Tuesday, 1 July 2025
ECONBIZ NEWS

รัฐบาลหนุนไมโคร-เอสเอ็มอีเข้าถึงสภาพคล่อง บสย.ปรับเกณฑ์ค้ำประกันเป็น 100% เพิ่มความมั่นใจให้ธนาคารปล่อยกู้พ.ร.ก.สินเชื้อฟื้นฟู อนุมัติแล้ว 1.08 แสนลบ.

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยตัวเลขการปล่อยสินเชื่อภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564 หรือ ที่เรียกว่าพ.ร.ก.สินเชื้อฟื้นฟู ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ณ วันที่ 8 ตุลาคม 2564 แบ่งเป็น 1. โครงการสินเชื่อฟื้นฟู มีสินเชื่อได้อนุมัติแล้วจำนวน 1.08 แสนล้านบาท  ผู้ได้รับความช่วยเหลือจำนวน 3.5หมื่นราย (เดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 7.8 หมื่นล้านบาท 2.5 หมื่นราย) คิดเป็นวงเงินอนุมัติเฉลี่ยจำนวน 3.07 ล้านบาท/ราย โดยประมาณร้อยละ 45  ของผู้ได้รับความช่วยเหลือทั้งหมดเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และ 2. โครงการพักทรัพย์ พักหนี้  มีมูลค่าสินทรัพย์ที่ได้รับโอนแล้ว 1.5 หมื่นล้านบาท ช่วยเหลือไปแล้ว 112  ราย (เดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 1 พันล้านบาท มี 16 ราย) รวมทั้งยังมีผู้ประกอบการที่สนใจรายอื่น ๆ อยู่ระหว่างการเจรจาด้วย 

ขณะเดียวกัน การค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอี ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) คาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้ ยอดการค้ำประกันจะเกิน 2 แสนล้านบาท โดยประมาณ 1 แสนล้านบาท มาจากการค้ำประกันสินเชื่อฟื้นฟูของ ธปท. และอีกประมาณ 8-9หมื่นล้านบาท มาจากการค้ำประกันตามปกติของบสย. ทั้งนี้บสย.เพิ่งได้ขยายกรอบวงเงินค้ำประกันสินเชื่อฟื้นฟูของ ธปท.ออกไปอีก 1 แสนล้านบาท และปรับหลักเกณฑ์ให้เปิดกว้างมากยิ่งขึ้นเพื่อช่วยผู้ประกอบการกลุ่มไมโคร และ กลุ่มเอสเอมอีที่เปราะบาง ได้ลดภาระต้นทุนค่าธรรมเนียม และเพิ่มโอกาสได้วงเงินสินเชื่อเพิ่ม ซึ่งรายละเอียดประกอบด้วย

1. ปรับลดค่าธรรมเนียมค้ำประกันทันทีตั้งแต่ปีแรก สำหรับผู้ประกอบการกลุ่มไมโคร และ กลุ่มเอาเอ็มอีเปราะบาง จ่ายเริ่มต้นเพียง 1% ต่อปีต่อเนื่อง 4 ปีแรก รวม 13% ตลอดระยะเวลา 10 ปี 
2. เพิ่มโอกาสผู้ประกอบการกลุ่มไมโคร และกลุ่มเอสเอ็มอีเปราะบาง ได้รับวงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้นสูงสุด 50 ล้านบาทต่อราย
3. เพิ่มความมั่นใจให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อโดย บสย. จ่ายค่าประกันชดเชยเต็ม 100% ในกลุ่มไมโครจากเดิม 90%  และ กลุ่มเอสเอ็มอีเปราะบาง จากเดิม 80%  

กพร. ปัด เอื้อประโยชน์บริษัท อัคราฯ ปมออกอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำ

กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ปฏิเสธการเอื้อผลประโยชน์ให้กับบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) กรณีอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำ ยันดำเนินการทุกขั้นตอนตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพิจารณาผลกระทบในมิติต่าง ๆ อย่างรอบคอบแล้ว

นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงกรณีที่ตัวแทนกลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษให้กับ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 44 แปลง โดยมองว่าเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มีลักษณะเป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับบริษัท อัคราฯ เพื่อไม่ให้เกิดการประมูลตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ กพร. ขอชี้แจงว่า 

การอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำของบริษัท อัคราฯ เป็นการอนุญาตตามคำขอเดิมที่บริษัท อัคราฯ ได้ยื่นไว้ตั้งแต่ปี 2546 และ 2548 แต่ด้วยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 72/2559 ระบุให้ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำทุกรายทั่วประเทศ ระงับการประกอบกิจการไว้เป็นการชั่วคราว รวมถึงให้ระงับการอนุญาตสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำไว้ จนกว่าคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ (คนร.) จะมีมติเป็นอย่างอื่น ซึ่งต่อมาในเดือนสิงหาคม 2560 คนร. มีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถพิจารณาอนุญาตประกอบกิจการสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำได้ภายใต้ พ.ร.บ. แร่ พ.ศ. 2560 และกรอบนโยบายและแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ทองคำ พ.ศ. 2560 

อสังหาฯ ยังซมพิษโควิด ลุ้นอีก 6 เดือนข้างหน้าค่อย ๆ ฟื้น

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยังคงชะลอตัวลง และตั้งแต่ต้นปี 2563 จนมาถึงไตรมาส 3 ปี 2564 โดยค่าดัชนีไตรมาสนี้ยังต่ำกว่าระดับ 50.0 หลังจากจากการบังคับใช้มาตรการควบคุม LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทยในไตรมาส 2 ปี 2562 รวมทั้งประเทศไทยต้องประสบกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญอย่างมากที่ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทาน 

ทั้งนี้ในไตรมาส 3 ปี 2564 สถานการณ์การระบาดของโควิดมีความรุนแรงมากขึ้น เห็นได้ชัดเจนจากตัวเลขผู้ติดเชื้อเฉลี่ยรายวันอยู่ที่ประมาณ 15,000 คนต่อวัน และมีการล๊อคดาวน์ในบางพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศที่มีการล๊อคดาวน์อีกครั้งตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมจนถึงเดือนกันยายน 2564 ทำให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรงและยังคงทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยมีความวิตกกังวลต่อผลกระทบของสถานการณ์ดังกล่าวในภาวะปัจจุบันเป็นอย่างมาก

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ – ปริมณฑล ในภาพรวมอีก 6 เดือนข้างหน้ามีค่าเท่ากับ 57.2 เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ระดับ 50.5 และมีการเพิ่มขึ้นในทุกปัจจัยสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นต่อการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอีก 6 เดือนข้างหน้าในเชิงบวกเพิ่มขึ้นมากจากไตรมาสก่อนหน้า อาจเป็นเหตุผลจากการที่รัฐบาลประกาศให้บริการวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือเข็มที่ 3 โดยไม่มีค่าใช้จ่าย 

รวมทั้งการที่ประเทศไทยได้รับบริจาควัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐอเมริกาโดยเร่งฉีดให้บุคลากรด่านหน้า กลุ่มเปราะบาง และนักเรียนที่มีอายุอยู่ในช่วง 12 -18 ปี โดยรัฐบาลตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ครบสองเข็มให้ได้ 70% ของประชากรทั้งประเทศภายในสิ้นปีนี้ และศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ได้มีการเสนอต่อ ครม. ออกมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ โดยเห็นชอบร่างแก้ไขกฎหมาย ขยายเพดานให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โดยขยายเพดานให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดได้เกิน 49% ตลอดจนให้สิทธิ์เพิ่มที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว เพื่อให้สิทธิ์นักลงทุนต่างชาติ เข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยและนำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น 

