Saturday, 20 April 2024
NEWS FEED

"การเดินทางของวัคซีน" จากการวางแผนสู่การปฏิบัติการกระจายวัคซีนไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าหนึ่งในทางออกจากวิกฤตโควิด-19 คือวัคซีน และการที่จะสร้างภูมิคุ้มกันในระดับสูง จำเป็นที่จะต้องมีการฉีดวัคซีนราวหนึ่งหมื่นล้านโดสทั่วโลกภายในสิ้นปี 2564 ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ถึงความท้าทายครั้งใหญ่ด้านลอจิสติกส์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน  สถานการณ์การแพร่ระบาดตอกย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของเครือข่ายลอจิสติกส์ระหว่างประเทศในการรองรับระบบซัพพลายเชนให้ดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องจนถึงการจัดส่งสิ่งของจำเป็นถึงปลายทาง


วันนี้ ประเทศไทยได้รับวัคซีนไฟเซอร์ไบออนเทคแล้วรวม 3.5 ล้านโดส ซึ่งขนส่งโดยดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส โดยในจำนวนนี้เป็นวัคซีน 2 ล้านโดสที่มาถึงไทยในวันที่ 29 กันยายน จนถึงปัจจุบันดีเอชแอลได้จัดส่งวัคซีนโควิด-19 กว่า 1 พันล้านโดสไปยัง 160 ประเทศทั่วโลก นับได้ว่า ดีเอชแอลมีบทบาทสำคัญในการผลักดันเรื่องนี้มาตลอด บริษัทได้ส่งมอบบริการที่รวดเร็ว และน่าเชื่อถือสำหรับการขนส่งวัคซีนซึ่งมีข้อกำหนดที่เข้มงวดในการรักษาระดับอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการเชื่อมต่อผู้คนและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น ดีเอชแอลจะยังเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ (cold chain infrastructure) ทำงานร่วมกับเครือข่ายระดับโลกที่แข็งแกร่ง เพิ่มพูนความรู้ด้านลอจิสติกส์ และประสบการณ์ของพนักงานดีเอชแอลอย่างต่อเนื่อง
โลกจะสามารถเอาชนะการแพร่ระบาดได้เร็วเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับ “การกระจายวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ” ดีเอชแอลดำเนินการอย่างจริงจังตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาในการสร้างและขยายเครือข่ายระดับโลกสำหรับการขนส่งด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพและการสินค้าเพื่อสุขภาพ (Life Sciences & Healthcare - LSH) และตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องเริ่มจริงจังกับการแก้ไขอุปสรรคด้านลอจิสติกส์ในอนาคตอันใกล้

 จากผลการศึกษาของดีเอชแอลเรื่อง Revisiting Pandemic Resilience โครงสร้างระบบลอจิสติกส์และความสามารถในการรองรับสถานการณ์แพร่ระบาดเป็นสิ่งที่ยังคงต้องรักษาระดับคุณภาพไว้ เพราะประชากรโลกยังคงต้องการวัคซีนถึง 7-9 พันล้านโดสในปีต่อๆ ไป เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ และทำให้อัตราการติดเชื้อลดลง รวมถึงชะลอระยะการกลายพันธุ์ของไวรัสที่ไม่รวมการผันผวนที่เกิดขึ้นตามฤดูกาล 

ข้อกำหนดด้านการควบคุมอุณหภูมิที่เคร่งครัด

หนึ่งในความท้าทายสำคัญที่สุดสำหรับการกระจายวัคซีนคือ การขนส่งวัคซีนภายใต้อุณหภูมิที่กำหนด โดยวัคซีนบางยี่ห้อจะต้องจัดเก็บในระดับอุณหภูมิต่ำมากที่ -80°C ซึ่งก่อให้เกิดความท้าทายด้านการขนส่งในระบบซัพพลายเชนทางการแพทย์ที่โดยปกติจะรองรับการจัดส่งวัคซีนที่อุณหภูมิประมาณ 2–8°C และในบางภูมิภาคไม่มีการจัดเก็บที่เอื้ออำนวยต่อการรักษาวัคซีน นอกจากนี้ ดีเอชแอลประเมินว่าจะต้องใช้พาเลทในการขนส่งมากถึง 200,000 พาเลท กล่องเก็บความเย็น 15 ล้านกล่อง และเที่ยวบินขนส่ง 15,000 เที่ยวบินไปยังจุดต่าง ๆ เพื่อรองรับการขนส่งวัคซีนหนึ่งหมื่นล้านโดสตามที่ได้ตั้งเป้าไว้ 

วัคซีนเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูง อ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อม และจำเป็นต้องมีการควบคุมอุณหภูมิอย่างเข้มงวด ซึ่งนั่นหมายถึงความเสี่ยงที่สูงมาก ความผิดพลาดใด ๆ ในขั้นตอนการขนส่ง อาจหมายถึงความสูญเสียชีวิต ดังนั้นการขนส่งวัคซีนจึงต้องมีการประสานงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และต้องอาศัยบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับรายละเอียดต่าง ๆ เช่น การบรรจุหีบห่อ การจัดเก็บ การกำหนดเส้นทางการขนส่งทางอากาศและทางบก การกำหนดกรอบเวลา การเลือกบริษัทขนส่ง ข้อกำหนดการขนย้ายที่เฉพาะเจาะจง และอื่น ๆ

เราใช้จุดแข็งของเราจากการมีช่องทางการขนส่งที่หลากหลาย เช่น บริการจัดส่งพัสดุ บริการขนส่งทางอากาศ และเครื่องบินเช่าเหมาลำ ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านลอจิสติกส์ควบคู่กับการขนส่งด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และเครือข่ายซัพพลายเออร์ที่มีอยู่เพื่อรองรับการขนส่งวัคซีนให้เป็นไปอย่างราบรื่น ตามข้อกำหนดด้านอุณหภูมิอย่างเคร่งครัด เราได้ลงทุนในโครงสร้างการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิเพิ่มขึ้น เช่น การจัดซื้อตู้แช่แข็งสำหรับอุณหภูมิที่ต่ำมาก รวมถึงขยายการให้บริการด้าน LSH, การรับรองจาก IATA CEIV Pharma สำหรับการปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ GxP (การปฏิบัติงานที่เหมาะสม) ในประเทศเยอรมัน 

การจัดส่งเวชภัณฑ์ที่สำคัญไปยังสถานที่และเวลาตามกำหนด เป็นภารกิจที่เราต้องทำให้สำเร็จลุล่วงในแต่ละวัน โดยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญดังกล่าวได้ก่อเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สถานการณ์แพร่ระบาดในปัจจุบันย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นในการมีระบบซัพพลายเชนที่ก้าวล้ำโดยสามารถขนส่ง จัดเก็บยาและเวชภัณฑ์อย่างปลอดภัย และน่าเชื่อถือ  

การกระจายวัคซีนจำเป็นต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม

โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งซึ่งประกอบด้วยเครือข่ายคลังสินค้า และความสามารถด้านการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความต่อเนื่องในการการขนส่งสินค้าเวชภัณฑ์ โซลูชั่นซัพพลายเชนแบบครบวงจร (end-to-end) และการตรวจสอบจำนวนสินค้าแบบเรียลไทม์ นั้นมีความสำคัญมากเพราะทำให้ความต้องการซื้อและความต้องการขายอยู่ในจุดที่สมดุล

