Friday, 4 July 2025
NEWS FEED

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งต่อสายธารศรัทธา ลงพื้นที่มอบโลงศพบริจาคแก่วัดที่ขาดแคลนภาคอีสาน และภาคใต้ รวม 5 จังหวัด

ระหว่างวันที่ 24 - 29 กันยายน 2565 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ มอบหมายให้นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ฯ จัดทีมเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครมูลนิธิฯ นำโดย นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย รักษาการหัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่มอบโลงศพที่ได้รับจากการทำบุญบริจาค มอบให้กับวัดที่ขาดแคลน รวม 9 แห่ง 5 จังหวัด  ประกอบด้วย 

วัดบ้านพระ วัดหนองตะลุมปุ๊ก อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา  
วัดหนองตาแก้ว อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา  
วัดหัวทำนบ อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา  
วัดหนองแวงศรัทธาธรรม อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ 
วัดใหม่สำราญรมย์ อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลราชธานี 
วัดป่าพรหมนิมิต อำเภอวังหิน วัดบ้านคอกเลข อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ 
และวัดปากน้ำชุมพร อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร 

รวมจำนวนโลงศพทั้งสิ้น 920 ใบ โดยวัดปากน้ำชุมพร มูลนิธิฯ ได้มอบผ้าดิบ จำนวน 500 ผืน หมวกกุยเล้ย จำนวน 100 ใบ และหมวกสามสี จำนวน 100 ใบ รวมงบประมาณทั้งสิ้น 755,000 บาท (เจ็ดแสนห้าหมื่นห้าพันบาทถ้วน) เพื่อช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตที่ยากไร้ และผู้เสียชีวิตที่ไร้ญาติ

สำหรับวัด สำนักสงฆ์ และหน่วยงานสาธารณกุศลที่ขาดแคลนโลงศพเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โทร 0-2225-0020 ต่อ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ในวัน - เวลาราชการ

เชิญชวนพสกนิกรชาวไทย บริจาคโลหิต น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ 2 มหาราชตลอดเดือนตุลาคม 2565

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ชวนพสกนิกรชาวไทย “น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ 2 มหาราช” บริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตลอดเดือนตุลาคม 2565

รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า ในเดือนตุลาคมของทุกปี มีวันสำคัญที่ปวงชนชาวไทยระลึกถึงทุกปี คือ วันที่ 23 ตุลาคม หรือวันปิยมหาราช ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ผู้ทรงวางรากฐานด้านการศึกษา โปรดให้ตั้งโรงเรียนหลวงสำหรับราษฎรขึ้นเป็นแห่งแรก พระราชกรณียกิจด้านการพยาบาลและสาธารณสุข โปรดเกล้าฯ ให้สร้างโรงพยาบาลวังหลัง รวมถึงการปกป้องประเทศจากการสงครามและเสียดินแดน และนำความเจริญสู่สยามประเทศ นอกจากนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้ง “สภาอุณาโลมแดง” ขึ้นและทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อปี พ.ศ. 2436 จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ “สภากาชาดไทย” จวบจนปัจจุบันนี้ 

อีกวันที่พสกนิกรชาวไทยระลึกถึง คือวันที่ 13 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นกษัตริย์ผู้เป็นที่รัก เทิดทูน และเป็นศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งชาติ ทรงมีคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อวงการแพทย์ ทรงสนับสนุนส่งเสริมงานด้านบริการโลหิต มาอย่างต่อเนื่อง ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคาร “รังสิตานุสรณ์” เพื่อเป็นอาคารที่ทำการบริการโลหิต และเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2512 เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด “อาคารศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ” เพื่อใช้เป็นอาคารที่ทำการบริการโลหิตหลังใหม่ 

พิธีเชิดชูเกียรติ!! มอบใบประกาศเกียรติคุณแก่ข้าราชการตำรวจเกษียณอายุราชการ ประจำปี 2565 

ที่ห้องราชพฤกษ์ ร้านอาหารครัวบุญเลิศ ตำบลบางปูใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นประธานในพิธีมอบใบประกาศเกียรติคุณพร้อมทั้งมอบของที่ระลึกให้แก่ข้าราชการตำรวจ ในสังกัด ภ.จว.สมุทรปราการ ที่เกษียณอายุราชการ ประจำปี 2565 

พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ ที่เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล รุ่นที่ 23 (ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565) รวมทั้งสิ้น จำนวน 38 นาย ทั้งนี้ เพื่อเป็นเกียรติและเป็นการตอบแทนในคุณงาม ความดี ของข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุราชการ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ เสียสละ ทุ่มเท สร้างคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงานและประเทศชาติมาจนครบวาระการปฏิบัติหน้าที่ 

โดยมี พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ซี่งในปีนี้ได้เกษียณอายุราชการเช่นเดียวกัน พร้อมได้ขึ้นกล่าวแสดงความยินดี แก่ข้าราชการตำรวจผู้เกษียณอายุราชการ ซึ่งในพิธีครั้งนี้มีผู้บังคับบัญชาระดับรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ผู้กำกับการ ทั้ง 15 สถานีร่วมในพิธี ตลอดจนได้รับเกียรติจากนาย สุดใจ จิรยาภากร ประธานที่ปรึกษา กต.ตร จังหวัดสมุทรปราการ คณะกรรมการ ที่ปรึกษา กต.ตร.จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยครอบครัวข้าราชการตำรวจผู้เกษียณอายุราชการ และข้าราชการตำรวจ ในสังกัด ภ.จว.สมุทรปราการ เข้าร่วมในพิธี

ตร. เตือน เกิดอุบัติเหตุ แล้วหลอกเจ้าหน้าที่ เปลี่ยนตัวคนขับ หนีเป่าเมา หรือหวังหลอกประกัน โทษหนักกว่าที่คิด

วันที่ 30 ก.ย.2565 พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในห้วงที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า มีหลายกรณี เมื่อมีอุบัติเหตุรถชนเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ก็ตาม เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ที่แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนละคนกับผู้ขับขี่ในขณะที่เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบมักจะพบว่าเหตุที่มีการเปลี่ยนตัวคนขับมักจะมีเหตุมาจาก ผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ผู้ขับขี่ขับขี่ขณะเมาสุรา รถคันที่ขับขี่ทำประกันภัยประเภทระบุชื่อคนขับ หรืออาจเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงไม่อยากให้ตนเองตกเป็นผู้ต้องหาจากการทำให้เกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชน ที่คิดจะหลอกลวงเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือพนักงานสอบสวนที่ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ อ้างว่าตนเอง หรือบุคคลอื่น เป็นผู้ขับขี่ยานพาหนะในขณะเกิดโดยไม่เป็นความจริง เพราะความผิดของท่านจะไม่ได้เพียงข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ตาม ป.อาญา มาตรา 137 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ลาดตระเวนออนไลน์รวบอดีตผู้จัดการธนาคารตุ๋นเงินเบี้ยประกันไปสู่กองทุนทิพย์เสียหายกว่า 7 ล้านบาท

สืบเนื่องจากเหตุเมื่อเดือน เม.ย. 65 ได้เกิดเหตุ อดีตรองผู้จัดการเขตของธนาคารแห่งหนึ่ง ได้อาศัยความคุ้นเคย ที่เคยดูแลเงินกองทุนของลูกค้าครั้งเมื่อยังเป็นผู้จัดการธนาคารได้หลอกลวงลูกค้า(ผู้เสียหาย) โดยใช้ประสบการณ์และความชำนาญจึงปลอมแปลงเอกสารต่าง ๆ  โดยอุปโลกน์ว่าเป็นตัวแทนอิสระในการขายกองทุนของบริษัทไม่มีตัวตนที่ตนเองตั้งขึ้นมาเพื่อหลอกลวง โดยทำทีหลอกผู้เสียหายให้ซื้อประกันชีวิตและกองทุนต่าง ๆ ซึ่งล้วนไม่มีอยู่จริง ซึ่งตรวจสอบแล้วมีเหยื่อที่ถูกหลอกลวงไปแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ราย มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 7,000,000 บาท เพราะเชื่อใจในตำแหน่งหน้าที่การงานของผู้ต้องหา ต่อมาผู้เสียหายได้มีการดำเนินคดีตามกฎหมาย จนกระทั่งศาลแขวงสมุทรปราการ ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว และชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบ ภ.2 ร่วมกับ ชุดปฏิบัติการที่ 5 PCT ตร. ตามโครงการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ดำเนินการติดตามสืบสวนจับกุมผู้ต้องหารายนี้