โฆษกรัฐบาล เผย โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 3 เปิดจองโรงแรม/ที่พักแล้ววันนี้! พร้อมเพ็คเกจ “ทัวร์เที่ยวไทย” 1 ล้านสิทธิ เริ่ม Check-In วันแรก 15 ต.ค. เป็นต้นไป 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 พร้อมเปิดให้ประชาชนจองโรงแรม/ที่พักแล้ว หลังจากที่มีการเปิดลงทะเบียนเมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา จำนวน 2 ล้านสิทธิ โดยประชาชนสามารถจองโรงแรม/ที่พักได้ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม – 23 ตุลาคม 2564 เข้าพักได้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป และจะสิ้นสุดโครงการวันที่ 31 มกราคม 2565 โดยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน  รัฐบาลจะสนุนค่าโรงแรม 40% ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน ทั้งนี้ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน จำกัดสิทธิคนละไม่เกิน 15 ห้อง หรือ 15 คืน พร้อมสนับสนุนส่วนลด e-voucher คูปองอาหาร/ท่องเที่ยวมูลค่า 600 บาท ต่อห้องต่อคืน เมื่อเข้าพัก Check-In ที่โรงแรม

โดยคูปองอาหาร/ท่องเที่ยว สามารถใช้ได้ที่ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ ประชาชนชำระ 60% และรัฐบาลสนับสนุนอีก 40% ผ่านการตัดเงินจากคูปอง ทั้งนี้ รัฐบาลยังสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 2 สิทธิผู้โดยสาร ต่อ 1 ห้องโรงแรมที่จอง 40% ของราคาค่าตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 2,000 บาท ต่อผู้โดยสาร พร้อมมีสิทธิเพิ่มเติมสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินเท่ากับ 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อผู้โดยสาร เมื่อเดินทางท่องเที่ยวไปยัง ภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย อีกด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับโครงการทัวร์เที่ยวไทย มีบริษัททัวร์สมัครลงทะเบียนเพิ่มขึ้นจำนวนกว่า 366 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 28 กันยายน 2564) โดยประชาชนสามารถเริ่มจองแพ็คเกจทัวร์ได้ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2564 – 31 มกราคม 2565 ผ่านผู้ประกอบการนำเที่ยวโดยตรง ใช้ได้ 1 สิทธิต่อ 1 คน จองแพ็คเกจก่อนเดินทางล่วงหน้า 7 วัน ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนค่าแพ็คเกจท่องเที่ยว 40% ไม่เกิน 5,000 บาทต่อสิทธิ จำนวน 1 ล้านสิทธิ 

‘รมว.ท่องเที่ยว ยัน 1 พ.ย. เปิดกทม.และ 4 จังหวัด รับต่างชาติ พร้อมตั้งธงปี 65 คืนชีพรับนักท่องเที่ยว 15 ล้านคน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า คาดการณ์เป้าหมายรายได้รวมของภาคการท่องเที่ยวในปี 2565 อยู่ที่ 1.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย จำนวน 15 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 6 แสนล้านบาท ส่วนตลาดไทยเที่ยวไทย เกิดการเดินทาง 160 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ประมาณ 8 แสนล้านบาท ซึ่งหากประเมินในแง่รายได้ของตลาดรวมจะคิดเป็น 50% ของปีปกติก่อนเกิดการระบาดโควิด-19 หรือปี 2562 ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวรวมอยู่ที่ 3.4 ล้านล้านบาท โดยในปี 2564 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ตั้งเป้ารายได้รวมจากการท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศที่ 8.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 แสนล้านบาท ส่วนนักท่องเที่ยวในประเทศ อยู่ที่ 5.5 แสนล้านบาท

นายพิพัฒน์กล่าวว่า การระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยทั้งระบบ อาทิ โรงแรม ขนส่ง บริษัทนำเที่ยว นวดสปา ซึ่งคิดเป็น 17% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ไทย เนื่องจากการเดินทางท่องเที่ยวหายไป ทั้งตลาดไทยเที่ยวไทย และตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยจากข้อมูลพบว่า การเดินทางของคนไทยหายไป 84.75% ส่วนต่างชาติหายไปกว่า 99.98% กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ร่วมกับ ททท. ในการจัดทำแผนขับเคลื่อนเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามนโยบายเปิดประเทศใน 120 วันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

เชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย. 2564 อยู่ที่ระดับ 41.4 ปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการ โดยอนุญาตให้เปิดกิจการ/กิจกรรมต่างๆได้มากขึ้น นอกจากนี้สถานการณ์ระบาดของโควิดในประเทศก็ดีขึ้น โดยจำนวนผู้ได้รับวัคซีนต้านโควิดเพิ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม และคาดว่าจะฉีดได้ครบ 70% ของประชากร ตามเป้าหมายภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อรายวันมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

สำหรับปัจจัยบวกคือ การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด เพื่อให้ธุรกิจและประชาชนสามารถดำเนินชีวิตและประกอบธุรกิจได้ใกล้เคียงปกติ รวมทั้งขยายเวลาเคอร์ฟิวออกไปเป็น 22.00-04.00 น. โดยเริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป การฉีดวัคซีนของโลกและการฉีดวัคซีนในประเทศที่เริ่มเป็นรูปธรรมและปรับตัวดีขึ้น ภาครัฐดำเนินมาตรการเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประกอบด้วย โครงการเราชนะ ม.33 เรารักกัน คนละครึ่งเฟส 3 ยิ่งใช้ยิ่งได้ และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 เป็นต้น

ขณะที่ปัจจัยลบได้แก่ ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน ความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังส่งผลกระทบต่อกากรดำเนินชีวิต ธุรกิจ และภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ระดับระคาน้ำมันขายปลีกในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมือง ผู้บริโภค มีความรู้สึกว่าเศรษฐกิจยังชะลอตัวลง ตลอดจนค่าครองชีพและราคาสินค่ายังทรงตัวในระดับสูง ดัชนี SET INDEX ปรับตัวลดลง 33.07 จุด และ เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย

กรมบัญชีกลางเปิดผลเบิกจ่ายงบปี 64 อยู่ที่ 98.89%

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้เร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 – 30 ก.ย. 2564) โดยมีผลการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จำนวน 3,249,520 ล้านบาท คิดเป็น 98.89% แบ่งเป็น รายจ่ายประจำ 2,652,607 ล้านบาท คิดเป็น 98.92% และรายจ่ายลงทุน 596,913 ล้านบาท คิดเป็น 98.78% สำหรับผลการใช้จ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี จำนวน 202,975 ล้านบาท คิดเป็น 99.07% 

สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ.2565 และในวาระที่กรมบัญชีกลางครบรอบ 131 ปี กรมบัญชีกลางมีแนวทางในการพัฒนาการดำเนินงานในด้านต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะพิจารณาปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบวิธีปฏิบัติด้านการเงินการคลังภาครัฐ ให้มีความคล่องตัวในการปฏิบัติงานมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่รวดเร็ว โปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีประสิทธิภาพ ภายใต้บริบทของความถูกต้องและเป็นธรรม 

อธิบดีกรมสวัสดิ์ ฯ ยัน ช่วยเหลือลูกจ้าง บ.บริลเลียนท์ เต็มที่ ทั้งเรื่องการจ่ายเงินเยียวยาและดำเนินคดีนายจ้าง 

นายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่พนักงานบริษัท บริลเลียนท์ อัลไลแอนซ์ ไทย โกลบอล จำกัด และตัวแทนสหภาพแรงงานไทรอัมพ์อินเตอร์เนชั่นเนลแห่งประเทศไทยผู้ประกอบกิจการผลิตชุดชั้นในสตรี จ.สมุทรปราการ ถูกเลิกจ้าง เนื่องจากปิดกิจการและไม่ได้รับเงินชดเชย ได้ไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลนำงบกลางมาจ่ายค่าชดเชยให้ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างและได้ยื่นหนังสือขอให้ทบทวนการจ่ายเงินสงเคราะห์ลูกจ้าง ผ่านนายสุเทพ อู่อ้น ประธานกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี นั้น ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้สั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้จ่ายเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างเมื่อวันที่ 28 เม.ย.- 11 ส.ค.64 ให้แก่ลูกจ้าง 1,231 คน รวมเป็นเงิน 22,321,856 บาท ได้สั่งการให้สำนักงานประกันสังคม จ่ายเงินประกันการว่างงาน 65,540,768 บาท และกรมการจัดหางาน จัดตำแหน่งงานว่างรองรับ 1,834 ตำแหน่ง 