เครือข่ายลอจิสติกส์ระดับโลกที่มีความแข็งแกร่ง ผ่านการรับรองตามมาตรฐานการขนส่ง และสามารถจัดเก็บผลิตภัณฑ์ด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ อย่างเช่นวัคซีน มีความจำเป็นเพื่อให้มั่นใจว่าเงื่อนไขต่าง ๆ และการตรวจสอบคุณภาพอยู่ในทุกขั้นตอนของซัพพลายเชน ทีมงานของดีเอชแอลประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้าน LSH กว่า 9,000 คนในเครือข่ายระดับโลก รวมถึงเภสัชกรกว่า 150 คน คลังจัดเก็บสำหรับการวิจัยทางการแพทย์กว่า 20 แห่ง สถานีกระจายสินค้าที่ผ่านการรับรองกว่า 100 แห่ง คลังสินค้าที่ผ่านการรับรอง GDP กว่า 160 แห่ง ศูนย์บริการที่ผ่านการรับรอง GMP กว่า 15 แห่ง และศูนย์บริการขนส่งด่วนทางการแพทย์กว่า 135 แห่ง  ด้วยเครื่องบินที่จัดเตรียมไว้สำหรับภารกิจนี้โดยเฉพาะกว่า 280 ลำ ทั้งจากดีเอชแอล สายการบินมากมายที่เป็นพาร์ทเนอร์ และเครือข่ายเกตเวย์และศูนย์กระจายสินค้าที่ครอบคลุมกว่า 220 ประเทศทั่วโลก ดีเอชแอลจึงพร้อมในการขนส่งวัคซีนโควิด-19 ไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การกระจายวัคซีนเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ครั้งนี้ไม่ใช่การแพร่ระบาดครั้งแรกที่โลกของเราต้องเผชิญ และแน่นอนว่าจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพื่อรองรับการจัดหาเวชภัณฑ์อย่างมั่นคงปลอดภัยทั้งในปัจจุบันและอนาคต รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกจำเป็นต้องสร้างความร่วมมือและมีระบบจัดการวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุข

การระบุและป้องกันวิกฤตการณ์ด้านสุขภาพแต่เนิ่น ๆ เป็นสิ่งจำเป็นโดยต้องอาศัยความร่วมมืออย่างจริงจัง ระบบเตือนภัยทั่วโลกที่จำต้องขยายขอบเขตเพิ่มมากขึ้น แผนป้องกันการแพร่ระบาดที่ครอบคลุม และการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) แบบเจาะจงเป้าหมาย ดีเอชแอลสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในแวดวงวิทยาศาสตร์ชีวภาพและสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ เอ็นจีโอ บริษัทยา ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือบริษัทลอจิสติกส์ เริ่มดำเนินการทันที 

บทความโดย คุณเฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทยและหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีน



 

สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จัดพิธีประกาศเกียรติคุณ สำหรับกำลังพล สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่รับราชการจนเกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ 2564

ในวันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน 2564 เวลา 8.30 น. พลเอก ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีประกาศเกียรติคุณ สำหรับกำลังพลสังกัด สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่รับราชการจนเกษียณอายุราชการ ประจำปีงบประมาณ 2564 เพื่อเป็นการสดุดี แก่ผู้เกษียณอายุราชการ  ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอุตสาหะ วิริยะ ทุ่มเท กำลังกาย กำลังใจ กำลังสติปัญญา บนพื้นฐานของความถูกต้อง ยุติธรรม มาโดยตลอดชีวิตรับราชการ ซึ่งสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้จัดพิธีสวนสนามของกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ สำหรับเทิดเกียรติ ปลัดกระทรวงกลาโหม / รองปลัดกระทรวงกลาโหม / นายทหารชั้นนายพล และกำลังพลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ณ ลานด้านหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ตึกบัญชาการ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน)

 

‘ตุรกี’ ซบ ‘รัสเซีย’ จับมือร่วมพันธมิตรเฉพาะกิจ เคลียร์ปัญหาใจในซีเรีย ดีดสหรัฐฯ ออกนอกวง