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2565 เวลาประมาณ 20.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร (PCT), พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2/หน.ชป.5 ศปอส.ตร., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.สอบสวน บก.สส.ภ.2, พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.สส.ภ.จว.ระยอง, ร.ต.อ.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ รอง สว.ฯ, ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2, ร.ต.อ.หญิง ธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ รอง สว.วิเคราะห์ข่าว บก.สส.ภ.2, ส.ต.อ.สรศักดิ์ ด้วงชู, ส.ต.อ.กฤศณัฎฐ์ ปวริศอัศวกุล, ส.ต.ต.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย จนท.ชุดปฏิบัติการที่ 5 PCT ร่วมกับ ฝ่ายสืบสวน สภ.สำโรงเหนือ เข้าจับกุมตัว นายกิตติศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ที่อยู่ 1302 ม.1 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จว.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงสมุทรปราการ ที่ 811/2565 ลงวันที่ 24 ส.ค.65 โดยกล่าวหาว่า “ฉ้อโกง” โดยจับกุมตัวได้ที่ บ้านเลขที่ 1302 ม.1 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จว.สมุทรปราการ ในชั้นจับกุม นายกิตติศักดิ์ฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองจบปริญญาตรี ด้านนิติศาสตร์ และจบปริญญาโทการบริหาร จากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง และเข้าทำงานในธนาคารมาตั้งแต่เรียนจบก็เจริญก้าวหน้าในสายอาชีพจนกระทั่งตำแหน่งสุดท้ายคือ รองผู้จัดการเขตภาคเหนือตอนล่าง คุม 6 จังหวัด ได้เริ่มติดการเล่นพนันบาคาร่าออนไลน์ผ่านมือถือ และเริ่มกู้หนี้นอกระบบ จากนั้นชีวิตได้เริ่มดำดิ่งไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ กระทั่งประมาณเดือน เม.ย.65 ได้หลอกลวงเงินจากลูกค้าเก่ามาเป็นจำนวนประมาณ 7,000,000 บาท และเอามาเล่นพนันบาคาร่าออนไลน์ โดยจะเล่นที่เว็บไซต์ www.sagaming350.com โดยตอนนี้ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป ไม่คิดว่าชีวิตจะดำดิ่งมาได้ขนาดนี้”

'ไบร์ท วชิรวิชญ์' ยันเป็นเหยื่อ Forex 3D สูญเงิน 7 แสนบาท โอด รู้ตัวช้า เพราะเชื่อใจ - ไว้ใจ 'อภิรักษ์'

'ไบร์ท วชิรวิชญ์' รับความโลภบังตา เอาเงินทั้งชีวิตเข้าลงทุน Forex 3D สูญ 775,000 บาท พร้อมเล่าเส้นทางสนิทสนม 'อภิรักษ์' โอดตนน่าจะเป็นคนที่รู้ช้าที่สุดเพราะเชื่อสนิทใจ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งมองไม่เห็นความจริง หากไม่มีชื่อเสียงเหมือนวันนี้ ตอนนี้ตนคงแย่มากๆ

หลังจากที่พิธีกรข่าว 'เต๋า ทีวีพูล' ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า… “เรียกสอบอีกคู่!!! เตรียมเรียกคู่จิ้นวาย? สอบคดีแชร์ Forex - 3D เหตุมีภาพสนิทผู้บริหาร” ทางเพจ รวบรวมผู้โดนโกงจาก Forex 3D ก็เอามาขยี้ต่อ โดยเผยว่าคู่ซีรีส์วายดังกล่าวคือ 'ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี' พร้อมเผยภาพคสามสนิทสนมของ ไบร์ท กับ 'อภิรักษ์ โกฎธิ' CEO Forex 3D ตั้งแต่ปี 2014

