสี่ยงสูง โอกาสผู้ที่ปล่อยไป จะติดเชื้อแบบไม่มีอาการ สายพันธุ์โอมิครอน เป็นไปได้สูง ที่จะแพร่กระจายเชื้อต่อไปได้

บทเรียนจากต่างประเทศ โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน กระจายทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ขณะนี้ร่วม 90 ประเทศ ที่ตรวจพบ มีอัตราเร่งกระจายในพื้นที่ยุโรป และอเมริกาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็มก็ติดได้ ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ไม่จำกัดอยู่ที่ทวีปแอฟริกา ส่วนใหญ่จะเป็นยุโรป และอเมริกาที่จะมีโอกาสนำเชื้อเข้ามา


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top