เมื่อวันพุธ 29 กันยายน 2021 ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เปิดรีสอร์ทหรูในเมืองโซชิ ต้อนรับการมาเยือนอย่างเป็นทางการของ ประธานาธิบดี ราเซป ไทยิป แอโดแกน ผู้นำตุรกี เป็นการพบหน้าหารือกันเป็นครั้งแรกในรอบ 18 เดือน และในครั้งนี้ถือเป็นการประชุมวาระพิเศษ ที่ทั้ง 2 ผู้นำจะทำข้อตกลงร่วมกันในหลายประเด็น ได้แก่ การซื้อระบบขีปนาวุธ S-400 เสริมกองทัพตุรกี และจับมือกันเพื่อสร้างเสถียรภาพในซีเรีย

หลังจากที่นัดคุยกันเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง แม้จะไม่มีการให้รายละเอียดกับผู้สื่อข่าวถึงเนื้อหาการประชุม แต่เป็นการพบกันด้วยบรรยากาศที่ชื่นมื่น โดยประธานาธิบดีปูตินได้กล่าวขอบคุณผู้นำตุรกีในการมาเยือนครั้งนี้ ที่ได้แลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็นกันที่มีประโยชน์ร่วมกันอย่างมากมาย และจะมีการติดต่อกันเพิ่มเติมหลังจากนี้อีกแน่นอน 

เช่นเดียวกันกับประธานาธิบดีแอโดแกน ก็กล่าวว่าเป็นการพูดคุยอย่างมีเนื้อหาสาระจริงๆ และกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย และตุรกี เริ่มพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ การพูดคุยครั้งนี้ทั้ง 2 ฝ่ายก็จะประนีประนอมเข้าหากันเพื่อให้สามารถบรรลุผลประโยชน์ร่วมกันได้ในที่สุด

แต่ผลประโยชน์อะไรที่ทำให้ทั้งตุรกี และ รัสเซีย พยายามจับมือร่วมกันให้ได้ในวันนี้ 

คำตอบอาจอยู่ที่ "ซีเรีย" 

ซึ่งที่ผ่านมา ปมความขัดแย้งอย่างหนึ่งระหว่างตุรกี และ รัสเซีย ก็เกิดขึ้นที่ซีเรีย โดยเป็นที่รู้กันว่าฝ่ายรัสเซียสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลของประธานาธิบดี บาซาร์ อัล-อาซาด มาโดยตลอด ในขณะที่ตุรกีสนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาล และกองทัพของรัสเซีย ก็เคยปะทะกับฝ่ายกองทัพตุรกีในเมืองอิดลิบของซีเรียมาแล้ว

ถึงแม้จะมีความสัมพันธ์อันคลุมเครือ แต่ก็มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ทั้ง 2 ชาติมีความเห็นตรงกันคือ ไม่อยากให้สหรัฐอเมริกาเข้ามายุ่ง 

เครือข่ายผู้ใช้ไอคอสหนุน รมว DES ปลดล็อกไอคอส ชี้ อย สหรัฐอนุญาต ไอคอส เป็นผลิตภัณฑ์ลดความเสี่ยงขายได้ 67 ประเทศ ไทยไม่ควรเสียโอกาส

เพจมนุษย์ควันหนุน “รมว DES” ปลดล็อกไอคอส ชี้งานวิจัยจากต่างประเทศระบุช่วยลดความเสี่ยงได้เมื่อเทียบกับการสูบบุหรี่ ติงรัฐบาลไม่ควรฟังแต่เหตุผลของกลุ่มรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ แต่ควรศึกษางานวิจัยและแนวทางการควบคุมจากต่างประเทศ ย้ำอยากเห็นผู้แทนในสภาลุกขึ้นสร้างการเปลี่ยนแปลง สร้างโอกาสด้านภาษี และสุขภาพให้กับประเทศไทย 

 