วันนี้ (30 ก.ย. 65) ไบร์ท วชิรวิชญ์ ได้ออกมาเปิดใจครั้งแรกในรายการ วันบันเทิง ถึงการมีภาพความสนิทสนมกับอภิรักษ์ อีกทั้งยังเผยว่าตนก็ตกเป็นเหยื่อเพราะร่วมลงทุนกับ Forex 3D จนเกือบหมดตัว

“ตอนนั้นผมอายุประมาณ 15-16 ครับ ช่วงนั้นผมทำรายการสตรอว์เบอร์รี่ครับเค้ก ซึ่งผมก็จะมีรุ่นพี่คนนึงซึ่งผมเป็นพิธีกรด้วยกันชื่อว่า นิค นิโค เป็นคนพาผมไปรู้จักกับพี่รักษ์ ซึ่งในช่วงนั้นเวลาผมทำงานเลิกดึกผมจะกลับบ้านที่นครปฐม แต่บางทีรถตู้หมด 3 ทุ่ม บางทีผมเลิกงานกลับบ้านไม่ทันก็ไปอาศัยนอนบ้านเขา ซึ่งเขาอาศัยอยู่บ้านเดียวกันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ผมรู้จักกับพี่รักษ์ครับ

ในคลิปตอนนั้นผม ม.4 จริงๆ ในคลิปที่เห็นนั้นเป็นวันแรกที่ได้เจอกันเลย ผมไปนอนบ้านพี่นิคครั้งแรกก็ร้องเพลงกัน อัดคลิป มันเท่านั้นเองครับวันนั้น”

>> เล่าจุดเริ่มต้นที่เข้าไปร่วมลงทุน Forex3 D
“ในส่วนของจุดเริ่มต้น ก็ต้องยอมรับว่ามันก็เริ่มจากตัวผมนี่แหละครับ ด้วยความที่ ณ ตอนนั้นทุกคนที่อยู่รอบตัวผมทุกคนลงทุนตรงนี้หมด ทุกคนเล่นตรงนี้หมด และผมก็เห็นมาสักพัก ตอนแรกผมก็ไม่ได้มั่นใจแต่เราก็เห็นมาสักพักว่าทุกคนได้จริงๆ และได้กันเป็นระยะเวลานาน

แต่เราก็เห็นมาสักพักว่าทุกคนได้กันจริงๆ และได้กันไปแล้วเป็นเวลานานเป็นปีๆ เราก็รู้สึกว่ามันน่าจะโอเคนะ มันน่าเชื่อถือได้ ณ วันนั้นผมยังไม่ได้มีเงิน เงินก่อนแรกที่ผมเอามาลงผมขอแม่มาลงด้วยซ้ำ จำนวน 50,000 บาท พอเราเริ่มลงไปปั๊บมันก็ได้จริงๆ ในวันแรกมันได้จริงๆ มันได้เรื่อยๆ เราก็รู้สึกว่ามันโอเคนะ ผมก็พยายามที่จะเก็บเงิน งานทุกชิ้นที่ผมทำ รายได้ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม ส่วนใหญ่ผมก็จะยัดกลับคืนเข้าไป ผมรู้สึกว่ามันคือการลงทุน เป็นการออมเพื่ออนาคต”

>ณ วันที่ตัดสินใจลงทุนไปยังไม่มีชื่อเสียงแบบนี้ เผยเอาเงินทั้งชีวิตของครอบครัวมาลงทุน จำนวน 775,000 บาท
“ไม่มีเลยครับวันนั้น ตอนนั้นผมก็เอาเงินจากการเล่นโฆษณา แคสงาน เงินบางส่วนก็เป็นเงินเก็บของแม่ คือเรารู้สึกว่าน่าจะเป็นการลงทุนที่โอเคที่สุด เงินจากส่วนอื่นๆ ที่ผมมี ผมก็เอามาใส่ตรงนี้หมดเลย ตอนนั้นผมเรียกว่ามันเป็นเงินทั้งชีวิตของครอบครัวผมเลยแล้วกัน นั่นคือเงินก้อนใหญ่ก้อนเดียวที่บ้านผมมี แล้วเราก็เสียไปกับตรงนั้นทั้งหมด จำนวน 775,000 บาท เยอะมากๆ ณ วันนั้นมันคือเงินทั้งครอบครัว