นายนิยม กล่าวต่อว่า รัฐบาล โดยท่านนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยใส่ใจพี่น้องแรงงานทุกคน ทุกกลุ่ม และได้สั่งการให้ท่านสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้จ่ายเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างโดยเร็ว วันนี้ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวแล้ว

นอกจากนี้ ในส่วนของเงินประกันการว่างงานของประกันสังคม ท่านสุชาติ ยังได้ดำเนินการให้มีการแก้ไขระเบียบให้สามารถจ่ายเงินประกันสังคมได้ก่อนที่จะจบกระบวนการศาล ซึ่งแต่เดิมการที่จะจ่ายเงินประกันการว่างงานให้กับผู้ใช้แรงงานในกรณีที่มีคดีฟ้องร้องในชั้นศาลจำเป็นจะต้องให้กระบวนการศาลจบเรียบร้อยก่อน 

ออมสิน พักหนี้ ช่วยเหลือลูกหนี้เจอน้ำท่วม

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า  ธนาคารออมสินได้ออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม สำหรับลูกค้าสินเชื่อทุกประเภทของธนาคาร โดยให้พักชำระหนี้ เงินต้นและดอกเบี้ยนาน 3 เดือน (ยกเว้นสินเชื่อธุรกิจวงเงินเกิน 100 ล้านบาท) ที่มีที่อยู่อาศัย ที่ทำงาน หรือสถานประกอบธุรกิจอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและมีประกาศของทางราชการให้เป็นพื้นที่ประสบภัย รวมถึงลูกค้าที่พักชำระหนี้มาตรการอื่น ๆ ของธนาคารอยู่แล้ว และได้รับผลกระทบน้ำท่วมครั้งนี้ สามารถขอเข้ามาตรการดังกล่าวนี้ได้ โดยให้ติดต่อสาขาธนาคารออมสินที่มีบัญชีสินเชื่ออยู่ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2564

ทั้งนี้ หลังครบกําหนดผ่อนผันพักชำระหนี้ 3 เดือนแล้ว ให้ชําระเงินงวดตามสัญญาเดิม หากยังไม่สามารถชำระหนี้ต่อได้ ขอให้ปรึกษากับเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่อขอปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือเข้ามาตรการอื่นที่ธนาคารมีอยู่ได้ ซึ่งธนาคารได้มีการผ่อนปรนเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานกาณ์ต่าง ๆ ทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19             

รัฐบาลสั่งเตรียมพร้อมฟื้นท่องเที่ยว เร่งจัดกิจกรรมหนุนคนเดินทาง

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล ได้มอบหมายกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เร่งเตรียมความพร้อมรองรับการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว ทั้งรับนักท่องเที่ยวในประเทศและจากต่างประเทศ โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศในช่วงไฮซีซั่น ในไตรมาสสุดท้ายของปี 64 และไตรมาสแรกของปี 65 โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นอย่างต่อเนื่อง 

ล่าสุด กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และททท. ได้จัดโครงการเที่ยวบินพิเศษ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางภายในประเทศ โดยร่วมกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย นำคณะภาครัฐและเอกชน เดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการ และขยายไปยังพื้นที่อื่นๆที่เปิดรับนักท่องเที่ยวในระยะที่ 2 ซึ่งนอกจากเชียงใหม่แล้วยังมี กรุงเทพฯ ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) เพชรบุรี (ชะอำ) และชลบุรี (พัทยา บางละมุง สัตหีบ) ต่อไป และตั้งแต่กลางเดือนต.ค.64 เป็นต้นไปสายการบินแอร์เอเชียจะเพิ่มเที่ยวบินไปยังพื้นที่ท่องเที่ยวทั้งเชียงใหม่ ภูเก็ต และหัวหิน เพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น หลังโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และทัวร์เที่ยวไทยเริ่มแล้ว


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top