จากการนำเสนอข่าวประชุม ครม. เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา ช่วงการเคาะโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ โดยระหว่างการพิจารณา นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้แสดงความเห็นต่อที่ประชุมว่า ควรพิจารณาใหผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน หรือ “ไอคอส” ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้เป็นจำนวนมาก ให้เป็นของถูกกฎหมาย และเก็บภาษีเข้ารัฐ เพราะในปัจจุบันพฤติกรรมของผู้สูบบุหรี่เปลี่ยนไปและหันไปนิยมบุหรี่รูปแบบใหม่มากขึ้น หากทำให้ถูกกฎหมาย ก็จะช่วยสร้างโอกาสและลดการขาดทุนของการยาสูบแห่งประเทศไทยหากมีการตั้งโรงงาน ช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่ รัฐไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย และสามารถจัดเก็บรายได้ทางภาษีได้มากขึ้น พร้อมหยิบยกผลการวิจัยจำนวนมากที่ระบุว่า ไอคอสมีผลกระทบต่อสุขภาพน้อยกว่าบุหรี่มวน
 
นายสาริษฎ์ สิทธิเสรีชน แอดมินเพจเฟซบุ๊ก “มนุษย์ควัน” ซึ่งมีผู้ติดตามประมาณเกือบ 30,000 คนเผยว่า “ผมว่าคนไทยดีใจและไม่แปลกใจที่ รมว ชัยวุฒิ หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมานำเสนอ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าแม้ไอคอสจะยังผิดกฎหมายแต่ในประเทศไทยมีผู้ใช้ไอคอสจำนวนมาก ไม่น่าจะต่ำกว่า 1-2 แสนคน แถมยังเป็นที่นิยมในกลุ่มนักการเมือง ทั้ง ส.ส. ในสภา และรัฐมนตรีเองก็เป็นผู้ใช้กันหลายคน แต่รัฐบาลกลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น” 


 
“ทุกวันนี้ผลิตภัณฑ์นี้ มีวางขายอย่างถูกกฎหมายเกือบ 70 ประเทศทั่วโลก ในญีปุ่นและเกาหลีก็หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ เช่น 7-eleven และเมื่อเดือน ก.ค. 63 องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (US-FDA) ก็ได้อนุญาตให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน สามารถสื่อสารในฐานะผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ลดการได้รับสารที่เป็นอันตราย จากการขออนุญาตผลิตภัณฑ์ยาสูบลดความเสี่ยงที่เรียกว่า MRTP ว่าไม่มีการเผาไหม้ ลดการเกิดสารเคมีที่ก่อให้เกิดอันตรายอย่างมีนัยยะสำคัญ และถ้าเปลี่ยนจากการสูบบุหรี่แบบเดิมมาใช้ ก็จะสามารถลดการได้รับสารอันตรายลงได้อย่างมาก”
 
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทางสาธารณสุขและแพทย์ยังยืนยันว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีความอันตรายอยู่ ท่ามกลางข้อถกเถียงของสังคมในปัจจุบัน เพราะมีการออกมาเรียกร้องให้บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เหล่านี้ถูกกฎหมาย และมีการศึกษาวิจัยถึงผลกระทบอย่างจริงจัง เนื่องจากข้อมูลที่มีการเผยแพร่ในประเทศไทยและข้อมูลที่ในต่างประเทศขาดความสอดคล้องกัน

ส่งมอบตำแหน่ง “ผบ.ทร.-ผบ.ทอ”ด้าน “บิ๊กอุ้ย”เผยโควิดทำพิษไร้โอกาสแจง งบฯทร.จำกัดทำโครงการใหญ่ยาก ส่งต่อข้อมูลเรือดำน้ำ”บิ๊กเฒ่า”/ “แอร์บูล” เชื่อมือ “บิ๊กป้อง”นำทัพอากาศ มีความจงรักภักดี จัด C-130  บินFly By เป็นครั้งแรก 

มีการจัดพิธีการส่งมอบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.) ที่บริเวณท้องพระโรงกองทัพเรือ(วังเดิม)เนื่องจากยังเป็นช่วงเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด-19 ก่อนพิธี พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ได้เชิญสื่อเพื่อพบปะพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงในเวลาสั้นกระชับ มีการตรวจเอทีเค และเว้นระยะห่างในการสนทนา ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการส่งมอบหน้าที่