พระปัญญาวชิรโมลี แนะจัดการน้ำท่วม-แล้ง สร้าง ‘หลุมขนมครก’ กักเก็บน้ำไม่ ไม่ต้องพึ่งพาเขื่อน

เมื่อวันที่ (29 ก.ย. 65) พระปัญญาวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ได้โพสข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "พระปัญญาวชิรโมลี นพพร" ถึงแนวทางการบริหารจัดการน้ำ ว่า ...

มหัศจรรย์ของศาสตร์พระราชา

น้ำท่วมไม่ใช่ไสยศาสตร์

'สร้างอนาคตไทย' เปิดศูนย์บางขุนเทียน เน้นท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อมและระบบสาธารณสุข

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน 2565 นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ในฐานะประธานภาคกรุงเทพฯ, นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ อดีต ส.ส. กทม.  และทีมงานสร้างอนาคตไทย ได้ร่วมเปิดศูนย์ประสานงานพรรคเขตบางขุนเทียน  ซึ่งมีนายเศรษฐสรร จันทร์ทอง เป็นผู้ประสานงานพรรคในพื้นที่

นายสุรนันทน์ กล่าวว่า วันนี้ขอฝากคนรุ่นใหม่ ไฟแรง นายเศรษฐสรร ให้พี่น้องไว้พิจารณาด้วย ถึงแม้จะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ก็ขยันทำงาน ที่สำคัญเป็นคนในพื้นที่เติบโตและอาศัยมาในเขตบางขุนเทียน จึงมั่นใจว่าจะสามารถเข้ามาเป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้อย่างแน่นอน พื้นที่บางขุนเทียนมีทะเลบางขุนเทียนเป็นจุดเด่นในเรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งสามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้เป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันก็ต้องมีการช่วยกันดูแลในเรื่องของสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะผืนดิน ในเรื่องนี้เราต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา ด้วยการปลูกป่าชายเลน เพราะจะเป็นการสร้างระบบนิเวศชายฝั่งทะเลตามธรรมชาติ และแก้ไขปัญหาการกัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งได้โดยไม่ไปกระทบกับระบบนิเวศ และไม่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ด้วย

'ส.ส.เพื่อไทย' ผนึกกำลังรุดพื้นที่อุบลราชธานี เร่ง 'ช่วยเหลือ-ดูแล' ประชาชนในพื้นที่

ภายหลังจากอิทธิพลของ 'พายุโนรู' ถล่มจังหวัดอุบลราชธานี ส่งผลให้หลายชุมชนถูกน้ำท่วมสูงนั้น ล่าสุด 'สมคิด เชื้อคง’ ส.ส.อุบลราชธานี ได้ลงพื้นที่ อำเภอเดชอุดม อำเภอน้ำยืน และอำเภอสำโรง สำรวจความเสียหายจากพายุโนรู พบนาข้าวจมน้ำนับพันไร่ บ้านเรือนพี่น้องประชาชนหลายสิบหลังคาเรือนจมน้ำ ทางนายอำเภอสุทิน นายกฯ อบต. ท่านณัฐพล และกำนัน ร่วมกันหารือพร้อมช่วยเหลือพี่น้องเต็มกำลัง พร้อมให้กำลังใจให้พี่น้องทุกคนปลอดภัย

ขณะที่ด้าน 'กิตติ์ธัญญา วาจาดี’ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ก็ได้เข้าสังเกตการณ์เฝ้าระวังระดับน้ำที่อำเภอวารินชำราบ ร่วมกับฝ่ายปกครอง และมูลนิธิกู้ภัยสว่างบูชาธรรมอย่างใกล้ชิด พร้อมแสดงความขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมใจดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลัง


ที่มา : https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid0yDAT6hGFCGXoSaRjmrV2YfTJCwDMWbsxQcuSLqeSH6UhBcYj8dQmkrGoSzbmqYuJl&id=100044569743646

https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=pfbid02McKxNsEJv8c9i24osfCXGa17Vjk9utJiS7kVnQVLYUZM3Mea4TgimHLSDgPZQHC1l&id=100044569743646