พล.ร.อ.ชาติชาย กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19ที่รุนแรงทำให้ไม่ได้เจอสื่อ วันนี้ส่งมอบตำแหน่งให้ ผบ.ทร.คนใหม่จะได้นำข้อมูลต่างๆ มอบให้ท่านไป เผื่อท่านจะใช้ทำอะไร หรือไว้ชี้แจง แต่ขอขอบคุณสื่อที่ให้ความร่วมมือด้วยดีตลอดมา

พล.ร.อ. ชาติชาย พูดคุยกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ผ่านมา ทร.ถูกโจมตีหลายเรื่อง เช่นโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามระบบและ เนื่องด้วยงบฯจำกัดไม่สามารถทำโครงการใหญ่ได้ เราก็หันมาช่วยกำลังพลชั้นผู้น้อย และดูแลในเรื่องสุขภาพของข้าราชการทหารเรือที่อายุ50 ขึ้นไป

จากนั้น เวลา 14.09 น. พล.ร.อ. ชาติชาย  ได้ส่งมอบหน้าที่ ให้แก่ พล.ร.อ.สมประสงค์  นิลสมัย  ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ โดยทหารกองทหารเกียรติยศได้ทำการยิงสลุต จำนวน 19 นัด บริเวณป้อมวิชัยประสิทธิ์ภายในพระราชวังเดิม เพื่อเทิดเกียรติ ให้แก่ พล.ร.อ.ชาติชาย  ก่อนที่จะอำลาชีวิตการรับราชการ


          
วันเดียวกันที่โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทร์กษัตริย์ตราธิราช พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ส่งมอบหน้าที่และการบังคับบัญชาในตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้  บิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์  เป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ คนที่28 โดยมีเครื่องบิน C130’จากฝูง 604 Lucky เป็นกองบิน6 บินอำลา  พลอากาศเอก แอร์บูล  หลังส่งมอบหน้าที่ ผบ.ทอ. ก่อนเดินทางกลับ

ทั้งนี้ พล.อ.อ.แอร์บูล กล่าวตอนหนึ่งว่า  ผบ.ทอ.คนใหม่เป็นผู้ที่มีประสบการณ์การบินและในด้านการบริหาร และวิทยาการแขนงต่างๆ เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรม จริยธรรม ยุติธรรมและมีจิตใจโอบอ้อมอารี เชื่อว่าเมื่อได้เป็นผู้บัญชาการทหารอากาศจะเทิดทูนปกป้องสถาบันชาติศาสนา พระมหากษัตริย์และจะสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กองทัพอากาศเป็นกองทัพชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน 

'บิณฑ์' ชวนคนรักสถาบันฯ คลิก Like 'ดุจดั่งสายฟ้า' เพลงดีที่ 'ตูน' ร้อง!! แต่ 3 นิ้ว ไล่รุมแบน

(30 ก.ย. 64) บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า... 

“ตอนนี้ มีคนไม่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ 
กำลังปั่นรุมถล่มกด Unlike เพลง ‘ดุจดั่งสายฟ้า’ 
จนยอด Unlike เยอะกว่ายอด Like เยอะมาก
จึงขออนุญาต ขอพลัง ‘คนรักในแผ่นดินไทย ในสถาบัน อันเป็นที่รักของเรา’ 
เข้าไปกดเพิ่มยอดไลค์ (กดนิ้วโป้ง) สู้หน่อยครับ 
เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี ต่อผืนแผ่นดินไทยที่บรรพบุรุษได้รักษามา เพื่อลูกหลานคนไทยครับ”

ตำรวจนครบาล จับแล้วมือยิงเด็ก 15 ใกล้ สน.ดินแดง เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับเป็นบุคคลในภาพวงจรปิด เผย มูลเหตุไม่พอใจม็อบวุ่นวาย ไม่พบเชื่อมโยงตร.

30 ก.ย. 64 - พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผย รายละเอียดการจับกุมนายชุติพงษ์ หรือ แบ้งค์ ทิศกระโทก อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับฐานพยายามฆ่าผู้อื่น และ ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน จากการถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเยาวชนชายอายุ 15 ปี ระหว่างการชุมนุมบริเวณหน้า สน.ดินแดง จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และยังอยู่ในอาการโคม่าขณะนี้ ว่า หลังก่อเหตุผู้ต้องหาได้หลบหนีไปหลบซ่อนตัวที่จังหวัดกาญจนบุรี จนวันนี้ ตำรวจสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ติดตามจับกุมตัวมาส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ดำเนินคดีตามกฎหมาย 

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงพื้นที่ 50 เขตกรุงเทพฯ แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค รวมมูลค่า 15 ล้านบาท เนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2564

ระหว่างวันที่ 4 กันยายน – 2 ตุลาคม 2564  มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดยนายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ  จัดคาราวานเครื่องอุปโภคบริโภค นำทีมโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วยนายพินัย ศรีพนาสณฑ์ ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค เนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2564  ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำมันพืช น้ำปลา น้ำพริก เจลแอลกอฮอล์ บรรจุถุงผ้าดิบ พร้อมเงินสดที่ในปีนี้กลุ่มบริษัท นันยางเท็กซ์ไทล์ จำกัด ได้ร่วมบริจาคทำบุญ นำออกแจกจ่ายให้กับประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร  (รวม 50 เขต) เขตละ 500 ชุด รวมจำนวน 25,000 ชุด รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 15 ล้านบาท  

โดยมีอาสาสมัครกิตติมศักดิ์  และอาสาสมัครศิลปิน นำโดย นางศิริพร โอภาสวงศ์ อาสาสมัครกิตติมศักดิ์  นายกวินรัฏฐ์ ยศอมรสุนทร (หยวน-กวินรัฏฐ์) นางสาวธวนัฏฐิตา ฐานวิเศษ (เมย์-ธวนัฏฐิตา) นางสาวพรชดา วราพชระ (มะเหมี่ยว-พรชดา) และนายวาทิต โสภา(วินน์-วาทิต) อาสาสมัครกู้ภัยเขตต่างๆ ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคพร้อมให้กำลังใจแก่ประชาชน พร้อมด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานรัฐเป็นผู้จัดเตรียมพื้นที่แต่ละเขต และร่วมแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคในพื้นที่



และในวันนี้ (วันที่ 30 กันยายน 64) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายพินัย ศรีพนาสณฑ์ ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์  พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกสังคมสงเคราะห์ นำทีมลงพื้นที่เขตบางพลัด และเขตบางรัก รวม 2 เขต รวมจำนวนถุงยังชีพ 1,000 ชุด คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 600,000 บาท (หกแสนบาทถ้วน) 



สำหรับการแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค เนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2564 นี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งจึงได้ประสานงานกับสำนักงานเขตทุกเขต ในการกำหนดวัน จัดเตรียมสถานที่และชุมชนในพื้นที่ เพื่อจัดระเบียบ ตั้งจุดคัดกรองประชาชนในแต่ละจุดตามหลักการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)  รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่และกำลังอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ทยอยลงพื้นที่เพื่อแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร (รวม 50 เขต) เขตละ 500 ชุด รวมจำนวน 25,000 ชุด รวมมูลค่าเป็นเงินทั้งสิ้น 15 ล้านบาท  

สธ. ไฟเขียวขาย ATK ผ่านร้านค้า - ออนไลน์แล้ว ย้ำ! ต้องมีฉลากภาษาไทย และได้รับอนุญาตอย.