'รพ.ตร.' ห่วงใยประชาชน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบ้าน ผู้ป่วย เพื่อติดตามอาการ อย่างใกล้ชิด ต่อเนื่อง 

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 65 พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า พยาบาล (สบ 5) รพ.ตร. เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มงานพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ ดำเนินงานติดตามผลการรักษาพยาบาลผู้ป่วยของทางโรงพยาบาลฯ ที่กลับไปรักษาตัวยังบ้านพัก โดยจัดให้มีหน่วยเยี่ยมบ้าน ซึ่งประกอบด้วยบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง

สำหรับหน่วยเยี่ยมบ้านโรงพยาบาลตำรวจ ก่อตั้งครั้งแรกในปี พ.ศ. 2556  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำหน้าที่เยี่ยมบ้านประชาชน ข้าราชการตำรวจ และครอบครัวที่เจ็บป่วยและจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องจาก โรงพยาบาลสู่บ้าน ในรูปแบบองค์รวม ครบทั้ง 4 มิติ ซึ่งได้แก่ 'กาย จิต วิญญาณ สังคม' โดยการนำของ พ.ต.อ.หญิง ยุภาพร ชาตะมีนา พยาบาล (สบ 4) กลุ่มงานพยาบาล โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งยึดหลักการทำงานตามค่านิยมขององค์กร ที่ว่า 'ทำงานเป็นทีม บริการด้วยใจ ได้มาตรฐาน บนพื้นฐานธรรมาภิบาล' ทำงานด้วยความเข้าใจผู้ป่วยอย่างลึกซึ้ง เข้าถึงทุกบ้านอย่างถ้วนหน้า แก้ไขปัญหาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทุกเรื่องของผู้ป่วยเราดูแลด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์

ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา มีผลการดำเนินงาน ในการเยี่ยมบ้านผู้ป่วยทุกสิทธิ รวมจำนวน 2,585 ราย จำแนกเป็น ข้าราชการตำรวจ 553 ราย ครอบครัวตำรวจ 604 ราย พี่น้องประชาชน 1,428 รายกว่าร้อยละ 75 ของจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย, ผู้ป่วยติดเตียง และผู้ป่วยมะเร็งระยะท้าย ต้องการการพึ่งพาจากผู้อื่น

ซึ่งทีมพยาบาลเยี่ยมบ้าน ซึ่งตนประกอบด้วย พ.ต.อ.หญิง ยุภาพร ขาตะมีนา, พ.ต.อ.หญิง ภิญญดา ถนอมกล่อม, พ.ต.ท.หญิง พัชนี พุ่มภักดี, พ.ต.ท.หญิง กาญจนาถ โทนวิรัต, พ.ต.ท.หญิง ภาริตา โพธิ์อ๊ะ, นส.มณีรัตน์ พรมวังขวา และ น.ส.ณัฐพร สังขะวรรณ ได้มีโอกาสลงเยี่ยมบ้านผู้ป่วย ที่เป็นหญิงไทยวัยกลางคน อายุ 43 ปี น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม อาศัยในชุมชนแถวเอกมัย ไม่เคยตรวจสุขภาพ ทำให้ไม่ทราบว่าตนเองป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง กระทั่งป่วยเป็นโรคน้ำกัดเท้าที่เท้าขวา แต่กลับรักษาไม่หายสักที แผลเริ่มลุกลาม เนื้อแผลเปื่อยยุ่ย จนได้มารับการรักษายังโรงพยาบาลตำรวจ แต่เนื่องจากแผลอักเสบลุกลามรุนแรง ประกอบกับผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน คุมน้ำตาลไม่ได้ เพื่อรักษาชีวิตผู้ป่วยไว้ แพทย์จึงต้องตัดขา ผู้ป่วยบริเวณใต้เข่าขวา หน่วยเยี่ยมบ้านได้เยี่ยมติดตามอาการผู้ป่วยตั้งแต่ยังคงพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล และยังคงติดตามเยี่ยมบ้านหลังจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top