30 ก.ย. 64 - นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลมีนโยบายผ่อนคลายสถานประกอบการต่างๆ แต่ยังคงยกระดับมาตรการความปลอดภัย (COVID Free Setting) ซึ่งประชาชนมีความจำเป็นต้องใช้ชุดตรวจ ATK ในการคัดกรองการติดเชื้อโควิด-19 ด้วยเหตุนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาช่องทางการจำหน่ายชุดตรวจเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงชุดตรวจ ATK ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว จึงได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ อนุญาตให้ชุดตรวจโควิด-19 แบบตรวจหาแอนติเจนด้วยตนเอง หรือ ATK Self Test สามารถจำหน่ายได้ทั่วไปตามร้านค้าและช่องทางออนไลน์ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2564 

รมว.พม. รับข้อเสนอการพัฒนาเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นระบบบำนาญประชาชนจากเครือข่ายภาคประชาชน ย้ำยังได้รับสิทธิเหมือนเดิม

นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) รับหนังสือข้อเสนอเรื่องการพัฒนาเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นระบบบำนาญประชาชน จากตัวแทนเครือข่ายสลัม 4 ภาค และเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ โดยมีผู้ร่วมชุมนุมเรียกร้อง จำนวน 300 คน ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กทม.

นายจุติ กล่าวว่า วันนี้เครือข่ายภาคประชาชนที่ติดตามนโยบายสวัสดิการสังคมของภาครัฐ ได้มายื่น 5 ข้อเสนอ ได้แก่ 1.ให้รัฐบาลยกระดับและพัฒนานโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นระบบบำนาญประชาชน เพื่อเป็นหลักประกันรายได้พื้นฐานและเป็นสิทธิสวัสดิการถ้วนหน้าขั้นพื้นฐานของประชาชน อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยใช้อัตราไม่ต่ำกว่าเส้นความยากจน ผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงน้อยจากการตกหล่นจากระบบคัดกรองความยากจน  2.การกำหนดอัตราเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับเกณฑ์รายได้ที่เพียงพอแก่การยังชีพ ซึ่งต่ำกว่าเส้นความยากจน 3 - 5 เท่า จากข้อมูลเฉลี่ยทั่วประเทศ 2,763 บาทต่อคนต่อเดือน ปี 2,562 และอัตราเบี้ยยังชีพ ทั้งนี้ ผู้สูงอายุไม่มีการปรับขึ้นมานับตั้งแต่ ปี 2554  3.ให้คณะกรรมการผู้สูงอายุนำ ร่าง พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติ พ.ศ.... ฉบับประชาชน และ ผู้สูงอายุ และบำนาญพื้นฐานแห่งชาติ ฉบับที่... พ.ศ... ของคณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม มาพิจารณา เพื่อให้เกิดการพัฒนานโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นกฎหมายบำนาญประชาชน 4.ให้คณะอนุกรรมการกำหนดนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ (ใหม่) ยกเลิกแนวทางการกำหนดการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะให้จัดสรรเบี้ยยังชีพเฉพาะกลุ่มคนยากจน หรือพิจารณาจากเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ โดยผู้ที่ได้รับต้องแสดงตัวตนและรายได้ และประกาศรายชื่อให้สาธารณชนรับรู้  และ 5.ให้เปิดเผยการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ  และคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง ให้สาธารณชนได้รับทราบ

นายจุติ กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นของประชาชนทุกท่าน ซึ่งเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ตนได้ลงมารับหนังสือกับตัวแทนเครือข่ายสลัม 4 ภาค และได้เสนอไปว่าให้นำผลดี ผลเสีย ผลกระทบของแต่ละข้อมาเสนอในวันนี้ โดยตนจะนำไปอ่านและส่งให้กับคณะอนุกรรมการกำหนดนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่กำลังศึกษาเรื่องนี้ ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ต้องนำไปเสนอยต่อคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ จากนั้น จะเสนอความเห็นไปยังคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป  หากจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกฎหมายจะต้องเสนอกลับเข้าไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระบวนการนี้ไม่สามารถตัดสินใจเพียงผู้เดียวได้ สำหรับวันนี้ทุกคนได้มายื่นหนังสือแล้ว หากตนมีข้อสงสัยหรือหารือเพิ่มเติม จะขอเรียนเชิญท่านมาพูดคุยกัน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top